กำพร้า ณ ต่างโลก - ตอนที่ 7 จินตนาการ
7 จินตนาการ
เรายืดเส้นสุด วีกับวิวทำได้เยอะ แล้วพี่อลิสก็มา
“เข้ามาได้แล้ว”
“คร้าบ” “”ค่า””
เรากลับเข้าไปข้างใน ห้องรวมไม่มีคนแล้ว
“ตอนนี้มันก่อนเที่ยงเราจะไปนอนครึ่งนิ้วโป้ง”
“ครึ่งนิ้วโป้งคืออะไรอ่ะ”
“หนูก็อยากรู้”
“ผมด้วยครับ”
พี่อลิสให้เราไปนอน วีถามวิวอยากรู้ตามพี่ขึ้นมา
“ดูตรงกรงนั้น”
มีกรงเล็กๆ สัตว์ประหลาดทรงมนุษย์กำลังยืนอยู่บนแท่นกลางแผ่นไม้กลม แล้วหมุนแขนมีแขนเท่านิ้วโป้งกับมีแขนเท่านิ้วชี้ ไม่มีเลข ถ้ามันเป็นนาฬิกาโลกเก่า มันประมาณ 11 โมงนั่นนาฬิกาหรือถ้าอย่างนั้นครึ่งเข็มสั้น ผมเห็นมันเป็นสัตว์ผมเลยไม่เชื่อแล้วนึกว่าตัวประหลาด
“เดี๋ยวตอนบ่ายๆพี่วาเนสซ่าจะสอนดู เข้าใจนะ ไปนอนพักผ่อนก่อนได้แล้ว มันแป้ปเดียว”
“ครับ” “”ค่ะ””
พวกเราไม่ค่อยเต็มใจ แต่ผมเข้าใจ ร่างกายเรายังเด็กอยู่
เราเดินกันไปห้องนอน ผมเห็นโดโรเธียออกมาจากห้องน้ำห้องสุดท้ายของสุดทางบ้าน
“ทำไมพวกเธอยังไม่ไปนอนอีก เร็วๆเข้า!”
โดโรเธียเร่งพวกเรา เราสามเร่งฝึเท้าเข้าห้องนอนแล้วมองหน้ากัน เรายิ้ม แล้วแยกย้ายกันไปที่เตียง
ก่อนนอน ผมนั่งขัดสมาธิ เท้าคาง ถึงสิ่งสำคัญ นั่นจริง
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
เหมือนที่บุคคลมีค่าที่โลกเก่ากล่าว มันจริงแท้ในโลกนี้ ผมให้พวกเธอมองภาพให้ออกในใจซึ่งผมสอนท่าแล้ว เพราะวีกับวิวมองเห็นภาพนั้น พวกเธอจึงทำท่าได้ ซึ่งท่าเป็นลักษณะของโลกนี้
ผมมองวีเด็กแมวที่ทำได้ก่อนพวกเธอดึงแขนกัน วิวทำด้านหน้าได้แล้ว? วียังหันหลังอยู่ แสดงว่าจินตนาการวิวเด็กแมงมุมต่อยอดไปได้ไกล ผมยิ้ม แล้วมันก็ได้เวลาพักผ่อน ผมเผาพลาญมาแล้ว ตอนนี้ต้องพักผ่อน เอาล่ะประมาณชั่วโมงหนึ่งได้กล้ามเนื้อแค่ไหน ตอนนี้มันก่อนเที่ยวกว่าๆ
ผมรีบนอน ผมล้าๆ ผมหลับ
ผมฝันเห็นวี กับ วิวในโลกเก่า
อะไรกันเนี่ย
ผมตื่น
อีกหน่อยเดียวจะเที่ยง ผมงีบไป
ผมฉุกคิดได้เรื่องหนึ่งซึ่งทนไม่รู้ไม่ได้ ถึงหมายเลขหนึ่งหมายเลขสอง ผมดูรอบห้อง หมายเลขเก้า หายไปแล้ว ทุกคนหลับ
ผมย่องๆออกจากห้องจะไปหาพี่อลิส
วีลุกขึ้นมามองผมงัวเงียๆ
“พี่จะไปไหนหมายเลขแปด”
“ห้องน้ำน่ะ นอนเถอะ”
วีกลับไปนอน เปิดประตูเบาๆ ปิดเบาๆ ผมเดินให้ไม่มีเสียงไปห้องรวม
เฮ้ยพี่อลิส!
ผมเขี่ยผ้าขี้ริ้วหน้าประตูห้องรวมที่เปิดอยู่ นำขาหลังไปข้างหลังจากนั้นพุ่งสไลด์หนึ่งเข่าเข้าข้างประตู ผมเล็งไปบนผ้าขี้ริ้ว มันจึงเสียงเบา ทำไมเธอไม่ใส่เสื้อ แล้วนั่นมันอะไรกัน นั่นมัน……
ขอโทษที่ต้องมองนะพี่อลิส แต่ผมหลังพิงกำแพงแอบมอง
พี่อลิสป้อนนมอยู่ หมายเลขเก้าอยู่ซึ่งผมไม่รู้ว่าเผ่าอะไร ข้างหลังเธอมีแผลเป็นอยู่มากมาย เธอโดนอะไรมา?
*แกร๊ก*
ซวยแล้ว! ใครออกมาจากห้องน้ำ
ผมรีบเหลียวพี่อลิส เธอวางหมายเลขเก้า หยิบเสื้ออันน่าจะเปียกแล้วกำลังเดินมาทางที
ซวยซ้อน!
ผมยืนคำนับอยู่กับที่
“เธอมาทำอะไรแอบๆอยู่ตรงนี้เนี่ยหมายเลขแปด”
“ขอโทษครับ!”
มันคือพี่วาเนสซ่า เธอออกมาจากห้องน้ำ ไม่นานพี่อลิสก็มาถึง
“อ้าว หมายเลขแปด มาทำอะไรตรงนี้น่ะ”
พี่อลิสถาม หน้ายิ้มๆเศร้าๆ ผมรีบพูด
“ขอโทษที่ถามนะครับ ผมสงสัยจริงๆ หลังพี่ไปโดนอะไรมา”
จากยิ้มสู้เศร้าล้วน
“พี่รักผิดคน…”
“…ครับ”
“แล้วทำไมพี่ถอดเสื้อ แล้วทำไมน้ำนมพี่ยังไม่หมดเหรอ”
“คำถามเธอเยอะจัง อย่าเพ้อเจ้อ น้ำนมอยู่ได้สี่ปี”
พี่วาเนสซ่าพูดตำหนิ แต่สอน ผมหันไปดูหน้าเธอ เธอคิ้วขมวด
“ไม่เป็นไรพี่วาเนสซ่า หนูไม่ถือ”
“อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ”
พี่วาเนสซ่าเดินไปเข้าห้องโดโรเธีย
พี่อลิสพูดขึ้นมา
“หมายเลขเก้านอนไม่หลับกำลังจะงอแง พี่ทำให้หลับๆด้วยการป้อนนมกับกล่อมน่ะ เผ่าเอิ้กเอิ้กขี้กลัว แล้วเธอก็เล็ดออกมาเสื้อพี่เลยเปียก นั่นแหละ ไปก่อนนะ”
ผมไม่เห็นเธอ เอิ้กเอิ้กคืออะไร
อลิสเดินไปห้องน้ำ ผมเห็นห้องโดโรเธียแง้มอยู่
*แกร้ก*
พี่วาเนสซ่าออกมา
“อลิสไปยัง”
“ไปแล้วครับ แต่มีอะไรเหรอ?”
ผมถามพี่วาเนสซ่า
“อลิสเนี่ยนะ เธอรู้ไหม แต่พี่บอกให้รู้แล้วห้ามไปแอ้ะปากกับใครเลยนะ ผัวเก่าเธอน่ะ”
จากนั้นเธอเดินเข้ามากระซิบ
“มันคนคุก”
เธอกระซิบให้ผม
“คนคุกจะมีแผลเป็นที่หน้าจากคุกทำมา”
“…อย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่เคยเห็น”
ช่างโหดเหี้ยม เขาพลั้งผิดเพียงทีเดียว ทำลายบุคลิคเขาเชียวหรือ
“จากนั้นนะ ตอนเธอหาเงินได้แล้วผัวจะเอา พอเธอไม่ให้ เธอโดนกรีดแล้วเอาเม็ดซี้ดซี้ดทา แผลที่ปรกติจะหายเลยไม่หาย แล้วเธอปล่อยเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เธอเลยเป็นอย่างนี้ไง อย่าไปยุ่งกับคนคุกเลยนะ”
“ผมจะพิจารณาครับ”
ผมเชื่อว่าคนคุก ที่ทำผิดกฎหมายไป โดนลงโทษไป แต่เขาไม่แก้ไขตัวเองเท่านั้นที่ผิดมาก
จากนั้นพี่วาเนสซ่ากำลังจะไปเข้าห้องโดโรเธีย
“อ้อ ใช่พี่ ผมกับหมายเลขหนึ่งกับสองอายุเท่าไหร่”
“จึ…เธอน่ะประมาณสาม หนึ่งกับสองประมาณสองตอนนี้ ดูจากเวลาขนาดตัวตอนมา เท่านี้นะ หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว เดี๋ยวก็เป็นพญามัจจุราชจะอดเล่นตลอดไปหรอก”
เธอเกลียดจินตนาการของผม นั่นไม่ผิด พญามัจจุราชคืออะไร?
พี่วาเนสซ่ากลับเข้าห้อง ผมกลับเข้าห้องรวม วีกับวิวเล่นดึงแขนด้านหน้ากัน วีทำได้แล้ว? มันช้ากว่านิดหน่อย
ผมไปที่เตียง นั่งขัดสมาธิ เท้าคาง
ถ้าอย่างนั้น อลิสลำบากมาก่อนเพราะความรัก แล้วเม็ดซี้ดซี้ดทาแผลจะเป็นแผลเป็น ผมดูนาฬิกาต่างโลก อีกแค่นิดๆก็จะเที่ยง ผมได้รู้อะไรดีๆ ผมจะนั่งสมาธิ เพราะมันแค่แปปเดียว
ผมนั่งสมาธิให้สบาย แด่ต่างโลก สู่ความว่างเปล่า
……………………………
“ได้เวลากินข้าวแล้ว เอ้าเร็วๆ”
“””คร้าบ””” “””ค่า”””
อลิสมาเรียกเราไปกินแกงไบชุนฟุมันอร่อยเหมือนเดิม ทุกคนยอมกินง่ายๆ ร่วมถึงเด็กดวอร์ฟ ท่าทางจะหิว แล้วเราก็ไปห้องรวมพร้อมตุ๊กตา มันยังอยู่กับเราจนผมลืมมันไปแล้ว
ผมหาที่นั่ง
“เล่นกันดีๆ เดี๋ยวพี่วาเนสซ่าจะมาเริ่มสอนวันนี้ เข้าใจมั้ย”
“””คร้าบ””” “””ค่า”””
เราหาที่นั่ง วีกับวิวเล่นตุ๊กตาแล้ว ผมเล่นหุ่นซ้อมทุ่มผม
เราเล่นกันซักพักโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ววาเนสซ่าก็มา อลิสลุกขึ้นแล้วยิ้มให้ทุกคน แล้วเธอก็ออกไป
“เอาล่ะ มานั่งให้เรียบร้อยกันข้างหน้า เร็วๆเข้า พี่จะเริ่มสอนดูกรงเวลา จากนั้นแนะนำตัวกัน แล้วทำเครื่องหมายเด็กกำพร้า”
“””ครับ””” “””ค่ะ”””
หืม? มันคืออะไร เหมือนทุกคนจะรู้ยกเว้นผม
พี่วาเนสซ่าเดินไปชี้กรงเวลา
เรานั่งกันหน้าพี่วาเนสซ่าดูกรงเวลาหรือนาฬิกาต่างโลก
“เอาล่ะเราเรียกแขนใหญ่ว่านิ้วโป้ง แขนเล็กกว่าว่านิ้วชี้ ถ้ามันชี้ล่างแล้วยังเช้ามันคือตอนเช้า ถ้ามันมืดมันคือก่อนค่ำ ชี้บนคือเที่ยงถ้ายังสว่าง ชี้บนแล้วมืดหมายถึงมันเที่ยงคืนที่เธอต้องนอนแล้ว เข้าใจมั้ย!!!”
“””คร้าบบบ””” “””ค่าาาา”””
“ปีหนึ่งคือ หนึ่งอายุขัย หนึ่งปีมีสิบสองเดือน เดือนหนึ่งมีสามสิบวัน จำไว้ดีๆ!”
“””คร้าบบบ””” “””ค่าาาา”””
มันเหมือนๆโลกเก่า ทุกหมายเลขดูตื่นเต้นที่ได้รู้อะไรใหม่ๆ รวมถึงหมายเลขหนึ่งกับสอง
“ต่อไปคือแนะนำตัว และพี่จะอธิบายคร่าวๆว่าน่าจะไปทำอะไรในอนาคต หมายเลขหนึ่ง”
“เอ๋? หนูเหรอ”
พี่วาเนสซ่าเรียกวีแต่เธอไม่กล้าลุก
“เร็วๆเข้า”
“แต่…”
“ไม่ต้องเถียงแล้วรีบมา”
“…ค่ะ”
วีเด็กแมวไม่ค่อยอยากจะไป เธอตื่นคนหรือ?
“บอกหมายเลขตัวเอง”
“ฉันหมายเลขหนึ่งนะ……”
พี่วาเนสซ่าให้วีบอกหมายเลข วีพูดแค่เบาๆเกือบไม่ได้ยิน
“เธอเป็นเผ่าแง้วที่เห็นบ่อยๆกับเผ่าโฮ่ง โตขึ้นไปเดี๋ยวก็มีคนเอาไปโครัลลัลเรย์เรีย อ่ะ กลับไปได้ละ เดี๋ยวมันเย็น”
เท่านั้นเองหรือ?
“หมายเลขสองออกมา”
“ค่ะ!”
วิวรีบลุก แทบจะวิ่งออกไป
“หมายเลข 2 จ้า!”
“เธอคือเผ่าแปดขา พวกเธอทำอะไรก็ได้พวกเธอแรงเยอะ ไม่ไปเป็นนักรบก็เป็นทาสดีๆ อื้ม ไปนั่ง”
“ค่ะ!”
วีกลับมานั่งตามวาเนสซ่าสั่ง ถ้าอย่างนั้นมันมีทาสจริงๆ
“หมายเลข 3”
“ค่ะ”
เพศหญิงเลขสามตัวสีเข้มหูแหลมๆ ผมเก็งว่าเธอคือดาร์คเอล์ฟ
“หมายเลขสาม”
“เอลฟ์มืด ทำนา ต่อ!”
ผมว่าวาเนสซ่ารีบเกินไป
“พี่ช้าอีกหน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากรู้จักเผ่าพวกเธอมากกว่านนี้”
เธอทำหน้าทำอะไรไม่ถูก
“เออๆ เพ้อเจ้อจริงๆหมายเลขแปด นี่”
“ขอโทษครับ”
“…อืม”
เธอดูหงุดหงิดแต่ทำต่อ
“เอลฟ์มืดชอบตากแดด พวกเธอทำนาเก่งกันทุกคน ดังนั้นนั่นแหละ เอ้าต่อ!”
“””คร้าบบบ””” “””ค่าาาา”””
พี่วาเนสซ่าสอน ทุกคนดูสนใจที่ได้รู้จักกัน หมายเลขสี่เด็กหูแหลม มองซ้ายมองขวา แล้วลุกขึ้น เดินไป
“หมายเลขสี่ ข้าเนี่ยเดี๋ยวก็ได้ออกไป ไม่ต้องรู้จักมากนักหรอก”
อืม เพศชายหมายเลขสี่ เขาผิวขาว หูแหลม ดูหยิ่งๆ
“พวกเขาหาของป่าเก่ง อยู่กันแต่ป่ามืดๆ ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้ออก กลับไปนั่งที่”
ขณะเด็กเอลฟ์กำลังเดินกลับมา โดโรเธียเข้ามา วาเนสซ่าลุกขึ้น
“ฉันมาดูการสอน”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
วาเนสซ่ากลับไปนั่งลงแล้วแนะนำตัวต่อ
“หมายเลขห้า!”
วาเนสซ่าดูตั้งใจมากกว่าเดิม ผมหันไปดูหมายเลขห้า มีหางสีเนื้อๆคล้ายไดโนเสาร์ เด็กไดโนเสาร์หรือ ไดโนเสาร์ยังอยู่ในโลกนี้? เธอไปยืนข้างหน้าแล้วนิ่งไป
ทุกคนมอง เธอยืนจ้องนิ่งๆ เหมือนไม่อยู่?
“เอ้าแนะนำตัวสิ!”
“ว้าย! ค-ค่ะ หมะ-หมายเลขห้า จุจุจุจุจุ”
“พวกเธอคือจุ๊จุ๊ พวกเธอชอบแอบกินผลไม้ร่วงที่สวน ถ้าเธอไม่รู้ท่าหางเธอก็จะไปเป็นทหาร …กลับไปนั่งที่ได้แล้วเธอน่ะ”
“ค-ค่ะ”
หมายเลขห้า เพศหญิง เธอผิวโปร่งใสนิดหน่อย หางสีเนื้อ ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ไดโนเสาร์แต่เป็นจิ้งจกขี้ตกใจ
เพศชายหมายเลขหกออกไป ยิ้มๆ
“หมายเลขหกคร้าบ”
“มนุษย์เนี่ยแหละ หางานง่ายทำอะไรก็ได้แล้วแต่ชอบ”
เพศชายหมายเลขหก ผู้ดูหล่อๆ กลับไปนั่งที่ หมายเลขเจ็ดลุกขึ้นยืนเขาผิวคล้ำกล้ามชัดดูพร้อมมาก หน้าสวย
เธอวิ่งเหยาะๆไปข้างหน้า
“หมายเลขเจ็ด!”
แล้วเขาวิ่งเหยาะๆไปนั่งที่
“เผ่าสต้าร์ค อนาคตดี เป็นนักรบแน่นอน หมายเลขแปด…”
ผมลุกไปข้างหน้า ยิ้มแบบมืออาชีพ
“หมายเลขแปด ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทุกคน”
“มนุษย์ เหมือนเดิม อะไรก็ได้ เอ้าออกมาเห็นยืนอยู่นานละ”
ไม่มีใครตอบ แต่ทุกคนยิ้มๆ ผมกลับไปนั่งที่ เพศหญิงหมายเลขเก้าที่ลุกรออยู่แล้วหันไปหันมาอยู่ไม่นิ่งวิ่งไป
“เธอเผ่า-”
“หมายเลขเก้า! ก้อกกกกก”
“…เธอเผ่าเอิ้กเอิ้ก แผนกเดินเก็บผลไม้ตกที่สวน พวกเธอขยัน คนนิยมเอาไปทำงาน ……หมายเลขสะ……สิบเอ็ด”
วาเนสซ่าพูดเบาๆหน้าเศร้าๆ เกิดอะไรขึ้นกับหมายเลขสิบ?
เด็กดวอร์ฟเดินไปอย่างเร็ว
“สิบเอ็ด ดวอร์ฟ จะเป็นที่สุดของช่างเหล็ก เดี๋ยวฉันก็จะไม่ได้อยู่กับพวกเธอแล้ว”
เขาดูมั่นใจ เขารีบกลับมานั่งที่
“ก็นั่นแหละ เหมือนที่เขาว่า เดี๋ยวพวกเธอก็จาก-”
*ก๊อกๆ*
“วาเนสซ่ารีบสั่งเด็กๆ”
“ค่ะ”
โดโรเธียสั่งวาเนสซ่า คนบริจาคนน่าจะมา
“ไปนั่งเล่นกันดีๆ เงียบๆ อย่างมาเสียงดงเสียงดังเด็ดขาด เดี๋ยวนี้ หมายเลขเก้าไม่ห้องเดินเลยเดี๋ยวตีขาให้นี่ หายเลขห้าทำไมยังไม่ลุก เร็วๆ!”
เด็กรีบกระจายตัว หมายเลขห้าเด็กจิ้งจกตกใจอยู่กับที่ ผมจับยกเธอขึ้นพาไปนั่งหาที่เธอ
“อุ๊ย”
“อะไรกันแรงดีนี่”
พี่วาเนสซ่าตกใจ โดโรเธียชื่นชม พี่วาเนสซ่ารีบไปหน้าประตู จัดเสื้อผ้า ส่องกระจกเล็กๆมัวๆที่อยู่ทางซ้ายของประตู แล้วหายใจเข้าลึกๆ เปิดประตู
“สวัดดีค่ายินดีต้อนรับเข้าสู้บ้านเด็กกำพร้าที่สี่ของศิโร- อุ๊ย ดัชเชสพร้ากเต้อเข โดโรเธียคะ ท่านหญิงพร้ากเต้อเขมา”
เธอคือใครหน้าเธอมีเค้าหน้าสวยงามมาก ตาคม หูพอดี ปากเรียวๆ จมูงโด่ง คางแหลม ผมเธอฟูแอฟโฟร แต่หุ่นนั่น…
“ให้ฉันเข้าไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวฉันให้ลายเซ็นเธอสองใบเลย”
“ได้ค่ะได้ เข้ามาสิคะ”
วาเนสซ่าวิ่งมาบอกโดโรเธีย
“พี่โดโรเธียต้อนรับเธอก่อนน่ะ หนูจะไปเอาดินสอกับกระดาษ พี่จะเอาด้วยมั้ย”
“พี่ขอใบนึง”
ผมเริ่มสนใจ หันไปดูเธอ เธอตะแคงแทรกเบียดเข้ามา จากนั้นผู้ชายใส่เกราะเต็มตัวเดินเข้าประตูมาตัวเขาไม่ใหญ่มาก
“ดิฉันไม่รู้เลยว่า ท่านหญิงพร้ากเต้อเข ผู้ความสวยเป็นที่หนึ่งแห่งทวีปจะมาที่แห่งนี้ มีลูกกี่คนแล้วคะตอนนี้”
“แหม 20 จ้ะตอนนี้อยู่ที่วังกัน”
“โอ้โหทั้งสวยทั้งรวยลูก หนูอิจฉาจังเลย มานั่งที่โต๊ะก่อนสิคะ ขออนุญาต”
โดโรเธียขออนุญาตจับมือเธอแล้วพาเธอมาที่โต๊ะถ้าอย่างนั้นเธอสวยที่สุดในทวีป
สิ่งที่ผมเห็นพื้นฐานเลยคือเธอตัวสูงใหญ่ใส่ชุดราตรีรัดรูปแสดงออกถึงทรวดทรง อายุประมาณสามสิบ หุ่นเธออวบมหาศาลแต่ไม่เผละ เข้ารูบเต่งตึงทั้งหมดเหมือนเป็นอาจารย์โยคะมาทั้งชีวิต ดูจากแขนอันไม่มีแขนเสื้อ เนื้อแตกลายเต็มไปหมด
ผมดูให้ชัดกว่านี้ หน้าอกเป็นราชา บั้นท้ายคือจักรพรรดิ สะโพกคือใหญ่บานตะไท ลูกเธอ ยี่สิบ …จากสะโพกของเธออาจวิ่งออกมาเลยหรือ แต่มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ถึงความเจ็บปวด นางงามโลกนี้คือคลอดแสนง่ายสุดพร้อมเลี้ยงเด็กอย่างนั้นหรือ ความงามที่นี่คือการสืบทอดเก่งหรือ?
โดโรเธียนั่งลงท่านหญิงพร้ากเต้อเขจ้องเก้าอี้ อัศวินรีบออกไป จากนั้นรีบยกเก้าอี้ตัวใหญ่มากมา
“อุ๊ย ขอโทษนะคะที่เก้าอี้เราไม่รับรอง”
“แหม ไม่เป็นอะไรเลยจ้า ฉันเข้าใจความไม่มี”
นิสัยเธองามล้น เธอนั่งลง นี่คือบั้นท้ายงามที่สุดของจริง
“ที่ศิโรฉันไล่ให้เงินบ้านเด็กๆที่หนึ่งถึงสามแล้ว มันเลยถึงรอบของเธอ”
“ค่ะๆ!”
โดโรเธียแทบจะลุก พี่วาเนสซ่ามาพร้อมกระดาษสี่ใบดินสอสีดำกับพี่อลิส
“ว้าย ตัวจริงด้วย! สวัสดีค่า หนูอลิส ขอจับมือหน่อยนะคะ อายุเท่าไหร่แล้วคะ ยังตึงแน่นอยู่เลย”
พี่อลิสวิ่งไปจับมือท่านหญิงพร้ากเต้อเข เธอยอมจับมือกลับง่ายๆ ยิ้มแย้มต้อนรับอย่างดี
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ฉันพร้ากเต้อเขนะ ตอนนี้สามสิบห้าจ้ะ”
“ค่าาา”
พี่อลิสยิ้มปรี่ เธอตอบง่ายๆ
“ฉันคุยเสร็จแล้วเซ็นให้นะ เอามานี่มา”
ท่านหญิงพร้ากเต้อเขหยิบกระดาษไปจากวาเนสซ่า แล้วเธอนั้นกลับไปนั่งที่
ทุกคนดูอยากฟัง เด็กๆอ้าปากค้าง จากนั้นท่านหญิงพร้ากเต้อเขเริ่มพูด
“ฉันมาบริจาค 500 ทอง”
“ว้าย 500-”
*ตุ้บ*
“ว้ายเป็นอะไรมั้ย”
โดโรเทียตาเหลือกก่อน แล้วสลบหน้าฟาดโต๊ะเบาๆเพราะเธอทรุดเข่าลงทัน พี่อลิสชี้นั่นนี่ไม่ไกลข้างหน้าเธอแล้วครุ่นคิดอย่างหนัก พี่วาเนสซ่ารีบวิ่งไปดูโดโรเธีย ท่านหญิงพร้ากเต้อเขลุกไปดูเธอเหมือนกัน
“พี่โดโรเธียคะ เป็นอะไรมั้ยพะ-”
“10 ปี! พี่วาเนสซ่าเราจะอยู่ได้ไม่ต้องมีผู้บริจาค 10 ปี!”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน! แล้วรีบไปเอาผ้าห้องโดโรเธียไปจุ่มน้ำแล้วเอามาเร็วๆ”
เด็กๆทุกคนงง อลิสรีบวิ่งออกไป โดโรเธียปากแตกนิดๆแหงเพราะมันเบาๆ ถ้าอย่างนั้น 500 ทองอยู่ได้ 10 ปีสำหรับเด็ก 10 คนที่ใช้จ่ายอย่างประหยัด ผมคิด เราจะใช้ประมาณ 5 ทองต่อเดือนอย่างนั้นหรือถ้าอย่านั้นวันหนึ่งไม่ถึงเงิน มันกี่ทองแดง?
ท่านหญิงพร้ากเต้อเขดูเป็นห่วง เธอหันไปสั่งผู้คุ้มกันใส่ชุดเกราะที่ยืนนิ่งๆ
“ช่วยพาเธอไปห้องนอนแล้วไปนำขวดยามาให้ฉันที”
“ทันทีครับ!”
เขารีบมาอุ้มโดโรเธียขึ้น พาเธอไปห้องนอนเขาเดินนำไปพี่วาเนสซ่าตามไป พี่อลิสกลับมา
“ห้องไหนครับ!”
“ขวามือค่ะ”
ผมได้ยินเสียงพวกเธอไกลๆ
ท่านหญิงพร้ากเต้อเขลากเก้าอี้หันออกโต๊ะแล้วเรียกเรา
“พาของเล่นมานั่งกันข้างหน้าพี่นี้สิจ้ะ”
ผมลุกขึ้นยืนแล้วไปนั่งหน้าเธอ เด็กๆลุกกันมาเร็วช้าไม่เท่ากัน วิวยังคงอ้าปากค้าง
“เอาล่ะสอนถึงไหนแล้วล่ะ”
“เราแนะนำตัวกันเสร็จแล้วครับ เดี๋ยวเราจะทำเครื่องหมายเด็กกำพร้าครับ”
ผมพูดขึ้นมา
“เดี๋ยวพวกเธอก็ต้องเจาะหูขวาเหรอ เสียใจด้วยนะ”
พวกเด็กๆไม่พูดอะไร ผมเลยพูด ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
“เราอยู่ยุคอะไรกันครับพี่”
“ยุคเหรอ เอ…ยุค…ยุค…สักครู่นะสามีพี่เคยเล่าพอดีจ้ะ”
“ครับ”
“เท่าที่จำได้มันไม่มีบันทึกก่อนยุคเริ่มต้น คือยุคสร้างเมื่อพันปีที่แล้ว”
“พันปี กี่เดือนกันล่ะคะ”
เด็กสต้าร์คหมายเลขเจ็ดที่ผิวเข้มถาม
“พี่คิดก่อนนะ”
“แหะๆ ไม่เป็นไรครับ”
เธอคิดสักพักไม่นานแล้วก็ตอบ
“หนึ่งหมื่นสองพันปีจ้ะ”
หมายเลขเจ็ดทำสีหน้าสับสน เขาไม่เข้าใจ?
“เอิ่ม ยุคสร้างแล้วพอห้าร้อยปีที่แล้ว ก็เข้าสู่ยุคทะเลาะ พี่ก็ไม่ค่อยรู้ จำได้แค่ลางๆจากสามี อ้อ สามร้อยปีที่แล้วเข้ายุคดาบแล้วตอนนี้ตั้งแต่เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เท่าอายุทุกคนในโลกคนนึงชื่อเท่าเทียมนี้ ก็เข้าสู่ปัจจุบันของยุคทะเลาะปีที่ 100 หนึ่งชั่วอายุคนพอดี นะจ้ะพี่จำจากสามีได้เท่านี้แหละจ่ะ”
จากนั้นเธอดูนาฬิกา อีกไม่นานก็เย็น
“เล่นกันไปจ่ะ อย่าทะเลาะกันนะจ้ะ”
เธอพูดเบาๆ ถ้าอย่างนั้นคนเริ่มที่สร้าง แล้วค่อยมาเจอทะเลาะ ทะเลาะกันจนสร้างอาวุธ และสุดท้ายเพิ่งมาตีกันร้อยปีที่แล้ว … ค่อนข้างแย่ผมเกิดมาในยุคสงคราม แต่ที่แน่ๆ…
ผมสัมผัสความรักที่เธอมีต่อเด็กได้ ถ้าเปรียบความคิดเป็นจักรวาลแล้วความรักคือมิติ เพราะจักรวาลเธอมาสัมผัสตรงนี้ เราเลยสัมผัสได้ถึงมิติเธออย่างนั้นหรือ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“เอ้าหัวเราะอะไรล่ะหนู”
ซวยแล้ว! ผมนั่งหัวเราะออกมาดังๆ หน้าเธองงๆ
“ขอโทษครับ ผมเพ้อเจ้อเรื่องเล็กๆขำๆได้”
“อ่อจ่ะ อย่าคิดมากนะเดี๋ยวเป็นโรคพญามัจจุราช อันนี้พี่รู้มาจากสามี”
โรคนั้นมาอีกแล้ว
“โรคพญามัจจุราชคืออะไรเหรอครับ”
เธอดูอึดอัดใจไม่อยากตอบ คิด แล้วก็…
“ฮ่าาาา… สักวันหนึ่งพวกเธอเดี๋ยวก็ต้องรู้”
มันคืออะไรผมยิ่งสงสัยมาก เธอพูดต่อ
“โรคพญามัจจุราคือโรคที่ทุกคนก็เป็นได้ ถ้าเป็นแล้วสามวันจะเล่นไม่ได้ตลอดกาล หรือเรียกว่า ความตาย ตัวเธอจะเขียวปี๋”
“””””เอ๋!!!”””””
“หนูกลัวมากอ่ะครับ ทำยังไงถึงจะไม่เป็น”
เด็กเอิ้กเอิ้กหมายเลขเก้าที่เหมือนไก่ถาม
“หนูต้องไม่คิดมากนะยิ่งคิดยิ่งเป็น เพ้อเจ้อพอดีๆ โตแล้วทำมาหากิน นั่นคือที่สำคัญ หาอาหารเข้าท้อง สักวันหนึ่งเธอจะได้กินไข่ต้มเยอะๆเท่าพี่ไง ถ้าเธอตั้งใจทำมาหากิน เข้าใจมั้ยทุกคน!!”
มันมีโรคที่เป็นแล้วตายเลยในสามวัน ความคิดผสมเพ้อเจ้อ ผมคิด……ความเครียดที่ธรรมชาติทำร้ายเราทั้งหมดน่ะหรือถ้าเรามีอย่างนั้นเหรอ
โลกชื่อเท่าเทียมนี้เครียดมากแล้วตายในสามวัน!