ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน - ตอนที่ 709 ก้าวไปข้างหน้า
“ท่านอาจารย์ได้จากไปแล้ว” เฮยเยว่กล่าว
“ข้าจะต้องกลายเป็ นยอดฝีมือขอบเขตปฐมโกลาหล” เฉียนหมิ งกล่าวอย่างมั่นคง
“ศิษย์พี่ ท่านทะเยอทะยานมากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ? ยอดฝีมือ ขอบเขตปฐมโกลาหลเท่านั้นหรือ? อาจารย์ฆ่าคนในขอบเขตเพียง การโจมตีเพียงเดียว เป้ าหมายของข้าคือการก้าวข้ามขอบเขตปฐม โกลาหล” ฉู่เอ๋อร์กล่าว
“ถูกต้อง เราควรก้าวข้ามขอบเขตปฐมโกลาหล” เฉียนหมิงพยัก หน้า
“เอาล่ะ เราจะพูดถึงเรื่องนี้หลังจากที่เราบรรลุขอบเขตเบิกฟ้ า แยกปฐพีแล้ว” เซียวเหลียงพูดด้วยน้าเสียงราคาญใจ
“อมิตาพุทธ การบรรลุขอบเขตเบิกฟ้ าแยกปฐพีไม่ใช่เรื่องยาก” มารพุทธะประสานฝ่ ามือแล้วพูด
“ข้าไม่จาเป็ นต้องสร ้างโลกด้วยซ้า” หูเทียนหยาพูดด้วยสีหน้าไม่ พอใจ
ฉินหยิง, เหรินชางเหอ และตู้หยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู ้สึกว่าพวกเขา อยู่ผิดที่
ศิษย์ส่วนตัวเหล่านี้ช่างร ้ายกาจเหลือเกิน
“หากข้าไม่ได้พบกับท่านอาจารย์ ข้าคงไม่มีทางรู้ว่าความ โกลาหลนั้นมีอยู่นอกเหนือเก้าดินแดน และความโกลาหลนั้นมีโลก และอาณาเขตนับไม่ถ้วน”
“สิ่งเหล่านี้คงจะเป็ นพิภพหมื่นสวรรค์ที่อาจารย์กาลังพูดถึง” เห รินชางเหอกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ข้าคิดว่าพิภพหมื่นสวรรค์ที่อาจารย์พูดถึงอาจอยู่นอกความ โกลาหล” เฮยเยว่กล่าว
เหรินชางเห ตกตะลึง
เขารู ้สึกว่าพิภพหมื่นสวรรค์ที่ฉู่เซวียนกล่าวถึงไม่ได้อยู่นอก ความโกลาหล แต่อยู่นอกโลก
“เป็ นเพราะอาจารย์กลัวว่าเจ้าจะทนไม่ได้หากเขาพูดความจริง นั่นเป็ นเหตุผลว่าทาไมเขาถึงพูดอย่างคลุมเครือเกี่ยวกับเรื่องนี้” ติง เยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหรินชางเหอได้ตระหนักรู้
มันก็เลยเป็ นเช่นนี้…
“มือสังหารจักรพรรดิคนนั้นไปไหนแล้ว?” หวังลู่ถามขณะที่เขา มองไปรอบ ๆ
“ข้าอยู่นี่” มือสังหารจักรพรรดิตะโกนขณะที่เขารีบวิ่งมา
เฟิงคงอยู่ข้าง ๆ เขา
“เมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” ติงเยว่โบกมือแล้ว พูด
“ดูแลตนเองด้วย เราจะพบกันใหม่ในอีกล้านปี”
“เอาล่ะ เช่นนั้นไว้เจอกันในอีกล้านปี!”
พวกเขาได้ออกจากเต๋าสวรรค์และเข้าสู่ความโกลาหล
พวกเขาทั้งหมดแยกย้ายกันไปสารวจความโกลาหล
หงหยวนชิวถอนหายใจ เขาไม่ได้จากไป
เขาอ่อนแอเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์จาเป็ นต้องมียอดฝีมือบางคนอยู่ใน โลกศักดิ์สิทธิ์
ที่แห่งหนึ่งในดินแดนสวรรค์ ฉู่ยืนขึ้น และมีเซวียน, สุ่ยเหลียน และซีติดตามเขาไป
“บรรพชนฉิน ข้าจะไปแล้ว” ฉู่กล่าว
ฉินพยักหน้า
“เราจะได้พบกันอีกหากโชคชะตาน าพา บางทีเราคงได้พบกัน อีกครั้งหลังจากที่ข้าบรรลุขอบเขตปฐมโกลาหล”
จี๋ก็ป้ องหมัดของเขาแล้วจากไป
“การพัฒนาในอนาคตของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ มนุษย์เอง ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องค้นหาเส้นทางการฝึ กฝนของ ตนเอง”
หลังจากที่เซี่ยป้ องหมัดแล้วเขาก็จากไปเช่นกัน
“อวิ๋นได้เกิดใหม่แล้ว เจ้าอยากไปพบนางหรือไม่?” ฉินถามเหม่ย เหม่ยเงียบไป
อวิ๋นเป็ นพี่สาวของนาง แต่อวิ๋นไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ในที่สุดอวิ๋นก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป “อย่างไรก็ตาม นางมีชีวิตใหม่ อดีตก็คืออดีต” ฉินกล่าวต่อ “เช่นนั้น ข้าขอพบเฉียนได้หรือไม่”
เหม่ยถามอย่างลังเล “ได้ แต่เจ้าต้องปิดผนึกความแข็งแกร่งของเจ้า”
“ข้ายินดี”
เหม่ยพยักหน้า นางปิ ดผนึกความแข็งแกร่งของนาง โดยจากัดไว้ที่เกณฑ์ 100,000 ลี้ จากนั้นฉินก็โบกมือแล้วส่งนางออกไป
“หวู่ที่เจ้าพูดถึงฟื้นคืนชีพแล้ว และเขาได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่” ฉินกล่าวต่อ
“ดียิ่งนัก โปรดส่งค าทักทายของข้าไปให้เขา” ฉู่พูดพร ้อมกับยก มือขึ้น
“ข้าจะไม่สามารถพบเขาได้ ข้าเป็ นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋า สวรรค์ และต้องรักษาระยะห่างของข้า”
“ข้าจะทักทายหวู่แทนท่านเอง บรรพชนฉู่” ทันใดนั้นเสียงของจี๋ ก็ดังขึ้น
“ขอบคุณ”
ฉู่หัวเราะ
อวตารของจี๋เป็ นผู้รับผิดชอบสังสารวัฏ
ฉินส่งทั้งสามคนออกจากโลกศักดิ์สิทธิ์และเข้าสู่ความโกลาหล
เขายังคงต้องกลับไปจัดเตรียมผู้ฝึกยุทธ ์ขอบเขตเต๋านิรมิตของ เผ่าพันธุ์มนุษย์
จากนั้นฉินก็ยืนนิ่งชั่วครู่และหัวเราะทันที
บางที นี่อาจจะเป็ นตอนจบที่ดีที่สุดสาหรับเขา
ในตอนนั้น เขาได้วางแผนมาเป็ นเวลานานเพื่อควบคุมมหาเต๋า จากทั้งเก้าดินแดน เขาอยากจะพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อไปถึงขอบเขตที่สูงขึ้น
ตอนนี้เขาได้กลายเป็ นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าสวรรค์
ตราบใดที่เต๋าสวรรค์ไม่ถูกทาลาย เขาจะไม่ตาย
นอกจากนี้ ศักยภาพของเต๋าสวรรค์นั้นไร ้ขอบเขต ดังนั้นใน ที่สุดเขาก็จะสามารถไปถึงขอบเขตปฐมโกลาหลได้
ร่างของเขาหายไปและกลับสู่เต๋าสวรรค์
มันเป็ นหน้าที่ของเขาที่จะต้องรักษากฎแห่งเต๋าสวรรค์
ส าหรับแมววิญญาณสวรรค์ บุปผากลืนวิญญาณ และวิหค ทองคาเขย่านภาพวกเขาล้วนเป็ นสิ่งมีชีวิตแห่งเต๋าสวรรค์ แต่จะไม่ยุ่ง เกี่ยวกับเต๋าสวรรค์หรือความรับผิดชอบของเขา
บางทีพวกเขาอาจลงมือเฉพาะตอนที่เต๋าสวรรค์กาลังเผชิญกับ วิกฤติอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม เต๋าสวรรค์จะยังคงเผชิญกับวิกฤต ณ จุดนี้ หรือไม่?
แทบจะเป็ นไปไม่ได้
นอกจากนี้ เขาไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงผู้เดียวในเต๋าสวรรค์ แต่ยัง มีเฟิงหยิ่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็ นเทพเจ้าโกลาหลบรรพกาล
ฉินปรากฏตัวต่อหน้าเต่าขนาดใหญ่และพูดคุยกับมัน อย่างไรก็ ตาม เต่าตัวนี้ชอบนอนหลับเป็ นชีวิตจิตใจ
จากนั้น จิตสานึกของเขาก็มาถึงแม่น้าแห่งกาลเวลา ซึ่งจ้าว มังกรอาศัยอยู่
หลังจากที่เต๋าสวรรค์แข็งแกร่งขึ้น จ้าวมังกรก็เช่นกัน จ้าวมังกร ได้ครอบครองพลังของยอดฝีมือขอบเขตปฐมโกลาหลส่วนหนึ่งแล้ว
ฉินพูดคุยกับจ้าวมังกรและเล่าให้อีกฝ่ายฟังเกี่ยวกับการผจญภัย ของเขาในความโกลาหล ตามที่คาดไว้ จ้าวมังกรสนใจเรื่องนี้มาก
ในเวลาเดียวกัน ในความโกลาหล เทพเจ้าบรรพกาลผานเหมิง ก าลังส ารวจความโกลาหล
เขาเป็ นเบี้ยของจ้าวมังกร และกาลังเที่ยวเล่นอยู่ในความ โกลาหลในนามของจ้าวมังกร
ทุกครั้งที่ฉินพูดถึงเหตุการณ์ใหม่ในความโกลาหล เทพเจ้า บรรพกาลผานเหมิงจะรีบวิ่งไปดูอย่างตื่นเต้น
ในแง่ของสถานะ จ้าวมังกรครองตาแหน่งที่สูงที่สุดในเต๋าสวรรค์ ทั้งหมด
ดังนั้นจึงเป็ นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่จะสร ้างความสัมพันธ ์ที่ดี กับจ้าวมังกร
ฉินมองดูเฟิ งหยิ่ง อีกฝ่ ายเป็ นเพียงคนโง่ที่รู ้เพียงวิธีรักษา กฎระเบียบของเต๋าสวรรค์
เฟิงหยิ่งเป็ นสหายข้างเคียงกับอวตารของเขามาเป็ นเวลานาน และพวกเขาเป็ นสหายเก่ากัน แต่อีกฝ่ ายยังคงรักษาวิถีชีวิตที่ยุ่ง วุ่นวายไว้
ด้วยการเปิ ดตัวเต๋าสวรรค์ สิ่งมีชีวิตจานวนหนึ่งจากความ โกลาหลได้มายังเต๋าสวรรค์
ขุมอ านาจจ านวนมากต้องการส่งต่อมรดกของตนเองภายในเต๋า สวรรค์
ใครก็ตามที่มีตาทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเต๋าสวรรค์จะกลายเป็ น ศูนย์กลางของความโกลาหล และมีศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ยอดฝีมือหลายคนเข้ามา ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การต่อสู้จะ ปะทุขึ้น
ยอดฝีมือจากโลกโกลาหลบรรพกาลที่จากไปแต่เดิมกลับมาทีละ คน
ท้ายที่สุดแล้ว โลกโกลาหลบรรพกาลได้ถูกรวมเข้ากับเต๋า สวรรค์แล้ว
โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขามองว่าโลกโกลาหลบรรพกาลเป็ น ดินแดนของตนเอง และต่อสู้กับขุมอานาจที่บุกเข้ามา
ฉินและเฟิงหยิ่งไม่ได้เข้าไปยุ่ง
ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อเต๋าสวรรค์หรือทาให้เผ่าพันธุ์ใด ๆ ถูกท าลายล้าง พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่ง
ในโลกใหม่ ในเมืองของมนุษย์ เด็กชายอายุสามขวบก าลังถือ ลูกปัดอยู่ในมือ
ลูกปัดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทไม่รู ้จบ
ใคร ๆ ก็สัมผัสได้ถึงร่างที่ดุร ้ายและน่าสะพรึงกลัวภายในลูกปัด อย่างคลุมเครือ
อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยก็ไม่ได้หวดกลัวเลย
แต่เขาใช ้นิ้วจิ้มร่างในลูกปัดแทน
ทุกครั้งที่เขาจิ้มลูกปัด เขาจะได้ยินเสียงกรีดร ้องแผ่วเบาและเสียง คารามอย่างโกรธเกรี้ยวจากมัน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกครั้งที่เด็กน้อยได้ยินเสียงนี้ เขาจะ หัวเราะอย่างมีความสุข
ไม่ว่าอารมณ์ของเขาจะแย่เพียงใด มันก็จะดีขึ้นเพียงแค่เล่นกับ ลูกปัด
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะอายุเพียงสามขวบ แต่เขาก็เป็ นผู้ฝึ ก ยุทธ ์ขอบเขตเต๋าขั้นแรกแล้ว
ร่างที่สง่างามเดินออกมาจากลานเล็ก ๆ
“เสี่ยวเฉียน ได้เวลากินข้าวแล้ว”
“ก็ได้” เขาพูด
เด็กชายลุกขึ้นและวิ่งไปหาร่างที่สง่างาม
นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและมีความสุขมาก
เด็กชายมองไปที่พี่สาวผู้อ่อนโยนของเขา จากนั้นจึงมองไปที่ ชายร่างกายาที่กาลังเดินมาจากระยะไกล เขาถามว่า “นางเป็ น เจ้าสาวของข้าจริง ๆ หรือ?”
ใบหน้าของหวู่กระตุกเมื่อเขามองไปที่เหม่ย เมื่อเหม่ยจ้องมอง เขาอย่างเฉียบแหลม เขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ใช่แล้ว นางเป็ นเจ้าสาวของเจ้า!”
เฉียน เกาหัวและตบลูกปัดด้วยฝ่ ามือ เขาพึมพ า “แต่ข้าอายุแค่ สามขวบ นางแก่กว่าข้ามาก…”
จิตส านึกของเอ้อร์ม่อส่งเสียงกรีดร้องออกมาเป็ นชุด
ท าไม
ท าไมเฉียนถึงเกิดใหม่?
นอกจากนี้ ทาไมเขาถึงยังถูกทรมานเช่นนี้?
เหม่ยกอดเฉียนไว้ในอ้อมแขนของนางแล้วยิ้มราวกับบุปผาใน ฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
‘ชีวิตนี้เจ้าไม่สามารถหนีจากข้าได้’
หวู่ถอนหายใจแล้วหันไปจากไป
ช่างเป็ นความสัมพันธ ์ที่โชคร ้ายจริง ๆ !
ลืมมันไปเถอะ
บางทีบรรพชนเฉียนอาจจะยอมรับมันหากเขาฟื้นความทรงจ า เกี่ยวกับชาติก่อนของเขากลับคืนมา
ส าหรับเอ้อร ์ม่อ เขาน าพาความเจ็บปวดและความทรมานมา สู่เฉียนอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นจึงถึงเวลาที่เขาจะต้องทนทุกข์ทรมาน
เหม่ยยิ้มอย่างมีความสุขและกอดเฉียนไว้และจูบใบหน้าของเขา
จากนั้นนางก็หยิบเข็มเล็ก ๆ ออกมาแล้วส่งให้เฉียน “หากใช ้สิ่ง นี้จิ้มลูกปัด มารที่อยู่ข้างในจะกรีดร ้องดังยิ่งขึ้นไปอีก”
เสียงกรีดร ้องของเอ้อร ์ม่อเริ่มดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน