ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 122
122: เมิ่งเชียนเซวี่ย!
พื้นที่ทั้งหมดของหอคัมภีร์กว้างใหญ่นับหมื่นลี้ ส่วนคัมภีร์แยกย่อยประเภทต่าง ๆ มีจำนวนหลักพันวิถี ประกอบด้วยหอคัมภีร์วิทยายุทธ์ หอคัมภีร์เคล็ดวิชา หอคัมภีร์อาคมเต๋า หอคัมภีร์เคล็ดเต๋า ทั้งสี่สถานที่นี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณเจ็บสิบส่วน นอกเหนือจากนั้นคือหอคัมภีร์ประเภทอื่น
หอคัมภีร์วิทยายุทธ์ หอคัมภีร์เคล็ดวิชา หอคัมภีร์อาคมเต๋า หอคัมภีร์เคล็ดเต๋า ทั้งสี่หอนี้ดึงดูดผู้คนได้มากที่สุด ทุกวันจะมีศิษย์จำนวนนับพันเข้าออกเพื่อศึกษาคัมภีร์ ส่วนหอคัมภีร์มหัศจรรย์ที่เซียวฮั่นอยู่ขณะนี้ เป็นหอคัมภีร์ที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด เพราะเป็นแหล่งจดบันทึกเรื่องราวมหัศจรรย์ของเก้ามหาทวีป ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีศิษย์สนใจและยอมเสียเวลาอยู่ที่นี่
ในเมื่อพวกเขามายังสำนักแห่งเต๋าเพื่อเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการยกระดับการฝึกตน ไม่ได้มาเพื่อวิเคราะห์เรื่องมหัศจรรย์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเรื่องปฏิหาริย์ที่คาดไม่ถึง ราวกับเป็นเรื่องเล่าในตำนานก็มิปาน จึงทำให้คนส่วนมากรู้สึกว่าเกินจริง
แน่นอนว่า ระดับของผู้ที่ยังไม่บรรลุขอบเขตใด ๆ ย่อมแยกไม่ออกว่าเรื่องมหัศจรรย์เหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ทว่าขณะที่เซียวฮั่นพลิกดูเรื่องเหล่านี้ ประกอบกับความทรงจำในภพก่อนของเขา เรื่องไหนจริงหรือเท็จเขาย่อมรู้ดีแก่ใจ
เรื่องราวบางอย่างในนั้นนับว่ามีส่วนช่วยเขาได้ไม่น้อย นี่คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดสองสามวันมานี้เซียวฮั่นจึงอยู่แต่ที่นี่
“หวังว่าครานี้จะมีเรื่องให้ข้าตื่นเต้นเสียหน่อย ไม่รู้ว่าจะมีผู้ใดกล้ากระโดดเข้ามาในหลุมพรางนี้หรือไม่ เพราะแรงดึงดูดของเหยื่อที่ใช้ล่อยิ่งใหญ่นัก”
เซียวฮั่นกุมคัมภีร์ไว้ในมือ มุมปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ทว่าดวงตากลับเจือแววเย็นชา
เป้าหมายของการเดินทางมาสำนักแห่งเต๋าของเซียวฮั่นในครั้งนี้ เขาต้องการใช้สำนักแห่งเต๋าเป็นศูนย์กลาง ลากมหาขุมอำนาจแห่งจงโจวเหล่านั้นเข้ามาในวังวนมหึมาแห่งนี้ ซึ่งเขากำลังรอดูว่าคนเหล่านั้นจะสามารถต้านทานแรงดึงดูดนี้ได้หรือไม่
แน่นอนว่าเซียวฮั่นได้เตรียมการไว้แล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่สร้างสถานการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้โดยไม่มีเหตุผล และเขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เมื่อแสนปีก่อนแล้ว
ขณะที่เซียวฮั่นพลิกดูเรื่องราวมหัศจรรย์อยู่คนเดียวที่หอคัมภีร์มหัศจรรย์ เด็กหญิงคนหนึ่งในชุดคลุมสีม่วงซึ่งไม่ทราบว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็มายืมคัมภีร์ที่หอคัมภีร์มหัศจรรย์เช่นกัน
เด็กหญิงในชุดคลุมสีม่วงนี้เป็นศิษย์จากวิถีเต๋า อายุประมาณสิบหกปีซึ่งอยู่ในวัยหยกมรกตพอดี
แม้ว่าเด็กหญิงอายุเพียงสิบหกปี แต่รูปโฉมงดงาม แม้ไม่แต่งหน้าก็ยังดูสะดุดตา ผมสลวยประบ่า ดวงตาสุกใสสกาวเป็นประกายแวววาวสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มองเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวผู้นี้มีนามว่าเมิ่งเชียนเซวี่ย เป็นศิษย์แห่งสำนักวิถีเต๋า เพิ่งเข้ามาศึกษาเมื่อปีที่แล้ว เมิ่งเชียนเซวี่ยแตกต่างจากศิษย์คนอื่น ๆ นางชอบอ่านเรื่องมหัศจรรย์ของเก้ามหาทวีปเป็นพิเศษ และรู้สึกสนใจเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่นางมีเวลาว่างจึงมักจะมายืมคัมภีร์ที่หอคัมภีร์มหัศจรรย์ไปอ่าน
ยามนี้นางกลับพบว่าหอคัมภีร์มหัศจรรย์มีบุรุษหนุ่มเพิ่มมาอีกหนึ่งคน และนางไม่เคยพบเจอเขามาก่อน แต่กลับนั่งในหอคัมภีร์มหัศจรรย์พลิกอ่านคัมภีร์ในมือด้วยความสนอกสนใจ
นั่นทำให้เมิ่งเชียนเซวี่ยรู้สึกสงสัยเล็กน้อย อายุของเซียวฮั่นน่าจะเป็นศิษย์รุ่นพี่สองหรือสามรุ่น หากชอบอ่านเรื่องมหัศจรรย์ เหตุใดเมื่อก่อนนางจึงไม่เคยพบ นั่นหมายความว่าบุรุษผู้นี้เพิ่งมาที่หอคัมภีร์มหัศจรรย์เมื่อไม่นานมานี้
นางมองเซียวฮั่นสองคราอย่างอดไม่ได้ และการมองทั้งสองครานี้ทำให้นางเกิดความรู้สึกสงสัยในตัวเซียวฮั่นไม่น้อย
อาภรณ์สีขาวดุจหิมะ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาแขวนรอยยิ้มอ่อนโยน มองแล้วมอบความรู้สึกอันอบอุ่น แต่สิ่งที่ดึงดูดเมิ่งเชียนเซวี่ยกลับเป็นดวงตาคู่นั้นของเซียวฮั่น
ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำราวกับไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุด ดวงตาเช่นนี้ ทำให้เมิ่งเชียนเซวี่ยรู้ได้ว่า บุรุษหนุ่มชุดขาวผู้นี้ต้องเป็นคนที่ผ่านเรื่องราวมามากมายอย่างแน่แท้
เห็นเซียวฮั่นพลิกอ่านคัมภีร์ไม่ขยับเขยื้อน และไม่ได้สนใจการมาถึงของตน เมิ่งเชียนเซวี่ยจึงได้เพียงหาคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มาพลิกอ่านเช่นกัน
เรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คืออานุภาพสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นติดต่อกันสองครั้งทั่วทั้งเก้ามหาทวีป แม้ว่าเมิ่งเชียนเซวี่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องมหัศจรรย์ทั้งสองครั้งนี้ทำให้นางเข้าใจว่า เรื่องราวส่วนใหญ่ที่จดบันทึกไว้ในคัมภีร์ของหอคัมภีร์มหัศจรรย์ดูเหมือนล้วนแต่เคยเกิดขึ้นจริง
เมื่ออ่านเรื่องราวของช่วงเวลาที่เกิดเรื่องทำให้นางถึงกับสติหลุด ยอดฝีมือระดับใดกันที่สามารถใช้วิธีอันน่าสะพรึงกลัวจนฟ้าสะเทือนแผ่นดินเลื่อนลั่นได้ถึงเพียงนี้ เป็นฝีมือของเทพในตำนานหรือว่าเป็นยอดฝีมือล้ำเลิศที่ไม่เปิดเผยตัว
เรื่องราวอานุภาพสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวที่เคยเกิดขึ้นมาสองครั้งนี้ แม้ว่าจะทำให้เก้ามหาทวีปสั่นสะเทือน แต่สำหรับยอดฝีมือทั่วไป พวกเขาคงเพียงแค่รู้สึกสงสัย และมีเรื่องสนทนากันมากขึ้นระหว่างช่วงเวลาจิบชา เมื่อเวลาผ่านไปเรื่องราวประเภทนี้ก็ค่อย ๆ ลางเลือน สุดท้ายก็กลายเป็นบันทึกในคัมภีร์ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจริงหรือเท็จ
คัมภีร์ในหอคัมภีร์มหัศจรรย์ก็เป็นเพียงคัมภีร์ที่จดบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้ ไม่ได้ระบุต้นสายปลายเหตุ อย่างมากก็เพียงจดว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น แต่สาเหตุและกระบวนการเกรงว่าหอคัมภีร์มหัศจรรย์ก็คงมิอาจทราบได้
เซียวฮั่นรู้ว่าเมิ่งเชียนเซวี่ยมาที่หอคัมภีร์มหัศจรรย์ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจในคราแรก แต่เมื่อนางเริ่มอ่านคัมภีร์เรื่องราวมหัศจรรย์ เซียวฮั่นจึงอดเงยหน้ามองเมิ่งเชียนเซวี่ยอย่างอดไม่ได้
“เคล็ดวิชาแห่งฝัน ที่แท้ก็เป็นลูกหลานของผู้เฒ่าเมิ่ง!”
เซียวฮั่นมองเมิ่งเชียนเซวี่ยหนึ่งครา จากนั้นจึงเอ่ยพึมพำด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
บนเก้าชั้นฟ้า เซียวฮั่นคบค้ากับยอดฝีมือมากมาย แม้แต่ยอดฝีมือเทพแท้จริงแห่งเก้ามหาทวีปก็มีไม่น้อย หนึ่งในนั้นมียอดฝีมือเทพแท้จริงผู้ฝึกตนด้วยหนทางของเคล็ดวิชาแห่งฝัน นามว่าเมิ่งว่านหลี่ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘จักรพรรดิห้วงนิทรา’
เมิ่งว่านลี่หรือจักรพรรดิห้วงนิทราเป็นยอดฝีมือเทพแท้จริงเมื่อสามแสนปีก่อน สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันได้อย่างลึกซึ้ง ผู้ฝึกเคล็ดวิชานี้ต้องฝึกในฝันเท่านั้น หนึ่งฝันยาวนาน พบพานทุกสรรพสิ่ง ต้องอาศัยจิตที่นิ่ง กล่าวได้ว่าเป็นต้นกำเนิดหนทางการฝึกตนที่ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพบลูกหลานของเมิ่งว่านลี่ เซียวฮั่นจึงอดประหลาดใจไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นบุคคลที่กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝัน นั่นยิ่งทำให้เซียวฮั่นประหลาดใจไม่น้อย
“เคล็ดวิชาแห่งฝัน แม้ว่าระยะแรกไม่ค่อยเห็นผล แต่เมื่อเทียบกับผู้อื่นในระยะหลังล้วนอยู่เหนือกว่ามาก สังเกตได้จากเหตุการณ์ที่ผู้เฒ่าเมิ่งแสดงอิทธิฤทธิ์ในระยะหลัง”
หนทางของคล็ดวิชาแห่งฝันคือหนทางการฝึกตนที่แตกต่าง เพราะเป็นการรู้แจ้งในฝัน แม้ว่าในระยะแรกอาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากนั้นคือความน่าสะพรึงกลัว สามารถสร้างความฝันและควบคุมได้ดั่งใจ
อย่างเช่นในฝันฝึกตนเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี ทว่าแท้จริงกลับผ่านไปเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น และนี่คือจุดที่น่ากลัวของหนทางการฝึกเคล็ดวิชาแห่งฝัน แม้ว่าจะฝึกตนมานานหลายปี การฝึกตนอาจจะยังไม่บรรลุขอบเขตทันทีเช่นในฝัน จึงนับว่าเป็นการเปิดทางลัดสู่หนทางการฝึกตนที่สูงส่ง
“เมล็ดพันธุ์อันดี!”
เซียวฮั่นสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความฝันที่กระเพื่อมเบา ๆ บนตัวเมิ่งเชียนเซวี่ย เขาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสายตากลับแปรเปลี่ยน
“ดูเหมือนเคล็ดวิชาแห่งฝันของผู้เฒ่าเมิ่งที่สืบทอดมาจะบกพร่อง!”
เมื่อเซียวฮั่นเห็นเมิ่งเชียนเซวี่ยที่กำลังหลับตาโคจรเคล็ดวิชาแห่งฝัน แต่สีหน้าของนางซีดเผือด คิ้วขมวดแน่น ลมหายใจติดขัด เซียวฮั่นก็รู้ได้ทันทีว่าเคล็ดวิชาแห่งฝันที่เมิ่งเชียนเซวี่ยฝึกฝนนั้นมีปัญหาอยู่
เคล็ดวิชาแห่งฝันโดยทั่วไปเมื่อหลับตาเข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับใหล ตัวผู้หลับต้องเยือกเย็นสุขุม ราวกับคนที่นอนหลับลึก ซึ่งต่างจากเมิ่งเชียนเซวี่ยในยามนี้
“โชคดีที่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ฝึกฝนถึงระดับลึกล้ำ มิเช่นนั้นอาจจะหลงทางจนเสียสติได้”
เซียวฮั่นมองเมิ่งเชียนเซวี่ยพลันพึมพำเบา ๆ ทันใดนั้นเขาจึงเคลื่อนพลังความคิด ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในความทรงจำและความฝันของเมิ่งเชียนเซวี่ย
“ฝันแห่งเต๋า หนึ่งฝันนิจนิรันดร์ หนึ่งฝันเนรมิต หมื่นวิถีหลอมรวมเป็นหนึ่ง…”
ขณะนั้นเอง เมิ่งเชียนเซวี่ยที่กำลังเหมือนกับฝันร้ายก็ได้ยินเสียงลึกลับเสียงหนึ่งดังเข้ามาในความทรงจำ นางจึงรู้สึกผ่อนคลายตามเสียงที่ดังขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้ว่าตัวเองฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันได้ผ่อนคลาย ราวกับเป็นความฝันอันสวยงามและยาวนาน จนไม่อยากตื่น
เมื่อเซียวฮั่นเห็นใบหน้าของเมิ่งเชียนเซวี่ยเผยรอยยิ้มขณะที่กำลังเข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับอย่างสงบ จึงคลี่ยิ้ม โชคดีที่เขาเคยปรึกษากับผู้เฒ่าเมิ่งเรื่องเคล็ดวิชาแห่งฝันจนสามารถช่วยปรับแก้จุดที่ไม่ถูกต้อง กล่าวได้ว่า เซียวฮั่นมีความรู้ความเข้าใจในเคล็ดวิชาแห่งฝันอย่างลึกซึ้งทีเดียว ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถใช้คำเหล่านั้นช่วยปรับแก้ทิศทางการฝึกเคล็ดวิชาแห่งฝันให้เมิ่งเชียนเซวี่ยได้
แน่นอนว่า คำเหล่านั้นของเขาคือหลักในการฝึกปฏิบัติเคล็ดวิชาแห่งฝัน เป็นแก่นของเคล็ดวิชา และยังเป็นหลักในการปฏิบัติรูปแบบใหม่ที่ผู้เฒ่าเมิ่งปรับให้ดีขึ้นหลังจากที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันบนเก้าชั้นฟ้า เมื่อเทียบกับหลักที่เขาสืบทอดให้ตระกูลเมิ่งแล้ว ไม่อาจรู้ได้ว่าแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด
หลังจากที่เมิ่งเชียนเซวี่ยเข้าสู่ภวังค์แห่งฝัน เซียวฮั่นเองก็ไม่ได้รบกวนนาง และให้นางฝึกฝนในฝันต่อ นี่นับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งครั้งแรกของนาง
ด้วยเหตุนี้เซียวฮั่นจึงพลิกอ่านคัมภีร์ต่อ หลังจากผ่านไปสามชั่วยาม ร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนของเมิ่งเชียนเซวี่ยพลันปะทุคลื่นลมปราณที่แข็งแกร่งออกมา
คลื่นลมปราณนี้เป็นการทะลวงจากขอบเขตรวบรวมลมปราณสู่ขอบเขตจักรพรรดิ เห็นได้ชัดว่าฝันครั้งนี้ทำให้เมิ่งเชียนเซวี่ยสามารถทะลวงผ่านฉากกั้นบาง ๆ ระหว่างขอบเขตรวบรวมลมปราณและขอบเขตจักรพรรดิ ไม่เพียงเท่านั้น ในฝัน เมิ่งเชียนเซวี่ยยังสามารถบรรลุขอบเขตทรราชได้แล้ว
กล่าวได้ว่า ต่อไปหากเมิ่งเชียนเซวี่ยจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตทรราชก็จะไร้ซึ่งอุปสรรค ขอเพียงมีทรัพยากรเพียงพอ และนี่คือข้อดีของเคล็ดวิชาแห่งฝัน แม้ว่าภายนอกดูเหมือนผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ในฝัน เมิ่งเชียนเซวี่ยนั้นได้ฝึกฝนไปร่วมปีแล้ว
“เคล็ดวิชาแห่งฝัน เป็นวิทยายุทธ์ที่ทำให้ผู้คนต่างอิจฉา”
เมื่อเห็นเมิ่งเชียนเซวี่ยทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิได้แล้ว เซียวฮั่นจึงคลี่ยิ้มอย่างอดไม่ได้ สำหรับเขาแล้วเคล็ดวิชาแห่งความฝันไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก หนทางการฝึกตนของเขาได้บรรลุถึงขอบเขตสูงสุดมานานแล้ว ขาดเพียงก้าวเดียวก็สูสีกับสวรรค์
ดังนั้นสิ่งที่เซียวฮั่นขาดหาใช่การรู้แจ้งในหนทางหรือขอบเขต แต่เขาขาดเพียงการยกระดับความสามารถ หากเขาพัฒนาความสามารถไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม้ตายก้นหีบที่เขามีทั้งหมดก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย เช่นนั้นความสามารถของเขาก็จะยิ่งน่าหวาดกลัวขึ้นเรื่อย ๆ !