ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 115
115: ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์!
“อมิตตาพุทธ!”
เมื่อเห็นกระบี่ครามเล่มนี้ หมื่นอรหันต์ต่างพากันประนมมือขึ้น เพราะพวกเขาต่างรู้ว่าอิทธิฤทธิ์ของกระบี่ครามเล่มนี้เป็นเช่นไร
แน่นอนว่า การที่เซียวฮั่นแสดงกระบี่ครามเล่มนี้ออกมาใช่ว่าไม่มีเหตุผล ขุมอำนาจอื่นต่างมิอาจเทียบวัดหมื่นอรหันต์นี้ได้ ต่อให้เป็นชนเผ่าเจี้ยเช่นหลางหยาหรือหลางเทียนก็มิอาจเทียบเทียม เกรงว่าพวกเขาคงมีความสามารถระดับเดียวกับพระพุทธรูปเก่าแก่สามสิบหกองค์ ณ ที่แห่งนี้เท่านั้น
เพราะขนาดเซียวฮั่นในภพก่อนก็ยังนับว่ามีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับผู้นำสูงสุดตี้หลูหลายเลยทีเดียว แต่ทางเดินของพวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งวิถีบ่มเพาะ ทั้งระดับพลังที่ใช้เป็นเกณฑ์ และที่เซียวฮั่นกล้าที่จะไม่แสดงความเคารพหมื่นอรหันต์ก็เพราะสิ่งนี้
ขอบเขตสูงสุดในภพก่อนของเซียวฮั่นเมื่อเทียบกับตี้หลูหลายแล้วนับว่าสูงกว่าหนึ่งขั้นย่อย แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก ซึ่งความแข็งแกร่งของทั้งคู่นับได้ว่าใกล้เคียงไล่เลี่ย
หากยิ่งรู้แจ้งวิถีแห่งการฝึกตนลึกซึ้งเท่าใด ความแตกต่างก็ยิ่งน้อยลง ระดับพลังแตกต่างกันเพียงหนึ่งขั้นย่อยนับว่าทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
สำหรับระดับขอบเขตของตี้หลูหลายนั้น ถึงแม้จไม่ได้อยู่ในระดับไม่แก่ไม่ตาย แต่ก็ยากที่จะมีผู้ต่อกรยืนหยัดเบื้องหน้าแล้ว
ซึ่งวิถีแห่งขั้นฝึกตนสูงสุดที่แท้จริงของตี้หลูหลายนั้น แม้ว่าจะแข็งแกร่ง ทว่าอย่างมากก็ทำได้เพียงผนึกกลประทับพลังไว้ที่อีกฝ่าย ไม่สามารถถึงขั้นสังหารอีกฝ่ายได้
“หากวัดหมื่นอรหันต์ยินดีทำตามคำมั่นสัญญาของข้าเช่นเดิม ข้าก็สามารถหาบงกชแดงและบงกชดำสิบสองชั้นมาให้พวกท่าน!”
เซียวฮั่นเก็บกระบี่ครามและแผ่นหยกนำโชคกลับ พลางมองตี้หลูหลายและเอ่ยอย่างเนิบช้า
“อมิตตาพุทธ อาตมาขอรับปาก!”
เสียงตี้หลูหลายดังขึ้น แน่นอนว่าเขาพยายามประนีประนอม ถึงยังไงมูลค่าแลกเปลี่ยนของคำสัญญานี้ก็คือวัดหมื่นอรหันต์ทั้งหมด นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะพวกเขาจำเป็นต้องมีบงกชเขียวสามสิบหกชั้น จึงจะสามารถรักษาวัดหมื่นอรหันต์ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้
“ดี! แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน นิสัยข้าหวังว่าพวกท่านคงรู้ดีแก่ใจ!” เซียวฮั่นพยักหน้า ใบหน้ากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
“เรื่องที่จะนำบงกชทองบารมีสิบสองชั้นกลับมาข้าสามารถล้มเลิกได้ แต่เรื่องแรก เป็นโอกาสหายากยิ่ง จึงอยากดึงท่านเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย!”
เซียวฮั่นหัวเราะ มองตี้หรูไหลพลางเอ่ยขึ้นช้า ๆ
“อมิตตาพุทธ เวรกรรมวนเวียนเป็นวัฎจักร มีเหตุของกรรมย่อมต้องมีผลของกรรม!”
เสียงแห่งพุทธะดังขึ้น แสงแห่งธรรมส่องสว่างไปทั่วหล้า ด้านหลังร่างสีทองของผู้นำสูงสุดพลันปรากฏต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์
ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์แห่งการกวาดล้าง เป็นของล้ำค่าที่มีมาตั้งแต่ยุคฟ้าดินก่อกำเนิด ไร้ซึ่งการแปดเปื้อนกรรม มีอานุภาพอันน่าหวาดกลัว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์สามารถกวาดล้างสรรพสิ่งไปทั่วหล้า หากมิใช่สิ่งล้ำค่าที่อยู่ระดับเดียวกันหรือมากกว่า ก็มิอาจโจมตีต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ได้
ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์สามารถเทียบได้กับกระบี่โทษทัณฑ์ของเซียวฮั่น แต่สิ่งที่ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์นั้นแตกต่างออกไปจากกระบี่โทษทัณฑ์คือ หากกระบี่โทษทัณฑ์ถูกกวาดล้างไปหลายครั้ง เกรงว่าพลังแห่งโทษทัณฑ์จะทำให้กลายเป็นศาสตราธรรมดาสามัญ
ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์สามารถกวาดล้างกลประทับกฎแห่งสวรรค์บนตัวเซียวฮั่นได้โดยไม่แปดเปื้อนกรรม ไม่รบกวนทัณฑ์สวรรค์ แม้ว่าจะไม่แปดเปื้อนกรรม แต่หากวันใดยอดฝีมือระดับตี้หลูหลายลงมือ ทัณฑ์สวรรค์ย่อมสั่นคลอนได้เช่นกัน เช่นนี้ไม่ว่าตี้หลูหลาย หรือวัดหมื่นอรหันต์ล้วนแต่อยู่บนโลกนี้อย่างยากลำบาก
เซียวฮั่นยืนใต้ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
“อมิตตาพุทธ!”
หมื่นอรหันต์กล่าววาจาแห่งพุทธะออกมา หลังจากนั้นแสงแห่งธรรมบนตัวพระพุทธรูปเก่าแก่ก็เปล่งประกายรวมเข้าด้วยกันเต็มเวหา ในที่สุดก็รวมกันเป็นแสงสีทองแวววาวเจิดจ้า เผยร่างจริงของผู้นำสูงสุดของวัดที่สูงเสียดฟ้า
“ไม่เลว ให้ตี้เจียลงมือ นับว่าเป็นความคิดและวิธีที่ฉลาดที่สุดแล้ว!”
มองร่างสูงเสียดฟ้าของผู้นำสูงสุด เซียวฮั่นเอ่ยพลางยิ้ม ร่างจริงของผู้นำสูงสุดหาใช่ตี้หลูหลายที่นั่งตรงหน้าเขาไม่แต่ ทว่าเป็นร่างที่ดับขันธ์แล้วของตี้หลูหลาย ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่ ณ ปัจุบัน
ผู้ลงมือเป็นร่างจิตนิพพานของตี้หลูหลาย แม้ว่าทัณฑ์สวรรค์ต้องสั่นคลอน แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ไม่สามารถหวนกลับเป็นเช่นเดิมได้ ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตล้วนแต่ไม่ย้อนเวลากลับไปแก้ไข ถึงจะเป็นสรวงสรรค์ แต่ทุกอย่างล้วนมีขอบเขต หาใช่มีอำนาจชี้นิ้วสั่งทุกสรรพสิ่งได้
“วิ้ง!”
เพียงร่างจิตนิพพานสะบัดมือหนึ่งครา ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์พลันเปล่งแสงประกายทอดยาวนับหมื่นจั้ง ลำแสงสีรุ้งเจ็ดสีตกลงบนตัวเซียวฮั่น ต่อมาโซ่แห่งวิถีฝึกตนสีแดงโลหิตก็ปรากฎขึ้นบนตัวของเขา
“วิ้ง!”
เห็นโซ่แห่งวิถีฝึกตนปรากฎขึ้น ร่างจิตนิพพานจึงโบกมืออีกครั้ง แสงสีรุ้งบนต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ยิ่งแวววาวขึ้นอย่างหาใดเปรียบ วินาทีนั้นเองแสงสีรุ้งก็แผ่คลุมทั่วร่างของเซียวฮั่น โซ่แห่งวิถีฝึกตนบนตัวของเขาค่อย ๆ ถูกตัดออกทีละเส้น
“เปรี้ยง!”
ขณะที่โซ่แต่ละเส้นถูกตัดออก บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าพลันเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่น สายฟ้าสีโลหิตเคลื่อนเป็นสายอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาสีโลหิตค่อย ๆ ปรากฎขึ้นมาบนเก้าชั้นฟ้า
ขณะที่ดวงตาสีโลหิตปรากฎ ใต้หล้าพลันเงียบสงัดในบัดดล ด้วยดวงตาสีโลหิตนี้ทำให้คนทุกผู้ที่อยู่ใต้หล้าต่างรู้สึกตัวเล็กกระจ้อยดั่งมดปลวก
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างล้วนล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ยอดฝีมือแข็งแกร่งเลิศล้ำเลิศทั้งหลายต่างรีบสำรวมอาการตื่นตระหนกของตน เกรงว่าจะถูกเนตรสวรรค์จับจ้อง
“สวรรค์พิโรธ! ตี้หลูหลาย ดูเหมือนเทพหัวขโมยก็ทนไม่ไหวเช่นกัน! ”
มองไปยังดวงตาสีโลหิตที่ปรากฎ เซียวฮั่นแสดงสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาหลายส่วน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยด้วยสายตากระเพื่อม
“เปรี้ยง!”
เมื่อเซียวฮั่นกล่าวจบ กรงเล็บมหึมาคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นใต้ดวงตาสีโลหิตอันน่ากลัว เผยให้เห็นกรงเล็บอัปลักษณ์ทั้งห้า มีสายฟ้าสีทองเปล่งประกายวาบอยู่ด้านบน เมื่อเทียบกับสายฟ้าแห่งการทำลายล้าง สายฟ้าสีทองนี้น่าหวาดผวากว่ายิ่งนัก
“หัตถ์แห่งสวรรค์! สายฟ้าธาตุอากาศ!”
มองกรงเล็บขนาดยักษ์และสายฟ้าสีทองผ่าฟาดลงมา เงาร่างของเซียวฮั่นก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นกลางอากาศ ภายใต้การกวาดล้างของต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ กลประทับกฎแห่งสวรรค์บนตัวเขาได้ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ พลังของเขาในตอนนี้กลับคืนมาทั้งหมดแล้ว แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญต่อไปคือทัณฑ์สวรรค์ระดับเคราะห์สวรรค์ ทัณฑ์สวรรค์ระดับนี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก เพียงสายฟ้าธาตุอากาศฟาดลงมา ก็เพียงพอจะทำให้โลกอีกฟากฝั่งดับสูญ ประกายไฟเพียงเล็กน้อยที่กระเด็นออกไปก็เพียงพอที่จะสังหารยอดฝีมือผู้ปกครองใต้หล้าได้
“อมิตตาพุทธ!”
เนตรสวรรค์และมือสวรรค์ที่ปรากฏ ไม่เพียงแค่หมื่นอรหันต์ที่สวดร่ายมนต์คาถา แสนโพธิสัตว์ ล้านอรหันต์ สิบล้านพุทธะ ต่างรวมจิตสวดร่ายคาถาพุทธะสูงส่ง ทันใดนั้นแสงแห่งธรรมพลันส่องสว่างทั่วทั้งเก้ามหาทวีป ขณะนั้นเอง ภาพพุทธะสูงส่งที่อยู่ในก้นบึ้งแห่งจิตพลันปรากฏขึ้น
“เริ่มแล้วหรือ นี่ถือเป็นการเปิดฉากสินะ”
ขณะนั้นเอง อรหันต์เก่าแก่มากมายนับไม่ถ้วนต่างพากันลืมตาท่ามกลางความมืด ในดวงตาแต่ละคู่ล้วนแต่เปล่งประกายความน่าหวาดกลัวที่ทำให้ผู้คนสะพรึง
“พวกอรหันต์หัวโล้นแห่งวัดหมื่นอรหันต์นับว่าพอมีฝีมือ แต่ทัณฑ์สวรรค์ระดับเคราะห์สวรรค์ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่าย ๆ ”
ณ สุสานกระบี่ เงาร่างหนึ่งกล่าวพึมพำ สายตาอันน่ากลัวจับจ้องไปยังจุดสิ้นสุดแห่งเวหา
สายตาน่าหวาดกลัวมากมายต่างเงยหน้าขึ้นเช่นเดียวกับเงาร่างนี้ ทุกสายตาล้วนแต่จับจ้องมองไปยังเวหาอย่างจริงจัง แม้ว่านี่จะเป็นเพียงฉากก่อนสงครามใหญ่ แต่กลับดึงดูดความสนใจของพวกมัน
“เปรี้ยง!”
เมื่อมือสวรรค์และสายฟ้าธาตุอากาศปรากฎ ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ก็ร่วงหล่น จังหวะที่สายฟ้าธาตุอากาศสีทองสายหนึ่งยาวนับสิบล้านจั้งร่วงลงมา มิติพลันถูกสายฟ้าธาตุอากาศดูดกลืนไปทั้งหมด
สรรพสิ่งล้วนแต่เล็กดุจดั่งมดปลวกภายใต้สายฟ้าธาตุอากาศ แม้แต่ผู้เป็นอมตะเมื่อเผชิญหน้าต่างก็ต้องหวาดกลัวและหมดหวัง
“ฟุบบ!”
กายสีทองสูงร้อยล้านจั้งของร่างจิตนิพพานเมื่อเห็นสายฟ้าธาตุอากาศร่วงหล่นลง เพียงโบกมือขึ้นหนึ่งครา ไม่นานนักแสงสีรุ้งศักดิ์สิทธิ์ก็กวาดผ่านเวหา สายฟ้าธาตุอากาศที่ถูกต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์กวาดผ่าน ค่อย ๆ หดลงเก้าส่วน จากสิบล้านจั้งเหลือเพียงหนึ่งล้านจั้ง
“ฟุบบ!”
มือแห่งธรรมโบกสะบัดขึ้นอีกครั้ง แสงศักดิ์สิทธิ์ของต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์เจิดจ้าขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าธาตุอากาศที่หดเล็กบนเวหาถูกกวาดหายไป ไม่มีแม้แต่พลังธาตุอากาศร่วงหล่นอีกแม้แต่เพียงสายเดียว
“สมเป็นหนึ่งในสิบยอดสมบัติ แม้ว่าอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ก็นับเป็นของหาได้ยากยิ่ง!”
เมื่อเห็นฉากนี้ เซียวฮั่นชื่นชมด้วยความตกตะลึง ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ เมื่อเทียบกับกระบี่โทษทัณฑ์และกระบี่โลกานั้นนับว่าสูงกว่าหนึ่งขั้น สมกับเป็นยอดสมบัติอันสูงส่ง เกรงว่ามันคงเป็นรองเพียงแค่แผ่นหยกนำโชคของเขาเท่านั้น
“เปรี้ยง!”
เมื่อเห็นสายฟ้าธาตุอากาศถูกกวาดทิ้ง เวหาพลันเกิดเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะ สายฟ้าธาตุอากาศที่น่าหวาดกลัวพลันร่วงลงทีละสาย สายฟ้าธาตุอากาศเก้าสายแต่เดิมที่ยาวสิบล้านจั้ง ซึ่งนำพาความพินาศย่อยยับอันน่ากลัวมาสู่สรรพสิ่งใต้หล้า พลังดับสิ้นและอ่อนลง
“สวบ…สวบ…สวบ!”
เมื่อเห็นสายฟ้าธาตุอากาศเก้าสาย ร่างจิตนิพพานพลันสะบัดมือ ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์กวาดติดต่อกันจนเมื่อครบเก้าครั้ง สายฟ้าธาตุอากาศก็เล็กลงไปแปดถึงเก้าส่วน
แต่การกวาดติดต่อกันเก้าครั้งทำให้ต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์เสียหายจนน่ากลัวเช่นกัน เมื่อมองไปยังต้นรุ้งเจ็ดสีมหัศจรรย์ ณ เวลานี้ แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่กระจายอ่อนแสงลงไปมาก
“เปรี้ยง!”
แม้ว่าสายฟ้าธาตุอากาศเก้าสายจะถูกกวาดล้างอานุภาพไปครึ่งหนึ่ง แต่ยังคงมีอานุภาพทำลายล้างและพุ่งตรงไปยังร่างจิตนิพพาน หากว่าถูกสายฟ้าธาตุอากาศเก้าสายนี้โจมตี แม้แต่ร่างจิตนิพพานก็สมควรได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเช่นกัน
“วิ้ง!”
ขณะที่สายฟ้าธาตุอากาศเก้าสายปะทะไปที่ร่างจิตนิพพาน บัลลังก์บงกชที่ตี้หลูหลายนั่งก็เกิดแสงสีทองวาบ บงกชสีทองสิบสองกลีบค่อย ๆ ลอยขึ้นกลางอากาศ
กลีบบงกชสีทองทั้งสิบสองกลีบนี้เป็นบงกชทองบารมีสิบสองชั้น ยอดสมบัติยุคแห่งรากฐานสรรพสิ่ง ขณะที่บงกชทองบารมีสิบสองชั้นลอยขึ้นกลางเวหา แสงแห่งบารมีส่องสว่างประกายไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบทิศแดนดิน สายฟ้าธาตุอากาศเก้าสายที่ตกลงมาพลันสลายหายไปด้วยแสงแห่งบงกชทองบารมีสิบสองชั้น
“อมิตตาพุทธ!”
เมื่อเห็นบงกชทองบารมีสิบสองชั้นที่ลอยอยู่บนเวหาเงียบ ๆ พระพุทธรูปเก่าแก่ โพธิสัตว์ อรหันต์ พระพุทธเจ้าทั้งหมดแห่งวัดหมื่นอรหันต์ต่างสวดร่ายคาถาแห่งพุทธะ ใบหน้าเผยสีหน้าอันน่าเกรงขาม
บงกชทองบารมีสิบสองชั้นที่ลอยอยู่บนอากาศ ยามนี้ดวงตาของเนตรสวรรค์ก็ยังแสดงอาการหวาดกลัวออกมาอย่างมิอาจหาสิ่งใดเทียบ
เพราะบงกชทองบารมีสิบสองชั้นหาใช่ยอดสมบัติที่หาได้ทั่วไป แต่มันคือบงกชเขียวสามสิบหกชั้นของล้ำค่าก่อนยุคก่อกำเนิดฟ้าดิน มีพลังแห่งบารมีเบิกโลกาที่ยิ่งใหญ่จนมิอาจมีสิ่งใดมาเทียบได้!
……………..