ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 114
114: วัดหมื่นอรหันต์!
“จัดการธุระตระกูลซูเสร็จแล้ว เราออกเดินทางกันเถิด!”
เซียวฮั่นคลี่ยิ้ม เขาค่อนข้างถูกใจในตัวซือคงจายซิงไม่น้อย และเห็นแก่หน้าซือคงโทวเทียนสหายเก่า เขาคงต้องดูแลซือคงจายซิงเสียหน่อย
“ออกเดินทาง!”
ซือคงจายซิงสูดหายใจเข้าลึก พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เป้าหมายในการเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้ไม่ธรรมดาสามัญ สถานที่แห่งนั้น แม้แต่ขุมอำนาจชั้นหนึ่งยังมิอาจเข้าไปเหยียบย่ำได้โดยง่าย ส่วนขุมอำนาจชั้นสองยิ่งไม่มีสิทธิ์ได้รู้จักสถานที่แห่งนั้น
แม้ว่าหอซิงเฉินจะเป็นเจ้ายุทธจักรแห่งจัตุรัสตะวันตก เป็นขุมอำนาจชั้นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่แห่งมหาทวีปตงโจว แต่เมื่อเทียบกับสถานที่แห่งนั้นเกรงว่าคงไม่อยู่ในสายตาฝ่ายตรงข้าม หากกล่าวว่าหอซิงเฉินเป็นขุมอำนาจเจ้ายุทธจักร เช่นนั้นสถานที่แห่งนั้นก็คงเป็นความยิ่งใหญ่ที่มิอาจหาใดเปรียบ มีอานุภาพครอบครองทั้งตงโจว แม้แต่หอซิงเฉินขุมอำนาจชั้นหนึ่งยังนับว่าเล็กเพียงน้อยนิด
การเดินทางครั้งนี้ หากไร้เซียวฮั่นเดินทางมาด้วย เกรงว่าซือคงจายซิงก็คงมิกล้าเหยียบย่างเข้ามา เขาคงทำได้เพียงให้กู้หยวนจายลองสืบหาบริเวณใจกลางดินแดนรกร้างมรณะดูว่า พอจะมีโชคเพียงไรที่จะเจอดวงจิตขจัดมาร
ยามนี้มีเซียวฮั่นเดินทางมาด้วย เขาจึงมั่นใจขึ้นมาก และไม่ลังเลที่จะนำพาผู้อาวุโสทั้งสามเดินตามเซียวฮั่นเข้าไปในเขตลึกของดินแดนรกร้างมรณะ
ด้วยการนำทางของยอดฝีมือขอบเขตราชันทั้งสาม ขบวนทัพจึงเดินทางอย่างราบรื่น ไม่มีสัตว์ปีศาจกล้าออกมาแม้แต่ตนเดียว อย่างที่รู้กันว่าผู้สูงส่งขอบเขตราชันทั้งสามนี้ พลังขอบเขตที่อ่อนที่สุดคือระดับขอบเขตราชันขั้นสูง หนึ่งในนั้นคือยอดฝีมือที่เตรียมทะลวงสู่ระดับขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์
หากมีการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างจริงจัง คงต้องเป็นสัตว์ปีศาจสูงส่งระดับขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น มิเช่นนั้นหากเป็นสัตว์ปีศาจขอบเขตราชันคงมิกล้าหาเรื่องพวกเขา เพราะสัตว์ปีศาจระดับขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไปนั้นมีสมองดังเช่นมนุษย์ เท่ากับว่าสัตว์ปีศาจขอบเขตราชันมีสติปัญญา รู้ว่าใครสามารถหาเรื่องได้ ใครไม่สามารถหาเรื่องได้
“ซ่า ๆ !”
เมื่อผ่านเขตใจกลางดินแดนรกร้างมรณะ เบื้องหน้าของพวกเขาคือธารากว้างใหญ่ไกลสุดหูสุดตา ธาราสายนี้เป็นแม่น้ำที่ยาวและกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุดของโลกมนุษย์ จะมองอย่างไรก็ไม่พบจุดสิ้นสุด
ริมแม่น้ำมีพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิสององค์ พระพุทธรูปสององค์นี้มีความสูงถึงหมื่นจั้ง มีสีทองอร่ามแผ่รอบกาย พระพุทธรูปหนึ่งในสององค์ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายสวมจีวรสีทอง ใต้บัลลังก์ที่นั่งมีมังกรทองยาวนับแสนจั้งตัวหนึ่งขดวนรอบ
รูปปั้นพระอรหันต์องค์นี้ สองมือประนมแนบอก พระโอษฐ์สวดพระธรรมโปรดเวไนยสัตว์ด้วยจิตเมตตา พระเนตรมองไปรอบแปดทิศสิบทาง พระพักตร์เปี่ยมรอยยิ้ม ราวกับกำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาถึง
ส่วนรูปปั้นพระอรหันต์อีกองค์หนึ่งซึ่งนั่งตัวตรงบนมังกรทองตัวนั้น พระพุทธรูปองค์นี้นั่งสมาธิเข้าฌาณ หยั่งรู้หลักธรรมดับซึ่งความโกรธา สวดพระธรรมโปรดเวไนยสัตว์ด้วยจิตเมตตา
“พระอรหันต์สององค์!”
เมื่อเห็นพระพุทธรูปสององค์ ไม่ว่าซือคงจายซิง หรือผู้อาวุโสทั้งสามแห่งหอซิงเฉินต่างหัวใจสั่นสะท้าน เผยสีหน้าเคารพยำเกรง แม้ว่ารูปปั้นพระอรหันต์ทั้งสององค์นี้จะถูกจัดว่าเป็นยอดฝีมือใต้หล้า แต่การบำเพ็ญเพียรของพวกท่านกลับล้ำลึกอย่างมิอาจคาดเดาได้ กล่าวกันว่าพวกท่านบำเพ็ญเพียรจนบรรลุไปได้ไกลกว่าขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป
“ธารานิพพาน คิดไม่ถึงว่าจะได้มาที่นี่อีกครั้ง!”
มองธาราสายยาวตรงหน้า เซียวฮั่นพลันอมยิ้ม เงาร่างย่างเท้าก้าวไปตรงหน้าพระพุทธรูปอรหันต์ยอดราชันทั้งสององค์
“ดินแดนฝั่งนี้เพื่อการเกิดและการตาย ส่วนอีกฟากเพื่อพระนิพพาน!”
“ปรารถนาข้ามจากฝั่งนี้ไปยังฟากนั้น หมายหลุดพ้นจากการเกิดและการตาย”
เมื่อเงาร่างของเซียวฮั่นมาถึงตรงหน้ารูปปั้นของพระอรหันต์ทั้งสอง ในดวงตาของพระพุทธรูปส่องประกายแสงพุทธะเจิดจ้า ตามด้วยเสียงสวดพระธรรมดังทอดยาวสองฝั่งไร้จุดสิ้นสุด พลันทำให้คนจิตใจชื่นมื่น จนอยากกราบไหว้ด้วยความเคารพเลื่อมใส
“ข้ายืนอยู่บนแดนนิพพาน เกิดและตายล้วนอยู่ในมโนจิต!”
เซียวฮั่นคลี่ยิ้ม โบกฝ่ามือไปยังธารานิพพานด้านหน้า สะพานสายรุ้งสายหนึ่งจึงลอยมาจากธารานิพพาน
“อมิตตาพุทธ!”
เมื่อสะพานสายรุ้งปรากฏ เสียงสวดปลายสุดขอบเขตของอีกฝั่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นแสงแห่งธรรมจากปลายสุดขอบเขตแห่งธารานิพพานพุ่งทะยานสู่เวหา เงาอันเลือนรางของพระพุทธรูปโบราณองค์หนึ่งปรากฏขึ้น เสียงสวดดังไม่ขาดสาย
“วัดหมื่นอรหันต์ ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ!”
เมื่อซือคงจายซิงและผู้อาวุโสสามท่านเห็นฉากนี้ต่างใจสั่นสะท้าน พวกเขาได้รับคำตักเตือนจากบรรพบุรุษว่าห้ามหาเรื่องกับวัดหมื่นพระพุทธเด็ดขาด หอซิงเฉินเป็นเพียงขุมอำนาจธรรมดาที่เล็กกระจ้อยร่อยจนไม่อาจเทียบได้กับวัดหมื่นพระพุทธตรงหน้า
เมื่อวันนี้ได้พานพบ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว วัดหมื่นพระพุทธ หมื่นพุทธสาวกต้องมากราบไหว้! ขุมอำนาจโบราณอายุนับล้านปีที่สืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน ขุมอำนาจยิ่งใหญ่หาที่ใดเทียบแห่งเก้ามหาทวีปที่แท้จริง
“ประสกทั้งหลาย มายังแดนนิพพานเถิด!”
มองสะพานสายรุ้งที่ลอยอยู่บนขอบฟ้า ในที่สุดก็ปรากฏภายใต้เท้าของตนเอง เซียวฮั่นยิ้มพลางหันไปกล่าวกับซือคงจายซิงที่รออยู่ด้านหลัง
“ตามข้ามาใกล้ ๆ หากตกลงไป แม้เก่งกาจเพียงใดคงหมดโอกาสรอด!”
ได้ยินเช่นนั้น ไม่ว่าซือคงจายซิงหรือผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็หวาดกลัว เนื้อหนังบนใบหน้าสั่นเทาอย่างหักห้ามไม่ได้ คนรีบกระโดดขึ้นสะพานสายรุ้งตามหลังเซียวฮั่นไปอย่างทันควัน
หลังจากที่เงาร่างของคนทั้งหมดเหยียบบนสะพานสายรุ้งตามหลังเซียวฮั่นไป สะพานสายรุ้งก็พาพวกเขาข้ามผ่านธารานิพพานในทันใด ขณะที่เงาร่างกำลังมุ่งหน้า สะพานสายรุ้งด้านหลังพวกเขาก็พลันว่างเปล่า ต่อให้ข้างหลังมีผู้ใดต้องการตามมาก็คงไม่สามารถทำได้ นอกจากได้รับการอนุญาตจากวัดหมื่นอรหันต์เสียก่อน
สะพานสายรุ้งบรรทุกคนทั้งหมดลอยข้ามมายังธารานิพพานอย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปสุดปลายขอบเขต ไม่ว่าซือคงจายซิงหรือผู้อาวุโสสามคนข้างกายเขาล้วนมีสีหน้าไร้ซึ่งสติ เห็นเพียงโลกแห่งธรรมที่มีแสงแห่งธรรมพุ่งทะยานสู่เวหาและเสียงสวดที่ดังไม่ขาดสายตรงหน้า
โลกแห่งธรรมมีนักบวชนับสิบล้านรูปนั่งหลับตาสวดมนต์บนเขาพระสุเมรุแต่ละลูก พระอรหันต์ล้านรูปนั่งตัวตรงด้วยท่าทางที่ต่างกันบนสัตว์แปลกประหลาด แสงธรรมบนกายพุ่งสู่เวหา รูปลักษณ์สง่าน่าเกรงขาม
นอกจากนี้ยังมีพระโพธิสัตว์นับแสนรูปยืนด้วยท่าทีอันเมตตา งามสง่าน่าเคารพ เหนือศีรษะของพระโพธิสัตว์เหล่านี้คือวงรัศมีแห่งพุทธะ หลักธรรมสูงสุดเพื่อพยายามข้ามพ้นทุกสรรพสิ่งแทรกอยู่ในทุกคำที่เอื้อยเอ่ย
เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกใจสะท้านมากกว่าพระโพธิสัตว์แสนรูปคือพระพุทธรูปเก่าแก่แต่ละองค์ซึ่งนั่งอยู่บนภูเขาหลิงซาน แสงแห่งวิถีพุทธะบนกายเจิดจรัส เสียงสวดดังไปไกลไม่มีที่สิ้นสุด
“หมื่นพุทธสาวกก้มกราบ!”
เหนือพระพุทธนับหมื่น คือกายหยาบแห่งผู้นำสูงสุดของวัดหมื่นอรหันต์ ซึ่งมีความสูงเสียดฟ้า และนั่งบนบัลลังก์บงกช แสงแห่งธรรมบนกายส่องสว่างไปทั่วโลกหล้า เสียงสวดแห่งวิถีพุทธะวนเวียน ทุกคำมีสัจธรรมแห่งวิถีพุทธะนับร้อยล้าน
“ตี้เจีย มิพบกันเสียนาน หลักธรรมไร้ขอบเขตของท่านคงรู้แจ้งขึ้นอีกขั้น” เมื่อเซียวฮั่นก้าวเท้ามายังแดนนิพพาน ร่างของเขาก็ลอยขึ้น พร้อมกับสายตาทอดมองไปยังผู้นำสูงสุดแห่งวัดหมื่นอรหันต์ซึ่งอยู่เหนือพุทธสาวกหมื่นพันองค์
ทว่าในคำกล่าวของเซียวฮั่น ไม่ว่านักบวชนับสิบล้าน อรหันต์นับล้าน พระโพธิสัตว์นับหมื่น หรือหมื่นพุทธสาวกต่างค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสงแห่งธรรมส่องสว่างไปทั่วหล้าในทันใด ราวกับว่าแสงแห่งธรรมเหล่านี้สามารถโปรดเซียวฮั่นได้
ซือคงจายซิงและผู้อาวุโสทั้งสามกำลังคลานอยู่บนพื้น เมื่อพวกเขามาถึงโลกแห่งธรรมของวัดหมื่นพระพุทธ พวกเขาจึงได้ทราบถึงความต่ำต้อยและความเขลาของตนเอง เมื่ออยู่ตรงหน้าวัดหมื่นพระพุทธ จึงได้รู้ว่าทั้งหอซิงเฉินและขุมอำนาจเจ้ายุทธจักรตงโจว สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นเพียงมดปลวกตัวเล็ก ๆ
“อมิตตาพุทธ อาตมาขอเจริญพรโยมเซียว!”
เสียงอันน่าเลื่อมใสสายหนึ่งดังขึ้น เงาร่างสวมจีวรปรากฏกายตรงหน้าเซียวฮั่น เงาร่างนั้นตั้งฝ่ามือขึ้นข้างหนึ่งทำความเคารพต่อเซียวฮั่นตามธรรมเนียมพุทธศาสนา
เมื่อมองออกไป เงาร่างนี้มีศีรษะโล้น รูปร่างอ้วนท้วน พุงพลุ้ย ตาตี่ ใบหน้าเปี่ยมยิ้มและเสียงหัวเราะ เขาคือพระสังกัจจายน์โพธิสัตว์
“ข้ามิได้มีเจตนาสรรเสริญด้วยความประจบประแจง ร่างของท่านในอนาคตแม้ว่ายังคงเป็นเพียงกายหยาบ แต่กลับก้าวข้ามขั้นที่ยากที่สุดแล้ว”
เซียวฮั่นมองพระสังกัจจายน์โพธิสัตว์ตรงหน้าเอ่ยพลางหัวเราะ
“เหอเหอ หากโยมเซียวไม่มีธุระใดคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าโยมเซียวเดินทางมาครั้งนี้มีอะไรให้ช่วยหรือไม่”
ได้ยินเช่นนั้น พระสังกัจจายน์ได้เพียงหัวเราะ ไม่ตอบโต้คำของเซียวฮั่น แต่กลับตั้งคำถามแทน
“ธุระของข้าไม่สามารถแก้ไขได้ นอกเสียจากหลูหลาย!”
เห็นใบหน้าเปี่ยมยิ้มและเสียงหัวเราะของพระสังกัจจายน์ เซียวฮั่นพลางเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตามไปด้วย
“อมิตตาพุทธ! โยมต้องการปลดกลประทับบนตัวงั้นหรือ”
ได้ยินเช่นนั้น พระสังกัจจายน์ตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นมองคนด้านหลังเซียวฮั่น พลันประนมมือกล่าว
“สมกับเป็นท่าน แม้ว่าเป็นเพียงร่างพุทธะในกายหยาบ กลับสามารถมองสรรพสิ่งบนโลกได้ทะลุปรุโปร่ง!”
เซียวฮั่นพยักศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ก่อนกล่าวด้วยความตะลึง
“เจริญพรโยมเซียว องค์หลูหลายรอท่านมานานแล้ว!”
พระสังกัจจายน์แสดงความเคารพตามพิธีพุทธพลางหัวเราะ จากนั้นจึงเดินนำทาง
“จุดประสงค์ของพวกเขา ท่านเองคงรู้ ท่านช่วยจัดการให้หน่อยเถิด อย่างไรพวกเขาก็เป็นสหายข้า!” ก่อนเดินไป เซียวฮั่นยิ้มพลางเอ่ยกับพระสังกัจจจายน์
“อมิตตาพุทธ โยมเซียววางใจ เพียงเรื่องเล็กน้อย!” พระสังกัจจายน์พยักศีรษะพร้อมกับหันไปมองซือคงจายซิงที่รออยู่ จึงเอ่ยพลางหัวเราะ
กายของซือคงจายซิงและผู้อาวุโสทั้งสามโปร่งแสงโดยไม่รู้ตัวได้ครู่ใหญ่แล้ว เพราะหลังจากที่เข้ามาในวัดหมื่นพระพุทธ จึงรู้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่น่าเกรงขามโดยแท้จริง ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น จากการรับรู้ของพวกเขา นักบวชนับหมื่นพัน ทุกรูปล้วนแต่เป็นยอดฝีมือเทียบเท่าขั้นขอบเขตราชัน
และที่ยิ่งกว่านั้นคืออรหันต์นับล้านเหล่านั้น บนกายของพวกเขาแผ่อานุภาพรัศมีพุทธะออกมา ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า นี่คือผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งนี้มีผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์นับล้านเลยงั้นหรือ นี่มันอะไรกัน
หนำซ้ำที่ยิ่งไปกว่านั้นคือพระโพธิสัตว์แสนรูปและพระพุทธรูปเก่าแก่หมื่นองค์ อรหันต์นับเป็นผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่จริง หากเช่นนั้นพระโพธิสัตว์แสนรูปและพระพุทธรูปเก่าแก่หมื่นองค์นับว่าเป็นขอบเขตระดับใดกัน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ บนมหาทวีปตงโจว กลับไม่มีข้อมูลใด ๆ ของวัดหมื่นอรหันต์ แถมเป็นเพราะเซียวฮั่นจึงได้มาเยือน มิเช่นนั้นเกรงว่าพวกเขาคงไม่มีสิทธิ์ได้มาเหยียบบนโลกแห่งธรรมนี้ ได้พบกับฉากน่ายำเกรงที่ทำให้พวกเขาลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต
ต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์จะรู้เรื่องของวัดหมื่นพระพุทธเพียงบางส่วน ทว่ายอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์มากมายก็ยังรู้ไม่แน่ชัดว่ามีวัดหมื่นพระพุทธจริงหรือไม่ ซึ่งรู้เพียงว่าวัดหมื่นพระพุทธเป็นขุมอำนาจโบราณที่มีอายุนับล้านปี เป็นพื้นที่ที่ผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นพวกเขาไม่มีทางย่างก้าวเข้ามาถึง
ในวิหารพุทธะมหึมาที่มิอาจทราบได้ว่ามีขนาดกี่หมื่นจั้ง ร่างพุทธะของพระพุทธรูปเก่าแก่นับหมื่นองค์ต่างสวดมนต์เพื่อรู้แจ้งถึงสัจธรรมวิถีแห่งพุทธะสูงส่ง แม้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ในกายของผู้สวดพระธรรม แต่ภายนอกกลับเป็นกายทิพย์ร่างทองที่ปฏิบัติตนจนสภาวะจิตหลุดพ้น
เมื่อพระสัจกัจจายน์พาเซียวฮั่นมาถึงวิหารของเหล่าพุทธสาวก เซียวฮั่นกลับไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เพียงแต่หัวเราะเบา ๆ
“พุทธะกล่าวว่า เวไนยสัตว์ล้วนเสมอภาค มิอาจทราบได้ว่านี่คือเรื่องจริงหรือไม่!”
เอ่ยจบ เซียวฮั่นก็มิได้สนใจร่างผู้สวดพระธรรมของพระพุทธรูปโบราณเหล่านั้น กลับเดินตรงไปยังจุดสูงสุดของวิหาร ที่ซึ่งพระพุทธรูปกำลังนั่งประนมมือหลับตาอยู่
แม้ว่าพระพุทธรูปกำลังนั่งหลับตา แต่สัจธรรมวิถีแห่งพุทธะสูงส่งกลับเปล่งประกายออกมารอบกาย ด้านหลังศีรษะคือกงจักรแห่งธรรม ดินแดนในวิถีแห่งพุทธสามพันหมุนขึ้นลงในกงจักร พุทธศาสนิกชนหลายร้อยล้านกราบไหว้พระพุทธด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ผู้นำสูงสุดแห่งวัดหมื่นอรหันต์รูปนี้นามว่าตี้เจีย ซึ่งเซียวฮั่นเรียกเขาว่าตี้หลูหลาย เป็นผู้คุมหางเสือที่แท้จริงของวัดหมื่นพระพุทธ ถ้าโลกมีพุทธะ เช่นนั้นตี้หลูหลายที่อยู่ตรงหน้าก็คือผู้นำสูงสุดแท้จริง เป็นบิดาแห่งพุทธะที่เต็มเปี่ยมด้วยหลักธรรมไร้ขอบเขต
เซียวฮั่นเดินตรงไปยังตี้หลูหลาย เมื่อมาถึงบัลลังก์บงกชก็ก้าวเท้านั่งที่มุมบัลลังก์บงกชโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด แน่นอนว่าหากเทียบกับร่างพุทธะสูงเสียดฟ้าของตี้หลูหลาย เงาร่างของเซียวฮั่นนั้นนับว่าราวกับเม็ดทรายเล็ก ๆ ก็มิปาน ถึงแม้จะนั่งบนบัลลังก์บงกชก็กินพื้นที่ไปไม่มากนัก
เพียงแต่เซียวฮั่นนั่งบนบัลลังก์บงกชของผู้นำสูงสุดเช่นนี้ กล่าวได้ว่าไม่แสดงความเคารพออกมาแม้แต่น้อย อย่างที่รู้กันว่าบุคคลตรงหน้าคือผู้นำสูงสุดแห่งวัดหมื่นพระพุทธ ต่อให้ยอดฝีมือแห่งใต้หล้าพบเห็นก็ยังต้องกราบไหว้แสดงความเคารพ
แต่ทว่าการที่เซียวฮั่นกระทำการเช่นนี้ ผู้นำสูงสุดกลับไม่แสดงความเห็นใด ๆ หมื่นพุทธสาวกในวิหารเห็นแต่กลับไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเป็นจริงดั่งที่เซียวฮั่นกล่าว เวไนยสัตว์เสมอภาค เวไนยสัตว์ต่างก็สามารถนั่งเสมอกันทั้งสิ้น
“เอาล่ะ ไม่ล้อเล่นกับท่อนไม้เช่นพวกท่านแล้ว ที่ข้ามามีสองเรื่อง เรื่องแรก ข้าต้องการให้ช่วยปลดกลประทับบนตัวข้า เรื่องที่สอง ข้าต้องการเอาบงกชทองบารมีสิบสองชั้นกลับมา!”
เซียวฮั่นเอ่ยจบประโยคแรก ยังไม่มีปฏิกริยาใดตอบสนอง แต่เมื่อเซียวฮั่นเอ่ยประโยคที่สอง หมื่นพุทธสาวกทั้งหมดพลันลืมตาขึ้น ดวงตาประกายแสงแห่งธรรมน่ากลัวออกมา
“บงกชทองบารมีสิบสองชั้น ข้าเคยใช้มันทำการค้ากับพวกท่านก็จริง แต่พวกท่านผิดสัญญา ไม่ทำตามสัญญาของข้า ดังนั้นวันนี้ข้าจะเอากลับคืน!”
เซียวฮั่นไม่สนใจแสงแห่งธรรมอันน่ากลัวที่เปล่งออกมาจากดวงตาหมื่นพุทธสาวก เขามองแค่ร่างของตี้หลูหลายและเอ่ยอย่างเนิบช้า
“อมิตตาพุทธ โยมเซียว ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกรรม วันใดที่บงกชทองบารมีสิบสองชั้นมีวาสนา ย่อมกลับคืนสู่มือของโยมเซียว!”
เสียงพระพุทธะดังมาจากที่ไกลโพ้น
เซียวฮั่นไม่สะทกสะท้าน และกล่าวต่อ
“หากท่านกล่าวถึงวันที่มีวาสนา เช่นนั้นจงรอเวลาที่ข้าจะเอาบงกชแดงเพลิงสิบสองชั้น และบงกชนิลดับโลกากลับคืน!”
“อมิตตาพุทธ โยมมีจิตใจห่วงประชาราษฎร์ทั่วหล้า พุทธะเปี่ยมด้วยเมตตาจิต เมื่อโปรดเวไนยสัตว์จบสิ้น เพาะบ่มแสงแห่งปัญญารู้แจ้งมิมีประมาณ”
เสียงพุทธะดังมาจากที่ไกลโพ้นอีกครั้ง เซียวฮั่นได้ยินจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ตี้หลูหลาย ท่านเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”
“อมิตตาพุทธ อาตมาเตรียมพร้อมแล้ว!”
“ข้ารู้ ท่านพร้อมทุกอย่างขาดเพียงสิ่งสำคัญของข้าเท่านั้น ข้าสามารถเอาบงกชแดงเพลิงสิบสองชั้นและบงกชนิลดับโลกามาให้ท่านได้ แต่ข้าต้องได้เห็นความจริงใจของวัดหมื่นพระพุทธด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่ไว้หน้าท่าน!”
เอ่ยจบ เซียวฮั่นพลันแสดงความเห็น เหนือศีรษะปรากฏแผ่นหยกนำโชคขึ้น บนแผ่นหยกนำโชคนั้น เงากระบี่ของกระบี่ครามเล่มหนึ่งค่อย ๆ เด่นชัด
เมื่อกระบี่ครามเล่มนี้ปรากฏ วิหารพุทธะเงียบลงทันใด เพราะไม่ว่าผู้ใดต่างก็ล้วนสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแห่งความน่ากลัวที่มิอาจเทียบได้ของกระบี่คราม กลิ่นอายนี้มาจากยุคแห่งความเวิ้งว้าง มาจากยุคฟ้าดินเริ่มถือกำเนิด ราวกับว่ากระบี่ครามเล่มนี้เคยแยกฟ้าดิน เป็นจุดเริ่มต้นวิวัฒนาการของทุกสรรพสิ่งก็มิปาน!
…………..