ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 108
ตอนที่ 108: ฉู่เทียนเจียว!
“ยามนี้ขอบเขตของเจ้าบรรลุเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชระดับสามแล้ว!” เซียวฮั่นวางจอกชาลง สายตามองไปยังเย่าเฉิน จากนั้นก็เอ่ยพลางยิ้มแย้ม
“พลังเพียงเท่านี้ยังไม่นับเป็นอันใด เมื่อเทียบกับเจ้า เกรงว่านับเป็นมดปลวกยังคงไม่ได้” ได้ยินดังนั้น เย่าเฉินก็หยุดมือที่กำลังถือจอกชาพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น
เพียงแต่หลังจากนั้น เย่าเฉินก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างฉันพลัน ก่อนจะเอ่ยอย่างรีบร้อน “เจ้าคงไม่ปล่อยให้กระดูกแก่ ๆ ของข้า ติดสอยห้อยตามเจ้าไปบนเก้าชั้นฟ้าด้วยกันหรอกใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้กล่าวอะไร สิ่งนี้เจ้าล้วนเอ่ยออกมาเอง” สิ้นเสียงของเย่าเฉิน เซียวฮั่นก็คลี่ยิ้มบางเบาทันที
“ดูเหมือนว่าภพนี้เจ้าต้องการก่อเรื่องใหญ่สินะ!” เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเซียวฮั่น เย่าเฉินพลันมีสีหน้าแข็งค้าง จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ
“บนเก้าชั้นฟ้า มีปัจจัยที่ไม่สงบมากมาย ก่อนที่สงครามจะมาถึง ข้าจำต้องขอให้พวกเจ้าช่วยเพื่อกำจัดปัจจัยเหล่านี้ ” คำของเซียวฮั่นทำให้แววในดวงตาของเย่าเฉินกระตุกอย่างห้ามไม่ได้
การที่เซียวฮั่นมาพบเย่าเฉินที่เรือนร้อยสมุนไพรไม่ใช่ว่าไร้เหตุผล เย่าเฉินมีฐานะเป็นอาจารย์หลอมโอสถอันดับหนึ่งของเก้ามหาทวีป อย่าว่าแต่เก้ามหาทวีปเลย ในเก้าชั้นฟ้าก็ยังเป็นอาจารย์หลอมโอสถอันดับต้น ๆ และเซียวฮั่นต้องมีอาจารย์หลอมโอสถเช่นนี้คอยช่วยเหลือหลังจากขึ้นไปบนเก้าชั้นฟ้า จึงจะนับว่าปลอดภัยหลายส่วน
“เรื่องนี้ เกรงว่าตาแก่อย่างข้าต้องใคร่ครวญเสียก่อน” เย่าเฉินเงียบนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ
“หากไม่อยากขึ้นไป ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า”
ได้ยินดังนั้น เซียวฮั่นก็หัวเราะเสียงเบา แม้ว่าเย่าเฉินจะสำคัญสำหรับเขาเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากฝืนใจเย่าเฉิน อย่างไรการแสวงหาและการเลือกของแต่ละคนย่อมต่างกัน สำหรับเย่าเฉิน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการปกป้องดูแลลูกหลานของเรือนร้อยสมุนไพร ไม่ใช่ยกทัพไปเก้าชั้นฟ้ากับเขา
“อืม!”
เย่าเฉินพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบกับเซียวฮั่นในทันที เรื่องนี้ เขาต้องตรึกตรองอย่างหนัก อย่างไรข้อดีและข้อเสียก็มีมากมาย ไม่สามารถให้เขาตัดสินใจสุ่มสี่สุ่มห้าได้
“ท่านบรรพบุรุษเรือนร้อยสมุนไพรอยู่ข้างบนสบายดีหรือไม่?”
ทันใดนั้นเย่าเฉินก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา จักรพรรดิร้อยสมุนไพรคือบรรพบุรุษของเรือนร้อยสมุนไพร เป็นต้นตระกูลของเขา และเซียวฮั่นก็เคยขึ้นไปด้านบน เขาจึงน่าจะรู้เกี่ยวกับสภาพการณ์ของบรรพบุรุษ
“การดำเนินชีวิตของท่านผู้เฒ่าไม่เลวทีเดียว เมื่อเทียบกับยอดฝีมือเทพแท้จริงท่านอื่น ๆ วันเวลาของเขาบนเก้าชั้นฟ้านั้นนับว่ามีชีวิตที่สุขีที่สุดแล้ว” ได้ยินดังนั้น เซียวฮั่นก็หัวเราะเบา ๆ แล้วตอบกลับ พรสวรรค์หลอมโอสถของจักรพรรดิร้อยสมุนไพรนั้น ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม แม้ว่าจะมาถึงเก้าชั้นฟ้า ก็ยังเป็นอาจารย์จักรพรรดิโอสถผู้เชี่ยวชาญ
“เช่นนี้ ข้าก็สบายใจ”
เย่าเฉินคลี่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นวางจอกชาลงช้า ๆ แล้วเอ่ยต่อ
“เจ้ามาเรือนร้อยสมุนไพรครานี้ เกรงว่านอกจากพบกระดูกแก่ ๆ เยี่ยงข้าแล้ว ยังต้องใช้ลานเคลื่อนย้ายใช่หรือไม่?”
“ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรปิดบังเจ้าได้ อันที่จริงข้าคิดจะยืมใช้ลานเคลื่อนย้าย การเดินทางในมหาทวีปหนานโจวนับว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว ข้าควรจะกลับไปเสียที”
การมาเรือนร้อยสมุนไพรของเซียวฮั่นครานี้ นอกจากต้องการเชื้อเชิญเย่าเฉิน เขายังต้องการอาศัยลานเคลื่อนย้ายด้วย
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่เจ้าต้องระวังสักหน่อย มีบางคนไม่ต้องการให้เจ้ากลับไป” เย่าเฉินพยักหน้าพลางยิ้มตาหยี คำกล่าวของเย่าเฉินทำให้เซียวฮั่นหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้
“ดังนั้น ข้ายิ่งต้องการลานเคลื่อนย้ายของเจ้า ข้าอยากจะดูเหมือนกันว่ามันกล้าลงมือหรือไม่”
แววในดวงตาของเซียวฮั่นกระตุกทันที มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นขึ้นอย่างช้า ๆ
“เกรงว่ามันจะลงมือโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย โดยเฉพาะหลังจากผ่านสงครามของดินแดนโบราณ ผู้คนล้วนต้องเอ่ยถึงมันอย่างระมัดระวัง” เมื่อเห็นมุมปากของเซียวฮั่นเผยรอยยิ้ม เย่าเฉินก็รู้ทันทีว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่
“แหวกหญ้าให้งูตื่น หาไม่แล้วงูจะขยับได้อย่างไร?”
ได้ยินดังนั้น เซียวฮั่นเพียงแค่เอ่ยอย่างช้า ๆ สงคราม ณ ดินแดนโบราณ เซียวฮั่นไม่เพียงแต่ต้องการทำให้หลางหยาบาดเจ็บสาหัส แต่ยังต้องการทำให้บางคนตื่นตัวด้วย ไม่เพียงเท่านี้ เขายังต้องการทำให้บางคนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถล่องูออกจากถ้ำได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าได้ขุดหลุมพรางเอาไว้ก่อนแล้วสินะ เกรงว่าต้องมีคนโชคร้ายเสียแล้ว”
เย่าเฉินคลี่ยิ้ม เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า ด้วยพลังและลูกไม้ของเซียวฮั่น จะต้องมีคนประสบเคราะห์ร้ายอย่างแน่นอน
หลังจากทักทายกับเย่าเฉินและดื่มชาไปสามถ้วย เซียวฮั่นจึงจากไป และการเดินทางมามหาทวีปหนานโจวครั้งนี้นับว่าสำเร็จลุล่วงด้วยดี
นอกจากได้รับกระบี่โลกาและพลังต้นกำเนิดไม้มาแล้ว ยังสามารถสะบั้นพลังวิญญาณของหลางหยาลงครึ่งหนึ่งได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยตระกูลจางให้รอดพ้นวิกฤตระยะยาว กล่าวได้ว่าสิ่งที่ควรทำล้วนทำจนหมดแล้ว ต่อไปคือเดินทางกลับไปมหาทวีปตงโจว และหลังจากสะสางเรื่องต่าง ๆ บนมหาทวีปตงโจว เขาก็จะมุ่งหน้าออกเดินทางไปยังมหาทวีปจงโจว
เวลาบีบกระชั้นมากเกินไป เซียวฮั่นจึงไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป โดยเฉพาะในเก้ามหาทวีป เขายิ่งไม่สามารถสิ้นเปลืองเวลาได้มากนัก บางเรื่องที่ควรแก้ไขก็ต้องรีบแก้ ไม่อาจยืดเวลาออกไปได้แม้เพียงนิดเดียว
ด้านหน้าของลานเคลื่อนย้ายขนาดมหึมา เมื่อแสงของลวดลายจักรพรรดิบนลานเปล่งประกายแวววาว เงาร่างของเซียวฮั่นก็หายไปจากด้านหน้าลานเคลื่อนย้ายทันที
จากมหาทวีปหนานโจวไปยังมหาทวีปตงโจว ระยะทางไกลหลายล้านลี้ แม้จะอาศัยลานเคลื่อนย้ายวิเศษ ก็ยังใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยาม ดังนั้นเซียวฮั่นจึงมีแต่ต้องเคลื่อนย้ายผ่านเส้นทางว่างเปล่าไร้จุดสิ้นสุดเท่านั้น
เงาร่างเลือนรางลอยผ่านอย่างรวดเร็วในการเคลื่อนย้าย ในดวงตาของเซียวฮั่นกลับวาบแสงขึ้น มุมปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนี้กลับดูเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
“เทพศักดิ์สิทธิ์กฎแห่งสวรรค์ ฉู่เทียนเจียว ไม่พบกันเสียนาน!” สิ้นเสียงเอ่ยอย่างช้า ๆ เส้นทางว่างเปล่าที่อยู่ข้างหน้าเซียวฮั่น ก็ค่อย ๆ ปรากฏเงาร่างหนึ่ง
ผู้มาเยือนสวมชุดคลุมยาวลายนภา ผมดำยาวคลอเคลียไหล่ รูปร่างหน้าตาดูทั่ว ๆ ไป ไม่มีสิ่งใดแปลกประหลาด แต่ไม่ว่าจะลักษณะท่าทางหรือแววตา ล้วนเผยซึ่งจิตใจอันทรนงที่เหยียดหยามทุกสิ่งได้อย่างแท้จริง ภายใต้นภา ไม่มีใครอยู่ในสายตาเขา ดวงตาดำสนิททั้งสองข้างนั้น ราวกับเป็นดวงตาสวรรค์ เย็นชาและไร้อารมณ์ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดอยู่ในสายตาทั้งสิ้น
ฉู่เทียนเจียว เจ้าวิหารของวิหารสวรรค์ ได้รับสมญานามว่าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์กฎแห่งสวรรค์ เป็นศัตรูตลอดกาลบนเก้ามหาทวีปของเซียวเฟิงในภพก่อน ภายหลังสงครามแย่งชิงบัลลังก์ เซียวเฟิงเอาชนะฉู่เทียนเจียว พิสูจน์ตนเป็นวิถีเต๋าไร้เทียมทาน กลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริง ฉู่เทียนเจียวจึงได้หายไปในภายหลัง
แต่ทว่าพรสวรรค์ของฉู่เทียนเจียวนับว่าเป็นของจริง หลายปีผ่านมานี้ขอบเขตของเขาได้บรรลุมาถึงขอบเขตไร้เทียมทานสูงส่งสุดจะหยั่ง ถึงขนาดที่ว่าหลายคนไม่รู้ว่าพลังและความแข็งแกร่งของเขานั้นน่าหวาดผวาเพียงใด
“บรรลุขอบเขตสูงสุดเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชระดับเก้า เกรงว่าในตอนนี้เจ้าคงจะไม่เข้าสู่สังสารวัฏ เป็นอมตะอย่างแท้จริงแล้วกระมัง”
ขณะที่สายตาจ้องเขม็งไปยังฉู่เทียนเจียว เซียวฮั่นก็ลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ พรสวรรค์ของฉู่เทียนเจียวนั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะเก่าแก่ในโลกหล้าอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับอวี้ซวีจื่อก็ล้วนไม่ด้อยไปกว่ากัน
เซียวเฟิงในภพก่อน ยุคนั้นเป็นยุคที่สว่างไสวโชติช่วง เป็นยุคแห่งการกำเนิดอัจฉริยะในโลกหล้า แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นเซียวเฟิงที่ได้รับชัยชนะ พิสูจน์ว่าเป็นวิถีเต๋าไร้เทียมทาน
ได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเจียวเพียงมองไปยังเซียวเฟิงอย่างเย็นชา ไม่ได้ปริปากเอ่ยสิ่งใด เพียงแต่คลื่นลมปราณรอบ ๆ กายของเขาน่าหวาดผวาขึ้นเรื่อย ๆ เส้นทางว่างเปล่ารอบ ๆ กายพังทลายลงภายใต้คลื่นลมปราณนี้
จากนั้นมรสุมอากาศอันน่าหวาดกลัวก็กวาดล้างรอบทิศ แต่ฉู่เทียนเจียวที่ยืนอยู่ในบริเวณตรงกลางของมรสุมอากาศกลับไม่ไหวติง ยังคงจ้องไปยังเซียวฮั่นด้วยสายตาเย็นเยียบ
“นี่มัน?”
สีหน้าเซียวฮั่นเปลี่ยนไปในบัดดล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเฉยชา “เทียนเจียวแห่งยุคสมัยในอดีตตกต่ำจนแปลงกายเป็นกฎแห่งสวรรค์แล้วอย่างนั้นรึ”
ได้ยินดังนั้น แววตาทั้งสองข้างของฉู่เทียนเจียวก็เยือกเย็นถึงขีดสุด ในดวงตายิ่งเต็มไปด้วยความไร้ปรานีเกินจะเปรียบ ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ตัดขาดเจ็ดความรู้สึกหกปรารถนา กลายเป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์
เนื่องด้วยลมปราณของฉู่เทียนเจียวที่น่าหวาดผวาขึ้นเรื่อย ๆ เนตรโลหิตคู่หนึ่งก็พลันโผล่ขึ้นช้า ๆ บนยอดศีรษะของเขา สิ่งนั้นคือเนตรแห่งทัณฑ์สวรรค์
“กลประทับกฎแห่งสวรรค์!”
ในที่สุด ฉู่เทียนเจียวก็ปริปาก เสียงอันเย็นเยียบเกินจะเปรียบดังขึ้น แววตาของเซียวฮั่นกระตุกขึ้นมาทันใด จิตโคจรโดยไม่เอ่ยวาจา แผ่นหยกนำโชคปรากฏขึ้นบนยอดศีรษะ แสงสีเขียวสาดลงมาป้องกันตนเอง
“ประทับชั่วนิรันดร์!”
กฎแห่งสวรรค์ในปากกลอกกลิ้ง ฉู่เทียนเจียวสะบัดฝ่ามือหนึ่งครา กฎระเบียบแห่งสวรรค์ในเนตรโลหิตบนยอดศีรษะกลายเป็นโซ่พันธนาการพุ่งไปพันรอบตัวเซียวฮั่น
ทั้งร่างของเซียวฮั่นถูกโซ่กฎแห่งสวรรค์สีแดงฉานพันรอบตัวอย่างถี่ยิบ แม้จะมีการปกป้องจากแผ่นหยกนำโชค ก็ยังคงถูกล้อมไปด้วยโซ่สีโลหิตอย่างแน่นหนา
เนื่องด้วยเวลาที่ผ่านไปดั่งสายวารี เซียวฮั่นรู้สึกถึงพลังของตนที่ถูกผนึกไว้ทันที แม้ว่าเขาจะฝึกเต๋าที่แข็งแกร่งอย่างวิถีเต๋าไร้เทียมทาน แต่ยามนี้ยังค่อย ๆ ถูกผนึกพลังเต๋าเอาไว้
“คราวนี้ยุ่งยากแล้ว”
เมื่อเอ่ยจบ ร่างของเซียวฮั่นก็ถูกมรสุมอากาศกลืนกินทันที คนทั้งร่างหายไปในเส้นทางว่างเปล่า
ขณะมองไปยังเซียวฮั่นที่ถูกมรสุมอากาศกลืนกินจนหายวับไป ฉู่เทียนเจียวยังคงมีสีหน้าเย็นเยียบ ไม่มีสีหน้ายินดีเพราะสิ่งนี้แม้แต่น้อย
หลังจากเงาร่างของเซียวฮั่นหายไป เห็นเพียงเนตรทัณฑ์สวรรค์บนยอดศีรษะของฉู่เทียนเจียวเปล่งประกายแสงสีแดงเล็กน้อย เงาร่างเลือนรางสีแดงฉานสายหนึ่งปรากฏต่อหน้าฉู่เทียนเจียว
“นายท่าน!”
เมื่อเห็นเงาร่างเลือนรางสีแดงฉาน ฉู่เทียนเจียวก็คุกเข่าลงกับพื้นหนึ่งข้าง ท่าทางราวกับหุ่นกระบอกก็มิปาน
“การต่อสู้ของข้ากับเจ้า มาดูกันว่าผู้ใดจะชนะ”
เมื่อเงาแดงฉานนี้ปรากฏขึ้น มันไม่ได้สนใจฉู่เทียนเจียว แต่กลับมองไปยังสถานที่ที่เซียวฮั่นหายตัวไปแทน แววในดวงตาอันน่าหวาดผวาคู่หนึ่งกระตุกอย่างฉับพลัน จากนั้นเสียงโพรงกลวงก็ดังขึ้นอย่างช้า ๆ
ดินแดนในขอบสุดของทิศตะวันตก ที่แห่งนี้อยู่ติดกับมหาทวีปซีโจว เป็นทางแยกระหว่างมหาทวีปตงโจวและมหาทวีปซีโจว และทางแยกนี้ ถูกเรียกว่าดินแดนรกร้างมรณะ
ดินแดนรกร้างแห่งนี้ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด น้อยคนนักที่จะสำรวจว่าดินแดนรกร้างแห่งนี้แท้จริงแล้วกว้างใหญ่เพียงใดได้สำเร็จ แต่หลายคนรู้ว่าในเขตแห่งความตายซึ่งเรียกว่าดินแดนรกร้างมรณะมีสมบัติอยู่มากมาย
แน่นอนว่าหากอยากได้สมบัติเหล่านี้ก็ต้องจ่ายราคาค่างวดออกมา และราคาที่ว่านั้นคือชีวิต ในที่แห่งนี้ โอกาสตายสูงมาก ดังนั้นที่แห่งนี้จึงถูกเรียกว่าดินแดนรกร้างมรณะ
ในดินแดนรกร้างมรณะ มีสมบัติสามอย่าง สมบัติที่หนึ่งคือสัตว์ปีศาจ จากสัตว์ปีศาจที่อยู่ระดับต่ำที่สุด ถึงระดับจักรพรรดิ ทรราช หรือแม้แต่ราชันก็มีอยู่ทั่วไป สายโลหิตของสัตว์ปีศาจ และหนังปีศาจล้วนเป็นของล้ำค่า ขอเพียงแต่สามารถล่าศีรษะของสัตว์ปีศาจที่อยู่สูงกว่าระดับจักรพรรดิ ก็นับว่าได้สมบัติล้ำค่ามาครอบครอง
นอกจากสัตว์ปีศาจแล้ว ในดินแดนรกร้างมรณะยังมีโอสถวิญญาณอีกเป็นจำนวนมาก และโอสถวิญญาณเหล่านี้ก็เรียงจากระดับต่ำไปสูง โอสถวิญญาณที่อยู่ระดับสูงกว่าจักรพรรดิย่อมมีราคาสูงสุด แน่นอนว่ายิ่งโอสถวิญญาณมีระดับสูงมากเพียงใด การปกป้องจากสัตว์ปีศาจก็จะยิ่งสูงตาม ดังนั้นบางครั้งการตามล่าหัวปีศาจระดับสูงก็หมายถึงการได้รับสมบัติสองชิ้น
เมื่อเทียบกับสองสมบัติแรก สมบัติที่สามไม่ได้หาง่ายถึงเพียงนั้น ในดินแดนรกร้างมรณะมีศิลาเทพ ทองคำและสมบัติมากมาย หากมีผู้ใดพบเจอชิ้นสองชิ้น เมื่อเทียบกับสองสมบัติแรกแล้วย่อมมีราคาสูงกว่า
คิดอยากได้สมบัติ จะอย่างไรก็ต้องจ่ายในราคาที่สูง เพราะสัตว์ปีศาจในดินแดนรกร้างมรณะนั้นมีทั่วสารทิศ หากยอดฝีมือที่เข้าไปในนั้นไม่ระวัง จากพรานจะกลายเป็นเหยื่อ และจะถูกสัตว์ปีศาจกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกในที่สุด!
………….