ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 104
104: ขวัญหนีดีฝ่อ!
ยามนี้ในห้วงความคิดของทุกคนล้วนคิดไปถึงคำของเซียวฮั่น แค่เทพศักดิ์สิทธิ์โบราณคนหนึ่งเท่านั้น หาได้นับเป็นตัวตนอันใด เพียงหนึ่งฝ่ามือก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายแล้ว
เมื่อคนทุกผู้ที่อยู่ในแห่งนี้ได้สติกลับคืนมา พริบตาเดียวผู้คนไม่รู้เท่าไร ต่างก็ตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืด ก็ยังต้องสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปเช่นกัน และสายตาที่มองไปยังเซียวฮั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความหวาดกลัวขึ้นมา
เดิมทีพวกเขาต่างเป็นยอดฝีมือผู้สูงส่ง นอกจากยอดฝีมือในระดับเดียวกันแล้วก็ไม่น่าจะมีใครสามารถคุกคามได้ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้พวกเขาตกใจจนกลายเป็นคนโง่งม เพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถสังหารเทพศักดิ์สิทธิ์โบราณคนหนึ่งได้แล้ว และแม้แต่วิญญาณที่คิดหลบหนีก็ยังถูกทำลายจนไม่เหลือซาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินจะรับได้
ไม่รู้ว่าพลังและการบ่มเพาะของอีกฝ่ายน่ากลัวถึงเพียงใด บางทีอาจจะมีแค่ยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันเท่านั้นจึงสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันอย่างนั้นหรือ?
“ยะ…ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชัน? ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ เพราะแม้แต่ขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันเองยังไม่อยู่ในสายตา”
ในใจของยอดฝีมือเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืดครุ่นคิดขึ้นมาอย่างจนปัญญา หากพวกเขารู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่ก่อสงครามสะท้านโลกันต์ในดินแดนโบราณก่อนหน้านี้ เกรงว่าพวกเขาคงตกใจจนอะไรต่อมิอะไรราดลงมาแล้วก็เป็นได้
“เหนือคนย่อมมีคน เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า พวกเราดูเหมือนแสงสว่างเจิดจรัสไม่มีที่สิ้นสุด แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็ก ๆ เท่านั้น”
ในฐานะที่เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง เขาย่อมรู้ดีว่าในเก้ามหาทวีปไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการต่อสู้ที่แท้จริง
เหนือเก้ามหาทวีปยังคงมีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ว่ากันว่าที่แห่งนั้น มียอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริงเต็มไปหมด เทียบกับยอดฝีมือเทพแท้จริงแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมไม่อาจประมาณได้ และด้วยบ่มเพาะระดับนั้น ในเก้ามหาทวีปอาจจะถูกขนานนามได้ว่าเป็นขั้นสูงสุดไร้เทียมทาน แต่เหนือเก้ามหาทวีปขึ้นไปเกรงว่าอาจจะแข็งแกร่งจนจินตนาการไม่ถึง
“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”
เซียวฮั่นกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างชั่วร้าย ในดวงตาของเขามีแต่ประกายฆ่าฟัน สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและยังมีเส้นเลือดผุดขึ้นมาจนทำให้เก้ามหาทวีปถึงกับต้องสั่นสะท้าน!
“เจ้า…… เจ้าอย่าเข้ามานะ ข้าเป็นผู้คุมกฎของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!”
เชียนว่านกำลังมองไปยังเซียวฮั่นราวกับมองปีศาจร้ายตนหนึ่งพร้อมเอ่ยออกมาเสียงสั่น ยามนี้เชียนว่านตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือเทพศักดิ์สิทธิ์โบราณก็ยังถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา เกรงว่าแค่อีกฝ่ายสะบัดมือออกมาครั้งเดียว ก็คงสามารถสังหารกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นเขาได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่กำลังลนลานทำอะไรไม่ถูก เชียนว่านจึงทำได้เพียงยกตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าชื่อของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจทำให้เซียวฮั่นตกใจได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันเมื่อเซียวฮั่นได้ยินคำกล่าวของเชียนว่าน เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้คิดจะยุ่งวุ่นวายอะไรอยู่แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้ายั่วโมโหข้าหลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะลบตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าออกไปจากโลกนี้เช่นกัน”
แม้ว่าตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะมีเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตระกูลถึงสี่คน แต่สำหรับเซียวฮั่นแล้ว พวกนั้นก็เป็นเพียงแค่มดปลวก อย่าว่าแต่เทพศักดิ์สิทธิ์สี่คนเลย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงถึงสี่คน เขาก็ไม่ยี่หระแม้แต่น้อย
“เจ้า…… เจ้า….!”
ตอนนี้เชียนว่านซึ่งเป็นผู้คุมกฎตื่นตระหนกขึ้นมาจนถึงขีดสุด แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้เขากลับตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ แม้แต่เหล่าเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดต่างก็ตกตะลึงขึ้นมาเช่นกัน พวกเขาจึงทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ในความมืดโดยไม่กล้าเสนอหน้าและไม่กล้าส่งเสียงออกไปเพราะเกรงว่าจะเป็นการล่วงเกินเซียวฮั่น
“ข้าไม่มีเวลามากมายที่จะมาเสียไปกับพวกเจ้า!”
ดวงตาราบเรียบจ้องมองไปยังกลุ่มยอดฝีมือของตระกูลจักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งวิหารเทพสุริยัน ตระกูลข่งและตระกูลซวีด้วยเช่นกัน เพียงพริบตาเดียวยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
“ตาย!”
เซียวฮั่นกวาดตามองออกไป ทันใดนั้นทั่วหล้าก็เหมือนจะอ่อนแรงลง ประกายแห่งความตายถูกปลดปล่อยออกมาจนทำให้พลังอันน่ากลัวแผ่ขยายออกไปในชั่วพริบตา ยอดฝีมือจากแต่ละขุมกำลังที่ปิดล้อมตระกูลจางอยู่ต่างรู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงพลังชีวิตไปอย่างฉับพลัน และเพียงอึดใจเดียวพวกเขาก็กลายเป็นซากศพที่ไร้ซึ่งพลังชีวิตและนอนตายอยู่บนพื้น
“ฟุ่บ!”
เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้ายอดฝีมือบริเวณรอบ ๆ ที่อยู่ไม่ไกลต่างก็สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปขณะที่ในใจของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง สายตาที่มองไปยังเซียวฮั่นต่างทวีความหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
ต้องบอกไว้ก่อนว่าที่แห่งนี้มียอดฝีมือขอบเขตราชันอยู่เกือบร้อยคนเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือขอบเขตกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์อีกหลายคน แต่เซียวฮั่นกลับปรายตามองออกไปเพียงครั้งเดียว ทุกคนก็ล้มตายลงไปในชั่วพริบตาโดยไม่อาจต้านทานใด ๆ ได้
กล่าวได้ว่าผู้คนทั้งหลายตายลงไปพร้อมใบหน้าไม่อยากเชื่อ เพราะพวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันทั้งสิ้น นอกจากนี้พวกเขายังเคยประมือกับยอดฝีมือผู้สูงส่งมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่าวันหนึ่งตนเองจะถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา
“ตั้งแต่วันนี้ไปหากมีใครล่วงเกินตระกูลจางอีก พวกเจ้าจะได้รู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเสียใจภายหลัง รีบไสหัวกลับไป!”
น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาจากปากของเซียวฮั่นจนทำให้อากาศที่อยู่รอบ ๆ กระเพื่อมไหวขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเงาร่างสายแล้วสายเล่าก็เดินจากไปโดยไม่กล้าหันกลับมาอีก
หนึ่งในนั้นรวมไปถึงวิหารเทพสุริยัน ตระกูลซวีและตระกูลข่งด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก และพวกเขายังไม่กล้าคิดแก้แค้นให้คนในสำนักของตัวเองอีกด้วย ในความคิดของพวกเขามีเพียงอย่างเดียวก็คือหนี! นอกจากนี้ยังพาคนในตระกูลและสำนักของตนเองหนีไปพร้อมกัน พวกเขาต่างก็อยากไปให้ไกลเท่าที่ทำได้เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ดังนั้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงหนึ่งวัน วิหารเทพสุริยัน ตระกูลข่ง และตระกูลซวีก็กลับไปถึงดินแดนของพวกเขา ขุมกำลังขนาดใหญ่ทั้งสามล้วนหายไปจากสายตาของผู้คนทั้งหลายโดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหลบหนีไปที่ใด
มีก็แต่ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ไม่ยอมหนีไป ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ถึงสี่คน โดยมียอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์สวรรค์อยู่ถึงสองคน ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็คือยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์โบราณคนหนึ่งและเทพศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่ง
ดังนั้นตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จึงเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถอาศัยสิ่งที่พวกเขามีต้านทานเซียวฮั่นได้ หากยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกันเกรงว่าแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันยังต้องจนปัญญา
แม้ว่าพลังของเซียวฮั่นจะน่ากลัวมาก แต่บรรพบุรุษเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างก็คิดว่าเซียวฮั่นคงไม่ได้มีพลังถึงระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชเป็นแน่ เพราะยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่มีชีวิตอยู่มานานหลายแสนปี ดังนั้นจึงไม่มีวันปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกนี้อย่างแน่นอน เพราะหากปรากฏตัวออกมาย่อมต้องก่อให้เกิดทัณฑ์สวรรค์เป็นแน่ ดังนั้นในความคิดของพวกเขา อย่างมากเซียวฮั่นก็เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ราชันเท่านั้น
แต่ความคิดและการตัดสินใจอันผิดพลาดเช่นนี้กลับเป็นการทำลายตระกูลเทพจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เพราะมันทำให้ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เหลือเพียงบันทึกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์อันยาวนานเท่านั้น
ถึงแม้ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะไม่กลัวเซียวฮั่น แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันพวกเขาจึงให้ผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตระกูลจัดทัพซุกซ่อนตัวอยู่ในสถานที่อื่น โดยเฉพาะทายาทของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อย่างเย่เฉียนเทียน เขาถูกยอดฝีมือตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นำตัวไปซ่อนตัวเอาไว้แล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการป้องกันเหตุไม่คาดฝันเท่านั้น เพราะต่อให้อยู่ภายใต้สถานการณ์เลวร้ายจนถึงขีดสุด เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ หากพวกเขาร่วมมือกัน ต่อให้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชพวกเขาก็ไม่เกรงกลัว อย่างมากฝั่งตรงข้ามคงไม่อาจจัดการพวกเขาได้ และพวกเขาก็อาจจะไม่สามารถโค่นล้มฝ่ายตรงข้ามได้เท่านั้น
ตระกูลจางในยามนี้กำลังปรึกษาหารือกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ยอดฝีมือทั้งหมดในตระกูลจางต่างก็หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ สายตาของพวกเขามองไปยังเซียวฮั่นที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดด้วยความยำเกรง
“ข้ามีวาสนากับพวกเจ้า หวังว่าหลังจากนี้พวกเจ้าจะไม่ต้องอับอายกับชื่อเสียงของบรรพบุรุษอีก”
เซียวฮั่นโบกมือออกไปหนึ่งครั้งก่อนที่ดินโคลนกองหนึ่งจะปรากฏขึ้นมา
ทันทีที่ดินโคลนกองนี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ที่กำลังปรึกษาหารือกันอยู่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตมากมายไร้ที่สิ้นสุด บรรพบุรุษตระกูลจางที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างสูดหายใจเข้าไปเบา ๆ หลายเฮือก แล้วพบว่าตนเองคล้ายจะกลับกลายเป็นหนุ่มขึ้นมาอีกหลายปี
“ นี่….นี่คือสิ่งที่เรียกว่าดินซึ่งสามารถปลูกพืชศักดิ์สิทธิ์เช่นต้นไม้โลกได้หรือขอรับ?”
เมื่อมองไปยังดินกองนั้น จางเป่ยชวนก็ตอบสนองขึ้นมาในทันใด แล้วรีบหันไปถามเซียวฮั่น
“อืม สิ่งนี้คือโอกาสให้แก่ตระกูลจางของพวกเจ้า และยังเป็นความต้องการส่วนหนึ่งของข้าด้วย” เซียวฮั่นขยับหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบาง
“บุญคุณยิ่งใหญ่ของนายท่านตระกูลจางคงไม่อาจตอบแทนได้!”
เมื่อได้ยินดังนั้นเหล่ายอดฝีมือของตระกูลจางที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างโค้งคำนับลงไปกับพื้นด้วยความขอบคุณ เมื่อมีดินกองนี้แล้วต่อไปตระกูลจางของพวกเขาก็จะมีความหวังขึ้นมาเสียที
เซียวฮั่นได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยืนขึ้นแล้วเดินจากไป เมื่อจางหลิงหยวนเห็นเช่นนั้นในใจของนางก็รู้สึกสั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ท่านจะไปแล้วหรือ?”
“อืม ข้าเป็นเพียงคนผ่านทาง ตอนนี้ถึงเวลาต้องไปได้แล้ว” เซียวฮั่นพยักหน้าแล้วเอ่ยออกไปเสียงเรียบ
“เช่นนั้นพวกเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือไม่?” หลังจากเงียบไปสักพักจางหลิงหยวนก็เอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“หลังจากวันนี้ไป หากมีวาสนาเราคงได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ส่วนเจ้าก็พยายามเข้า อย่าทำให้สายเลือดของเจ้าต้องผิดหวัง ถึงเวลาที่เจ้าจะเปล่งประกายเจิดจรัสในโลกแห่งการต่อสู้แล้ว!”
เซียวฮั่นเอ่ยขึ้นมาช้า ๆ โดยไม่หันหน้ากลับมา จากนั้นเงาร่างของเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นเงาสายหนึ่งแล้วหายไปต่อหน้าต่อตาจางหลิงหยวน
“หากมีวาสนาก็คงได้พบกันอีกอย่างนั้นหรือ?”
จางหลิงหยวนมองไปยังเงาร่างของเซียวฮั่นที่จางหายไปก่อนที่หัวใจของนางจะสั่นไหวขึ้นมาเบา ๆ อย่างห้ามไม่ได้ นางเติบใหญ่มาจนถึงอายุเท่านี้ แต่ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวเท่าครั้งนี้มาก่อน และการปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันเซียวฮั่นก็ทิ้งความทรงจำเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจนาง แม้ว่าช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้อยู่ร่วมกันจะไม่นานเท่าใด แต่นางกลับจดจำคำพูดและการกระทำรวมถึงใบหน้าของเซียวฮั่นเอาไว้ได้อย่างดี
แน่นอนว่าในใจของจางหลิงหยวนย่อมรู้ดีว่านางและเซียวฮั่นไม่มีวันเป็นไปได้ ทั้งสองคนไม่ใช่คนบนโลกเดียวกัน เซียวฮั่นเป็นมังกรที่อยู่บนสวรรค์ เก้าชั้นฟ้า เขาถูกกำหนดให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหนือแดนสรวง แต่นางเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งท่ามกลางฝูงชนบนแดนดินเท่านั้น
เมื่อตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาเยือนฉันท์ศัตรู เซียวฮั่นก็มองไปทางตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อย่างช้า ๆ ในเมื่อเขาเอ่ยออกไปว่าจะทำลายตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมทำตามคำพูด และนับว่าเป็นการกำจัดความกังวลอย่างสุดท้ายให้ตระกูลจางก่อนที่เขาจะเดินทางออกไปจากมหาทวีปหนานโจว เพราะถึงอย่างไรตระกูลจางก็ถือเป็นตระกูลที่สหายเก่าของเขาสร้างขึ้นมา ดังนั้นเซียวฮั่นจึงไม่อยากให้ตระกูลจางถูกผู้อื่นทำลายลงไปเพราะเกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง
ถึงแม้ตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะมีเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตระกูลถึงสี่คน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่นับว่าเป็นอันใดเมื่ออยู่ในสายตาเซียวฮั่น ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนจัดการกับตระกูลจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้วก้าวย่างไปบนมหาทวีปหนานโจวอย่างช้า ๆ
หลังจากที่เขาไปถึงขอบเขตห้าปราณรวมศูนย์ เซียวฮั่นก็ยังคงมุ่งมั่นเดินต่อไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้พลังปราณทั้งห้าสามารถไปถึงขอบเขตอันไร้ที่สิ้นสุด เมื่อเป็นเช่นนี้รากฐานของเขาจึงจะแข็งแรง และจากนี้ไปเมื่อเขาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก
ยามนี้วิถีเป็นตายของเซียวฮั่นเพิ่งจะอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น อีกทั้งวิถีพลังต้นกำเนิดก็ยังเพิ่งเปิดฉาก ดังนั้นเขาจำต้องค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว การฝึกฝนไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้เพียงชั่วพริบตา แม้ว่าเขาจะได้เกิดใหม่อีกครั้ง แต่หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังคงต้องฝึกฝนต่อไป
บนถนนที่ทอดยาวสายนี้ เซียวฮั่นเพิ่งจะเริ่มต้นทุกอย่างเท่านั้น เขายังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่ต้องเดินข้ามไป และเขาในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสร้างรากฐานของหอคอยสูงใหญ่ เมื่อรากฐานมั่นคงไม่มีวันพังทลาย ต่อไปถึงจะสามารถสร้างหอคอยสูงเสียดฟ้าขึ้นมาได้โดยไม่ต้องกังวล ไม่อย่างนั้นต่อให้เขาสร้างหอคอยสูงเสียดฟ้าขึ้นมาได้ มันก็จะพังทลายลงไปไม่รู้จบ!
……………..