กำพร้า ณ ต่างโลก - ตอนที่ 12 ท่านหญิงเสือดำ
12 ท่านหญิงเสือดำ
“เอ้กสิเอ้กเอ้กกกกก!”
สามวันผ่านไป ผมไม่ได้ฝึกเลยเมื่อผมจะฝึกกับวีและวิวพวกเธอจ้องแต่จะจับหลังกับสะโพกของผม
มันไม่ได้จับแม้แต่ใต้สะโพกของผมเลย เธอมีโอกาส แต่พอรู้ว่าเธอไม่เล็งตรงนั้นก็หลังผม ผมเลี่ยงหลบได้มาตลอดอย่างฉิวเฉียด มันเกือบพลาดหลายครั้งมาก ในวันที่สอง ตอนเช้าผมไม่ฝึกกับพวกเธอ และเป็นกรรมการอย่างเดียว
พวกเธอฝึกกันยาวจนเหน็ดเหนื่อย แต่ฝึกกันไปเหลียวดูผมไป มันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
วีตื่น ผมโยกไหล่เธอ 2 ทีและรีบถอยออกไปปลุกวิว เมื่อผมถอยออกวีจะคว้าผม
ผมไปปลุกวิว เมื่อจับไหล่เธอก็ตื่นลุกขึ้นมา มองหน้าผม ยิ้ม ผมลูบหัวเธอแต่นิ่งๆ
เมื่อผมเดินไปที่เตียงของผม พวกเธอมองตามผม
ผมออกกำลังกายของผมไป
ระหว่างนั้นผมคิด ถ้านี่เป็นปันหาก็ต้องหาทางแก้ ทำให้พวกเธอกลับไปมีใจฝึกเต็มที่ โดยที่ผมก็ได้ฝึกไปด้วยหรือ? นั่นก็ไม่ดี
ผมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ถ้าผมจะปกป้องพวกเธอ ผมต้องเก่งกว่าพวกเธอ
แต่ มันเสี่ยง
ผมไปอาบน้ำยืนราดน้ำเย็น ตอนนี้มันมีน้ำอุ่นแล้วกับน้ำเย็นให้เลือกแล้วตามคำขอของผม ผมดูปลาทำน้ำอุ่น ตัวมันยาวตอนแรกผมไม่แน่ใจว่ามันงูทะเลหรือปลา แต่มันคล้ายๆกับปลาไหลตัวยาวๆสีแดง มันชื่อปลาอุ่นอก
มันมีอยู่ 3 ตัว ผมเอื้อมไปจะตักน้ำอุ่น แล้วชะงัก จากนั้นไปตักน้ำเย็นราดแล้วอาบถูแมงกระพรุนเซอปุน สบู่สัตว์
เมื่อผมสะอาดผมเดินไปเรียกพวกเธออกไปข้างนอก แล้วฝึกเช้า ผมตัดสินใจหยิบตุ๊กตาจับทุ่ม เมื่อถือมันพร้อมชุดเกราะมันหนักอึ้ง ผมไม่ใช่กึ่งแมงมุม มันลำบาก แต่ผมต้องพยายามมากกว่านี้!
ผมเริ่มวิ่งช้าๆ เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุดหมดแรง พวกเธอแซงไปแรกๆแล้วเกิดอะไรขึ้นก็ไมรู้ พวกเธอมาอยู่ข้างหลังผม ตอนนี้มันลามมาตอนวิ่งแล้วหรือ?
ผมหันไปบอกพวกเธอ
“วี วิว น้องต้องตั้งใจมากกว่านี้นะ พี่เห็นพักหลังๆ พวกเธอจะมาสนแต่พี่ มันไม่ถูกต้อง”
“แต่ หนูวิ่งของหนูปรกติ”
วีพูดออกมาแล้วมองไปข้างๆ พองแก้ม วิวมองเราสลับไปสลับมา ทำอะไรไม่ถูก
“ที่พี่กลัว พี่กลัวว่าต้องเลิกฝึกกับพวกเธอ วี วิว”
“”เออออ๋””
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“นั่นดิ ไมเห็นจำเป็นเลยพี่วารี”
วีกับวิวพูดตามกันขึ้นมา
“ถ้าพี่อยู่แล้วพวกเธอเสียการฝึกไป เราอาจต้องแยกกันฝึก”
พวกเธอนิ่งไป ดูเจ็บใจ ความเจ็บจี้ดทิ่มแทงหัวใจของผม
ผมวิ่งต่อ พวกเธอกำลังแซงผม
“ฮึ๊!”
“พี่วี”
พวกเธอวิ่งนำหน้าไปจนเสร็จแล้วเริ่มฝึกออกท่า ผมวิ่งได้ถึงครึ่งเดียว มันเหนื่อย มันหนัก ผมอยากวาง อยากหยุด
ผมทำต่อให้ท่าสวยที่สุด หายใจไม่ทัน ผมฝืนออกท่า ทำไปครึ่งหนึ่งมันก็เจ็บมาก ได้อีก! ยังทำได้อีก!
เมื่อเสร็จพวกเธอซ้อมฝึกกันแล้ว เมื่อผมเสร็จ วีกับวิวหยุดฝึกและมาทางผม
“พี่วารี จะฝึกกับเรามั้ย”
“ยังก่อน พี่ยังไม่พร้อม”
ผมตอบวี แล้วผมก็พาตุ๊กตาหุ่นทุ่มแล้วจับมันไว้และเริ่มฝึกการฝีเท้า พวกเธอมองเหมือนมีอะไรจะพูด
“”เฮ้ออออ””
จากนั้นพวกเธอฝึกกันต่อ
ผมชำเลืองมองวีกับวิวฝึกกันไป ศึกษาพวกเธอจากมุมมองคนนอก
ฝึกให้เหมือนหลบสองคน จากนั้นเริ่มหาจังหวะทุ่ม ก้าวเท้า หาจังหวะ ทุ่ม!
ผมทำต่อไปเรื่อยจนมาเวลาเที่ยง แล้วก็เข้าไปในห้องกินข้าวเที่ยง
ผมนั่งที่โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ผมนั่งติดกับวีและวิวต่อจากวี
จากนั้นอลิสยกหม้อมาเตรียมนำข้าวมาราดแล้วแจก เราส่งต่อข้าวกันมาเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็มาถึงผม
มันคือแกงไบชุนฟุ แกงกะหรี่สีน้ำตาล แกงนี้มาบ่อย หลักๆแล้ว มันคือแกงกะหรี่
ผมถามอลิสที่กำลังยื่นจานแกงกะหรี่ให้เด็กๆต่อ
“พี่อลิสครับ ทำไมพี่ทำแต่แกงกะ- ไบชุนฟุล่ะ”
“หืม เพราะมันถูกสุดแล้ว! และพี่ทำมันบ่อยด้วยแล้วพี่ทำเก่งสุด”
“ครับ”
พี่อลิสพูดคำว่าเก่งเบาๆ ผมตักเนื้อมาดู นั่นเนื้อวัว เพราะคนไม่ชอบกินกัน มันเหนียวและเหม็น ถ้าทำไม่เก่ง มันจะเหม็น ผมกินเนื้ออย่างอร่อย
“เนื้อวัวพี่นุ่มมากเลยนะครับ ฝีมือยอดเยี่ยมเหมือนเคยเลยพี่”
“จ้ะ”
ผมยิ้มร่าให้เธอ พี่อลิสยิ้มตอบ
จริงๆแล้วการทำอาหารเก่งถือว่าไม่มีเกียรติเพราะมันแพร่มาจากไอ้เจ้าคนชักดาบคนแรก เซอร์เสลอนาบอง ผู้กินแต่ไข่ต้ม ไม่กินแม้แต่ข้าวเท่าที่ผมถามเจ้าของร้านขายหนังสือ
“ต้นกำเนิดมื้อนี้มาจากที่ไหนเหรอพี่”
“โครัลลัลเรย์เรียจ้ะ”
พี่อลิสตอบกลับมา จากนั้นเธอเริ่มพูด
“ที่นั่นน่ะ คนทำมื้อนี้กันเต็มไปหมด พี่เคยไปกินร้านอร่อยๆตอนที่ เอ่อ ขายโคมได้ดีๆ พี่ได้ไปกินร้านใหญ่ๆ พี่จำวันนั้นได้ จนพี่ฝึกทำให้เหมือนกันมาตลอด จนได้มาถึงแกงไบชุนฟุที่น้องๆกินกันมาทุกๆวันจากพี่นี่แหละ มันคล้ายกันมาก พี่จำได้”
“พี่ได้กินบ่อยเหรอคะ”
วีถาม พี่อลิสชูนิ้วชี้ไว้หน้าเธอยิ้มแป้นและตอบกลับวีที่มีคำถาม ถ้าอย่างนั้น จินตนาการให้ชัด แล้วจะทำตามได้แม้กระทั่งมื้ออาหารอย่างนั้นเหรอ?
“พี่เคยกินครั้งเดียว ร้านพี่ขายโคมได้ไม่ค่อยดีหรอก พี่มัน”
จากนั้นเธอไม่พูดต่อกำลังคิดถึง เธอน่าจะพูดว่า ‘มีตำหนิ’ ผมไม่อยากจะคิดเลย
ผมตักมันฝรั่งขึ้นมา
“พี่อลิส นี่อะไรครับ”
“นั่นผลมั้นมัน”
“ครับ!”
มันฝรั่งชื่อคล้ายๆมันฝรั่ง
“แล้วนี่ล่ะครับ”
“หึๆ นั่นหัวแคเราะ”
“ครับ!”
แครอทคือแคเราะ สีทั้งมันฝรั่งกับแครอทพื้นฐานแล้วก็ยังเหมือนเดิม ต่อไปเป็น อะไรที่คล้ายหอมแดงแต่ใหญ่กว่า หัวหอมใหญ่
“แล้ว นี่ล่ะครับ”
“นั่นบาซิลา”
หัวหอมคือบาซิลา ใช่ภาษาอาราบิคไหม?
ผมตักมั้นมัน เนื้อ ข้าวพร้อมกับแกงสีน้ำตาลอ่อน
ผมนึกถึงอาหารที่ทำให้อ้วนและไม่อ้วน จากที่ผมสอบถามถึงอาหารของคนอ้วนจากตลาด ค้นพบว่าคนที่อ้วนนั้นกินน้ำตาลเยอะ แคลอรี่จากน้ำตาลจะทำให้ออกมาเป็นหุ่นนางงามของโลกนี้ อย่างท่านหญิงพร้ากเต้อเข
การกินมัน กินโปรตีน กินแป้งเยอะ ไม่ทำให้อ้วนมากถ้ามันไม่หวาน แต่คนส่วนใหญ่ที่มีเงินแล้วกินไข่เขาซื้อกันแต่ละมื้อมากสุด 5 ลูก พวกเขากินกันมากกว่านั้นไม่ไหว ผักแล้วแต่คนชอบ
แล้วไม่มีการชอบกินโปรตีนกัน ส่วนคนกินไข่ก็กินกันไม่พอดังนั้น กล้ามคนส่วนใหญ่จึงไม่แข็งแรง เพราะร่างกายแย่ การต่อสู้ก็แย่ตามไปด้วย แล้วไขมันในร่างกายก็ไม่มีอีก เวลาโดนทำอะไรแรงๆก็จะเจ็บเยอะ ยอมง่าย ไขมันไม่ใช่ไม่ดี มีเยอะเกินไปกับมีน้อยเกินไปต่างหากที่ไม่ดี ดีที่สุดคือ 10-12% สำหรับผู้ชาย สำหรับผู้หญิงคือ 12-26% กำลังดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านผ่านๆมา
วันนี้ใส่พริกหรือเม็ดซี้ดซี้ดสามเม็ด ผมกัดพวกมันแล้วหั่นเปลือกกรอบๆมันเป็นชิ้นเล็กๆแล้วคลุก
เพราะคนคิดว่าผู้ชักดาบคนแรกเป็นคนมีเกียรติเพราะเถียงชนะ คนที่เป็นนักสู้เลือกที่จะทำตามเขา
จนผันมาเป็นนักสู้ไม่ทำอาหารอะไรนอกจากไข่ต้ม เพราะเอาอย่างเซอร์เสลอนาบองนั่น และกินน้อยอีกตบท้าย นักสู้เลยกลายเป็นศึกของคนกินไม่ครบทุกสารอาหาร
คนที่น่ากลัวคือคนที่กินอาหารครบและทำการฝึกท่า ผมยังไม่เคยเจอโจร แต่ผมต้องเตรียมพร้อมรับมือกับคนเหล่านั้นไว้
ผมตักผสมทุกอย่างเข้าปากคำใหญ่ๆมันเริ่มหอมเครื่องแกงก่อน รสชาติหวานๆของแครอทนำตามมา จากนั้นมันเป็นความหอมและเผ็ดนิดเดียวของเครื่องแกงตอนหายใจออก กับมีความหวานเล็กๆจากหอมใหญ่เป็นฐานเหมือนสีของกระดาษระบายสี และวัตถุดิบแต่ละชิ้นลงมือวาดเสริมเติมแต่งภาพ
ผมอิ่มที่จานที่สี่แต่กินอีกจานจนทั้งหมดห้าจาน ผมต้องทดแทนพลังงานที่เสียไปหลังจากฝึกอย่างหนักวันนี้
เรากินเสร็จแล้วมานอน ผมรีบนอน
ผมเห็นอดีตเมื่อตอนผมแปดขวบและพวกเธอเจ็ด เราฝึกกันเต็มทื่ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมันดึกแล้วแต่ยังไม่ถึงเวลาเข้าบ้าน
เรากำลังดูท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยประกายดาวเป็นหลายๆล้าน ดาวมันเยอะกว่าโลกเก่า หรือเพราะมันไม่ค่อยมีแสงยามค่ำคืนเลยเห็นชัด? ผมไม่รู้ แต่ภาพมันสวยงามจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ดาวมันเยอะจนเราเห็นกันสลัวๆแม้มืดสนิทถ้ามีเมฆเยอะ พระจันทร์ยังไม่ขึ้นกลางท้องฟ้าเพราะมันเพิ่งเริ่มมืด
พวกเราอยู่กันบนหลังคา จริงๆแล้วอลิสไม่ให้ขึ้นมาแต่เราอยากดูดาวกันชัดๆ
“ทำไมดวงดาวเยอะจัง พี่วารี”
ผมนั่งตรงกลาง วีอยู่ทางขวาวิวอยู่ทางซ้าย ผมนิ่งสักพักก่อนตอบ
“เพราะจักรวาลนั้นกว้างแสนกว้าง”
“แล้วทำไมมันกว้าง”
“เพราะมันเป็นธรรมชาติ”
“เอ”
เธอนิ่งไป วิวเพียงแค่ดูดาวพวกเธอเป็นเด็กๆที่น่ารัก
“ธรรมชาตมันเป็นของมันอย่างนั้น เราฝืนให้มันเปลี่ยนไม่ได้ เราแค่ต้องเรียนรู้ แล้วอยู่กับมันให้ได้ เหมือนเวลาเรายกกันไม่ไหว เราแค่ต้องฝึกให้หนักขึ้น”
“อ๋อ”
วีกอดอกหลับตาพยักหน้า จากนั้นเราดูดาวกันต่อไปเรื่อยๆ
“แง้วววววว”
วีเริ่มร้องเสียมแมวเป็นเพลงเบาๆ ขับกล่อมเวลาอันสวยงามของเราสามคน
“ดาวนั้นเป็นรูปคนเตะ!”
วิวชี้ท้องฟ้า จับกลุ่มดาวเป็นรูปเป็นร่าง
“นั่น ดาวนั้นเป็นคนต่อยหมัดตรง! ดาวนั้นเป็นรูปคนจับทุ่ม! ดาวนั้นเป็นมนุษย์แมงมุม! ส่วนนั่นดาวเซอปุน”
แม้แต่สบู่ก็ได้เป็นดวงดาว ผมลูบหัวพวกเธอสองคนภายใต้ภาพหมู่ดาวส่องประกาย
“โอ๊ะ นั่นดาวเราสามคน!”
“ไหนๆ”
วีหยุดร้องเพลง หากลุ่มดาวเราสาม วิวชี้ ผมพยายามมอง มันเป็นกลุ่มดาวใหญ่สามกลุ่มใกล้ๆกัน
“เข้าใจคิดนะวิว”
ผมชื่นชมเธอ จากนั้นผมบอกพวกเธอ
“ถ้าวันหนึ่งเราแยกกัน ให้หันไปดูดาวดวงนั้น แล้วสักวัน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เธอจะตั้งชื่อมันว่าอะไร”
“ดาวรักกันตลอดไป!”
พวกเธอมองดูดาวต่อ หน้าไม่ค่อยสบายใจ
“พี่จะไปไหน”
“ถ้าพี่เป็นอุปสรรคกับการซ้อมของเธอเข้าสักวันวี พี่ต้องออกห่าง”
“หนูจะตาม!”
“มันเพื่อตัวเธอเอง เธอต้องหาทางเติบใหญ่โดยไม่มีพี่ เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอ วี วิว จะเป็นผู้ใหญ่”
ผมลูบหัวพวกเธออีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลย เราไม่อยากแยกกับพี่ พี่วารี ใช่มั้ยพี่วี”
“อืม”
ผมมองหน้าวิว
“วิว ร่างกายเราต้องโตขึ้น แต่ความเป็นเด็กจะอยู่กับเราตลอดไป เราเป็นทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ในคนเดียวกันได้ เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะกลายเป็นคนของโลกนี้เต็มตัว เธอจะยืดอกทำอะไรก็ได้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้าพี่ไป พี่จะมาอยู่ข้างพวกเธออีกครั้ง ถ้าเธอยังจะสนใจคนอย่างพี่อยู่”
“พี่อย่าพูดถึงตัวเองแบบนั้น!”
“หนูก็ไม่ชอบ! มากๆด้วย!”
วีรีบตำหนิผม วิวไม่ชอบใจมาก
“อย่างนั้นเหรอ พี่จะเปลี่ยนนะ”
“วารี! วี! วิว! เข้าบ้าน! อยู่ไหน!”
ผมตื่น ผมมองข้างๆ วีกับวิวออกไปแล้ว
ผมตามออกไปข้างนอก มองพวกเธอซ้อมใส่เกราะไกลๆ
ผมเดินกลับไปใส่เกราะ ระหว่างผมใส่ผมคิดถึงตัวผม ผมเหม่อมากเกินไป ผมไม่มีสมาธิ ถ้าอย่างนั้นผมต้องพัก
ผมเดินกลับไปหาวีกับวิวใหม่
“พี่ออกไปเดินเล่นข้างนอกแปปนึงนะ”
“เอ๋ ไปไหน”
“ไปด้วย”
วีถาม วิวจะตามผม
“แค่แถวนี้แหละเดี๋ยวก็มา พี่ไม่มีสมาธิ พี่ต้องไปปรับตัว ไม่ต้องตามมาหรอก”
พวกเธอมองหน้าผมแล้วพยักหน้าเบาๆ วีกัดฟันวิวเกาหัว ผมเริ่มเดินจากมา
ผมค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ณ ทางเดินไปตลาด
ปัญหาคืออะไร? คำตอบ ผมไม่มีสมาธิ แล้วเพราะอะไร? เพราะพวกเธอจ้องจะจับร่างกายผม แล้วต้องทำอย่างไร? ผมต้องป้องกัน!
เอาล่ะ เป้าหมายคือต้องป้องกันให้ได้ แล้วปัญหาจากป้องกันคืออะไร? ตอนนี้ผมป้องกันไม่ไหวเพราะผมไม่แข็งแรงพอเท่าพวกเธอ
เพราะอะไร? ร่างกายของพวกเธอไม่เหมือนผม คนหนึ่งเป็นกึ่งแมว คนหนึ่งเป็นกึ่งแมงมุม ผมสู้ไม่ได้
ถ้าอย่างนั้น ผมต้องแข็งแกร่งกว่านั้น! ฝึกให้หนักกว่านั้น! ผมต้องเปลี่ยนความเชื่อจากที่คิดว่าสู้ไม่ได้เพราะร่างกายเราต่างกัน! และหยุดมัวแต่โทษโชคชะตาอย่างเด็ดขาด
“เปลี่ยนความเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
จากนั้นเปลี่ยนมันเป็นประโยชน์! ป้องกันอย่างไรให้พวกเธอได้ประโยชน์ด้วย ถ้าพวกเธออยากจับ ผมต้องเป็นแคเราะปลายกิ่งไม้ให้พวกเธอไล่ตาม
“ฝึกและพยายาม!”
ผมต้องใช้เวลารีบฝึก ผมดูรอบข้าง ผมเกือบข้ามถนนโดยไม่ได้ดูซ้ายขวา นั่นอันตราย แต่นั่น ณ ทางเข้าตลาดมีกลุ่มคนอยู่
ผมเดินไปดูใกล้ๆ มีผู้ชายห้าคนล้อมผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ พวกเขาพกดาบกำลังจับด้ามดาบ ล้อมผู้หญิงหน้าตาสวยงามแบบผู้ใหญ่ อายุยี่สิบปลายๆ
เธอใส่ชุดหนังไม่มีแขน คอวีลึกมากและผ้าที่ปิดด้านหน้าค่อนข้างแคบ ยาวมาเป็นกระโปรงสั้นนิดเดียว ด้านข้างไม่มีผ้าแต่เป็นเชือกกำมะหยี่โยงไว้กับผ้าด้านหลัง
หุ่นเธอดีและเธอแต่งตัวเซ็กซี่มาก ดูเป็นแม่หญิงพร้อมจะครอบงำ ออกคำสั่ง แต่ทำไมเธอมาอยู่แถวนี้
“ท่านหญิง ถ้าท่านมี-”
“พวกนายไปไกลๆไปก่อนที่จะเป็นเรื่องใหญ่”
ผมชักดาบไม้ พวกเขาหันมาดูผมแล้วส่งเสียงทางจมูกแล้วไม่สนใจ
พวกเขาชักดาบแล้วเอื้อมไปจะจับไหล่ ก่อนพวกเขาจับไหล่ได้
“ฟันข้อมือ! ฟันคาง!”
ผมฟันข้อมือคนที่อยู่หน้าและคางของคนถัดไป คนโดนฟันคางหงายลงข้างหลังโดยมีคนที่สามจับไว้ไม่ให้ล้ม คนอยู่ซ้ายมือผมเงื้อดาบขึ้นบนหัว
“เฮ้ย อะไร-”
“ฟันไหล่!”
ผมปล่อยให้เขาฟันโดนเกราะ ผมไม่อยากทำให้ดาบไม้เสีย และโล่ไว้สำหรับพร้อมต่อย
“เฮ้ยชุดนั่น-”
“ยอมๆ!”
“ฟันเข่า!”
คนโดนฟันข้อมือยอม ผมฟันเข่าคนที่ฟันผม
“่ทาอะ-”
“โอ๊ย! ยอมๆๆๆๆ”
“แทงกลางอก!”
คนที่ห้าโดนแทงกลางอก เขาล้มลงจุกอยู่กับพื้น
คนที่สามที่จับเพื่อนรีบวางแล้วง้างดาบขึ้นบนหัว
“แกกกก! ฟันไหล่!”
ผมคาดไว้แล้วว่าเหมือนกันกับเพื่อนเขาผมก้าวออกข้างหลบขวา
“เฮ้ย ได้-”
“ทุ่มข้ามขา!”
“เหวอออ!”
จับข้อมือเขา ก้าวเท้าขวาบังไว้ล่างสะโพกด้านหน้าเขานิดหน่อยมือถือดาบคว้าคอ หมุนไปทางซ้าย ตัวเขามาข้างหน้า ติดขาล้มหัวทิ่ม ผมหมุนมาครึ่งทางลากเขาลงพื้น มันไม่เจ็บมาก แล้วผมเอาดาบไม้จี้คอเขา
“ยอมๆๆ”
“ดี พี่รบกวนเรียกยามตลาดทีครับ วิธีเรียกคือ-”
“แปะๆๆๆๆ”
พี่ผู้หญิงชุดเซ็กซี่ปรบมือ
“ฝีมือดีนี่”
“เอิ่ม มันเป็นผลจากการฝึก และมีคู่ฝึกที่ดีน่ะครับ”
“น่าสนใจ น่าสนใจมากๆ เธอนี่”
พี่ผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่นิ่งไปสักพัก
“เรียกยามแบบ-”
“วี้ดดดด”
พี่เขาเอานิ้วเข้าปากเป่าเป็นนกหวีด เธอเรียกยามแถวนี้เป็น เธอเคยมาที่นี่แล้ว ผมเก็บดาบไว้ข้างเอวจับพวกเขามารวมกันที่มองเห็นได้
“คุกเข่าแบเท้าเอามือไว้หลังหัว!”
พวกเขาทำตาม และผมไปหลังคนที่เจ็บน้อยที่สุดแล้วเหยียบข้อเท้าเขาไว้เบาๆ
“โอ้!”
เธออุทาน
ไม่นานยามก็มา พี่ผู้หญิงใส่ชุดเซ็กซี่คุยกับยามเมือง ยามเมืองจับตัวพวกเขาไป
ตอนนี้เหลือผมกับพี่ผู้หญิงใส่ชุดเซ็กซี่ กับพ่อค้าแม่ค้าที่ซุบซิบกันข้างหลัง
“ชื่อ?”
“วารีครับ แล้วพี่?”
“เรียกฉันว่าเสือดำ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่แถวนี่มันอันตราย เนื่องด้วย เอิ่ม”
ผมหน้าแดงเนื่องจากชุดของเธอเมื่อดูใกล้ๆ
“ชุดนี้นะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งสู้เป็นทั้งเขินเป็น ยิ่งน่าสนใจ อายุเท่าไหร่ล่ะ?”
คนห้าคนตัวหนาดาบพร้อมวิ่งมา มีสองคนถือกรงนกสีชมพู
“ท่านหญิงเสือดำ!”
“เป็นอะไรมั้ยครับ!”
“พวกเรารีบจ่ายเงินแล้วก็รีบมาที่สุดแล้วครับ!”
“มันไม่เป็นไร น้องคนนี้ช่วยฉันไว้”
เธอพูดกับคนห้าคนผู้น่าจะเป็นผู้ติดตามคุ้มกัน ผมคำนับพวกเขา
“อายุเท่าไหร่? พ่อกับแม่อยู่ไหน? ฉันจะไปคุย”
“สิบสาม ผมเป็นกำพร้าครับ”
“บ้านอยู่ที่ไหน”
“เอิ่ม ซอยตรงนั้นครับ เดินเข้าไป มีต้นราช-”
ท่านหญิงเสือดำเดินนำผู้ติดตามคุ้มกันไปมีคนหนึ่งวิ่งไปนำหน้าเธอ พวกเขาที่เหลือรีบตามเธอไปผมเดินตามเธอไป
พอข้ามถนนเธอโบกมือให้ผมรีบขึ้นไปหาเธอ ผมทำตามนั้นและเดินข้างเธอ
“ไปฝึกสู้มาจากไหน”
“จำเขามาฝึกกับเพื่อนสนิทกันเองครับ”
“อย่างนั้นเหรอ งึมงำๆ นี่อาจจะเป็นต้นกำเนิดใหม่ของเอกีร์ งึมงำๆ”
เธอพึมพำเบาๆ ชื่อนักรบในนิทานขึ้นมา
“เราต้องรีบไป เร่งความเร็ว!”
“””ครับ!”””
พวกเขาเดินเร็วขึ้น จากนั้นเมื่อเจอต้นราชพฤกษ์เธอเลี้ยวเข้าไป แล้ววิ่งไปเปิดประตู ผมตามเธอไม่ทันเลย พวกเธอทั้งหมดทำอะไรกันเร็วมาก ผู้ติดตามคุ้มกันคนสุดท้ายยืนกอดอกอยู่หน้าประตู
ผมดูวีกับวิว พวกเธอจับดาบมาข้างผม
“”เกิดอะไรขึ้นพี่วารี””
“พี่ช่วยพี่ผู้หญิงที่นำหน้ามา จากนั้นเธออยากคุยกับพี่โดโรเธีย”
พวกเธอเหน็บดาบไว้ข้างเอว มายืนข้างผม
มันดูเหมือนโดนบุกบ้าน แต่ผมเชื่อว่าพี่ผู้หญิงไม่ได้มีเจตนาร้าย มั้ง? ปล่อยไปจะดีไหมเนี่ย หรือผมต้องสู้กับคนมีกล้ามห้าคน? แต่ก่อนหน้านั้น หนทางที่ดีกว่า
“ให้พวกผมเข้าไปได้มั้ยครับ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลน้อง ผู้ใหญ่จะคุยธุระไม่นานหรอก ไปเล่นก่อนเถอะ นะ เชื่อพี่”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
วีจดๆจ้องๆ วิวเลิกสนใจ เดินไปรอวีพร้อมฝึก
“วีไปฝึกต่อเถอะ วิวพร้อมแล้วนั่น”
ผมกำลังเอื้อมมือจะไปลูบหัวเธอ แล้วชะงัก วีมอง ผมลูบเบาๆ ผมต้องแน่วแน่กว่านี้ ให้พวกเธอไม่เสียใจ
ผมเดินไปหยิบหุ่นทุ่ม แล้วฝึก
จากนั้นท่านหญิงเสือดำเปิดประตู คนคุมประตูหลบแล้วชูมือเชิญ เธอเดินมาหาผม
“ฝึกกันแบบนี้น่ะเหรอ ถืออะไรนั่น? แปลกดี แต่ที่สำคัญ ฉันซื้อตัวเธอแล้วนะ ไม่สิ เรียกว่าซื้อมันไม่ถูกต้อง ฉันจองเธอไว้แล้ว เมื่อ อายุ 15 เธอต้องไปโครัลลัลเรย์เรียกับฉัน ฉันจะมารับ ระหว่างนั้นรับนี่ไป คาลิป เอานกไอมาสิ”
คนที่ถูกเรียกว่าจอห์นยื่นกรงนกตัวสีชมพูให้ท่านหญิงเสือดำ
“นี่นกไอ แถวนี้เรียกนกอะไรแล้วนะ โรเบิร์ต”
“นกรักครับ”
คนชื่อโรเบิร์ตตอบท่านหญิงเสือดำ จากนั้นเธอรีบพูดต่อ
“นั่นแหละ มันเป็นนกไว้ติดต่อสื่อสารกัน มันแพง อย่าทำหาย ตอนจะใช้ให้คิดถึงฉันให้มั่นๆ หน้าตา, ชื่อ, หรือร่างกายในชุดนี้ก็ได้ ฉันไม่ถือ ได้หมดแล้วคุยกับนก ถ้าคิดถึงมากมันจะมาเรียกฉันแทน ลองคุยกับมันคนแรกเพื่อเป็นเจ้าของ ไปยืนตรงนั้นก่อน”
ท่านหญิงเสือดำชี้ไปไกลๆเธอ
ผมไปยืนที่นั่นพร้อมกรงนกไอ? นกรัก? แล้วคิดถึงหน้าเธอก่อน มันค่อนข้างลืมยากอยู่เพราะมันสวยมาก
จากนั้นเธอจ้องกรงนกอีกกรง
“เริ่ม วารี เดินเข้ามา”
“เริ่ม วารี เดินเข้ามา”
“ได้แล้วเหรอครับ”
ผมคุยกับนก เพราะนกคุยกับผม
“ได้แล้วเหรอครับ”
“ได้แล้วรีบมา”
“ได้แล้วรีบมา”
นกคุยกับผม
“เมื่อหยุดบอกให้มันหยุด หยุดจ้า! แบบนี้ บอกดีๆต้องขอมันดีๆด้วยมันถึงจะเข้าใจ”
มันเป็นนกที่แปลกมาก
“หยุดจ่ะนก”
จากนั้นนกเลิกมองผม
“มันกินอาหารคนเนี่ยและ อะไรก็ได้เหมือนอาหารผู้ใหญ่จานนึง เข้าใจนะ ไปล่ะ สิบห้าแล้วสื่อนกมา”
“เอิ่ม เอ่อ ครับ”
จากนั้นท่านหญิงพร้ากเต้อเขก็พากันไป ไม่มองกลับมา
ผมโดนจองตัว