กำพร้า ณ ต่างโลก - ตอนที่ 18 อันตรายที่เข้ามา
18 อันตรายที่เข้ามา
ในที่สุดมันก็ถึงคิวเรา ผมเข้าไปในห้องให้ความกับวีและวิว
“สวัสดี วารี, เวโรนิก้า, และวิลเฮล์มมีน่า ฉันจัสติน ยินดีที่ได้รู้จัก”
“สวัสดีครับ คุณจัสติน”
ผมทักทายเขา
““สวัสดีค่ะ””
วีกับวิวทักทายเขา
“ฉันจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรารู้ตัวคนสั่งการ เรารู้เต็มอกแล้วจากคำสารภาพของนักโทษ มันดูเหมือนผู้สั่งการคือวิสเคานต์จาง”
“อย่างนั้นเหรอคะ? แล้วจะจับเขาได้เมื่อไหร่?”
วีถามคุณยามเมือง แต่คำตอบเป็นสิ่งที่ผมพอคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
“ถ้าให้พูดตรงๆเราจับเขาไม่ได้ เพราะเขามีพยานเยอะ และควบคุมกลุ่มโจรใหญ่”
“อ้าว”
วิตกใจ
“แล้วเราควรทำยังไงครับ?”
ผมถามคุณยามเมือง
“ฟู่”
เขาถอนหายใจและขมวดคิ้ว
“ตอนเราไปสอบสวนเขา มันดูเหมือนเขาแค้นคนที่ชื่อวาเนสซ่ามา และ”
เขาเว้นสักพัก
“มันดูเหมือนเขาจะโจมตีบ้านเด็กกำพร้าเร็วๆนี้ด้วยคนของเขา ฉันไม่ควรบอกนี่กับพวกเธอเพราะเราได้เงินปิดปากที่เขาให้กับทางยามเมือง แต่ฉัน ฉันทำไม่ได้ นั่นมันผิด”
“ยังไงก็ขอบคุณครับที่เตือน”
ผมขอบคุณเขาก่อนที่แจ้งข่าวให้เราฟัง
ถ้าอย่างนั้นเราอยู่ในอันตราย แต่ถือว่าโชคดีที่เรารู้ก่อน ผมพอเตรียมตัวได้
“ค-แค่อย่างนั้นเหรอ พี่เป็นยามเมือง พี่ปกป้องเราไม่ได้เหรอ?”
เขาถอนหายใจใหญ่และส่ายหน้า
“ตอนนี้มันเป็นอย่างนี้ เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ แม้แต่ฉันก็ช่วยได้แค่บอก”
เขาทำหน้าเศร้า
ผมมองหน้าวีและวิว
“เราต้องป้องกันตัว”
“เราจะโดนอะไร ที่พี่คิด”
วิวมองหน้าวีผู้ตั้งคำถาม
“พี่คิดว่าเขาจะเอาคนบุกเราเหมือนที่คุณยามเมืองบอก ไม่ซุ่มโจมตีเหมือนครั้งนี้แล้วมันจะเร็ว แต่พี่ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ เราต้องป้องกันบ้านทันที”
วิวดูไม่สบายใจมาก ส่วนวีพยักหน้า
“ฉันเห็นด้วย นั่นน่าเป็นไปได้มากที่สุด ที่ฉันทำได้คือส่งคนไปเยอะที่สุดเมื่อฉันได้ข่าว”
นั่นยังโล่งใจนิดหน่อย
เมื่อวิวดูเหมือนจะร้องไห้ วีกอดวิวและลูบหลัง
“อย่าร้อง เราต้องเป็นนักสู้ พี่วารีสอนเรามาดี จะมา 20 คนหรือ 100 คนเราก็สู้ได้”
ยี่สิบน่าจะพอไหว ดูจากการต่อสู้คราวที่แล้ว แต่ร้อยคนค่อนข้างจะลำบาก
เพราะทั้งหมดเมื่อคนมากขนาดนั้นลองทำอะไรที่ได้ผล คนที่เหลือจะทำตามและกลายเป็นปฏิกิริยาห่วงโซ่ และเราจะหมดแรงก่อน
ผมแค่หวังว่าเขาจะไม่พามาร้อยคนแต่ผมตัดสินใจถาม
“คุณคาดว่าเขาจะใช้กี่คน”
ผมถามคุณยามเมืองหรือตำรวจโลกนี้
“อืม จากจำนวนคนที่เขาเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุด น่าจะประมาณ 10 – 30 คน”
“สามสิบ”
วิวหันไปทางคุณยามเมืองในอ้อมกอดวีและพูดซ้ำ
“อย่าเครียดเลยวิว เราสู้ไหวอยู่แล้ว!”
ผมพยายามจะไม่ให้เธอเครียด
“เหรอ? ถ้าพี่ว่าอย่างนั้น ฟู่”
“หึๆ”
วิวถอนหายใจและวีหัวเราะ
ผมควรสอนการป้องกันตัวพื้นฐานให้เด็กๆไหม? แต่มันเหมือนสายเกินไป ผมน่าจะทำไม่ทัน
ผมเสียดายที่ผมไม่ได้สอนเร็วกว่านี้ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเรารู้ท่า ไม่มีแรงจูงใจให้เหล่าเด็กๆ แต่นั่นไม่เป็นไร
เพราะอย่างไรผมก็คือผู้ใหญ่ที่เกิดใหม่ ผมต้องรับผิดชอบชีวิตเหล่านั้น
คนปรกติที่มีพออยู่ได้แล้วไม่ค่อยอยากช่วยดังนั้นเราต้องช่วยตัวเราเองอยู่แล้ว และที่นี่ ตอนนี้เป็นบ้านของผม
ผมต้องปกป้องมัน แม้จะลำบาก มันไม่เป็นอะไร
อย่างไรก็ต้องขอบคุณยามเมืองผู้มีน้ำใจบอกเรา
“ยังไงก็ขอบคุณที่บอกเราครับ ผมซาบซึ้ง”
เขาพยักหน้า แต่ยังเหมือนไม่พอใจ
“แต่เพราะฉันไร้ความสามารถแม้เป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวน ฉันทำอะไรไม่ได้เลย ฉันขอโทษ มันน่าอับอาย”
อย่างนั้นหรือ? แต่อย่างไรเขาช่วยเรา ดังนั้นผมยังซาบซึ้งอยู่ดี
เขาเป็นคนดี เราอาจรอดเพราะข้อมูลของเขา
“อย่างน้อยคุณรู้ไว้ว่า คุณช่วยเรา คุณยามเมือง”
วิวพยักหน้า วีไม่พูดอะไร
“หึๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น นั่้น แต่รู้ไว้อย่างหนึ่ง”
เขาชูหนึ่งนิ้ว
“รอดหรือไม่รอด วิสเคานต์จางจะไร้อำนาจเมื่อเขาบุกพวกเธอ นั่นเป็นที่แน่นอน!”
“จริงเหรอครับ?”
ถ้านั่นจริง ถ้าอย่างนั้นก็ดี
เราลาคุณจัสตินและพากันเดินกลับบ้าน
วีไม่พูดอะไร ส่วนวิว วิวดูไม่สบายใจ
“วิว เราจะไม่เป็นไร”
วิวมองผม ยิ้มเหมือนรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่พูดออกมาและพยักหน้า
วีมองวิวแต่ไม่พูดอะไรเธอดูครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ จากนั้นเธอถาม
“เราจะต้องทำยังไงบ้าง พี่วารี?”
“เราต้องป้องกันบ้าน เราจะแปะไม้กระดานกันหน้าต่าง หาอะไรกันประตูแล้วหวังว่านั่นจะดีที่สุด”
วีพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไร
“หน้าต่างเรา”
วิวดูเสียใจที่หน้าต่างห้องเราจะถูกปิด
“มันจะแค่ชั่วคราว เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปเราเอามันออกได้ แล้วมันจะผ่านไป พี่หวังว่าอย่างนั้น”
“อืม”
เธอดูไม่ค่อยมีความหวัง
“วิว เธอเก่งนะ เก่งกว่าคนทั่วไปแล้ว เก่งกว่าผู้ใหญ่ เธอเก่งกว่าที่เธอคิด มั่นใจในตัวเองเถอะนะ”
วิวมองหน้าผมอย่างดูมีความหวัง
“อื้ม!”
เธอดูมั่นใจขึ้น
นั่นดี แม้เรื่องนี้จะแย่แต่ผมมั่นใจว่าเราผ่านไปได้อย่างน้อยผมก็มีความหวัง
เราเดินกันต่อมาเรื่อยๆอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร
เมื่อเรามาถึงบ้าน เราพากันเข้าไป
เมื่อเปิดเข้าไป พี่โดโรเธีย, พี่วาเนสซ่า, และพี่อลิสกำลังรออยู่ เด็กๆไม่อยู่แถวนี้ พวกเขาน่าจะอยู่ในห้องรวม
“มันเป็นยังไงบ้าง?”
พี่โดโรเธียถามเรา พี่อลิสและพี่วาเนสซ่าดูเป็นห่วง
ผมเล่าเรื่องที่คุณยามเมืองบอกเราให้พี่ๆฟัง
“ถ้าอย่างนั้นจะมีคนบุกมา”
พี่โดโรเธียดูคิดหนัก
“มันเป็นเพราะหนู”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย”
พี่วาเนสซ่าพูดตัดพ้อด้วยหน้าตาที่ดูสลดใจ แต่พี่โดโรเธียให้กำลังใจเธอ
“เราจะทำยังไงดี เราจะทำยังไงกันดี พี่โดโรเธีย”
พี่อลิสตื่นตกใจ เหงื่อตกหน้าซีด
“ใจเย็นๆครับพี่อลิส ผมจะปกป้องที่นี่กับวีและวิว”
ทุกคนดูโล่งใจมาพริบตาหนึ่ง แต่กลับไปหน้าคิดมากเหมือนเดิม
“แต่เธอเป็นเด็ก”
จนพี่โดโรเธียพูดออกมา
“นั่นช่วยไม่ได้หรอกครับ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมอยากให้พี่ๆรู้ไว้ ผมยินดีปกป้องที่นี่ แต่เราต้องป้องกันที่นี่ก่อน เอาไม้กระดานมาปิดหน้าต่าง แล้วหาอะไรที่เป็นอาวุธได้มาเตรียมไว้ด้วยครับ พวกพี่พอเหวี่ยงมันได้ไหมครับ?”
พี่โดโรเธียและพี่วาเนสซ่ามองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร พี่อลิสมองผมอย่างมีความหวัง แล้วพี่โดโรเธียพูดออกมา
“ฉันพอทำได้ แต่มันไม่ใช่ดาบ มันจะทำอะไรได้เหรอ?”
“อาวุธยังไงก็เป็นอาวุธครับ มันพอช่วยได้ ผมพอมีดาบอยู่สองเล่มที่ให้ได้ พวกพี่มีใครจะถือมั้ยครับ?”
พวกเธอดูไม่ค่อยกล้าทำเท่าไรนัก
แม้มันเป็นอาวุธที่เป็นที่นิยมมาก แต่สำหรับเหล่าพี่ๆผู้รักสันติมันคงไม่น่าพิสมัยมากนักที่ต้องถือดาบ
“ฉะ, ฉันจะถือมัน”
พี่อลิสหรือ? เธอดูกลัวมากแต่ยังเลือกถือดาบ ผมไม่ค่อยมีความหวังมาก แต่ถ้าเธออยากทำ นั่นก็ไม่เป็นอะไร
“มีอีกหนึ่งเล่มครับ”
“ฉันจะถือ”
พี่โดโรเธียเลือกจะถือดาบ พี่วาเนสซ่าตาเปิดกว้างดูตกใจ แต่ก็เม้มปากไม่พูดอะไร
พี่โดโรเธียเลือกถือดาบก็ทำให้ผมตกใจกับเธอด้วยเหมือนกัน แต่เธอคงอยากปกป้องพี่วาเนสซ่า
ผมเหลือดาบไว้หนึ่งเล่มให้พวกเราเองเผื่อฉุกเฉิน ตอนนี้เรายังมีแค่ดาบไม้
เราอาจซื้อดาบเพิ่มได้ แต่สำหรับตอนนี้อออกไปนอกบ้านแม้จะเป็นแค่ตลาดก็ไม่ปลอดภัย เราไปไหนไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะปิดบ้านด้วยไม้กระดาน”
“ที่หลังบ้านพอมีอยู่ มันเป็นที่คนทำหน้าต่างทิ้งไว้ ฉันว่าจะทิ้งแต่มันเป็นไม้ใหม่ ตอนนี้ฉันดีใจที่ฉันไม่ทิ้งมัน”
ผมฟังพี่โดโรเธีย พยักหน้า
“ขอตัวครับ”
ผมหันหลังจะออกจากประตู
“วารี”
พี่อลิสเรียกผม ผมหันไปหาเธอ
“ครับ”
“ระวังตัวล่ะ วีกับวิวด้วย”
“ได้ครับ”
ผมยิ้มให้พี่อลิสสบายใจมากที่สุดแล้วออกมา ผมเดินไปห้องนอนรวมแล้วเปิดประตูเข้าไป
เด็กๆกำลังรวมกลุ่มเป็นหลายๆกลุ่มแล้วคุยกัน บางคนดูกลุ้มใจ บางคนแค่เล่น
วี, วิว, และนากำลังรวมกลุ่มกันพูดคุยบางอย่าง
ผมเดินไปหาพวกเธอ
“วารี”
เด็กดวอร์ฟเรียกผม นั่นไม่ปรกติ เขามีอะไรหรือ?
“มันจริงเหรอที่นายสู้โจรเป็นสิบๆแล้วชนะ”
“อืม”
“ด้วยดาบไม้”
เขาดูไม่เชื่อปากตัวเองแม้เพิ่งพูดออกมา
มันเป็นเรื่องไม่ปรกติมากๆที่คนอายุเท่าเราจะสู้กับผู้ใหญ่เป็นสิบแล้วชนะได้
มันเป็นการต่อสู้ที่ลำบากแต่พวกเราฝึกกันมาเยอะมาก
ถ้าพูดตรงๆผมแค่โล่งใจที่สุดท้ายพวกเราปลอดภัยกันทั้งสามคน
แม้มีปัญหานิดหน่อยกับวิว แต่หลังไปที่ป้อมยามเมืองแล้วเธอดูเหมือนเปลี่ยนความคิดไปแล้ว
ตอนนี้ผมไม่ควรกังวล ถ้าวิวสู้ด้วย เราสู้ได้ง่ายกว่านั้น
เขาดูอยากพูดอะไรอีก แต่เขาปากตกเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แล้วก็ตัดสินใจไม่พูด
“ไปล่ะนะ”
“อะ, อืม”
ผมเดินไปจากเขาแล้วไปหากลุ่มพวกเรา
เมื่อผมเดินไปถึงวีถามผมขึ้นมา
“เราเริ่มป้องกันที่นี่ได้เมื่อไหร่?”
“เราเริ่มได้เลย”
“เราต้องทำอะไรบ้าง”
วีพยักหน้าดูพร้อม วิวถามขึ้นมาผมมองเธอแล้วสังเกตว่านามองผมอยู่ ผมมองนา เธอเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง
ผมมองเธอแต่ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ยังไม่พูดอะไร ผมจึงพูดต่อ
“เราจะไปเอาไม้กระดานมาปิดหน้าต่าง วีกับวิว มากับพี่”
“ฉันจะช่วยอีกแรง”
นาพูดขึ้นมา
“แต่มันงานต้องใช้แรงอยู่นะ”
“มันไม่เป็นไร ฉันพอทำได้ ฉันอยากช่วยบ้าง”
เธอเงียบไปสักพัก
“พวกเธอไปสู้ระหว่างฉันอยู่สบายที่บ้าน ฉันรู้สึกไม่ดีน่ะ”
เธอคอตกนิดหน่อย
“หาอะไรมาถือไว้ตอนเราโดนโจมตี อย่างน้อยเธอก็พอเหวี่ยงได้ ใช่ไหม?”
“ดะ, ได้”
เธอเว้นสักพัก
“มั้ง”
สุดท้ายเธอลังเล ผมพยักหน้า ใจเธอไหว แต่ตัวเธอเหมือนยังกลัวอยู่
และเธอไม่ได้ออกกำลังกายด้วย ดังนั้นน่าจะป้องกันตัวเองไม่ได้ แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรแล้วรออย่างเดียว
พวกเราทั้งสี่พากันเดินออกมา ไปห้องเก็บของโดยมีผมเดินนำ
ผมหาตะปูและค้อน
“ค้อนอยู่นี่”
วีเจอค้อน
“ส่วนตะปูอยู่นี่”
วิวเจอกล่องตะปู
“เราต้องเอาอะไรไปอีกไหม?”
“เท่านี้พอแล้ว”
เราเดินกันไปข้างในห้องรวม ผมเลือกปิดด้านในเผื่อมีคนเอาค้อนมาด้วย แต่นั่นน่าจะเป็นไปได้ยาก
เมื่อเข้าห้องทุกคนหันมามองหน้าผม แล้วมองไม้ในมือของผม จากนั้นเอียงหัวสงสัย
แต่ไม่นาน บางกลุ่มก็คุยกันต่อ แต่หมายเลขเก้าเผ่าเอิ้กเอิ้กดูวิตกกังวลมาก
ผมเดินไปหาหน้าต่างห้องได้ครึ่งทาง หมายเลขเก้าก็มาหาผม
“พวกนายจะทำอะไร?”
ผมคิดว่าจะบอกเขาดีไหม มันอาจจะเพิ่มความวิตกกังวลของเขาแต่เขาจะพร้อมรับมือมากกว่า
“เราจะโดนคนร้ายบุกที่นี่ ฉันจะปิดหน้าต่าง”
“หน้าต่าง”
เขาหันหลังไปมองหน้าต่างแล้วหันกลับมา
“แต่ไม่ใช่สิ เอ๋? โจรจะบุกที่นี่เหรอ!”
“อืม”
เขาหน้าซีด
“โจรจะบุก! โจรจะบุก!”
เขาตะโกน หน้าตื่นตกใจ แต่เหมือนมันเป็นสัญชาตญาณของเขาที่ต้องตะโกนบอกเหตุร้าย เมื่อเขาทำเสร็จเขาก็สงบได้
เขาจับหน้าอกตัวเอง ถอนหายใจ แล้วมองหน้าผม
เหล่าเด็กๆเริ่มตื่นตัวแล้วหันมามองเราทั้งหมด
“ใจเย็นๆ พวกฉันจะปกป้องที่นี่”
“นายเป็นเด็ก แต่ก็ใช่สิ พวกนายสู้แล้ว สู้หลายคนด้วยดาบไม้อีกต่างหาก แน่ใจนะว่าฉันไม่ต้องกังวล”
เขาควรนำอันตรายไว้ในใจ แต่เขาไม่ควรกับวลเพราะมีโรคพญามัจจุราช
“อย่าคิดมาก พวกฉันไหว”
“ดะ, ได้”
ผมจับไหล่เขามองหน้าเขาครู่หนึ่ง แล้วเดินไปหาหน้าต่าง
หมายเลขห้าเผ่าจุ๊จุ๊ดูตื่นกลัว หมายเลขหกมนุษย์กำลังลุกขึ้นมา
เขาเดินมาทางเรา
“จะมีโจรมาบุกที่นี่จริงๆเหรอ? แล้วนายทำอะไรกัน แล้วเราจะทำยังไง”
“โจรจะมาที่นี่จริง แันจะปิดหน้าต่างกันพวกเขา แล้วพวกนายจะปลอดภัย น่าจะไม่เป็นไร พวกฉันจะปกป้องที่นี่จากเหล่าโจร”
“ฉันรู้ข่าวที่นายสู้แล้ว รอบนี้นายไหวมั้ย?”
“ถ้าพูดตรงๆถ้าเขาพามาไม่เยอะมากเราจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาพามาเเยอะมากก็อันตราย แต่น่าจะไหว”
อย่างไรผมก็ให้กำลังใจเขาก่อน
เด็กจุ๊จุ๊ผู้อยู่ใกล้ๆเดินเข้ามาฟังให้ชัดขึ้น เขานั่งฟังอยู่ใกล้ๆตั้งแต่แรกแล้วเขาถามขึ้นมา
“เราจะรอดไหม?”
เขาถามน่ากลัว
“รอด ทุกคนจะปลอดภัย”
เขาดูมั่นใจขึ้นนิดหน่อย แต่ก็เหมือนเผื่อใจไว้
ผมมองดูเด็กๆรอบๆ พวกเขามองมาทางนี้และหันไปพูดกัน หน้าตาแต่ละคนดูจริงจัง
แม้จะมีคนที่ยังกลัวแต่ก็มีมากอยู่ที่ดูเหมือนพร้อม
เด็กจุ๊จุ๊หมายเลขห้ากลืนน้ำลายแล้วเดินสั่นๆ่กลับไปนั่งที่ เธอน่าจะเข้าใจแล้ว
ผมมองหน้าหมายเลขหกเขามองดูเพื่อนของเขา ดูเหมือนเป็นห่วง เขาหันมาพยักหน้าแล้วกลับไปนั่งที่ตัวเอง แล้วคุยกับเด็กจุ๊จุ๊กับหมายเลขเจ็ดเผ่าสต้าร์ค
ผมไปถึงหน้าต่าง มองดูข้างนอกแล้วถอนหายใจ
“อดเห็นข้างนอกแล้วสินะ แล้วไหนจะอากาศอีก”
วิวพูดขึ้นมา
“มันจะแค่ชั่วคราวเมื่อเรื่องผ่านไปแล้วเราเอามันออกได้ ง่ายๆ”
วีบอกวิวให้เธอมั่นใจ
ผมทาบไม้แล้วตอกตะปูได้ตัวหนึ่ง
“วารี”
“หืม หมายเลขสิบเอ็ด มีอะไรเหรอ?”
“ฉันกับหมายเลขสี่จะปกป้องที่นี่ด้วย”
เขาบอกอย่างนี้พร้อมกับหมายเลขสี่ที่ยืนอยู่ข้างเขา
มีใจสู้ก็ดี แต่เขาน่าจะไม่ไหว ถ้าเขาไปสู้มันจะเพิ่มอันตรายมากกว่าช่วย
“มีใจสู้น่ะดี แต่นายยังไม่ได้ฝึก”
ผมเว้นสักพัก คิดสักครู่
“แต่นายจะเพิ่มความอันตรายให้พวกเรามากกว่าถ้านายออกไปสู้ด้วย ทั้งสองคน เพราะเมื่อเขาเห็นว่านายสู้ไม่ไหว เขาจะส่งคนมารุมนาย แล้วเราต้องปกป้องนายแทนที่จะได้สู้เอง ถ้านายอยากต่อสู้ หลังจากนี้ฉันจะฝึกให้ แต่ตอนนี้นายต้องกัดฟันทนเอาก่อน ยังไปไม่ได้”
“นายห้ามได้เหรอ?”
“ใช่ ฉันห้ามไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นนายไปขอโดโรเธียก็ได้ แต่เท่าที่ฉันดูฉันว่าเธอจะไม่อนุญาต”
“จึ”
เขาจึปาก แต่เอลฟ์เพื่อนของเขาดูโล่งใจ
ถ้าอย่างนั้นหมายเลขสิบเอ็ดอยากสู้แต่หมายเลขสี่จริงๆแล้วไม่อยากสู้ เขามาด้วยเพราะแค่มาด้วยกัน แม้ว่าเขาไม่อยากสู้ เมื่อหมายเลขสิบเอ็ดพูดว่าจะสู้ขึ้นมาเขาไม่พูดอะไร
เขาเป็นเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายกับเพื่อนได้ดี แม้ว่าความคิดจะไม่ดีสักเท่าไร
“ไม่ใช่คนสู้เยอะกว่าจะดีกว่าเหรอ?”
วิวมีคำถาม
“เหมือนที่พี่บอกนั่นแหละ ถ้ามีคนอ่อนแอเราจะมีจุดบอด แล้วแน่นอนว่าคู่ต่อสู้จะเล็งตรงนั้น แล้วเราต้องไปเน้นป้องกันแทน ไม่ใช่ว่าคนเยอะขึ้นหมายถึงดีขึ้นเสมอไป”
วีพยักหน้าวิวดูเหมือนกำลังคิด
“เข้าใจแล้ว”
แล้ววิวก็พูดออกมาเบาๆ
ผมจับไม้ขึ้นให้เข้าที่ แล้วตอกตะปูเพิ่ม ผมทำไปสักพักหนึ่ง
“เสร็จแล้ว”
มันเร็วกว่าที่คิด
“เร็วเนาะ”
วีทึ่งกับความเร็ว
“แล้วทำอะไรต่อดีล่ะ”
“หาอะไรมาเตรียมไว้กันประตูน่ะวิว นั่นน่าจะดี”
เราเดินกันไปหน้าประตู เหล่าพี่ๆยังคุยกันอยู่ เราหาหยิบของหนักๆมาเตรียมไว้
“โอ้ ใช่ เราต้องปิดห้องพี่โดโรเธียด้วย ได้ไหมครับพี่โดโรเธีย”
“ได้สิ”
เมื่อเราเตรียมของกันหน้าบ้านเสร็จเราก็เดินกันไปที่ห้องพี่โดโรเธีย
ผมเอาไม้กระดานปิดหน้าต่าง
“เท่านี้ก็น่าจะเสร็จแล้ว”
“ทำไมเราต้องเจออย่างนี้”
“บางทีมันก็เป็นแค่โชคชะตาน่ะ คิดดีๆสิ อย่างน้อยเราก็สู้เป็น เราป้องกันตัวได้”
“ถ้าพวกเขามากันเยอะๆล่ะ”
“ถึงตอนนั้นเราวางแผนตอบโต้ได้ เราถอยเข้ามาในบ้านที่มีทางเข้าทางเดียวเป็นที่กรองคศัตรูได้ แต่พวกเธอต้องเตรียมแรงกายไว้เผื่อพวกเขามาเยอะ”
“อื้ม”
วีดูมั่นใจ แต่วิวดูไม่ค่อยสบายใจ
“ไม่เป็นไรหรอก วิว อย่าคิดมาก วีกับวิว เดี๋ยวมันก็ดีเอง”
ผมเชื่ออย่างนั้น