ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 121
121: ผู้ดูแลหอคัมภีร์!
“ให้จูเก๋อแต่งตั้งพี่เซียวเป็นตำแหน่งอาจารย์ที่ปรึกษา!”
ในที่สุด เซียวฮั่นก็ปล่อยหม่าเหลียงเฉินเอาไว้ และเขาไปกับชายชราผู้หนึ่งเพื่อไปพบกับอาจารย์ใหญ่ของสำนักแห่งเต๋าภายใต้การวางแผนของจางอู๋จี๋
และอาจารย์ใหญ่ของสำนักแห่งเต๋าคือชายชราที่มีรูปลักษณ์อายุราวเจ็ดสิบปี เพียงแต่กำลังวังชายังดีมาก สีหน้าแดงเปล่งปลั่ง ดวงตาเผยประกายความฉลาดเฉลียว เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมท่านหนึ่ง
“ท่านอาจารย์ ลมอะไรหอบท่านมาหาข้าถึงนี่ได้?”
เมื่อจูเก๋อเฟิงเห็นชายชราที่อยู่ข้างเซียวฮั่นก็เอ่ยต้อนรับด้วยความเคารพทันที จูเก๋อเฟิงเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราช เพียงแต่อยู่ในขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชระดับหนึ่ง ส่วนชายชราผู้ที่พาเซียวฮั่นมานี้ อยู่ในขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชระดับสาม โดยเขาเป็นอาจารย์ใหญ่คนก่อน และเป็นผู้อาวุโสของสำนักแห่งเต๋า
“แค่ก ๆ ผู้อาวุโสท่านนี้อยากจะสอนหนังสือที่สำนักแห่งเต๋าชั่วคราว ผู้อาวุโสอู๋จี๋ให้เจ้าเป็นคนจัดการ”
อาจารย์ใหญ่กระแอมไอก่อนจะโยนปัญหานี้ให้กับจูเก๋อเฟิง อย่างที่รู้กันว่าเซียวฮั่นเป็นคนรุ่นเดียวกันกับจางอู๋จี๋บรรพบุรุษของพวกเขาสำนักแห่งเต๋า ซึ่งไม่รู้ว่าดำรงอยู่มานานเพียงใดแล้ว การดำรงอยู่เช่นนี้ ไม่ว่าจะผู้ใด เมื่อเผชิญหน้าเกรงว่าในใจล้วนต้องเกิดความรู้สึกกริ่งเกรงและกดดันเป็นอย่างมาก
และเมื่ออาจารย์ใหญ่โยนปัญหานี้ให้กับจูเก๋อเฟิง เขาก็ตกตะลึงจนตาค้างทันที แม้แต่อาจารย์ของตนก็ยังเรียกอย่างเคารพว่าผู้อาวุโส อีกทั้งบรรพบุรุษอู๋จี๋ยังต้องมาจัดการด้วยตนเองอีก แล้วจะมาสอนหนังสือที่สำนักแห่งเต๋าในฐานะอาจารย์ชั่วคราว?
สำหรับจูเก๋อเฟิงแล้วสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงปัญหา แต่ยังเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงอย่างมาก หากมีคนในสำนักยั่วโมโหผู้อาวุโสท่านนี้เล่า? เช่นนั้นตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของสำนักแห่งเต๋าของเขาก็ไม่ต้องคิดจะเป็นแล้ว
“ผู้อาวุโส ท่าน…ท่านคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง?”
หลังจากอาจารย์ของตนเดินไป จูเก๋อเฟิงก็กลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ไม่ต้องกังวลถึงเพียงนั้น จะว่าไปแล้ว ข้าก็เป็นถึงอาจารย์ใหญ่ผู้มีกิตติศักดิ์ของสำนักแห่งเต๋าเช่นกัน มิอาจทำสิ่งใดคุกคามต่อที่แห่งนี้ได้อยู่แล้ว เจ้าวางใจเถิด แค่แต่งตั้งให้ข้าอยู่ในตำแหน่งอาจารย์ที่ปรึกษาก็พอ หากมีศิษย์สนใจศึกษากระบี่ ข้าก็ยินดีชี้แนะ”
เมื่อเห็นความไม่สบายใจของจูเก๋อเฟิง เซียวฮั่นก็เพียงเอ่ยพลางคลี่ยิ้มบาง
ได้ยินดังนั้น จูเก๋อเฟิงจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เพียงแต่หัวใจของเขายังคงกังวลอยู่ แม้เซียวฮั่นจะเอ่ยเช่นนี้ แต่ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในภายหลัง
“ผู้อาวุโส ตามความเห็นของท่าน หอคัมภีร์ท่านว่าอย่างไร?”
เมื่อตัดสินใจเสร็จสิ้น จูเก๋อเฟิงจึงรีบจัดตำแหน่งที่สงบ ๆ ให้เซียวฮั่นทันที เดิมทีหอคัมภีร์นั้นสงบเงียบ ทั้งยังมีผู้อาวุโสจำนวนมากของสำนักคอยดูแล ย่อมไม่มีศิษย์ผู้ใดกล้าก่อความวุ่นวายอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ก็จะไม่สามารถยั่วโมโหเซียวฮั่นได้
“ฮ่า ๆ ไม่เลว เงียบสงบ และสามารถอ่านคัมภีร์ได้ วิเศษนัก”
ได้ยินดังนั้น เซียวฮั่นก็ไม่ปฎิเสธ แล้วจึงพยักหน้าพลางหัวเราะ เขามาสำนักแห่งเต๋าไม่ใช่เพื่อต้องการอ่านคัมภีร์จริง ๆ แต่ทว่าเขาต้องการรอโอกาส เมื่อโอกาสมาถึง ก็เป็นเวลาที่เขาจะออกมือ
ได้ยินดังนั้น จูเก๋อเฟิงก็ลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ สำหรับผู้อาวุโสท่านนี้นับว่ารับมือได้ไม่ยากเย็น ในความคิดของเขานั้น การที่เซียวฮั่นไปดูแลหอคัมภีร์ ก็น่าจะไม่มีศิษย์ไปก่อกวนเขามากมาย
“เช่นนั้น ข้าขอเสียมารยาทจัดที่พักให้ท่านผู้อาวุโส”
ภายใต้การจัดการของจูเก๋อเฟิง ไม่นานนักเซียวฮั่นก็เข้าสู่หอคัมภีร์ด้วยฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาสำเร็จ กลายเป็นบิดาผู้ควบคุมหอคัมภีร์ กล่าวได้ว่าหอคัมภีร์ทั้งหอต้องเชื่อฟังเซียวฮั่น
และสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากจูเก๋อเฟิงมิอาจให้เขาเป็นเพียงอาจารย์ที่ปรึกษาท่านหนึ่งที่ยังต้องฟังคำสั่งของคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงแต่งตั้งให้เซียวฮั่นเป็นใหญ่ในหอคัมภีร์ไปเสียเลย และทุกสิ่งของหอคัมภีร์ล้วนขึ้นอยู่กับคำสั่งของเซียวฮั่น ด้วยเหตุนี้ จึงจะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น
การจัดการเช่นนี้ของจูเก๋อเฟิง ได้ใช้ความคิดอย่างสุดความสามารถแล้ว มิเช่นนั้นสถานที่สำคัญอย่างหอคัมภีร์จะปล่อยให้คนนอกมาควบคุมได้อย่างไร
และเรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาได้ปรึกษาหารือกับผู้อาวุโสที่ดูแลหอคัมภีร์หลายท่านมาแล้ว ทั้งยังเตือนแล้วเตือนอีกว่าห้ามขัดใจผู้อาวุโสท่านนี้โดยเด็ดขาด เมื่อหลังจากผู้อาวุโสหลายท่านได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเช่นเดียวกับจูเก๋อเฟิง
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเซียวฮั่น ผู้อาวุโสหลายท่านก็เห็นเขาเป็นบรรพบุรุษที่ตนต้องคอยปรนนิบัติดูแล พวกเขาไม่ได้กลัวบรรพบุรุษท่านนี้จะก่อเรื่อง แต่กลัวว่าลูกศิษย์จะไม่เปิดตาดูแล้วล่วงเกินผู้อาวุโสท่านนี้ หากเป็นเช่นนั้นสถานที่แห่งนี้ก็จบเห่แล้ว
วันที่หนึ่งเซียวฮั่นเข้าสู่หอคัมภีร์ ผู้อาวุโสหลายท่านก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง วางงานในมือลงแล้วติดตามหลังของเซียวฮั่นราวกับน้องชายคนหนึ่งก็มิปาน เพื่อรอคำสั่งของผู้อาวุโสท่านนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้อาวุโสท่านนี้กลับสามารถอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้อาวุโสอู๋จี๋ได้ ก็นับว่าเป็นการดำรงอยู่ที่สูงส่งเกินจะหยั่ง
โชคดีที่วันแรกเซียวฮั่นเข้าหอคัมภีร์แล้วไม่ได้ออกไปข้างนอกเพียงก้าว แต่กลับอ่านคัมภีร์มหัศจรรย์ในหอคัมภีร์ทั้งวัน และดูเหมือนว่าหนึ่งแสนปีมานี้ บนเก้ามหาทวีปได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้นมากมาย
“เอาล่ะ พวกเจ้าควรทำสิ่งใดก็ไปทำเสีย ต่อให้มีคนทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าก็มิอาจคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กเหล่านี้”
เมื่อออกจากหอคัมภีร์ เซียวฮั่นก็พบว่าผู้อาวุโสหลายท่านยืนเฝ้าด้านนอกประตูราวกับเทพเจ้าที่ก็มิปาน จึงเอ่ยพลางยิ้มอย่างอดไม่ได้ทันที
และเมื่อผู้อาวุโสหลายท่านได้ยินดังนั้นก็ล้วนมองหน้ากันเลิกลั่ก พลางมีสีหน้าหมองคล้ำ แต่พวกเขาก็ไม่อาจขัดคำสั่งของเซียวฮั่นได้ จึงตอบรับเสียงหนึ่งด้วยสีหน้าขมขื่น
จากนั้นคนทั้งหลายก็ค่อย ๆ ออกไป เพียงแต่หลังจากพวกเขาออกไปก็พบกับอาจารย์ใหญ่จูเก๋อเฟิงทันที หลังจากจูเก๋อเฟิงฟังคำรายงานของเหล่าผู้อาวุโส เขาก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ย
“พวกเจ้าทำตามคำชี้แนะของผู้อาวุโสเถิด คิดว่าตัวตนสูงส่งเพียงนี้คงไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยกับคนรุ่นหลัง”
“ขอรับ น้อมรับคำสั่ง! ”
ได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสหลายท่านก็คำนับพลางตอบกลับด้วยความเคารพ ในที่สุดจิตใจของผู้อาวุโสเหล่านี้ก็วางใจลงเล็กน้อย เมื่อมีคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขาแล้ว
วันที่สอง เซียวฮั่นยังคงไม่เดินออกจากหอคัมภีร์ พอรุ่งสาง เขาก็รุดเข้าไปในหอคัมภีร์ อ่านคัมภีร์อย่างละเอียด ผู้อาวุโสหลายท่านเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เวลาผ่านไปทั้งแบบนี้โดยไม่รู้ตัว เซียวฮั่นก็มาถึงหอคัมภีร์ได้หลายวันแล้ว ในช่วงเวลานี้ไม่มีคนนอกรบกวนเขาเท่าใดนัก โดยที่ผู้อาวุโสของหอคัมภีร์หลายท่านมาถามข้อสงสัยเกี่ยวกับวิถีเต๋าหลายครั้ง พวกเขาล้วนเป็นผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ ควบคุมกฎแห่งโลกและสวรรค์อย่างสมบูรณ์ กระทั่งได้เริ่มสัมผัสวิถีเต๋า แต่สำหรับความลึกลับของวิถีเต๋านั้น พวกเขายังคงไม่รู้แจ้ง
และในสายตาของพวกเขา ผู้อาวุโสเซียวฮั่นคืออาจารย์ที่ปรึกษาที่ดีที่สุด สำหรับข้อสงสัยในวิถีเต๋าของเหล่าผู้อาวุโส เซียวฮั่นรู้ชัดอย่างแจ่มแจ้ง อย่างไรเมื่อภพก่อนเขาก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวิถีเต๋าอย่างแท้จริง สำหรับความเข้าใจในวิถีเต๋า เขาย่อมเข้าใจลึกซึ้งกว่าผู้ใด
ภายใต้การชี้แนะของเซียวฮั่น ผู้อาวุโสหลายท่านก็ราวกับถูกเปิดประตูแห่งเต๋าบานใหม่ก็มิปาน ผู้อาวุโสแต่ละท่านประกาศปิดด่านฝึกตน และไม่สนว่าสุดท้ายแล้วหอคัมภีร์จะเกิดเรื่องวุ่นวายอันใด
หลังจากผู้อาวุโสทั้งหลายเก็บตัว เซียวฮั่นก็เบิกบานใจ แน่นอนว่า หอคัมภีร์มิอาจสูญเสียการดูแลเพราะการปิดด่านฝึกตนของเหล่าผู้อาวุโส อย่างไรอาณาเขตของหอคัมภีร์ก็มีขนาดหลายหมื่นลี้ จึงหาได้มีผู้ดูแลเพียงหยิบมือ
หอคัมภีร์ส่วนใหญ่มีอาจารย์ที่ปรึกษาดูแลมากมาย หากลูกศิษย์อยากหยิบยืมคัมภีร์หรือสิ่งใด ก็ต้องผ่านการอนุญาตจากพวกเขาเสียก่อน
ขณะนี้ผู้อาวุโสหลายท่านต่างไม่ได้ยุ่งเรื่องอันใด ส่วนเซียวฮั่นที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เป็นผลให้ฐานะของเขาในหอคัมภีร์นี้ นอกจากเหล่าผู้อาวุโสไม่กี่ท่านแล้วก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
เซียวฮั่นไม่ได้เดินไปหอคัมภีร์หอส่วนอื่น ซึ่งทุกวี่วันเขาจะเฝ้าดูเรื่องอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นบนเก้ามหาทวีปหลายหมื่นปีมานี้แทน แน่นอนว่าจะบอกว่าเซียวฮั่นกำลังฆ่าเวลาอยู่ก็เป็นได้ เพราะเขาต้องรอจังหวะจึงต้องใช้ไปอีกเวลาสักพัก นับดูแล้วเกรงว่ายังต้องใช้เวลาอีกเกือบเดือนเห็นจะได้
“มหาทวีปเฉินโจว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ราวกับมีเทพจุติลงมาก็มิปาน อาณาประชาราษฎร์บนเก้ามหาทวีปต่างหมอบคลาน!”
เมื่อเซียวฮั่นพบเรื่องประหลาดบนมหาทวีปเฉินโจว เหตุุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกด้วยข้อความสั้น ๆ
“นับเวลาดูแล้ว ไม่น่าจะใช่ ยากยิ่งนักที่สุสานเทพจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น?”
เซียวฮั่นมุ่นหัวคิ้ว แววตาของเขากระตุกเล็กน้อย มหาทวีปเฉินโจวทั้งทวีปสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นอกจากสุสานเทพที่เซียวฮั่นนึกถึงแล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่าผู้ใดจะมีความสามารถเก่งกาจถึงเพียงนี้
สุสานเทพคือสุสานของเหล่าเทพเจ้า ในนั้นมีความลึกลับที่ไม่อาจสาธยายได้ แม้แต่ภพก่อน เซียวฮั่นก็เคยเข้าไปเพียงคราเดียว ทั้งยังเกือบตกตายอยู่ในนั้น กล่าวได้ว่าสุสานเทพคือเขตหวงห้ามที่อันตรายที่สุดที่เซียวฮั่นเคยเข้าไป และยังเป็นวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เซียวฮั่นเคยประสบพบเจอเมื่อภพก่อน
สุสานเทพ แตกต่างจากดินแดนต้องห้ามอีกแปดแห่ง สุสานเทพปิดตายตลอดกาล ไม่เปิดสู่โลกภายนอกชั่วนิรันดร์ นอกจากจะมีผู้มีความสามารถเก่งกาจลักลอบเข้าไป มิเช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้าสุสานเทพได้ แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีคุณสมบัติเข้าไปในสุสานเทพ หากต้องการเข้าไป อย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราช
และเมื่อยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชสิบคนเข้าไปในสุสานเทพ ท้ายที่สุดก็สามารถรอดชีวิตออกมาได้ไม่ถึงสองคน เป็นดินแดนที่ยากจะรอดชีวิตอย่างแท้จริง
“หนึ่งหมื่นปีก่อน หากเดาไม่ผิดหรือจะเป็นอู่ขวางถู?”
ทันใดนั้นเซียวฮั่นก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในบัดดล หากเดาไม่ผิด เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน มหาทวีปเฉินโจวมีความเกี่ยวข้องกับอู่ขวางถูอย่างแน่นอน
“ดูเหมือนว่าจะต้องไปสุสานเทพสักครั้งแล้ว!”
เซียวฮั่นยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ แม้เวลาผ่านไปไม่นาน แต่สุสานเทพก็เป็นสถานที่ที่เขาไม่อยากกลับไปอีก นึกไม่ถึงว่าภพนี้ยังต้องเข้าไปในสุสานเทพ
เมื่อต้องเข้าไปในสุสานเทพ เซียวฮั่นต้องเตรียมการให้พร้อม อย่างน้อยที่สุดขอบเขตของวิถีจักรพรรดิยามนี้ก็ต้องบรรลุห้าปราณรวมศูนย์ และต้องถึงขั้นที่หนึ่งของการชำระล้างสามยอดบุปผา หากเป็นไปได้ ร่างเทพศักดิ์สิทธิ์อมตะ ต้องทะลวงขอบเขตใหญ่เสียก่อน เพียงเท่านี้ เขาก็จะมีโอกาสรอดชีวิตหลายส่วนจากการเข้าไปในสุสานเทพ
เซียวฮั่นจะต้องคิดเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุด เนื่องจาก สุสานเทพ ดินแดนอันลึกลับ แตกต่างกับเขตหวงห้ามอื่น ๆ ในความคิดของเซียวฮั่น สุสานเทพนั้น เมื่อเทียบกับวัดหมื่นอรหันต์เกรงว่ายังน่าหวาดผวายิ่งกว่า
แน่นอนว่าถ้าไม่นับรวมสุสานเทพ เซียวฮั่นยังมีเรื่องสำคัญมากมายที่ต้องจัดการต่อไป แต่หากจำเป็นต้องไปจริง ๆ เขาก็มีไพ่ตายเตรียมรอบรับเอาไว้แล้ว !
……………..