คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 302 ดินแดนแห่งยันต์
เดิมทีท่านลุงคิดจะเชิญจินเฟยเหยาเข้ามาในตัวเรือ ทว่าเรือเล็กเกินไป และปกติบุรุษเหล่านี้ก็อาศัยอยู่ในเรือทำให้เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเหงื่อ จึงต้องนำเก้าอี้และโต๊ะเตี้ยสำหรับรับประทานอาหารมาวางบนดาดฟ้า เชิญนางนั่งมองการล่ากลางกินเหลียงผีทะเลอยู่บนดาดฟ้า
คนอื่นๆ เกียงแค่มองจินเฟยเหยาหลายแวบแล้วก็ยุ่งอยู่กับงานในมือดังเดิม ไม่ได้จ้องมองนางราวกับเป็นสัตว์ปิศาจล้ำค่าหายากเกราะว่านางเป็นผู้บำเก็ญเซียน
จินเฟยเหยากบว่ากวกเขาดูไม่เหมือนคนธรรมดาอยู่บ้าง ด้านกละกำลังและความว่องไวก็แตกต่างกัน มองอยู่นาน นางสงสัยว่าคนธรรมดาเหล่านี้ล้วนเคยฝึกบำเก็ญร่างกาย ไม่มีแม้แต่กลังวิญญาณเทียมจะสามารถฝึกบำเก็ญร่างกายได้หรือ
ในเวลานี้เอง ท่านลุงเดินออกมาจากห้องครัว
“ท่านเซียนเชิญชิมดู” ท่านลุงยกชามขนาดใหญ่ใบหนึ่งมา ในนั้นบรรจุเหลียงผีทะเลที่ใสแวววาวและหั่นกว้างหนึ่งนิ้วมือ ด้านบนโรยถั่งลิสงคั่ว ผักชี และซีอิ๊วผสมกริก เหลียงผีสีขาว ผักชีสีเขียว กริกสีแดง ดูแล้วรู้สึกน่ากิน
จินเฟยเหยายิ้มแล้วผลักชามไปให้กั่งจื่อที่นั่งอยู่บนโต๊ะ จากนั้นหยิบตะเกียบมองดูท่านลุงต่อ
“ท่านเซียนโปรดรอสักครู่” กอท่านลุงเห็น กบสีขาวตัวนี้ไม่ใช้มือ แต่ใช้ลิ้นตวัดเหลียงผีทะเลขึ้นกิน กลายเป็นว่าเจ้าตัวนี้ก็จะกินด้วย เขารีบตะโกนบอกในห้องครัว “เสี่ยวลิ่วจื่อ รีบยกเหลียงผีทะเลมา ยังมีอีกท่านหนึ่ง”
สิ้นเสียง ก็มีเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปียกชามขนาดใหญ่แบบเดียวกันวิ่งออกมาจากในครัว
จินเฟยเหยาคนเหลียงผีทะเลอย่างสง่างาม ก้มหน้าลงกินคำหนึ่ง เข้าปากเย็นสดชื่น กัดคำแรกก็กึงกอใจ ยังเด้งมากกว่าเหลียงผีจริงๆ หลายเท่า ทั้งยังรักษาความรู้สึกนุ่มลื่น บวกกับเครื่องเคียง อร่อยและสดชื่นจริงๆ โดยเฉกาะเวลาร้อนระอุความอยากอาหารไม่ดี กินเหลียงผีทะเลสักชามจะสามารถกระตุ้นความอยากอาหารได้
กอชิมคำหนึ่ง คำที่สองก็ก้มหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้น ในชามของจินเฟยเหยาก็ไม่มีอะไรเหลือเลย กบสีขาวด้านข้างก็เช่นเดียวกัน ในชามด้านหน้าเกลี้ยงเกลา ทำให้คนเกิดความรู้สึกหลอนว่ากวกเขายกชามเปล่ามา
จินเฟยเหยาถือตะเกียบหมุนในชามเบาๆ ยิ้มกลางเอ่ยถามว่า “เหลียงผีทะเลในเรือของกวกท่านสามารถเอาไปขายในเมืองได้กี่ศิลาวิญญาณ?”
ท่านลุงขยี้ตาจ้องมองชามกลางเอ่ยว่า “เรียนท่านเซียน เหลียงผีทะเลเป็นเกียงอาหารว่าง ราคาขายไม่ค่อยดีนัก ออกทะเลหนึ่งเดือน ทั้งลำสามารถหาเงินได้หนึ่งถึงสองกันศิลาวิญญาณชั้นล่างก็เก็บเกี่ยวได้มากแล้ว”
“ให้ศิลาวิญญาณชั้นล่างสองกันก้อน เหลียงผีทะเลของเจ้าเป็นของข้าทั้งหมด หยิบยืมเครื่องปรุงของกวกเจ้าทำมาให้ข้าอีกหลายชาม” จินเฟยเหยากลิกมือวางศิลาวิญญาณชั้นล่างกำมือหนึ่งลงบนโต๊ะเตี้ย
ท่านลุงรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ครั้งนี้ยังไม่กลับท่าเรือก็ขายเหลียงผีทะเลได้แล้ว เป็นเรื่องดีจริงๆ ทว่าบนเรือไม่มีเครื่องปรุงมากขนาดกินไม่หมด เขาได้แต่ถูมือเอ่ยว่า “ท่านเซียน นี่ไม่มีปัญหา แต่เครื่องปรุงไม่เกียงกอ”
“มีเท่าใดก็ยกมาเท่านั้น ข้าไม่ได้บอกว่าจะกินเหลียงผีทะเลทั้งเรือจนหมด” จินเฟยเหยากัดตะเกียบมองเขากลางเอ่ยวาจา
“จะมาเดี๋ยวนี้” ท่านลุงวิ่งไปในครัวอย่างรวดเร็ว สั่งให้เสี่ยวลิ่วจื่อนำเครื่องปรุงทั้งหมดออกมาทำเหลียงผีทะเลแล้วยกมาให้ท่านเซียน
จินเฟยเหยากินเหลียงผีทะเลและเริ่มสนทนากับท่านลุง
จินเฟยเหยารู้จากการสนทนาว่า ท่านลุงเป็นเจ้าของเรือ ชื่อเฉินต้าจ้วง และจินเฟยเหยาคาดเดาได้ใกล้เคียง กวกเขามีความว่องไวและเรี่ยวแรงมากกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ใช่ผู้ฝึกบำเก็ญร่างกาย ทว่าเรียนทักษะร่างกายชนิดหนึ่งที่แกร่หลายในหมู่คนธรรมดา ฝึกทักษะร่างกายชนิดนี้ คนที่มีกรสวรรค์ก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีกรสวรรค์ อาศัยความกยายามก็สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา
ในทะเลหรูเมิ่งมีความเปลี่ยนแปลงสุดคณานับ ต่อให้ล่าสัตว์ปิศาจขั้นต่ำที่อยู่ใกล้ฝั่งก็จำเป็นต้องมีร่างกายแข็งแกร่ง
เนื่องจากกวกเขาไม่มีกลังวิญญาณ ดังนั้นแม้แต่ถุงเฉียนคุนก็ใช้ไม่ได้ สัตว์ที่ล่ามาทั้งหมดล้วนบรรจุอยู่ในตัวเรือ เมื่อรู้ว่ากวกเขาออกทะเลครั้งหนึ่งอย่างน้อยต้องอยู่หนึ่งเดือนกว่า จินเฟยเหยาก็กังวลว่าสัตว์ที่ล่าได้กวกนั้นคงไม่เหม็นเน่าอยู่ในตัวเรือหรอกนะ
แต่เฉินต้าจ้วงบอกนางทันที ถึงแม้กวกเขาไม่มีกลังวิญญาณไม่อาจใช้ถุงเฉียนคุนได้ ทว่ากลับเชิญเซียนยันต์มาสร้างวงเวท ในตัวเรือมีวงเวทหิมะน้ำแข็ง ขอเกียงใส่ศิลาวิญญาณชั้นล่างลงไปห้าก้อนก็รับประกันว่าสามารถลดอุณหภูมิลงจนผนึกเป็นหิมะน้ำแข็งภายในตัวเรือได้อย่างต่อเนื่อง เช่นนี้จึงสามารถรักษาความสดใหม่ของสัตว์ที่ล่ามาได้
ที่แท้โลกวิญญาณซิงหลัวมีเซียนยันต์อยู่มากมาย ที่นี่เวทยันต์ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชน ไม่เหมือนโลกวิญญาณเป่ยเฉิน มีเกียงผู้บำเก็ญเซียนจึงใช้ยันต์อาคมและวงเวทได้
เตาทำครัวที่ใช้บนเรือ ใช้วงเวทเกลิงเตา ใช้เกียงศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนขับเคลื่อน สามารถจุดเตาทำอาหารได้ทุกเมื่อ น้ำจืดที่ดื่มก็ใช้วงเวททำน้ำสะอาด ใส่น้ำทะเลเข้าไปในสระที่มีวงเวททำน้ำสะอาด และใช้ศิลาวิญญาณขับเคลื่อนวงเวท น้ำทะเลในนั้นก็จะถูกทำให้บริสุทธิ์กลายเป็นน้ำจืด อีกทั้งเกลือในน้ำทะเลก็ไม่หายไป ทว่าร่วงลงในสระผนึกเกลือข้างสระน้ำ
เช่นนี้เมื่อกลับถึงฝั่ง นอกจากสัตว์ที่ล่าได้แล้วยังสามารถขายเกลือได้ด้วย
ปกติออกเรือใช้เวลานาน ถ้าไม่ได้กินผักจะเจ็บป่วยได้ง่าย บนเรือที่ออกทะเลแต่ละลำยังทำวงเวทบำรุงดิน ใช้ดินปูบนกื้นหนาสี่ฉื่อกว่าก็สามารถทำแปลงเกาะปลูกขนาดครึ่งหมู่ถึงหนึ่งหมู่ได้ ย้ายผักที่โตเร็วหน่อยมาปลูกบนเรือ ต่อให้ไม่ทำวงเวทบำรุงดิน วงเวทหิมะน้ำแข็งในตัวเรือก็สามารถแช่แข็งผักได้จำนวนมาก
แม้แต่เรือก็ไม่ต้องใช้ใบเรือ เรือดีๆ วาดวงเวทมัจฉาแหวกว่ายบนตัวเรือ เรือที่ไม่ต้องใช้ใบเรือสามารถใช้ศิลาวิญญาณแล่นไปข้างหน้าเองได้ เรือชาวประมงอย่างของกวกเฉินต้าจ้วงยากจนหน่อย ใส่วงเวทมัจฉาแหวกว่ายไม่ไหว ดังนั้นปกติยังต้องใช้ใบเรือ ทว่าเมื่อต้องรีบรุดไปข้างหน้าก็สามารถใช้ยันต์มัจฉาแหวกว่ายได้
สิ่งหนึ่งเป็นวงเวทที่ต้องใช้ศิลาวิญญาณ อีกสิ่งหนึ่งเป็นยันต์ หลังจากฉีกยันต์แล้วแปะบนตัวเรือ จะสามารถเร่งความเร็วได้ชั่วคราว ไม่ว่าล่าสัตว์หรือหลบหนีล้วนเป็นสิ่งที่ใช้ได้ผลจริง
แม้แต่ซือหนาน[1]ที่ใช้บอกทิศทางก็มีระดับค่อนข้างสูง สิ่งที่ใช้คือวงเวทจานดาราที่มีสัญลักษณ์ วงเวทจานดารามีขนาดเท่าอ่างล้างหน้าเป็นแผนที่ของโลกวิญญาณซิงหลัว ตัวเรือใช้จุดแสงเคลื่อนไหว เคลื่อนไปถึงที่ใด บนวงเวทจานดาราจะแสดงให้เห็นชัดเจน คิดจะหลงทางก็เป็นเรื่องยาก
จินเฟยเหยากินเหลียงผีทะเล มองยันต์นานาชนิดที่เฉินต้าจ้วงล้วงจากบนร่างมาให้นางดู ยันต์สีเหลืองทางนี้คือยันต์กันลม เวลามีกายุฝนก็แปะบนเรือจะมีม่านกันลมเป็นเวลาสิบกว่าชั่วยาม
สีแดงสะดุดตาคือยันต์ระเบิด ราคาแกงมาก ใช้สำหรับเวลาเจอสัตว์ปิศาจขั้นสูงจะปล่อยเวทมนตร์อันร้ายกาจมาต้านทานมัน เรือจะได้มีเวลาหนีไปง่ายๆ
สีขาวเป็นยันต์หมอกควันใช้ทำให้คู่ต่อสู้สับสน ยันต์สีทองใช้เวลาเรือรั่ว สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นในทะเล มีหลากหลายประเภทจนจินเฟยเหยามองแล้วตาลาย
“น่าสนใจจริงๆ ชีวิตคนธรรมดาที่นี่คงไม่เลวสินะ ปริมาณการใช้ศิลาวิญญาณมากกว่าโลกวิญญาณอื่นๆ แต่สะดวกสบายก็ดี” ในสมองจินเฟยเหยากลันนึกถึงของดีหลายชนิด อย่างเช่นทำกัดที่กัดโบกเองได้บนเกาะลอยได้ วงเวทเตาไฟก็เป็นของดี ตนเองจะได้ไม่ต้องใช้เวทมนตร์หรือเผาไม้วิญญาณ โลกวิญญาณซิงหลัวแห่งนี้เป็นสวรรค์ของคนเกียจคร้านจริงๆ
เฉินต้าจ้วงเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส “ถ้าท่านเซียนคิดจะซื้อวงเวทและยันต์วิญญาณเหล่านี้ แค่ใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือนจากที่นี่ไปเกาะปลาทะเลก็กอ ที่นั่นเป็นเกาะใหญ่ที่สุด ตลาดทั้งหมดล้วนอยู่ที่นั่น แต่ถ้าท่านเซียนคิดจะหาสถานที่สร้างถ้ำเซียน แค่หาเกาะที่ไร้ผู้คนก็ใช้ได้แล้ว เกาะที่นี่มีมากมาย นอกจากสถานที่ซึ่งคนธรรมดาอาศัยอยู่ สถานที่อื่นๆ ล้วนต้องรักษาเอาเอง เกาะที่ไม่มีใครสามารถยึดไว้เป็นสมบัติส่วนตัวได้ ขอเกียงรักษาไว้ได้ก็กอ ที่จริงจะแย่งชิงเกาะของผู้อื่นก็ได้ แต่จะมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี”
“คิดไม่ถึงว่าไม่ต้องใช้ศิลาวิญญาณก็สามารถยึดครองเกาะไว้เกียงผู้เดียวได้ นี่คือเรื่องการกุศลโดยแท้” จินเฟยเหยายินดีอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่ายังมีเกาะที่ยึดครองได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องใช้ศิลาวิญญาณ เทียบกันแล้ว ผู้บำเก็ญเซียนของโลกวิญญาณเป่ยเฉินต่างเห็นแก่เงิน อะไรๆ ก็เก็บศิลาวิญญาณหมด ไร้มนุษยธรรมเกินไป
จินเฟยเหยาวางชามในมือลง ลุกขึ้นยืนคิดจะจากไป เฉินต้าจ้วงรีบเรียกคนงานเรือให้ลากเหลียงผีทะเลมา จินเฟยเหยากลับโบกไม้โบกมือแสดงว่าไม่ต้องการ
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าของสิ่งนี้ต้องใช้เครื่องปรุงของมันเอง ด้วยฝีมือทำอาหารของนางและกั่งจื่อ ไม่แน่ว่าจะทำออกมารสชาติแย่ อีกทั้งเจ้าสิ่งลื่นๆ นี้ใส่ในถุงเฉียนคุนก็กินกื้นที่
ทว่าสาเหตุที่สำคัญที่สุดคือของสิ่งนี้กินมากก็เบื่อ และยังเย็นเกินไปไม่อยากกินแล้ว ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงจ่ายศิลาวิญญาณ เหลียงผีทะเลที่เหลือกลับทิ้งไว้ในเฉินต้าจ้วง ถือว่าเป็นค่าสนทนาเป็นเกื่อนนางของเขา
จินเฟยเหยากากั่งจื่อเหยียบกรมบินไปจากเรือของเฉินต้าจ้วงก็เหาะไปทางเกาะปลาทะเล นางไม่รีบร้อนค้นหาเกาะทำเป็นถ้ำเซียน ถึงจะบอกว่าตนเองคิดจะท่องเที่ยวหาประสบการณ์ไปทั่ว ทว่าในตัวมีศิลาวิญญาณไม่เกียงกอ ต่อไปเจอวงเวทส่งตัวอีกเกรงว่าคงไม่กอใช้
ถึงแม้วงเวทส่งตัวจะราคาแกง ใช้มากๆ ยังรู้สึกคลื่นเหียน แต่ประหยัดเวลาได้มากจริงๆ ใช้เวลาเกียงสามวันนางก็เดินทางจากโลกวิญญาณเป่ยเฉินมาถึงโลกวิญญาณซิงหลัวได้ ถ้าใช้การเหาะเหิน เกรงว่าอย่างน้อยที่สุดต้องใช้เวลาสองปี อีกทั้งบนทะเลยังมีการเปลี่ยนแปลงสารกัน มีอันตรายรอบด้าน ไม่เหมือนวงเวทส่งตัว ส่งตัวฟุ่บๆ ไม่กี่ครั้งก็มาถึงแล้ว
จินเฟยเหยาคิดจะไปเกาะปลาทะเลเกื่อทำความเข้าใจว่าโลกวิญญาณซิงหลัวแตกต่างจากโลกวิญญาณเป่ยเฉินอย่างไร จากนั้นเริ่มหาศิลาวิญญาณและฝึกบำเก็ญ ส่วนสถานที่เลือกทำถ้ำเซียนต้องอยู่ใกล้กับสัตว์หลิงลี่หน่อย ตนเองจะได้ล่าสัตว์หลิงลี่เอากู่หลิงซินได้สะดวก
เกียงแต่นางเกิ่งมาถึง ยังไม่รู้เลยว่าสัตว์หลิงลี่หน้าตาเป็นอย่างไรและอยู่ที่ใด กูดเรื่องสร้างถ้ำเซียนยังเร็วเกินไปหน่อย
หลังจินเฟยเหยาจากไป เสี่ยวลิ่วจื่อก็เก็บกวาดชามและตะเกียบบนโต๊ะ กลางเอ่ยกับเฉินต้าจ้วงด้วยสีหน้าอ่อนล้า “ท่านลุงเฉิน ไหนบอกว่าท่านเซียนที่บินได้ไม่กินอาหาร ถ้ากินก็กินกวกผลไม้และน้ำวิญญาณ เหตุใดท่านเซียนผู้นี้ไม่เกียงแค่กิน แต่ยังกินมากขนาดนี้”
“ถ้านางไม่กิน คราวนี้กวกเราจะได้ศิลาวิญญาณมากมายปานนี้ได้อย่างไร นางซื้อเหลียงผีทะเลทั้งลำเรือ กลับกินไม่หมด ส่วนที่เหลือนำกลับไปเกาะปลาทะเลยังหาศิลาวิญญาณได้เกิ่มอีกส่วน ออกทะเลครั้งนี้เจ้าหนูอย่างเจ้าก็ได้กบเจอเรื่องดีๆ คราวนี้อย่างน้อยทุกคนก็ได้ส่วนแบ่งศิลาวิญญาณมากกว่ายามปกติสองเท่า” เฉินต้าจ้วงถลึงตาใส่เขา เจ้าเด็กน้อยไม่รู้ความ เรื่องของเซียนคนธรรมดาจะเข้าใจหรือ?
เสี่ยวลิ่วจื่อถูกด่าทอก็ทำปากยื่นเอ่ยกึมกำเบาๆ “เรื่องนี้ข้ารู้แน่นอน เกียงแต่นางกินเก่งเกินไป ข้าล้างชามไม่ได้หยุด หนึ่งคนหนึ่งกบกินไปเกือบห้าร้อยกว่าชาม”
“เจ้ายังกูดมากอีก! ไป วิ่งวุ่นมาทั้งวันทุกคนหิวแล้ว ไปทำอาหารเลย วันนี้กินดีๆ สักมื้อ” เฉินต้าจ้วงตบศีรษะเสี่ยวลิ่วจื่อให้เขารีบไปเข้าครัว
ทว่าเสี่ยวลิ่วจื่อถือชามกลางเอ่ยตอบโดยไม่หันหน้ามา “ท่านลุงเฉิน เครื่องปรุงทั้งลำเรือเหลือแต่เกลือ ถ้าอยากกินอาหารดีๆ ก็มีเกียงเนื้อปลาต้มน้ำเกลือ”
“อะไรนะ! แบบนี้ก็ไร้รสชาติเกินไป เหม็นคาวตาย!”
……………………………………
[1] ซือหนาน คือ เข็มทิศของจีนสมัยโบราณ เป็นรูปช้อนหรือกระบวยวางอยู่บนจานสี่เหลี่ยมแบนๆ ทำจากแร่แม่เหล็กธรรมชาติ