กำพร้า ณ ต่างโลก - ตอนที่ 22 จุดหมายใหม่
ผมอายุ 14 ตอนนี้มันเป็นช่วงกลางวันของยุคตีกัน ปีที่ 114 มันเป็นช่วงเริ่มฤดูร้อน แต่ที่นี่อากาศเย็นและปลอดโปร่งมากกว่าศิโร
ผมอยู่ในรถม้าที่ตกแต่งไม่มากมาย แต่มีที่สำหรับนอนและมีห้องน้ำพร้อมให้ใช้ ห้องน้ำเป็นแบบสองประตูที่คนขับรถม้าเข้ามาห้องน้ำได้ แต่แน่นอนว่ามีกลอนอย่างถูกต้องทั้งสองประตู และห้องน้ำเป็นแบบถังเก็บและไม่ได้ลงไปกลางถนน
ถ้าเป็นแบบนั้นถนนจะสกปรกเหลือเชื่อ
ผมถามคนขับรถม้า เขาบอกว่านี่เป็นรถม้าเดินทางไกลที่ออกแบบมาตั้งแต่ยุคสร้าง เขาพอรู้ประวัติอยู่บ้างแต่มันแค่คร่าวๆเท่านั้น
ตอนแรกมันเป็นแบบปล่อยลงถนนเลย แต่มีการปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนตอนนี้มันเป็นแบบนี้ แต่เขาบอกว่าในยุคนี้ไม่ค่อยมีรถม้ารุ่นใหม่ออกแล้ว
เรายังอยู่กันที่กัลเลียอยู่ และผมเปิดหน้าต่างรับลมจากภายนอก ตลอดการเดินทางมาผมไม่เคยปิดมันเลย
หรือเพราะผมมาคนเดียว
แน่นอนว่าเดินทางคนเดียวมันออกแนวน่าเบื่อมากกว่า
ผมมีเงินพอใช้รถนกฟาเนิคให้การเดินทางเร็วขึ้นสองเท่า นกที่เหมือนนกนั้นจากเกมในตำนานที่ผมเคยเล่น
จะมีภาคใหม่ออกมาหรือยัง?
ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคล้ายกับภาคไหนเพราะผมไม่ได้เล่นมานานแล้ว
แต่ผมคิดว่าการเดินทางด้วยนกฟาเนิคจะเร็วเกินไป มันเขินที่จะพูด แต่ผมอยากเดินทางรถม้าต่างโลกที่เรื่อยๆเพื่อเป็นประสบการณ์
แต่สุดท้าย ผมเบื่อทิวทัศน์ภูเขา, นาบนภูเขา, ฟาร์มชาบนภูเขาแล้ว, แน่นอนว่ามันมีสีแดงตัดจากสวนอะไรที่คล้ายสตอว์เบอรีแต่มันมาบ่อยจนสุดท้ายมันน่าเบื่อ
ผมได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างสำหรับสื่อสารกับคนขับรถม้า
ผมลุกไปเอาเข่าชันไว้ที่เบาะข้างหน้าและเปิดหน้าต่าง
“พี่คะ อีก… กีชั่วโมงแล้วนะพ่อ “2 ชั่วโมง” 2 ชั่วโมงถึงโครอลลัลเลเลียค่ะ แต่เรามีกินมื้อเที่ยงก่อนเข้าเมืองโครอลลัลเล- “เรย์” โครอลลัล เรย์ เลียค่ะ เท่านี้ล่ะค่ะ ขออภัยที่รบกวน”
ผมเห็นนักขับรถม้าคนที่ 1 หลับอยู่หลังน้องเขา
“เก่งมาก”
ผมล้วงถุงทอง
“เอานี่ไป เอาไว้ซื้อขนมกินตอนกินข้าวเหลือก็เก็บไว้ซื้อของเล่นไม่ก็หนังสือ”
“ขอบคุณค่ะ”
ผมให้น้องผู้หญิงเขาไป 50 เงิน
น้องเขาคำนับก่อนปิดหน้าต่างเมื่อให้เงินเสร็จ
ผมกลับมานั่งที่
คนขับรถม้าเป็นพี่น้องนักเดินรถม้าที่ถือว่าเก่งอยู่ ผมเลือกคนขับฝีมือดีและประสบการณ์เยอะเพื่อกินข้าวให้อร่อยตอนแวะข้างทาง
ผมบอกเขาว่าให้เลือกร้านที่อร่อยที่สุดตลอดทาง ถ้าร้านไหนแพงกว่างบผมให้เขารวมค่าอาหารในค่าเดินทางไปด้วยเลย แต่ไม่กินร้านไข่ต้มเด็ดขาด และผมยินดีเดินทางอย่างนั้นมากกว่า แม้เขาทำหน้าหนักใจ สุดท้ายเขาตกลง
เขาเดินรถไม่เคยมีอุบัติเหตุหรือรถไปสะดุดอะไรเข้าเลย มันเป็นการเดินทางที่ราบรื่นสุดๆ
แน่นอนว่ามีคนขับรถฟาเนิคที่มากประสบการณ์อยู่และไม่ได้หายากขนาดนั้น แต่อย่างที่คิดไป ต่างโลกล่ะนะ
การลงกินข้าวอร่อยทุกร้านและเป็นร้านที่เป็นของหากินยากด้วย มันทำให้ผมคิดอยากเดินทางอีก แต่การเดินทางคนเดียวมันน่าเบื่อ
ที่นั่งคนขับจะเป็นสองเก้าอี้ยาว และเก้าอี้หลังเป็นเบาะนุ่ม ผมเห็นเขาเตรียมหมอนข้างและหมอนมาเพื่อนอนด้วย ไว้สลับกันขับสลับกันนอน และเดินทางตลอดไม่หยุด และมีถังน้ำกินอยู่ข้างบน น้ำกินจะมีแก้วให้และเปิดประตูเล็กๆที่มีน้ำไหลออกมาแล้วกิน
มันมีไฟข้างทางจากลิชบนเสาถาดกลับหัว มันเลยสว่างแม้กลางคืนและมีคนเดินทางตลอดเวลา และมีทหารประจำตามทางอยู่
ไม่นานเราก็มาถึงร้านอาหาร มันเป็นร้านไม่ใหญ่โตแต่เหมือนมีอายุมากแล้ว
ผมสั่งอาหารที่น่ากิน และรออาหารมา
เมื่ออาหารมาผมไหว้อาหาร และชิมแต่ละอย่างกับข้าว
“เอาไข่ต้มมั้ยครับ”
คนขับที่ 1 ถามผม คนขับที่ 2 กินข้าว กับลูกเขา ลูกเขาก็กินอย่างมูมมามตามภาษาเด็ก น้องเขาประมาณ 9 ขวบ
“มีเมนูอะไรที่เป็นไข่ต้มมั้ยครับ”
“เมนูเหรอครับ?”
คนขับที่ 1 คิด แล้วคนขับที่ 2 พูดขึ้นมา
“มีผักคลุกอยู่มั้งเหมือนเคยเห็นอยู่”
“เอาผักคลุกก็ได้ครับ แต่ขอเครื่องเยอะพิเศษแบบมากๆเลย คิดเงินเพิ่มได้ เอาแบบนั้นล่ะครับ”
“เอ… จะดีเหรอครับ”
คนขับที่ 1 ถามเหมือนผมไม่อยากกินแบบนั้น ผักคลุกคือสลัดต่างโลก
“ผมชอบแบบนั้นมากกว่ามากๆครับ”
“ได้ครับ”
เขาลุกไปสั่งอาหาร
อาหารที่ชิบผมจานแรกเป็น อะไรที่เหมือนรสชาติแหนมและข้าวคลุกอาหารเหมือนขมิ้นทั้งหมดปั้นเป็นก้อนๆปั้นๆ แต่แตกเป็นชิ้นๆเมื่อตัก และมีถั่วงอกยาวคู่อยู่ แน่นอนว่ารสชาติอร่อยกินมันปากแบบบรรยายเป็นคำไม่ได้ แถมมันให้เยอะด้วย
มันออกเปรี้ยว มัน และหอมขมิ้น กินคู่กับเม็ดซี้ดซี้ดแห้ง
คนขับที่ 1 กลับมานั่งและเริ่มกินอาหาร
อย่างที่สองเป็นแกงหมู 3 ชั้นหั่นแบบมีมันข้างบนเยอะๆในแกงสีน้ำตาลที่มีน้ำมันลอยเยอะๆ หมูมันนุ่มมาก เค็มๆและหอมเหมือนน้ำมันงากับคล้ายแกงกะหรี่ลอยอยู่ให้เห็นไกลๆ แต่ไม่ชัดเจน
“พอรู้มั้ยครับว่านี่เรียกว่าอะไร?”
“ไม่รู้เลยครับ”
“ผมก็ไม่รู้”
ผมถามคนขับคนแต่ทั้งสองคนไม่รู้เหมือนกัน
“ให้ผมถามมั้ยครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ มันอร่อยดี”
คนขับที่สองเสนอไปถามให้แต่ผมปฏิเสธ ไม่ต้องถึงขนาดรบกวนการค้าขายหรอก เพราะที่นี่มีคนเยอะอยู่เหมือนกัน
อย่างที่สามเป็นแกงเหมือนกัน ที่มีผลไม้เหมือนสัปปะรดและอาหารที่รสชาติเหมือนขิง เนื้อเป็นเนื้อหมูสามชั้นกับเนื้อสันคอและมีเห็ดรสชาติเหมือนเห็ดเข็มทองแต่ชิ้นใหญ่อยู่ รสชาติมันออกเปรี้ยว มัน หอมเครื่องแกงที่ผมไม่เคยได้กลิ่น และเผ็ดพริกแห้ง
อย่างที่สี่เป็นอาหารที่รสชาติคล้ายเต้าหู้ทอดยำ แต่รสชาติมันไม่เหมือนเต้าหู้ถั่วเหลือง มันต่างกันจนคล้ายๆเต้าหู้ทอดยำต่างประเทศที่ผมเคยกิน มันกินคู่กับข้าวอร่อย ออกเผ็ด อิ่ม มัน
อาหารมีมันๆเยอะ แต่ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อสลัดมา ผมลองชิม หน้าตามันเหมือนผักหมักคลุกๆเครื่อง สิ่งที่ชัดเจนคือความหอมมันที่คล้ายน้ำมันงา หอมกุ้งแห้ง และเค็มเกลือ ผักหอมเหมือนใบชาหมัก มีไข่ต้มหั่นเป็นแผ่นใส่มาสองลูก มันอร่อยแบบที่ไม่เคยกินมาเลย
ผมกินอาหารจนเสร็จ แล้วลุกไปถามเจ้าของร้าน
“มีนมวัวมั้ยครับ”
ผมถามเจ้าของร้านอาหาร
“มีอยู่จ้า แก้วละ 20 ทองแดง”
“เอาแก้วนึงครับ”
เมื่อนมมาผมดื่มหมดแก้วและคืนแก้ว ผมไม่ได้ไปนั่ง ผมยืนกินตรงนั้นเลย เพราะผมเผ็ดค้างอยู่ แม้โตแล้วไม่ได้ซี้ดออกมา ผมเดินไปขึ้นรถม้า
ผมนั่งจะเตรียมงีบ นอนหลังกินมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เหมือนโลกนี้จะไม่มีปัญหา รถม้ายังไม่ออกแม้คนขับ 2 คนพร้อมแล้วเพราะเด็กน่าจะยังซื้อขนมอยู่
สักพักรถก็เริ่มออกเดินทาง
ผมงีบหลับ
ผมฝันถึงตอนสื่อนกไปคุยเรื่องทำงานกับท่านหญิงเสือดำ
“ท่านหญิงเสือดำครับ”
นกนิ่งไปสักพักไม่นานแล้วตอบกลับมา”
“ว่าไงวารี”
เสียงคล้ายท่านหญิงเสือดำแต่แหลมกว่าเพราะนกเป็นตัวที่พูดออกมาจากนก
“ตอนนี้ผม 14 แล้ว ผมจะไปทำงานกับพี่ได้มั้ย”
“ได้สิ”
“แต่ต้องเอาน้องผมไปสองคนนะ”
“น้องเธอเก่งเหมือนกันมั้ย?”
“เหมือนทุกอย่างเลยครับ”
ท่านหญิงเสือดำเงียบไปครู่สั้นๆเท่านั้น
“น้องเธอ 14 เท่ากันมั้ย?”
ท่านหญิงเสือดำถามอีก
“ยัง 13 อยู่ครับ”
“นี่ ฉันแนะนำนะ ให้น้องเธอ 15 ก่อนแล้วค่อยกลับไป”
ผมเงียบไปสักพัก ทำไมเธอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?
“ทำไมล่ะครับ?”
ผมถามท่านหญิงเสือดำ เธอเงียบไปครู่หนึ่ง
“ถ้าเธอรักน้องมาก… มันต้องมีช่วงที่ปล่อยเธอให้เจอโลกบ้าง เจอคนอื่นบ้าง ไม่ใช่น้องแท้ๆใช่มั้ย ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดเป็นคู่เป็นแฟนกับน้องเธอมั้ย จากเท่าที่ฉันรู้จักเด็กกำพร้ามา แต่ถ้าใช่…”
เธอเงียบไปอีกครู่หนึ่ง
“เธอต้องให้น้องเจอผู้ชายคนอื่นบ้าง ฉันแนะนำจากประสบการณ์ เธอรู้ว่าฉันอยู่วงการอะไรมั้ย?”
“ไม่รู้ครับ”
ผมตอบเธอ ผมก็สงสัยเรื่องงานที่ผมจะไปทำด้วยเหมือนกัน แต่เพราะผมพร้อมและเธอยังไม่ได้บอกตอนนั้น ผมเลยยังไม่ได้ถาม
“ฉันเปิดซ่องค้าประเวณี”
“ครับ…”
ผมคิดอยู่แล้วว่าถ้าเป็นคนถึงกับชื่อท่านอยู่ที่โครัลลัลเรย์เรีย มันก็น่าจะเป็นอะไรประเภทนี้ ผมเลยไม่ได้ตกใจมาก
“ยังจะทำอยู่มั้ย?”
“ทำครับ ผมไม่มีอะไรติดขัดหรือไม่ชอบ”
“ดี”
เธอตอบมาแล้วถอนหายใจเหมือนโล่งใจ
“ลูกน้องฉันเป็นเด็กเคียงเตียง เธอรู้จักมั้ย?”
“พอเดาออกครับแต่ไม่ละเอียด”
เด็กเคียงเตียงก็น่าจะไปทางนั้น เหมือนโสเภณี
“มันเหมือนโสเภณี แต่จะชั้นสูงกว่า”
“ครับ”
“ฉันอยู่วงการความสัมพันธ์ชายหญิงมานานแล้ว และลูกน้องฉันก็เป็นเด็กค้าประเวณีเยอะ ฉันเลยรู้ว่า เมื่อความสัมพันธ์มันรู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อ ‘มี’ มันเป็นยังไง เธอต้องให้น้องได้รู้ว่าเมื่อ ‘ไม่มี’ มันเป็นยังไงบ้าง”
ผมคิด ที่เธอพูดมามันก็จริง วีเด็กแมวผมดำสองหางตาสีเหลืองกับวีเด็กแมงมุมตาดำผมขาวที่เริ่มมีด้านหน้าแล้วมีครึ่งล่างเป็นแมงมุมสีดำแปดขา ผมนึกถึงภาพเธอ
ผมว่าการเอาวีกับวิวไปด้วย มันดีสำหรับผม จริงอยู่ นั่นถูกต้อง แต่มันดีกับวีกับวิวที่สุดไหมและรวมไปถึงนาด้วย
ผมถอนหายใจยาวหนักใจ
“ผมจะทำอย่างนั้นครับ”
“ดีดีดี เท่านี้ฉันก็ช่วยเด็กได้อีกคน”
เสร็จแล้วแล้วเธอหัวเราะเบาๆ
“อืม งั้นเท่านี้แหละ มาเร็วๆ ฉันอยากเห็นเธอทำงานแล้ว เท่านี้แหละนก”
จากนั้นนกหันไปทางอื่น
“เท่านี้ครับนก”
ผมบอกนกผม
วีกับวิวอยู่ข้างนอกกับนา
ผมเปิดประตูออกห้องรวมอย่างหนักใจ
ผมได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างสื่อสาร
ผ่านไปนานน่าจะสักชั่วโมง เราน่าจะถึงโครัลลัลเรย์เรียแล้ว ข้างนอกมีแสงไฟโทนสีแดงออกชมพูส่องเข้ามา แต่ผมยังไม่ดูแล้วผมรีบไปเปิดหน้าต่าง
“ถึงโครัลลัลเรย์เรียแล้วครับ”
“ครับ ขอบคุณ”
ผมปิดหน้าต่างสื่อสาร รีบไปดูข้างทาง
สิ่งแรกที่เห็นคือไฟหลอดตามร้าน มีป้ายและมีไฟประดับเยอะเหมือนหลอดไฟนีออนดัดลวดลาย เขาทำได้อย่างไรจากลิช? ผมสงสัย มองออกไปมันเหมือนอยู่โลกอนาคตที่ไม่ใช่ยุคที่เหมือนที่ที่ผมเคยไปเลย มันดูล้ำหน้า
แต่ป้ายร้านและไฟแต่งส่วนใหญ่เบี้ยวแต่ไม่มากมันเลยดูเกือบเรียบร้อยแล้วแค่อีกนิด ตัวอาคารออกไปทางเอเชียหลายๆประเทศผสมๆกัน มีบางร้านแนวออกคล้ายยุโรปแต่น้อย
มีผู้หญิงและผู้ชายปนๆอยู่เต็มหน้าร้านแต่งตัวน้อยชิ้น ไม่ก็เป็นเสื้อหลวมๆของเอเชียที่คล้ายเกอิชาแต่กระโปรงสั้นและรัดรูป มีบางร้านก็เหมือนกี่เผ้าและออกผ้าถุงสั้นเกาะอก
มาถึงผมก็เห็นกางเกงในเป็นสิบคนแล้ว กับถุงเท้าครอบตรงนั้น และบางคนเปิดท่อนบนแต่เหมือนมีผ้าเล็กๆปิดจุดสำคัญเท่านั้น บางคนลงทุนมากไม่ใส่เลยด้วยซ้ำ มันแปลกที่มันแสนจะล่อแหลม แต่ยังดูไม่ผิดเพราะมันไม่ได้หวือหวา เหมือนแต่ละคนมีมาดมีลายออกท่าทายการวางตัวของตัวเอง มันไม่ได้มานอนอ้าขาอล่างฉ่างบัดสีแบบนั้น มันแค่ ถ้าเป็นคนที่ชอบด้านนี้แล้วมาที่นี่ เสร็จทุกรายแน่นอน
ผู้หญิงบางร้านเรียกลูกค้าแบบกันเองถึงเนื้อถึงตัวไม่เขินไม่อาย แต่ก็มีบางร้านที่นั่งสำรวมหรือพับเพียบอยู่บนพื้น
มีร้านดูถูกๆไฟไม่ค่อยมี มีร้านไฟเยอะๆ เหมือนไฟเป็นตัวบอกได้ว่าคุณภาพเป็นอย่างไร แต่จริงไหมผมไม่ทราบ
เมื่อผมสบตากับผู้หญิงอายุประมาณ 30 กลางๆ เธอวิ่งมาที่รถม้า
“น้องๆ สนใจมั้ย พี่เก่งนะ”
หน้าเธอสวยแต่ผมยังเด็กเกินไป
“ผมยังอายุไม่ถึงครับ”
“ว้าาาาา…”
เธอหน้าตาผิดหวัง
“แต่เธอหล่ออ่ะ แต่เธอดูเหมือนอายุเพิ่ง 15 เอง”
“ผม 14 ครับ”
“แย่จัง อ่ะงั้นนี่”
เธอดึงผ้าที่หน้าอกชุดแบบเกอิชา มันไม่หลวมมากเหมือนเกอิชาอยู่ มันเหมือนชุดนินจามากกว่าแต่มีสีสัน
ผมรีบหันหนี แต่ผมเห็น
“พอเถอะครับ”
“เก็บไปฝันนะ เดินทางปลอดภัย ยินดีต้อนรับเข้าสู่โครัลลัลเรย์เรีย ฮ่าฮ่าฮ่า”
เธอหัวเราะแล้วเดินไป
“โห…”
ผมอุทาน
“นี่หรือโครัลลัลเรย์เรีย สุดจริงๆ”
ผมทึ่งกับความเปิดอกให้กัน ไม่สิ พูดอย่างนั้นมันเกินไป ผมหมายถึงเปิดใจ
ผมดูข้างทางต่อ มีร้านออกลายไทยโค้งเยอะๆ ติดทองแต่ไม่ใช่ทองแท้ด้วย
มีร้านอาหารตัดเรื่อยๆเยอะอยู่และมีร้านเสื้อผ้ากับร้านข้างทางขายหลายอย่างเยอะ มันเป็นเมืองที่คนเยอะมาก ทั้งเดินเข้าร้านต่างๆและกินข้าว
ผมเห็นคนขี่นกฟาเนิคมีกล่องใหญ่อยู่บนหลังที่เพิ่งถึงเป้าหมาย เขาเปิดกล่องยื่นอาหารในถุงรับเงินและขึ้นรถ
อาชีพนี้มีคนทำเยอะมากและเห็นได้บ่อย
มีร้านขายไข่ต้มเข็นรถอยู่ตลอดทางขายคู่กับผัก
ผมเจอร้านที่มีป้ายเป็นรูปเม็ดเจี้ยนกั๋วหรือถั่วต่างโลกกอดกัน มันเป็นร้านใหญ่
ผมไปที่หน้าต่างแล้วเคาะ
รถม้าหยุดวิ่งและครู่หนึ่งหน้าต่างก็เปิด
“ครับคุณ”
“ขอแวะร้านถะ- เจี้ยนกั๋วทางขวามือหน่อยครับ”
“เอ่ แต่จะถึงอยู่แล้วนะครับ”
แต่ผมอยากกินเจี้ยนกั๋วแล้วชมทิวทัศน์ไปด้วย
“ผมอยากกินครับ ได้โปรด”
“ได้ครับคุณ”
เขายิ้มแล้วปิดหน้าต่าง
จากนั้นเขากลับรถม้าและจอดหน้าร้านเจี้ยนกั๋ว
ผมเปิดประตูกระจกเลื่อนเข้าไป สิ่งแรกที่ต้อนรับคือไฟออกเหลืองที่อบอุ่น กับกลิ่นน้ำมันและกลิ่นถั่ว มีกลิ่นใบมะกรูดเยอะด้วย กับนกฟาเนิคเล็กเป็นฝูงหลังเคาน์เตอร์
“ยินดีต้อนรับสู่ ‘แสนมันปาก!’ มีทั้งทอด, คั่ว, อบ, ต้ม ราคาดีถูกใจทุกคนค่า”
พนักงานร้านหญิงที่ยืนอยู่ข้างทางเข้าตอนเข้าแล้วยิ้มแย้มต้อนรับผม
“สนใจตู้ไหนชิมได้เลยค่า ให้ฉันสอนวิธีชิมมั้ยคะ?”
“เอาสิครับ ขอบคุณ”
เธอจับมือผม? จับมือเลยหรือ? และพาไปที่ตู้ถั่วต่างๆ แล้วเธอไปที่ตู้ถั่วที่ผมเคยกินแล้วคล้ายถั่วเหลืองแต่การทำน่าจะเป็นอบ ตู้ที่ติดกันถัดๆไปเป็นถั่วเหลืองหมดประมานห้าตู้และค่อยเป็นถั่วอื่น มีทั้งทอด, อบ, ต้ม, และคั่ว ผมไปที่ตู้เหมือนมีผงปรุงรสแปลกๆสีเหลืองอยู่
“นี่รสอะไรครับ”
“นั่นรสออกเค็มชื่อรส ‘แสนมัน’ ค่า เป็นรสชาติประจำเฉพาะร้าน มีที่นี่ที่เดียวค่ะ”
“ไม่มีที่อื่นจริงๆเลยเหรอ?”
“รับประกันค่ะ!”
ผมถามพนักงานหญิงและเธอตอบอย่างมั่นใจ
เธอเดินไปมุมร้านที่มีโต๊ะถ้วยสีขาวเล็กๆตั้งสูงแล้วหยิบจานบน จากนั้นเดินมาโยกคันโยกข้างล่างตู้ มีถั่วไหลออกมาจากกรวยสี่เหลี่ยมปากใหญ่ๆที่อยู่ด้านล่างและถั่วไหลออกมาไม่มาก เธอโยกคันโยกแค่ครึ่งเดียวอยู่ เสร็จแล้วเธอก็ปล่อยคันโยกและหันมายื่นถ้วยให้ผม
มันเป็นถั่วทรงเหมือนถ้วยจิ๋วเกือบเหมือนถั่วเหลืองแล้วแต่ไม่ใช่ มันมีเครื่องปรุงเป็นสีเหลืองเหมือนผงชีส แต่ผมยังไม่รู้รสชาติ
ผมเทใส่มือและกินทั้งมือ
รสชาติที่เข้าปากมาคือชีสจริงๆ เค็มๆ กรอบๆ มันๆถั่ว ผมอยากกินอีกทันทีแต่ห้ามใจไว้
“เครื่องปรุงวัตถุดิบหลักคืออะไรครับ ถามได้มั้ย”
“เป็นนมก้อนหมักที่หายากค่ะ”
ชีสอย่างนั้นหรือ มันเคี้ยวมันปากจริงๆ
“มีซองหรือถุงใส่มั้ยครับ? ถ้าซื้อกินเลยมีใส่อะไรขนาดเท่าไหร่บ้าง”
เธอจับมือผมจูงไปที่หลังเคาน์เตอร์ที่มีเบเรชนุ่งเต่าคิดเลขลายแปลกและเครื่องชั่งน้ำหนัก ที่หลังเคาน์เตอะมีชั้นวางลอยสูงที่มีช่องใส่แก้วและถังคล้ายพลาสติกที่เป็นเยื่อไม้แข็ง
“เอาใหญ่สุดครับ”
“ได้ค่ะ”
พนักงานเดินไปหยิบถังพลาสติกใหญ่อยู่แต่ใหญ่ไม่ถึงหัวคน
ส่วนใหญ่ผมกินถั่วมาหลายแบบแล้ว และพอรู้รสชาติหมด แต่ร้านนี้มีถั่วที่ไม่เคยเห็นเยอะ ผมลองโยกคันโยกถั่วที่ไม่รู้จักสามอย่างมาจนเต็มถุง แล้วผมเดินไปยื่นที่เคาน์เตอร์ พนักงานหลังเคาน์เตอร์เอาไปชั่งแล้วหันมาบอกราคา มันไม่แพงมาก แต่ราคาแพงกว่าถั่วตามรถเข็น
“มีส่งไปต่างประเทศมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ แต่เรามีสาขาที่วาโรซิเมียเรียอยู่หลายสาขา แต่ที่นั่นที่เดียวค่ะ แต่เรามีบริการส่งในประเทศนะคะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“สนใจเป็นลูกค้ารายพิเศษมั้ยคะ?”
พนักงานถามผม
“ได้อะไรบ้างครับ?”
“ลดราคา 10 เปอร์เซ็นต์และส่งฟรีค่ะ จะได้นกรักเล็กกลับไปหนึ่งตัว เพียงแค่ 39 เงินเท่านั้นค่ะ!”
“เอาครับ คิดเงินรวมกันไปเลย”
เธอหันไปหยิบนกตัวที่ไม่มีป้ายและเอาล้วงกล่องหยิบป้าย และหันมา
“ชื่ออะไรคะคุณ”
“วารีครับ”
เธอเขียนลงป้ายและเก็บไว้ในฝูงข้างหลัง แล้วยื่นนกมีป้ายลายร้านคู่ชื่อร้านอยู่
ผมจ่ายเงินและเธอขอบคุณอย่างกระฉับกระเฉง กลับไปขึ้นรถและให้คนขับเดินทางต่อ
ผมกินถั่วอย่างเร็วไปตลอดทาง มันมีถั่วเหมือนพิตาชิโอ, แมคคาเดเมีย, และอัลมอนด์ สนุกมาตลอดทางแต่ไม่นานเท่านั้นเสียงเคาะหน้าต่างก็ดัง ข้างนอกเป็นร้านที่ใหญ่มากและไฟเยอะมาก แถมมีประดับเหมือนทองให้เห็นว่าไม่มีใครกล้าปล้น มันสีออกชมพูตัดทองและมีสีดำเติมเข้าไป ท่านหญิงเสือดำยืนอยู่พร้อมลูกน้องกับบันไดยาว
ผมลงรถม้า แล้วล้วงเงินให้เด็กก้อนหนึ่ง
“เงินนี้ผมจ้างลูกพี่เรียนให้จบแล้วให้เมียพี่เลี้ยง เป็นค่าประสบการณ์ที่ดีตลอดทางครับ”
“ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”
“ถ้าไม่รับผมจะเสียใจมาก”
ผมบอกเขาที่ดูทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก
“ด่ะ, ได้ครับ รับสิลูก…”
ผมยื่นเงินกับน้องเขาพร้อมถังถั่วที่มีอยู่ครึ่งหนึ่ง
เด็กหยิบไปกิน
“ขอบคุณค่ะ”
ผมยิ้มและเดินไปหาท่านหญิงเสือดำ เมื่อไปถึงเธอพูดเลย ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไร
“เอาข้าวปีนไปปรับไฟหน้าร้านให้ตรง”
ผมปีนขึ้นไป ไฟหลอดมาจากลิชเป็นฐานเป็นระยะๆ แล้วมีหลอดไฟเชื่อมหลอดข้างหลังมัน
ผมปรับป้ายร้านให้ตรงและปีนลง
“ยินดีต้อนรับสู่ดงเสือดอกเล่นน้ำ”
ลูกน้องชายหญิงหุ่นดีทุกคนยิ้มให้ผมและเดินนำเข้าร้านไปก่อนสามคนแล้วท่านหญิงเสือดำก็ตามไป จากนั้น ลูกน้องแบมือชี้ทางเข้าให้ผม
ผมกำลังคิดว่าอยากให้วี, วิว, และนาเห็น
ผมเดินเข้าดงเสือดอกเล่นน้ำ
แต่งโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu
ตอนนี้ราคาปรกติ 3 บาท ขอเชิญร่วมโดเนทสนับสนุนผลงานโดยการโดเนท ความช่วยเหลือของท่านจะทำให้งานดำเนินต่อไปได้เรื่อย ขอบคุณทุกท่านจากใจมากๆครับ
ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: http://linktr.ee/wayuwayu