คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 319 แผนการชั้นต่ำ
คนทั้งสี่ก็ถือว่ารู้จักกันเช่นนี้ จากนั้นหลินชิงเจียงก็พาไปหาเจียวถู
หลินชิงเจียงบอกว่าครั้งที่แล้วเห็นเจียวถูใกล้ๆ เกาะไถซาน คนกลุ่มนี้ส่งตัวไปยังเกาะไถซานก่อน จากนั้นเหยียบอาวุธเวทเหาะออกไปในทะเล ภายใต้การนำทางของนาง ทุกคนมาถึงน่านน้ำแถบที่มีกลุ่มโขดหินอันตราย น้ำทะเลที่นี่เปลี่ยนเป็นไหลเชี่ยวอย่างยิ่งเนื่องจากโขดหิน
หยุดอยู่บนโขดหินที่โผล่สูงเหนือผิวทะเล จินเฟยเหยามองพินิจรอบด้าน ตาเนื้อมองไม่เห็นสัตว์ปิศาจใดๆ แม้แต่ในทะเลก็ไม่มีสัตว์จำพวกปลา นางสงสัยอยู่บ้าง หรือว่าเจียวถูทำให้สัตว์ปิศาจรอบด้านตกใจกลัวหนีไปแล้ว?
“ทุกคนดู เจียวถูอยู่ตรงนั้น ข้ากับองค์ชายสามจะกางวงเวทก่อน สหายเซียนจินและสหายเซียนปู้สังเกตสภาพของเจียวถู ขอเพียงกางวงเวทเสร็จก็ชักนำมันออกมา เจียวถูตัวนี้ใกล้จะเลื่อนเป็นขั้นเทพแล้วอันตรายอย่างยิ่ง ทุกคนอย่าเข้าใกล้ง่ายๆ” หลินชิงเจียงมองดูรอบๆ ก่อน พลันชี้ให้ทุกคนดูไกลๆ ไม่รอให้ทุกคนมองเห็นชัดเจนก็เริ่มสั่งการ
จากนั้นนางและองค์ชายสามก็นำธงวงเวทออกมาเริ่มจัดวางบนโขดหินรอบด้าน ส่วนปู้จื้อโหยวมองสภาพแวดล้อมรอบด้านตลอด จินเฟยเหยากลับจ้องมองสถานที่ซึ่งหลินชิงเจียงชี้อย่างสงสัย
อย่าเห็นว่าหลินชิงเจียงชี้แบบนี้ดูเหมือนอยู่ใกล้มาก ที่จริงอาศัยดวงตาของจินเฟยเหยาก็เห็นเพียงจุดสีดำเล็กๆ เท่านั้น นางพยายามสูดดมอย่างเต็มที่ นอกจากกลิ่นชื้นของน้ำทะเลและกลิ่นเนื้อของคนสาม ก็ไม่มีกลิ่นใดๆ ในอากาศอีก
ไม่ถูกต้อง ถ้ามีเจียวถูจริง สัตว์เทพระดับสูงขนาดนี้ตนเองต้องได้กลิ่นหอมของมันแน่นอน ตอนนี้อย่าว่าแต่กลิ่นหอมเลย แม้แต่กลิ่นเหม็นก็ไม่มี หรือว่าเจียวถูเป็นของปลอม สิ่งที่หลินชิงเจียงคิดจะล่าคือตนเอง?
จินเฟยเหยาหันหน้าไปมองพวกหลินชิงเจียงสองคนที่กำลังยุ่งกับการกางธงวงเวทและไม่มีท่าทางผิดปกติสักนิด จึงถ่ายทอดเสียงบอกปู้จื้อโหยว “เสี่ยวปู้ เจียวถูผิดปกติอาจจะเป็นของปลอม คนทั้งสองอาจจะคิดลงมือก่อน เจ้าอยู่ห่างวงเวทไว้ ข้าจะไปดูหน่อย”
“เจ้าอย่าหุนหันนะ ถ้าเป็นเจียวถูขั้นเก้าจริง เจ้าคนเดียวรับมือไม่ไหวหรอก ข้าไปเอง” ปู้จื้อโหยวขมวดคิ้ว ถ่ายทอดเสียงเอ่ยเตือน
“เจียวถูขั้นเก้า? ถ้ามีสิ่งนี้จริงๆ ข้าต้องยิ้มแล้ว อีกสักครู่ข้าไปทางด้านนั้น พวกเขาต้องร้อนใจแน่ เจ้าสามารถฉวยโอกาสตอนวุ่นวายโจมตีคนหนึ่ง” จินเฟยเหยายิ้ม
“มีความมั่นใจในแผนการร้ายมากขนาดนั้นเลย? เจ้าอย่าทำให้เจียวถูตกใจหนีไปล่ะ ถึงตอนนั้นถ้าต้องค้นหาอีกคงยุ่งแล้ว” ปู้จื้อโหยวหันไปมองอีกด้าน ให้พวกเขาสองคนดูเหมือนไม่ได้ถ่ายทอดเสียง
จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างมั่นใจ “ต้องไม่ใช่เจียวถูแน่ เจ้าวางใจได้ ตอนนี้เป้าหมายเปลี่ยนเป็นกำจัดสองคนนี้”
“เจ้าไปเถอะ ถ้านางไล่ตามเจ้าข้าจะสังหารบุรุษขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายคนนั้น”
“ใต้เท้าอาปู้เจ้าดียิ่งนัก เป็นฝ่ายเลือกเจ้าคนขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายผู้นั้น ช่างมีน้ำใจสหายจริงๆ” จินเฟยเหยาได้ยินแล้ว อดเอ่ยชมไม่ได้
คิดไม่ถึงปู้จื้อโหยวกลับบอกว่า “ถึงขนาดเรียกว่าใต้เท้า ไม่ต้องมาประจบข้าเลย ถึงบุรุษผู้นั้นเป็นขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลาย ทว่าไม่ได้มีวิญญาณจริงสัตว์เทพ เทียบกันแล้วคนผู้นี้จัดการง่ายกว่าหน่อย ผู้ใดจะรู้ว่าฉีหลินตัวนั้นจะมีความสามารถอะไร แน่นนอนว่าต้องมอบตัวประหลาดให้พวกเดียวกันไปจัดการ ดังนั้นข้ามาจัดการองค์ชายสามคนนี้”
“เจ้านี่นะ เสียเปรียบหน่อยก็ไม่ได้” จินเฟยเหยาเบ้ปากอย่างไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าเรื่องแบบนี้ก็ยังวางแผน ใจแคบจริงๆ
ด่าทอแล้วจินเฟยเหยาก็เริ่มแสดงละคร นางมองสถานที่ซึ่งเจียวถูตัวนั้นอยู่ก่อนครู่หนึ่ง พลันเอ่ยพึมพำกับตนเอง “เหตุใดเจียวถูตัวนั้นจึงไม่ขยับเลยสักนิด ตายแล้วหรือกำลังเลื่อนขั้นนะ? ถ้าตายแล้วจะกางวงเวททำไม ไปเก็บโดยตรงก็พอ”
นางเอ่ยวาจาแล้วบินไปทางนั้น หลินชิงเจียงพบว่าจินเฟยเหยาเหาะไปยังสถานที่ซึ่งเจียวถูอยู่ก็รีบตะโกนว่า “สหายเซียนจิน อย่าเข้าไปเด็ดขาด ถ้าทำให้เจียวถูตกใจก็ย่ำแย่แล้ว หลังกางวงเวทเสร็จสิ้น เจ้าค่อยไปล่อมันมา ตอนนี้อย่าหุนหันพลันแล่น”
“ไม่เป็นไรๆ ข้าไปดูนิดเดียว ไม่ทำเสียเรื่องหรอก” จินเฟยเหยาไม่ฟังนางเลย โบกไม้โบกมือให้นางแล้วเหาะไปข้างหน้าต่อ และยังแสดงสีหน้าสงสัย
“องค์ชายสามท่านรีบกางวงเวทข้าจะไปช่วยสหายเซียนจิน” เห็นจินเฟยเหยาไม่เชื่อฟัง ต้องไปยังสถานที่ซึ่งเจียวถูอยู่ให้ได้ หลินชิงเจียงก็ร้อนใจ นางโยนเรื่องกางวงเวทให้องค์ชายสามแล้วพุ่งไปหาจินเฟยเหยา จากนั้นยังตะโกนบอกปู้จื้อโหยวทางด้านข้างว่า “สหายเซียนปู้ รบกวนเจ้าเข้าไปใกล้หน่อย เฝ้าดูรอบๆ ให้องค์ชายสามที”
“ได้” ปู้จื้อโหยวรับคำ ขยับร่างเข้าไปภายในรัศมีวงเวท ทว่ายังห่างจากองค์ชายสามห้าจั้ง ระยะเท่านี้ปลอดภัยยิ่ง คนทั้งสองต่างไม่วางใจอีกฝ่าย ระยะห่างที่สังหารอีกฝ่ายในพริบตาไม่ได้ทำให้คนวางใจที่สุด
จินเฟยเหยาเหาะเร็วรี่ ใกล้สถานที่ซึ่งเจียวถูอยู่เข้าไปทุกที ขณะที่อีกสักครู่จะสามารถใช้ตาเนื้อมองเห็นเจียวถูได้ชัดเจน หลินชิงเจียงทางด้านหลังก็พุ่งปราดมา
ส่วนจินเฟยเหยากลับเอ่ยอย่างสงสัยและยื่นมือมาเตรียมฉุดดึงหลินชิงเจียง “สหายเซียนหลินเจ้าดูสิ เจียวถูไม่ขยับเลยสักนิดจริงๆ พวกเราเข้าไปใกล้อีกหน่อย”
“อย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด ถ้ามันตกใจขึ้นมา แผนการของพวกเราก็จบสิ้นกัน” ไม่ต้องให้จินเฟยเหยายื่นมือ หลินชิงเจียงก็ยื่นมือมาฉุดดึงข้อมือของนางและเอ่ยด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
จินเฟยเหยากลับยิ้มแย้มและลากหลินชิงเจียงไปข้างหน้า เหาะเข้าไปใกล้หลายก้าวและเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “สหายเซียนหลินไม่ต้องกลัว ตรงนี้ก็มองเห็นเจียวถูได้”
เวลานี้คนทั้งสองเหาะออกมาสองสามหลี่แล้ว ทิ้งองค์ชายสามและปู้จื้อโหยวไว้เบื้องหลัง จินเฟยเหยาเห็นสิ่งที่เหมือนหอยทากอยู่บนโขดหินใต้น้ำผ่านน้ำทะเล น้ำทะเลเคลื่อนไปมาทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน
“เอ๋ นั่นอะไร? เหตุใดจึงมีเจียวถูสองตัว!” มองไปมองมาจินเฟยเหยาพลันร้องอุทาน
หลินชิงเจียงตกตะลึง หรือว่ามีเจียวถูจริงๆ! นางรีบมองไปยังสถานที่ซึ่งสายตาจินเฟยเหยามองไป ทว่าในเวลานี้เอง นางพลันรู้สึกเจ็บบนลำคอ มือของหลินชิงเจียงฟาดไป เงาสีดำสายหนึ่งก็กระโดดออก พอนางจ้องมอง พบว่าจินเฟยเหยาฉวยโอกาสขณะที่นางเอียงศีรษะกัดบนลำคอของนาง
“เจ้าทำอะไรน่ะ!” หลินชิงเจียงมีโทสะ ตรงลำคอมีโลหิตสดไหลและถูกจินเฟยเหยากัดเนื้อชิ้นใหญ่ออกไป นางกุมลำคอ มองจินเฟยเหยาที่ปากเต็มไปด้วยโลหิตสดเหาะไปด้านข้างด้วยสายตาเดือดดาล
จินเฟยเหยาเห็นว่าจนถึงตอนนี้แล้ว หลินชิงเจียงยังเสแสร้งอีก จึงใช้มือดูดสิ่งที่หน้าตาเหมือนเจียวถูในทะเลซึ่งอยู่ห่างออกไปสองหลี่ให้ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ เจียวถูที่หลินชิงเจียงเอ่ยถึง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงเปลือกหอยทากที่ใช้ก้อนหินสลักออกมา เปลือกหอยทากกว้างสามจั้ง ตัวใหญ่ขนาดนี้ลำบากนางแล้วจริงๆ แม้แต่ลวดลายบนเปลือกกสลั็็สลักอย่างตั้งใจ แค่คิดจะทำให้เหมือนหน่อยเท่านั้น
เจียวถูหน้าตาเหมือนหอยทากตัวหนึ่ง ส่วนในเปลือกหอยทากชิ้นนี้กลับใส่หัวของเต่าขนาดใหญ่ บนหัวเต่าใช้ปะการังติดทำเป็นเขาสองข้าง สิ่งของแบบนี้วางไว้ในน้ำทะเลปลอมเป็นเจียวถูยังเหมือนอยู่หลายส่วนจริงๆ
เดิมทีไม่เคยมีใครเห็นลักษณะของเจียวถู เพียงรู้จักจากตำนานและตำราภาพ มองไกลๆ เห็นสิ่งของลักษณะแบบนี้ ต้องนึกว่าเป็นเจียวถูและไม่กล้าเข้าใกล้แน่ ต่อให้ใช้การรับรู้กวาดมองก็เกรงว่าจะถูกเจียวถูพบเห็น ดังนั้นจึงไม่กล้าใช้
หลินชิงเจียงมีสีหน้าปั้นยาก คิดไม่ถึงว่าจะถูกพบเห็นเร็วขนาดนี้ วางแผนไว้ดีแล้วชัดๆ ขอเพียงกางวงเวทก็สามารถกังขังคนผู้นี้ไว้ในวงเวทได้ จะฆ่าจะฟันก็ตามแต่ใจนาง
ตอนนี้เพิ่งมากลับถูกพบว่าเจียวถูเป็นของปลอม ตนเองยังถูกแว้งกัดหนึ่งคำ ยายนี่ป่าเถื่อนจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช้ของวิเศษและเวทมนตร์แต่ใช้ปากกัดตรงๆ ถ้าใช้ของวิเศษหรือเวทมนตร์ ตนเองคงไม่ถูกทำร้ายบาดเจ็บ นี่ใช้ปากกัดอย่างกะทันหันจึงไม่มีแม้แต่ขั้นตอนปล่อยเวทมนตร์
“เจ้าพบเห็นได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่เจียวถู!” หลินชิงเจียงกุมบาดแผลเอ่ยถามอย่างสงสัย
จินเฟยเหยาใช้แขนเสื้อเช็ดปากและเอ่ยยิ้มๆ “ง่ายดายยิ่ง ไม่มีกลิ่นเนื้อ กลิ่นเนื้อเล็กน้อยก็ยังไม่มี อย่างน้อยที่สุดเจ้าต้องมัดผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ไว้ในเปลือกหอยทาก ไม่เช่นนั้นคิดจะใช้หินก้อนใหญ่กับหัวเต่าปลอมเป็นเจียวถูมาหลอกข้า ก็ดูแคลนข้าเกินไป”ดู็
“พวกเราเป็นสัตว์เทพเหมือนกัน เหตุใดเจ้าต้องวางแผนทำร้ายข้า! ฉีหลินเป็นสัตว์เมตตามิใช่หรือ ทำไมเจ้าจึงอำมหิตเช่นนี้” ยากนักที่จินเฟยเหยาจะยืนอยู่ฝ่ายที่ถูกทำร้ายจึงกล่าวหาหลินชิงเจียงอย่างเจ็บปวด
พอพูดออกมานางก็รู้สึกว่าคนที่ถามเป็นตัวโง่งม เห็นชัดๆ ว่าจะเอาชีวิตของเจ้า คนที่พูดแบบนี้ออกมาล้วนตายจริงๆ ถ้าไม่ถูกคนฆ่าตายต่อไปก็โง่ตาย
จินเฟยเหยาเพียงคิดจะพูดเล่นๆ คิดไม่ถึงว่าหลินชิงเจียงจะตอบนาง นางมองคอของหลินชิงเจียงและบดฟัน รู้สึกว่าตนเองเป็นอัจฉริยะจริงๆ ใช้เวทมนตร์และของวิเศษล้วนมีการกระตุ้นพลังวิญญาณถูกคนพบเห็นได้ง่าย ใช้ปากกัดดีกว่า รวดเร็วและไม่มีพลังวิญญาณ ถูกคนพบเห็นได้ยาก ทั้งยังมีพลังทำลายล้างมาก
จินเฟยเหยาเลียโลหิตข้างปาก รู้สึกได้ว่าในท้องมีกระแสความร้อนไหลเวียน แค่โลหิตเล็กน้อยยังมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ถ้ากินทั้งตัวจะได้พละกำลังมากเพียงใด!
“ข้าต้องแก้แค้น จำเป็นต้องเลื่อนขั้น ไม่เช่นนั้นคงหยุดอยู่ที่ขั้นกำเนิดใหม่ชั่วชีวิต ประสิทธิภาพของสัตว์เทพเล็กๆ เหล่านั้นเชื่องช้าเกินไป ข้าจำเป็นต้องได้ตานศักดิ์สิทธิ์และโลหิตของสัตว์เทพที่แข็งแกร่ง ข้าเพียงนำพลังขั้นกำเนิดใหม่และวิญญาณเสวียนอู่ของเจ้าไป จะไม่แตะต้องวิญญาณของเจ้า เจ้าอย่าโทษข้า ศัตรูของข้าเป็นผู้ฝึกวิชามารที่สังหารคนมานับไม่ถ้วน ข้ากำจัดเขาคือขจัดภัยให้ปวงชน”
แต่สิ่งที่ทำให้คนคิดไม่ถึงคือ หลินชิงเจียงถึงกับตอบคำถามของนางจริงๆ นางพูดเสียมีเหตุผล ทำให้จินเฟยเหยาที่ปกติพูดแค่ข้าเห็นเจ้าขัดตาหรือไม่พูดอะไรก็สังหารคนรู้สึกว่าตนเองเถรตรงเกินไปหน่อย ก่อนตายยังไม่พูดจาดีๆ ให้ผู้อื่นฟัง ถ้าปกติพูดข้ออ้างแบบนี้ได้ ตนเองอาจจะไม่ถูกสำนักอันเที่ยงธรรมเกลียดชังจนกลายเป็นเช่นนี้
แต่น่าขำจริงๆ จนถึงตอนนี้คิดไม่ถึงว่ายายนี่ยังนึกว่าตนเองเป็นเสวียนอู่ จินเฟยเหยายิ้มร้ายกาจ “บนลำคอของเจ้าถูกข้ากัดคำหนึ่ง คิดไม่ถึงว่ายังพูดอย่างไม่ละอายว่าจะเอาชีวิตข้า อีกทั้งเจ้ามั่นใจหรือข้าคือเสวียนอู่?”
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเสวียนอู่หรือไม่ มีองค์ชายสามอยู่ พวกเจ้าก็หนีไม่รอดหรอก!” หลินชิงเจียงตะลึงงันและกัดฟันเอ่ยปากทันที และมีไอน้ำออกมาหลอมรวมกับบาดแผลบนลำคอเอง
องค์ชายสาม!
จินเฟยเหยามองไปทางปู้จื้อโหยวอย่างรวดเร็ว พบว่าทางด้านนั้นเริ่มต่อสู้กันแล้ว สู้กันอย่างเรียกได้ว่างดงาม
……………………………..