คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 311 ดูตัว
จินเฟยเหยาลากม้านั่งตัวเล็กๆ มานั่งข้างพั่งจื่อคิดจะฟังว่ามีข่าวอะไร
หลายปีนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นในโลกวิญญาณซิงหลัวมากมาย แต่ละครั้งพั่งจื่อล้วนนำข่าวที่แตกต่างกันกลับมาและทุกเรื่องไม่ซ้ำกันเลย
พั่งจื่อเพิ่งดื่มชาให้ชุ่มคอคำหนึ่งกำลังคิดจะเอ่ยปาก พลันเห็นสิ่งหนึ่งเบียดมาด้านข้าง เป็นสัตว์หลิงลี่ตัวอวบอ้วนสูงหนึ่งตัวคนกว่าๆ บนอกมีกู่หลิงซินขนาดเท่าไข่ไก่ มีหน้าตาเหมือนแมวน้ำ
“เสี่ยวหลัน ลากสัตว์หลิงลี่กลับไปในสระ มันมาก่อเรื่องอีกแล้ว” จินเฟยเหยาตะโกนไปในสระน้ำที่พั่งจื่อขุด หุ่นเชิดที่สวมผ้าคาดศีรษะสีฟ้าปีนขึ้นมาจากสระน้ำ เดินมาลากครีบหางของสัตว์หลิงลี่กลับลงสระ
เนื่องจากบนเกาะเล็กๆ มีคนไม่พอใช้งาน ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงหลอมสร้างหุ่นเชิดออกมาอีกสามตัว แบ่งเป็นเสี่ยวหลัน เสี่ยวหวง เสี่ยวเฮย นอกจากเสี่ยวหวงแล้ว เสี่ยวหลันและเสี่ยวเฮยล้วนมีลักษณะภายนอกเป็นบุรุษ ทั้งยังร่างกายกำยำ ต้องใช้กู่หลิงซินจึงสามารถเคลื่อนไหวได้
เจ้าสองตัวนี้สามารถทำงานใช้แรงงานได้มากกว่าพวกเสี่ยวหง โดยเฉพาะเลี้ยงสัตว์หลิงสี่สองตัวในสระน้ำ เนื่องจากสัตว์หลิงลี่อ้วนเกินไปดังนั้นจึงมอบให้เสี่ยวหลันเลี้ยง
จินเฟยเหยาอาศัยอยู่ที่เกาะตงเหลียงไปชั่วชีวิตไม่ได้ ต่อไปต้องไปสถานที่อื่นๆ ทว่าสัตว์หลิงลี่มีเฉพาะโลกวิญญาณซิงหลัว ถ้าตนเองจากไปแล้วใช้กู่หลิงซินหมด หุ่นเชิดขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายอย่างหวาหวั่นซีก็หลอมสร้างขึ้นอย่างเปล่าประโยชน์
ถ้าใช้แค่ตอนออกรบยังสิ้นเปลืองกู่หลิงซินเล็กน้อย แต่นางไม่เคยหยุดนิ่ง โดยพื้นฐานแล้วหนึ่งวันสิบสองชั่วยามทั้งสี่คนจะผลัดเปลี่ยนกันปรากฏตัวขึ้น แต่ละวันที่ไม่ออกไปล่าสัตว์ปิศาจข้างนอกต้องใช้กู่หลิงซินหนึ่งชิ้น ถ้าออกไปล่าสัตว์ต้องใช้วันละสิบก้อน
เพื่อวันหน้า จินเฟยเหยาจึงไม่มีทางอื่น ต้องจับลูกสัตว์หลิงลี่สองตัวกลับมาเลี้ยง ถึงหนึ่งปีเปลี่ยนกู่หลิงซินได้แค่สองก้อนก็สามารถเก็บสะสมไว้เผื่อฉุกเฉินได้ ดีกว่าไม่มีสักก้อน หากมิใช่ไม่มีพื้นที่ นางยังคิดจะเลี้ยงสักหลายสิบตัว เช่นนี้จึงเตรียมพร้อมสรรพย่อมไม่ประสบภัยพิบัติ
คิดถึงเรื่องนี้ จินเฟยเหยาอดมองพินิจเกาะลอยได้เล็กๆ ไม่ได้ พื้นที่สิบหมู่เล็กเกินไปจริงๆ หุ่นเชิดรับใช้ห้าตัว หุ่นเชิดบ้าหลายบุคลิกหนึ่งตัว ยังมีพั่งจื่อและนาง ส่วนในสระน้ำขนาดสองหมู่มีสัตว์หลิงลี่สองตัว แปลงสมุนไพรก็กินพื้นที่ไปห้าหมู่แล้ว เหลือพื้นที่สามหมู่ นอกจากกระท่อมเล็กๆ สองห้องยังมีสถานที่เลี้ยงมดหนึ่งผลึกสิบตัว
หน้ากระท่อมเดิมทีเป็นพื้นที่ว่างสองหมู่ ตอนนี้เหลือเพียงครึ่งหมู่แล้ว เตาหลอมยาก็โยนทิ้งไว้มุมกำแพง แกนผลอวี้หลงก็งอกเป็นต้น ตอนนี้ต้นสูงเท่าสองตัวคนและหยาบเท่านิ้วมือ ปลูกไว้ข้างต้นไม้สีขาวและสีแดงสองต้นด้านหลังกระท่อม บนพื้นที่ว่างเล็กน้อยหน้ากระท่อมยังทำค้างไม้เลื้อยปลูกองุ่นเมิ่งฮ่วนซึ่งเป็นหนึ่งในสิบอาหารเลิศรสของโลกวิญญาณซิงหลัว ตอนนี้สูงเพียงหนึ่งฉื่อกว่า คิดจะกินยังต้องรออีกห้าร้อยปี
เห็นจินเฟยเหยาเหม่อลอย พั่งจื่อก็ไม่พอใจ มันเตรียมพร้อมจะเล่าเรื่องแล้วไม่รู้ว่าผู้ฟังคิดไปถึงไหน ไม่ไว้หน้ากันบ้าง คิดถึงตรงนี้ พั่งจื่อจึงไม่คิดจะเล่าให้จินเฟยเหยาฟังเอง ทว่านำสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุนแล้วโยนไปให้จินเฟยเหยา จากนั้นก็ส่งเสียงฮึอย่างไม่พอใจแล้วเอนลงงีบหลับบนเก้าอี้นอน
“อะไรน่ะ?” จินเฟยเหยาได้สติคืนมา เหตุใดสิ่งของบนพื้นจึงคุ้นตาขนาดนี้ นางหยิบขึ้นมาดูก็ตะลึงงันทันที “ซื่อเต้าจิง?”
“เข้าใจผิดอะไรไปหรือไม่ เพราะเหตุใดโลกวิญญาณซิงหลัวจึงมีซื่อเต้าจิง! ต่อให้พัฒนาก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี้ ไปเอาข่าวมาจากที่ใด!” จินเฟยเหยาหยิบมาพลิกดู เป็นซื่อเต้าจิงของแท้
จินเฟยเหยาพลิกอ่านซื่อเต้าจิงอย่างตกตะลึง เห็นบนนั้นถึงกับเขียนไว้ว่า เนื่องจากตีพิมพ์ครั้งแรกในโลกวิญญาณซิงหลัว ดังนั้นจึงส่งให้เกาะหลักทุกเกาะฟรี
“ยอดเยี่ยมมาก เจ้าของซื่อเต้าจิงเป็นใครกันแน่นะ คิดไม่ถึงว่าจะยึดโลกวิญญาณซิงหลัวได้เร็วขนาดนี้” จินเฟยเหยาอดชื่นชมไม่ได้
ตอนนั้นนางไม่ได้ผนึกวงเวทส่งตัวจึงถูกคนของโลกวิญญาณซิงหลัวพบเข้าเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน คือหลังจากจินเฟยเหยามาตั้งถิ่นฐานที่เกาะตงเหลียงได้หกปี
คนของโลกวิญญาณซิงหลัวส่งตัวไปยังโลกวิญญาณเป่ยเฉินก่อน จากนั้นยิ่งส่งตัวยิ่งค่อยๆ เปิดกว้าง สุดท้ายคนของทั้งสองโลกล้วนรู้จักวงเวทส่งตัวนี้ เผ่ามนุษย์ของโลกวิญญาณเป่ยเฉินยินดี เนื่องจากวงเวทส่งตัวนี้อยู่ในโลกเผ่ามนุษย์ พวกเขาจะได้ให้ศิษย์ไปท่องเที่ยวหาประสบการณ์ที่โลกวิญญาณซิงหลัว และการแลกเปลี่ยนผลผลิตเฉพาะถิ่นของทั้งสองฝ่ายก็สะดวกขึ้น
ก่อนหน้านี้ต้องโดยสารเรือ ไปกลับใช้เวลาสี่ปี ปกติไม่มีอะไรก็จะไม่ไปโลกวิญญาณอื่น ตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ส่งตัวไปได้ สะดวกมากจริงๆ
ความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายรวดเร็วยิ่ง มีจุดส่งตัวขนาดใหญ่ตรงกลางหกอัน เนื่องจากโลกวิญญาณซิงหลัวพบเห็นก่อนจึงส่งคนไปยึดเกาะส่งตัวสี่เกาะทันที พวกเขาสร้างอาคารบ้านเรือนขึ้น ถ้าคนของโลกวิญญาณเป่ยเฉินจะส่งตัวไปโลกวิญญาณซิงหลัวต้องจ่ายศิลาวิญญาณ
เดิมทีคนของโลกวิญญาณซิงหลัวพบเห็นก่อน ดังนั้นโลกวิญญาณป่ยเฉินจึงไม่คัดค้านมากนัก ถึงอย่างไรเกาะส่งตัวสองเกาะก็ถูกพวกเขายึดครอง แต่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเป็นเพียงแค่ฉากหน้า ระหว่างทั้งสองโลกมิได้มีเพียงเผ่ามนุษย์ ยังมีเผ่ามารด้วย
สิ่งที่แตกต่างจากโลกวิญญาณเป่ยเฉินคือระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่ามารของโลกวิญญาณซิงหลัวไม่ได้มองอีกฝ่ายเป็นศัตรู เพียงแต่ไม่แต่งงานระหว่างเผ่าและเหยียดหยามชนต่างเผ่า ถึงแม้คนจากสิบอันดับแรกของผังสงครามวิญญาณมาร่วมประลองกันในงานประชุมวิญญาณทว่ากลับมีเจตนาแตกต่างกัน
ผังสงครามวิญญาณของโลกวิญญาณซิงหลัวไม่เพียงบันทึกผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารที่ถูกสังหารแต่ยังรวมถึงผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ด้วย พูดอีกอย่างหนึ่งคือขอเพียงให้คนที่ร้ายกาจไม่ใช่เผ่ามารก็พอ อีกทั้งโลกวิญญาณซิงหลัวยอมทำเรื่องที่ทำให้คนเผ่ามารเกลียดชังบนพื้นที่ของตนเองก็เพื่อขู่ขวัญเผ่ามาร ทำให้ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกันไม่กล้าก่อสงครามง่ายๆ
ดังนั้นเมื่อวงเวทส่งตัวที่เชื่อมสองโลกถูกค้นพบ เผ่ามารก็ต้องการแบ่งปันวงเวท
โลกวิญญาณซิงหลัวแก้ปัญหาได้ดียิ่ง ทั้งสองฝ่ายนั่งลงพูดคุยกันสิบวันก็จัดการเรื่องราวเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเจรจากันอย่างไร ถึงอย่างไรผลลัพธ์สุดท้ายคือเผ่ามารของโลกวิญญาณซิงหลัวสามารถส่งตัวได้ ทั้งยังได้สิทธิ์ครอบครองเกาะส่งตัวหนึ่งเกาะ
ทว่าสถานที่ส่งตัวไปคือโลกวิญญาณเป่ยเฉิน โลกวิญญาณเป่ยเฉินไม่ได้คุยด้วยง่ายขนาดนั้น สุดท้ายต้องให้หลงนำผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารมาต่อสู้กับผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์อีก
ทางนั้นต่อสู้กัน ทางโลกวิญญาณซิงหลัวก็ส่งตัวไปยาก ทั้งสองเผ่าต่อสู้กันสามปีเพื่อแย่งชิงวงเวทส่งตัว ยังยาวนานกว่าตอนอยู่ที่โลกระดับเทพอีก ต่อมาผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายมาเข้ากับเผ่ามาร ทั่วทั้งโลกวิญญาณเป่ยเฉินรวมทั้งโลกระดับดินก็เกิดการต่อสู้กันขึ้นมา
จากนั้นกลายเป็นสงครามที่ยาวนานถึงสิบปีอีก การรบที่โลกวิญญาณเป่ยเฉินครั้งนี้ สุดท้ายก็จบลงด้วยบทสรุปที่แปลกประหลาดภายใต้การแทรกแซงของโลกวิญญาณซิงหลัว
เรื่องเหล่านี้จินเฟยเหยาฟังมาจากพั่งจื่อที่ออกไปข้างนอกและนำกลับมาเล่า โดยเฉพาะเรื่องหลังจากความขัดแย้งสิบปีครั้งนั้นยิ่งทำให้คนไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้เจรจาเงื่อนไขอะไรกันแน่
โลกวิญญาณเป่ยเฉินสงบสุขแล้วและเปิดการป้องกันที่กั้นโลกระดับดินไว้อย่างไร้น้ำใจ เมื่อจินเฟยเหยาได้ยินเรื่องนี้ ปฏิกิริยาแรกคือต่อไปสยงเทียนคุนจะออกมาปล้นชิงคนได้สะดวกขึ้น
โลกวิญญาณเป่ยเฉินแบ่งเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นของเผ่ามาร อีกครั้งหนึ่งเป็นของเผ่ามนุษย์ ส่วนริมทะเลที่มีวงเวทส่งตัวกลับถูกแยกออกมาเดี่ยวๆ และกลายเป็นสถานที่ซึ่งบริหารจัดการร่วมกัน จะว่าไปเผ่ามนุษย์เสียเปรียบอย่างยิ่ง พื้นที่ในอดีตยังกว้างขวางกว่าตอนนี้ ไม่รู้ว่าในนั้นมีข้อตกลงอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้
สิ่งที่ทำให้นางหมดวาจาคือโลกวิญญาณหนานเฟิงหายไปทันที ผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายส่วนใหญ่วนอ้อมรอบใหญ่เดินทางไปยังโลกวิญญาณน้ำพุเหลือง
เรื่องนี้ทำให้จินเฟยเหยาเจ็บปวดอย่างยิ่ง แบบนี้มิสิ้นเปลืองศิลาวิญญาณกับกระจกสภาพโลกวิญญาณไปเปล่าๆ หรือ เพิ่งก้าวเท้าจากมาด้านหลังก็เปลี่ยนแผนที่ อีกทั้งเมื่อได้ยินข่าวนี้ มีสองปีที่จินเฟยเหยาไม่ได้ออกจากเกาะ ผู้ใดจะรู้ว่าเหรินเซวียนจือจะอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นหรือไม่
ที่จริงเรื่องนี้นางกังวลเกินกว่าเหตุ ต่อให้เหรินเซียนจือไม่มีที่ไป เขายังสามารถกลับโลกวิญญาณซั่งเยี่ยไปเป็นเจินเหรินของสำนักหมิงเยวี่ย จะติดตามผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งไปโลกวิญญาณน้ำพุเหลืองได้อย่างไร อย่างมากที่สุดก็มาเปลี่ยนเส้นทางที่โลกวิญญาณซิงหลัว
เกาะส่งตัวสองเกาะที่โลกวิญญาณเป่ยเฉินยึดครอง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่เชื่อใจกันมากนัก ผลลัพธ์สุดท้ายคือส่งคนไปดูแลจัดการร่วมกัน ไม่รู้ว่าคิดจะรวมเผ่าหรือคิดจะจับคู่บุรุษสตรีจะได้ช่วยให้บรรยากาศเป็นมิตรขึ้น เผ่ามารและเผ่ามนุษย์ต่างส่งบุรุษสตรีไปอย่างละคน จากนั้นสตรีเผ่ามารและบุรุษเผ่ามนุษย์ดูแลเกาะหนึ่ง บุรุษเผ่ามารและสตรีเผ่ามนุษย์ก็ดูแลอีกเกาะ
ทั้งสองฝ่ายต่างดูแลวงเวทส่งตัวหนึ่งเดือน จากนั้นสับเปลี่ยนกัน แน่นอนว่าแต่ละคนต่างพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ของตนเอง ทว่าได้ผลอย่างยิ่ง เกิดการต่อสู้ขึ้นน้อยมาก
ต่อมาคือวันเวลาอันสงบสุข ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากของโลกวิญญาณเป่ยเฉินที่ก่อนหน้านี้ออกท่องเที่ยวหาประสบการณ์ล้วนเดินอยู่นอกสำนัก ตอนนี้ส่วนใหญ่แล่นมาที่โลกวิญญาณซิงหลัว คิดถึงเรื่องนี้จินเฟยเหยาก็หงุดหงิด เนื่องจากผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้มามากเกินไป รอบเกาะปาจิ่งที่ไม่มีคนอาศัยอยู่มาตลอดถึงกับมีผู้บำเพ็ญเซียนมาจำนวนไม่น้อย
บางครั้งยังเห็นชุดของสำนักที่คุ้นเคยบนเกาะปาจิ่งก็ทำให้นางอยู่อย่างรำคาญใจ โชคดีที่จินเฟยเหยาบรรลุขั้นกำเนิดใหม่แล้ว พอคนเหล่านี้เห็นนางก็หลบไปไกลสามจั้ง ไม่ได้เข้ามารบกวน ถ้าเป็นสถานที่อันคึกคักอื่นๆ อาจจะไม่มีแม้แต่สถานที่อันเงียบสงบ
“สู้มาหลายปีก็ยังฆ่าไม่หมด ให้กำเนิดมามากจริงๆ” จินเฟยเหยาพลิกซื่อเต้าจิงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
ดวงตาของนางเห็นข่าวสารบรรทัดหนึ่ง พลันตะลึงงันไปแล้วลุกขึ้นยืนทันควัน ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
“อะไรนะ! จอมมารหลงจะมาโลกวิญญาณซิงหลัว? ทำอย่างไรดี ท่าทางที่นี่จะไม่ปลอดภัยแล้ว ข้าต้องรีบไปโลกวิญญาณอื่น ถ้าถูกเจ้าหมอนี่จับได้ เขาต้องจัดการข้าแน่!” ดูเหมือนจินเฟยเหยาจะเป็นโรคกลัวจอมมารหลง ถือซื่อเต้าจิงอย่างแตกตื่นลนลาน เห็นได้ชัดว่ามือไม้ปั่นป่วน
พั่งจื่อถูกเสียงเอะอะของนางปลุกตื่น มองท่าทางของนางแล้วด่าทออย่างอารมณ์ไม่ดี “อ๊บๆ!”
“หา!” จินเฟยเหยานิ่งอึ้ง รีบก้มหน้าลงอ่านอย่างละเอียดอีกครั้งจึงยิ้มแย้มขึ้น “ตกใจหมด ข้านึกว่าเขามากวาดล้างที่นี่ ที่แท้มาดูตัว”
ในซื่อเต้าจิงเขียนไว้อย่างชัดเจน เชื้อพระวงศ์เผ่ามารของโลกวิญญาณซิงหลัวมีเจตนาจะแต่งงานกับชนชั้นสูงเผ่ามารของโลกวิญญาณเป่ยเฉิน ดังนั้นโลกวิญญาณเป่ยเฉินจึงส่งจอมมารหลงมาโลกวิญญาณซิงหลัว
“ดียิ่งนัก เจ้าหมอนี่พาคนมากมายมาดูตัว ต้องไม่ว่างมาวิ่งวุ่นไปทั่วแน่ ข้าวิตกเกินเหตุจริงๆ! ทางที่ดีให้เขาแต่งภรรยาที่ชั่วร้ายสักคน จะได้จัดการเขาเหมือนที่ต้านิวทำกับพั่งจื่อ” จินเฟยเหยาหัวเราะฮาๆ อารมณ์ดีขึ้นทันที
พั่งจื่อมองนางแวบหนึ่ง ในใจเพียงเอ่ยว่า “ยายโง่!”
……………………………………..