ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 105
105: ค่ายกลห้าวิญญาณสังหาร!
ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทวีปหนานโจว พวกเขาได้ครอบครองเส้นวิญญาณอันยอดเยี่ยมซึ่งกินบริเวณกว้างหลายล้านลี้ อีกทั้งยังมีตระกูลและสำนักย่อยอันดับสองอันดับสามอยู่ภายใต้การปกครองอีกเป็นจำนวนมาก ภายในมหาทวีปหนานโจวแห่งนี้ นอกจากเรือนร้อยสมุนไพรแล้ว ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ถือเป็นขุมกำลังชั้นปกครองของที่แห่งนี้
ยามปกติตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะหยิ่งผยองและเผด็จการ แต่ในเวลานี้ทั้งตระกูลกลับหายฉับพลันราวกับระเหยไปในอากาศภายในคืนเดียว ผู้คนทั้งหมดในตระกูลต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ตระกูลหลักของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเหลือข้ารับใช้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ผู้ไม่รู้ย่อมคิดว่าตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กำลังเตรียมจะทำการใหญ่ แต่ผู้ที่รู้ก็เข้าใจว่าศัตรูตัวฉกาจของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กำลังจะมาเยือนถึงหน้าประตูเรือน ดังนั้นสายตามากมายจึงได้มอบมองการกระทำของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในมุมมืด
ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นขุมกำลังขนาดใหญ่ซึ่งสืบทอดกันมานานหลายแสนปี และยังเป็นตระกูลเก่าแก่พอ ๆ กับตระกูลจางอีกด้วย ตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นแรกจนกระทั่งถึงรุ่นที่สองหรือตระกูลหลักในรุ่นที่สามล้วนเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน ต่อมาเมื่อบรรพบุรุษคนแรกและทายาทบรรพบุรุษปรากฏขึ้นก็ยิ่งทำให้ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
แต่ในยุคนี้ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กลับยิ่งทะเยอทะยาน พวกเขาต้องการสร้างยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริงขึ้นมาอีกสักคน หากเป็นเช่นนั้นจะสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ หรือบางทีอาจจะสามารถเป็นผู้นำของมหาทวีปหนานโจวแทนเรือนร้อยสมุนไพรได้
แต่ความทะเยอทะยานของพวกเขายังไม่ทันได้ก้าวไปที่ใด กลับต้องมาพานพบกับศัตรูตัวฉกาจเสียก่อน กล่าวได้ว่าหากตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สามารถผ่านบททดสอบครั้งนี้ไปได้ เส้นทางในภายภาคหน้าของพวกเขาก็จะราบรื่น แต่หากผลลัพธ์ออกมาในทางกลับกันก็อาจจะถึงคราร่วงตกต่ำลง
แม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นถึงขุมกำลังชั้นยอด ถึงแม้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะดับสูญไปแล้ว แต่บรรพบุรุษอีกสี่คนที่เหลือก็ยังคงน่าหวาดหวั่นอยู่ดี
ยอดฝีมือเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนล้วนอยู่ร่วมกันเพื่อส่งเสริมเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถจินตนาการได้ว่าต้องเป็นผู้ที่มีพลังเช่นไรถึงจะสามารถโค่นล้มตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการลบตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากโลกนี้
ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ถือว่าเป็นขุมกำลังชั้นยอด พระราชวังอันใหญ่โตของพวกเขาถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งหากมองออกไปจะเห็นท้องฟ้ากว้างไกล มีภูเขาล้อมรอบและมีสายน้ำไหลผ่านไม่สิ้นสุดราวกับเป็นคูเมือง
เพียงกวาดตาไปรอบ ๆ ย่อมมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามน่าประทับใจ สามารถกล่าวได้ว่าตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับดินแดนแห่งหนึ่ง เกรงว่าเหล่าศิษย์ของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ยังมีชีวิตอยู่คงมีจำนวนมากมายนับล้าน
ไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังหรือยอดฝีมือที่เก่งกาจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ต้องยำเกรงพวกเขา เพราะเปรียบเสมือนขุมกำลังอันน่ากลัวที่เต็มไปด้วยเสือซุ่มมังกรซ่อน อย่าว่าแต่บรรพบุรุษเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คน เกรงว่าในตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คงจะมียอดฝีมือขอบเขตราชันอีกหลายร้อยคนอย่างแน่นอน หรือแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตทรราชหรือขอบเขตจักรพรรดิก็คงมีอยู่มากมาย
ในยามนี้ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่เคยมีเงาคนมากมายนับไม่ถ้วนกลับเงียบสงบราวกับป่าช้า แม้แต่ประตูเรือนก็ยังถูกเปิดออกกว้างราวกับกำลังต้อนรับผู้มาเยือน
ทันใดนั้นมวลอากาศก็สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จ้องมอง เงาร่างที่อยู่ในชุดสีขาวก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากอุโมงค์มิติอย่างช้า ๆ คนก้าวออกมาจากอุโมงค์มิติทีละก้าวก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ด้านบนเรือนหลังใหญ่ที่หรูหราที่สุดของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ และเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ด้านล่างก็มีลานกว้างขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง
เงาร่างนั้นเดินลงมาจนถึงท้องฟ้าเหนือเรือนหลังใหญ่ จากนั้นก็มองไปยังลานกว้างที่อยู่ด้านล่างแล้วกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อเสียแรงไปตั้งมากมายเพื่อสร้างกับดักนี้ หากข้าไม่ตกลงไปก็ดูเหมือนจะผ่านไปไม่ได้สินะ”
เมื่อเอ่ยจบเซียวฮั่นก็ก้าวเท้าไปกลางอากาศอีกเล็กน้อย จากนั้นทั้งร่างของเขาก็ร่วงลงไปบริเวณใจกลางลานกว้างแห่งนั้นทันที หลังจากที่ร่างของเขาก้าวลงสู่พื้น ลวดลายต่าง ๆ มากมายก็ค่อย ๆ แผ่ขยายจากฝ่าเท้าของเขาออกไปรอบทิศทาง
เมื่อได้เห็นฉากนั้นยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่กำลังแอบมองดูสถานการณ์ต่างก็สูดหายใจเอาอากาศเย็นเยียบเข้าไปพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างตกตะลึง
“นั่นมันค่ายกลห้าวิญญาณสังหารนี่!”
ตอนนี้บนลานกว้างที่เซียวฮั่นยืนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเหนือใต้ออกตกหรือตรงกลางต่างก็มีเงาร่างที่มีพลังอันน่ากลัวยืนอยู่ตามตำแหน่งต่าง ๆ และด้านหลังเงาร่างเหล่านั้นก็มีโลกใบเล็กปรากฏอยู่ด้านหลัง และโลกใบเล็ก ๆ เหล่านั้นมีเพียงยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะมีได้
ภายในโลกเล็ก ๆ เบื้องหลังเงาร่างทั้งห้าสายยังมีเงาร่างอีกนับร้อยนับพัน และเงาร่างเหล่านั้นก็คือยอดฝีมือขอบเขตราชันและทรราช ตอนนี้พลังของร่างเหล่านั้นล้วนหลั่งไหลเข้าไปในโลกใบเล็ก ๆ ใบนั้นไม่หยุดและหลั่งไหลเข้าไปสู่ร่างกายของเจ้าของโลกใบเล็กด้วยเช่นกัน
“เทพศักดิ์สิทธิ์ห้าคนอย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? บรรพบุรุษแรกเริ่มของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มิใช่ว่าตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อมองไปยังเงาร่างอันน่ากลัวทั้งห้า บรรดายอดฝีมือที่ซ่อนอยู่ในเงามืดต่างก็สูดหายใจเอาอากาศเย็นเยียบเข้าไปด้านในแล้วเอ่ยออกมาด้วยความหวาดหวั่น
“นั่นไม่ใช่บรรพบุรุษแรกเริ่มของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นยอดฝีมือเทพศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่งต่างหาก ทว่าคนผู้นั้นเป็นใครข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
เหล่ายอดฝีมือต่างมองออกว่ายอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนไม่ใช่บรรพบุรุษแรกเริ่มของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นผู้อื่น
“ข้าก็คิดว่าผู้ใด ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง!”
เพียงปรายตามองไปยังเงาร่างที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ เซียวฮั่นก็เอ่ยกลั้วหัวเราะขึ้นมา เงาร่างนั้นมีแขนเพียงข้างเดียว ดังนั้นเซียวฮั่นจึงจดจำเขาได้ คนผู้นี้คือยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกตัดแขนไปข้างขณะแย่งเจดีย์หลิงหลงของเขาในดินแดนโบราณก่อนที่จะหลบหนีไป
“ความแค้นอันล้ำลึก วันนี้ข้าจะมาสะสางให้สิ้นซาก”
เงาร่างนั้นไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธแต่กลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในฐานะที่เขาเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ การฟื้นฟูแขนขาย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย แต่แขนของเขาถูกเจดีย์หลิงหลงตัดไป จนทำให้เขาไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในทันที
หลังจากที่ยอดฝีมือผู้นี้ได้รับคำเชิญจากตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ก็รีบมาร่วมสงครามสังหารเซียวฮั่นในครั้งนี้โดยทันใด แน่นอนว่ายอดฝีมือผู้นี้หนีไปจากดินแดนโบราณตั้งแต่แรกจึงไม่รู้ว่าต่อมาได้เกิดศึกสะท้านโลกันต์ขึ้น หากว่ารู้ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า คงไม่กล้าปรากฏตัวในตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อสู้กับเซียวฮั่นอย่างแน่นอน
“เจ้าสังหารผู้คุมกฎอาวุโสและศิษย์ของตระกูล วันนี้พวกเราตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะขอต่อสู้ตัดสินเป็นตายกับเจ้า”
เย่เฉินเทียน บรรพบุรุษของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทางด้านขวาของเซียวฮั่นเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา
เย่เฉินเทียนสวมใส่ชุดคลุมสีดำ ร่างกายของเขาดูผอมสูงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใบหน้าคล้ายคนที่มีอายุประมาณห้าสิบปี เขาถือเป็นยอดฝีมือคนที่สี่ของตระกูลเย่ซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์โบราณ ภายในตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เขาถูกยกย่องให้เป็นบรรพบุรุษที่มีตำแหน่งสูงส่ง นอกจากนี้ยังเป็นปู่ของเย่เฉียนเทียนซึ่งเป็นทายาทคนปัจจุบันของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
“ผิดแล้ว วันนี้จะมีแค่ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าเท่านั้นที่ต้องตาย!”
เซียวฮั่นกวาดตามองเย่เฉินเทียนแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ แม้ว่าเขาจะตกอยู่ท่ามกลางค่ายกลห้าวิญญาณสังหาร แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าค่ายกลนี้จะสามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันได้ก็ตาม
“เกรงว่าเจ้าคงมั่นใจเกินไปแล้ว บางทีที่นี่อาจจะเป็นหลุมฝังศพของเจ้าในวันนี้”
น้ำเสียงเย่อหยิ่งอวดดีดังขึ้นมา เหนือศีรษะของเซียวฮั่นปรากฏเงาร่างสีขาวร่างหนึ่ง ชายชราผมขาวสวมชุดสีทองกำลังเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ามืดมน
แม้ว่าชายชราคนนั้นจะมีเส้นผมสีขาวโพลน แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาราวกับกระบี่ที่ไม่มีวันผุกร่อน เขาคือเย่อู่เทียน ผู้อาวุโสรองของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเป็นทวดของเย่เฉียนเทียนและเป็นหลานชายของบรรพบุรุษแรกเริ่มของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าคนต่างก็มีสายเลือดเดียวกันและมีสายสัมพันธ์กับเหล่าบรรพบุรุษ
“ไม่ต้องเอ่ยให้มากความ ข้าก็อยากเห็นความสามารถที่แท้จริงของพวกเจ้าเช่นกัน”
เซียวฮั่นยกยิ้มขึ้นมาโดยไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ แม้ว่าเขาจะถูกยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ปิดล้อมเอาไว้ หรือแม้แต่เขาจะตกอยู่ในค่ายกล ห้าวิญญาณสังหารก็ตาม
เหล่ายอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืดมิดเห็นเซียวฮั่นมีท่าทางสงบนิ่ง ต่างก็อดรู้สึกนับถืออยู่ในใจไม่ได้ ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่คือค่ายกลห้าวิญญาณสังหาร มันคือค่ายกลอันน่ากลัวที่สามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันได้ และเมื่อยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าคนร่วมมือกัน อีกทั้งยังมีโลกใบเล็กทั้งห้าใบ ด้วยพลังของยอดฝีมือขอบเขตราชันและขอบเขตทรราชคอยหนุนนำไม่ขาด จึงสามารถจินตนาการได้ว่าค่ายกลห้าวิญญาณสังหารนี้จะต้องน่ากลัวเพียงใด
เกรงว่าต่อให้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันก็คงไม่สามารถมีชีวิตรอดออกไป และบางคนก็คิดว่าต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชตกลงไปในค่ายกลนี้แล้ว แม้ไม่ตกตายก็จำต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยจึงจะหนีออกมาได้
“เช่นนั้นก็เข้ามา!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เบิกตาโพลงขึ้นมา ในเวลาต่อมาพลังฟ้าดินก็เริ่มหมุนเวียน จากนั้นแรงกดดันอันน่ากลัวที่สามารถสั่นคลอนฟ้าดินได้ทั้งห้าสายก็กดทับลงมาจากบนฟ้า ภายใต้แรงกดดันทั้งห้าสายแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันก็ยังสามารถถูกสังหารได้เช่นกัน
แต่เมื่อแรงกดดันทั้งห้าสายนั้นกดทับลงไปบนร่างของเซียวฮั่น มันกลับเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น สำหรับเซียวฮั่นแล้ว อย่าว่าแต่พลังระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เลย แม้แต่พลังในระดับเทพแท้จริงหรือความโกรธของสวรรค์เขาก็ล้วนสัมผัสมาแล้ว
“เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!”
เสียงสายฟ้าฟาดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเงาร่างอันน่ากลัวที่สูงหลายล้านจั้งก็ปรากฏขึ้นในลานกว้างก่อนพลังอันน่าหวาดผวาราวกับยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันจะหลั่งไหลออกมาจากเงาร่างนี้
นี่คือจุดที่น่ากลัวของค่ายกลห้าวิญญาณสังหาร แม้ว่าพลังของผู้แข็งแกร่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าจะไม่สม่ำเสมอ แต่ก็สามารถค้ำจุนค่ายกลวิญญาณทั้งห้าเอาไว้ได้ พลังบ่มเพาะของพวกเขาทุกคนล้วนไปถึงขอบเขตเดียวกัน นอกจากนี้ยังเกื้อหนุนซึ่งกันและกันอีกด้วย แต่ค่ายกลเช่นนี้ก็ยังต้องใช้พลังมหาศาลอยู่ดี
ดังนั้นยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า จึงปลดปล่อยโลกใบเล็กอันเป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมาอย่างไม่เสียดาย นอกจากนี้ยังให้ยอดฝีมือขอบเขตราชันและทรราชรวมพลังกันส่งเข้าไปในนั้นอย่างไม่ขาดสาย เมื่อเป็นเช่นนี้ค่ายกลห้าวิญญาณจึงสามารถทำงานต่อไปได้และยังสามารถสำแดงฤทธิ์เดชอันน่ากลัวจนถึงขีดสุดออกมาได้ด้วย
“ไม่เลว นับว่าน่าชื่นชม!”
เมื่อมองเห็นเงาร่างอันน่าหวาดผวาที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันทั้งห้าสาย เซียวฮั่นก็ยกยิ้มขึ้นมา จากนั้นเขาก็สะกิดเท้าลงไปบนพื้นเบา ๆ ก่อนที่พลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุดในร่างของเขาจะแผ่ขยายออกมา
เมื่อพลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่กระจาย ทั่วบริเวณก็คล้ายถูกพายุพลังวิญญาณอันน่ากลัวปกคลุมเอาไว้ และเมื่อพลังวิญญาณเริ่มเคลื่อนไหว ดวงตาของยอดฝีมือตั้งไม่รู้เท่าไรต่างก็สั่นระริกไปตาม ๆ กัน แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนและยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกตัดแขนคนนั้นก็ยังดวงตาสั่นระริกขึ้นมาเช่นกัน ยามนี้ในใจของพวกเขาต่างรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
การไหลเวียนพลังวิญญาณอันน่ากลัวเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าเส้นวิญญาณหล่อเลี้ยงทวีปชั้นยอดสายหนึ่งเลยทีเดียว ในร่างของคนคนหนึ่งมีพลังวิญญาณมากมายมหาศาลจนน่ากลัวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร นอกเสียจากว่าคน ๆ นี้จะอยู่ในจุดที่เป็นพลังต้นกำเนิดแห่งธรรมชาติทั้งปวงแล้ว หากไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชก็ต้องเป็นเทพแท้จริง!
………………