กำพร้า ณ ต่างโลก - ตอนที่ 11 ประกาศสงครามความรัก
11 ประกาศสงครามความรัก
*จิ๊บจิ๊บจิ้วจิ้วจิ้ว*
ผมตื่น มันยังไม่สว่าง ผมเดินไปปลุกวีและวิวตื่นขึ้นมายืดตัวลงเตียงออกกำลังวนรอบเตียง
จากนั้นวีก็ตื่นเปิดตากว้างและกลับไปงัวเงียเหมือนเคยๆและลงกลิ้งลงเตียงลงพื้นสี่ขาเริ่มจากค่อยๆเดินและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ผมเดินมาออกกำลังกายหลังตื่นที่เตียงของผมเริ่มจากยืดตัว สะบัดแขนขาวิ่งต่อด้วยพุ่ง
“เอ้กสิเอ้กเอ้กกกกกก!”
หมายเลขเก้าหนุ่มไก่ตะโกนดัง เขาตื่นก่อนพวกเรา ทุกคนเริ่มตื่นกันหมายเลขเจ็ดสาวสต้าคตัวสูงใหญ่ลงเตียงและเริ่มทำเหมือนพวกเรา เช่นกันกับหมายเลขหกมนุษย์ที่ไม่คิดมาก แต่เขาทำของเขาช้าๆพอประมาณได้แรง
ผมหยิบชุดเบาะมีที่คลุมหัวและเปิดหัวโล่ง ใส่ชุดหนังชั้นที่สองอันมีที่คลุมหัวเหมือนกัน และใส่เกราะโซ่เหล็กไร้มลทินชั้นที่สามครบชุดที่ทั้งหมดมัน 34 กิโลกรัม
ที่มันใส่กันไหวเพราะมันผ่านมา 8 ปีแล้ว ตอนนี้ผมสิบสามและวีกับวิวจะสิบสามกันปีหน้า
ตอนแรกพวกเรายังใส่เกราะกันไม่ไหวเราถือกันพาวิ่งได้สองรอบ ห้ารอบ แปดรอบเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
เราออกไปฝึกเช้ากัน เมื่อเราอาบแสงแดดกันผมมองวีตัวเธอสูงแต่ไม่ใหญ่กล้ามฟิตๆแต่ไม่โต ยกเว้นต้นขากับต้นแขนที่ใหญ่เท่านักเพาะกายแต่กล้ามไม่ปูดนูน เธอมีมีชั้นไขมันพอดีๆ
ผมหันไปดูวิว ตัวเธอสูงกว่าพวกเราประมานหนึ่งศอกแน่นอนว่าตัวหนักกว่าพวกเรา ขาแต่ละขาเธอใหญ่แข็งต้องเตะสุดแรงจนขาตัวเองเจ็บถ้าจะให้มันขยับ
เราออกกำลังกายอุ่นเครื่องกันรอบบ้าน วีหยิบหุ่นจับทุ่มหนังชูแขนมาข้างหน้าสองแขนกับกางขาเท่าหัวไหล่มันแล้วทุ่มไปกลิ้งไป
*ปึกปึกปึกปึกปึกปึกปึกปึก*
จากนั้นเธอเอาสองขาหน้าร่างล่างแบกมัน น้ำหนักมัน 50 กิโลกรัม มันน่าประทับใจอย่างมากและตอนนี้พวกเราลำบากเวลาจับทุ่มแข่งกับเธอ
แต่อาวุธโจมตีเธอไม่ได้ตกหล่นลงไปเลยแม้แต่น้อย มันยังดีเท่าพอประมาณถ้าผมมีสิบมือ แต่ยังไม่เท่าของวีที่ทั้งเร็วทั้งแรงสุดๆแถมยังมีกรงเล็บพริบตาอันร้ายกาจที่เล็งได้ทั้งคอทั้งดวงตา
เมื่อเสร็จพวกเธอเริ่มไปออกท่า
“หมัดตรง!” “หมัดตรง!”
*ปึ้กปึ้ก*
มันเป็นไม้กลมหนาเท่าต้นไม้ พื้นฐานแล้วมันเหมือนท่อนซุงที่ผืวเรียบและพันเชือกตังแต่ข้างบนเลยหัวเราไปถึงไว้เตะต่ำใส่ด้านล่างถึ่งเตะสูงเลยหัว
เมื่อเราออกท่ากันเสร็จมันก็ได้เวลาฝึกซ้อมสู้กันผมมองดูพวกเธอใช้ดาบกับโล่ฟันกันและผมดู และวีเด็กแมวโดนจับทุ่มในท้ายที่สุด เข้าไปสู้กับวิวเด็กแมงมุม
“”ซื้ดดดด””
“”ฟู่วววว””
“เริ่ม”
วีให้สัญญาน ผมพุ่งเข้าไปเอาดาบไปฝั่งซ้ายและฟันเล็งไปที่ตับ วิวเดินมาข้างหน้าพร้อมลดโล่กันแล้วเหวี่ยงใส่คอผม ผมบิดข้อมือไม่ให้ดาบโดนโล่ วาดผ่านโล่แล้วเอาดาบไปเล็งที่ข้อมือเธอพร้อมก้มหลบ
วิวชักดาบชิดตัวแล้วหมุนตัวในพริบตาแล้วมาชกดาบผมหลุด ผมกลายเป็นเสียเปรียบ ผมยกโล่ไปข้างหน้าพุ่งถอยหลัง วีพุ่งเข้ามาจะเอาโล่ต่อยโล่
ผมคาดว่าเธอจะเอาโล่มาดันแข่งกันจากนั้นใช้ดาบกับผม ผมม้วนออกข้างตามด้วยม้วนกลับหลัง ได้ยินเสียงลม พอง้างโล่ลุกขึ้นดาบเลยตัวผมไปและผมต่อยเสยดาบ เธอนำมันหลบไม่ทัน
ผมพุ่ง เธอพุ่ง หัวหลบกัน ผมจับล่างขาคู่ที่สองเธอจับหลังผมดึง เรายกกันไม่ขึ้น ผมต้องโดนทุ่มแล้วค่อยหนีเธอขึ้นคร่อม
จากนั้นเธอยกเตะพลิกทิ้งตัวทับท่อนบน ผมตีพื้นแล้วม้วนหลังอย่างรวดเร็วก่อนเธอพุ่ง เมื่อผมยืนเธอพุ่งเข้ามา แผมแย็บแล้วหมัดตรงใส่หน้า
“ชุ่ชุ่”
“พี่วารี 2!”
วิวจับหลังผมอีกและจะทุ่มอีกครั้ง ผมลดศูนย์กลางน้ำหนักแต่ไม่ไหว เธอยกเตะขาพลิกทิ้งตัวทับอีกครั้ง ผมตบพื้นและม้วนหลังอีกครั้งจากนั้นลุกขึ้นหนึ่งสอง เธอเอามือกันหน้าระหว่างพุ่ง จากนั้นจับหลังผมอีกครั้ง
ผมโดนยกเตะขาพลิกทิ้งตัวทับเป็นครั้งที่สามผมตบพื้นม้วนหลังดีดตัวปล่อยหมัดโค้งขวา มันเข้าด้านข้างหน้า เธอกันแต่ข้างหน้า ผมชนะ
“แยก!”
เมื่อเสียงสัญญานจากวี ผมหายใจให้ทันหยิบดาบพร้อม วีพร้อมกับดาบ หายใจเข้า หายใจออก
“”ฟู่วววว””
“เริ่ม”
วียกดาบกันแล้วพุ่งผมก้าวถอยหลัง พอเธอยกตัวมาจะคว้าหลังผม ผมฟันท้อง
“พี่วารี 1!”
จากนั้นวีต่อยดาบผม ดาบผมหลุด ผมเอาโล่กันดาบเธอ เมื่อดาบโดนโล่เธอเอาดาบทิ้งแล้วพุ่งเข้ามาจะจับหลังผม
ทำไมจับหลังกันบ่อย? พวกเธอซ้อมท่านี้หรือ?
ผมแย้บแล้วเอาโล่ต่อยหน้าแล้วถอย
“พี่วารี 2!”
วียกโล่ขึ้นบังหน้าแล้วพุ่งใส่ ผมชักหมัดกลับแล้วต่อยท้อง เธอเปิดโล่ออกแล้วจะคว้าหลังผม
“แยก”
“เฮ้อ”
วีถอนหายใจ อะไรกันหรือ?
เมื่อผมดีใจยิ้มได้ไม่นานผมแพ้วิว แต่มันแปลกๆ เหมือนเธอเล็งจับซ้ำๆ
ไม่นานผมก็ฝึกเสร็จ เข้าห้องนอนไปถอดเกราะเตรียมอาบน้ำ ผมอาบน้ำ และผมไม่ต้องไปขายราชพฤกษ์ไซรัปเองเพราะผมจ้างหมายเลขสามหรือ นา ขาย
เธอได้วันละ 20 กว่าเงินต่อวันจากส่วนแบ่งการขายน้ำราชพฤกษ์ไซรัป เธอดีใจมาก และเธอพอใจที่เธอไม่ได้เสียเกียรติเพราะมันไม่ใช่ของเธอ เธอแค่เป็นลูกจ้างของผม
จากที่ได้แรกๆเธอเงินนั้นไปซื้ออิสระแบบผม แม้จะเป็นอย่างนั้นพวกเรายังคงเรียนรู้กันกับพี่ๆเหล่าพี่เลี้ยงทั้งสาม
และผมไม่ได้ได้กำไรน้อยลงเพราะผมคิดราคาเพิ่มเมื่อมีลูกจ้าง
เด็กคนอื่นๆไม่เห็นค่าของมันเลย มันน่าเสียดาย แม้ผมพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขา มันกลายเป็นไม่สามารถ
“พี่ว่าได้กินอะไรวันนี้”
วีถามผม จากนัันวิวตอบขึ้นมา
“แมลงทะเลทอดน้ำปลา!”
“เธอก็ตอบนั่นตลอดอ่ะวิว”
วีแซววิว วิวดูเศร้าๆ
“ไม่เห็นได้กินเลย”
“ลองบอกพี่อลิสรึยัง พี่แบ่งเงินให้ใช้แล้วนี่ลองเจรจากับพี่โดโรเธียดูดิ”
“ไม่เอาอ่ะมันปวดหัว อย่างงี้แหละ ได้ลุ้นดี”
“เฮ้อ”
ผมถอนหายใจ
“เดี๋ยวพี่จะลองคุยให้ น่าจะได้กินพรุ่งนี้แหละ”
“จริงเหรอๆ?”
“ได้เหรอ?”
วิวดีใจโดดเด่น วีดูแล้วค่อนข้างงงๆ”
“แล้วพี่วารีล่ะ พี่ว่าได้กินอะไร”
“ไบชุนฟุแหละมั้ง”
พวกเธอเงียบไป
“ช่วงนี้มันมาบ่อย”
“ใช่”
วีดูเหมือนจะบ่นๆเบื่อๆ วิวเห็นด้วยกับเธอ ผมกินได้ ไม่มีปัญหา
พื้นฐานแล้วมันใกล้ได้เวลางบจากท่านหญิงพร้ากเต้อเขนางงามตัวใหญ่แล้ว และหลังจากนั้นไม่มีใครมาบริจาคเลย มันเริ่มลำบากสำหรับพี่โดโรเธีย
“พี่ไปคุยกับพี่โดโรเธียก่อนนะ”
“อื้ม”
“เย้ๆจะได้กินแล้ว”
วิวดูรอคอยที่จะได้กิน วีเฉยๆ
ผมเดินไปห้องพี่โดโรเธียพร้อมถุงทองใหญ่
*ก๊อกก๊อก*
“วารีเรอะ เข้ามาเลย”
ผมเปิดเข้าไปในห้องพี่โดโรเธียพบกับแสงสว่างกับชั้นหนังสือที่เพิ่มมาอีกแถวจากตอนแรก
“มีอะไร”
พี่โดโรเธียถาม พี่วาเนสซ่ามองผมค้าง
“ผมจะเปลี่ยนเมนูพรุ่งนี้เป็นแมลงทะเลครับ”
“1 ทอง”
พี่เขาตอบอย่างเร็ว
“ได้ครับ”
ผมจ่ายพี่โดโรเธีย 1 ทอง
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”
ผมคำนับพี่โดโรเธียและหันไปคำนับพี่วาเนสซ่าและออกจากห้อง จากนั้นกลับไปห้องนอนรวม
“ได้มั้ยๆ พี่วารี”
“ได้สิๆ วิว”
“หว่าวี้ฮี้ว ฉันได้กินแมลงทะเล!”
เธอวิวไปหาหมายเลขสามเด็กเอล์ฟมืดหรือนาก่อน
ผมเดินตามไป
“นี่ๆฉันจะได้กินแมลงทะเลด้วยพรุ่งนี้แหละนา”
“มันอร่อยป่ะ”
นาถามวิว
“สุดยอดไปเลยล่ะ แต่ไม่เท่าแมลงทะเลดิบนะ”
“อย่างนั้นเหรอ ฉันไม่เคยได้กินเลย”
“ไปตลาดบ่อยไม่ซื้อไปให้พี่อลิซทำให้กินมั่งเหรอ”
ผมถามนา
“มันแพงอ่ะไม่เอาหรอก เปลืองตัง”
“การเปิดโลกไหมถ้าซื้อไหวมันไม่แพงนักหรอก ลองเอาไปคิดดูเถอะนะนา”
“อย่างนั้นเหรอ”
เธอนิ่งอยู่ในความคิด
“ถ้าติดใจมะรืนนี้ก็ซื้อเลยเถอะ!”
“อื้ม ฉันจะลองดู”
“ว่าแต่ที่ตลาดเป็นยังไงบ้าง”
“แถวมันเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไปเปิดทีไรคนรอบข้างเริ่มหงุดหงิดแล้ว ฉันเกรงใจพวกเขา”
“อย่างนั้นเหรอ มันทำอะไรไม่ได้ เรามีอยู่แค่นี้”
“อืมฉันก็เห็นด้วย”
“เฮ้อ”
“เฮ้อ”
ผมกับนาถอนหายใจ ผมเดินไปหาหมายเลขเจ็ด เด็กจุ๊จุ๊ มนุษย์จิ้งจก
“ได้ท่าหางหรือยัง”
“ยังเลย แต่มันไม่เป็นไร จุ๊จุ๊”
เขาดูยิ้มๆ
“มาฝึกกับพวกเรามั้ยล่ะ”
เขานิ่งไป
สักพักผมนึกว่าเขาคิดแต่ดูดีๆแล้วเขาตกใจหรือ
ผมเขย่าไหล่เขา เขารีบโบกมือซ้ายขวา
“ไม่ๆๆๆๆ ฉันกลัวเจ็บตัว ฉันจะไปทำงานที่สวนผลไม้ที่ไหนสักแห่ง”
“ถ้าอย่างนั้นไปขอไปฝึกเลือกผลไม้กับพี่อลิสบ้างดิ จะได้มีฝีมือติดตัวไว้”
“ไปได้เหรอ?”
“ถ้าไปช่วยเธอขนของตอนกลับด้วยน่ะ”
เขาคิดสักครู่หนึ่ง
“ฉันจะลองดู”
“ดีจะได้มีคนช่วยอลิส”
“อื้ม”
แล้วผมก็เดินกลับไปที่วีกับวิวระหว่างเดินไปพี่อลิสมา
“ข้าวเที่ยงจ้า ช้าวเที่บง!”
ผมเดินจูงมือวีกับวิว พากันไป ไหล่พวกเธอโดนไหล่ของผม ผมดันพวกเธอแยกออกไป
เรานั่งกินข้าวกันตอนแรกผมนึกว่าไบชุนฟุ แต่มันเป็นแพนงหมูชิ้น ผมไหว้อาหาร ตักกิน เมื่อมันเข้าปาก
รสชาติของเครื่องเทศมาก่อนและมันตามมาด้วยรสเผ็ดร้อนของเม็ดซี้ดซี้ด พริกต่างโลก และอะไรที่คล้ายเม็ดมะเขือเปาะสีแดง เมื่อเคี้ยวมันออกขมๆแค่นิดเดียว
อีกคำผมตักแกงกับเนื้อหมู เมื่อเคี้ยวเนื้อหมูปนกับเครื่องแกง มันเข้ากันอย่างมากจนอยากรีบตักหมูกินอีกคำ ผมกินอย่างรวดเร็ว ดูวี
วีตักกินธรรมดาๆเหมือนเฉยๆไปครึ่งจาน ผมดูวิว วิวกินไปเกือบหมดแล้ว เมื่อผมเห็นเธอกินหมด
“พี่อลิส ขออีกจานนึงค่ะ”
“ได้เลยจ้า!”
พื้นฐานแล้วเธอกินห้าจาน น่าจะเป็นเพราะเธอตัวใหญ่และใช้พลังงานมากมาย
“วันนี้จะมีจัดงานนะ จะมีคนผู้มีสิทธิ์จะเป็นผู้บริจาคมาจากใบปลิวซึ่งพี่ไปแจกที่ตลาดตั้งแต่สามวันที่แล้ว และพวกน้องๆต้องทำการแสดงความสามารถอะไรก็ได้กันหน้าห้องให้ผู้บริจาคดู”
“”””เอออออ๋”””””
แล้วผมจะแสดงอะไรดีล่ะ ‘ท่า’ นั้นใช้ไม่ได้เพราะคนส่วนใหญ่จะนึกว่าเพี้ยนกันเหมือนเคยๆ ผมรีบหาอะไรที่ทำได้
ผมคิดอยู่สักพัก แย่แล้วผมคิดไม่ออก ผมต้องปรึกษาวีกับวิว ผมมองวี เธอกำลังขมวดคิ้วเหมือนอยู่ในความคิดเหมือนกัน วิวเฉยๆเหมือนมีอะไรไว้แสดงในใจอยู่แล้ว
เราไปกันต่อที่ห้องรวม ผมพาวีกับวิวไปนั่ง
“วีจะแสดงอะไรอ่ะ?”
“หนูก็ยังไม่รู้เลย แล้ววิวล่ะ?”
“หนูจะวาดรูป!”
“จริงด้วย น้องวาดรูปได้เพราะเก่งอยู่นี่ ช่วยคิดหน่อยสิว่าพี่ทำอะไรดี”
วีพูดมา ผมอ้าปาก
“แล้วก็คิด-”
“พี่วีกับพี่วารีก็แสดงท่าดิ”
“เอออออ ไม่ได้หรอก คนจะมองไม่ดีเอา”
“ใช่ๆ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ผมพูดแล้ววีตามผมมาเห็นด้วย จากนั้นวิวดูสับสน ผมนึกถึงอะไรที่ผมทำได้ ผมหาราชพฤกษ์ไซรัปเป็น ฟาดดาบได้ ออกท่าดาบได้ แต่มันติดตรงที่ว่าผมอายุ 13 ไม่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่โลกนี้ ณ อายุ 15
ถ้าผมออกท่า ก่อนอื่นพวกเขาจะสงสัย จะอยากพิสูจน์ ผมอาจจะต้องสู้กับผู้ใหญ่และได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ก็ถูกจับตัวไปเป็นทหาร อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด อดฝึก แย่ที่สุดผมอาจต้องแยกจากวีกับวิว
“แสดงท่ามันไม่ได้จริงๆ”
“อืม หนูเห็นด้วย!”
“หนูไม่เข้าใจแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูจะทำตามนั้น”
ผมพึมพำและวีเห็นด้วยกับผมวิวค่อนข้างจะไม่เข้าใจแต่จะเชื่อ ผมเหงื่อออกหน้าผาก เมื่อคิดถึงการต้องแยกกับพวกเธอ ดังนั้นเอง การเอาท่าไปแสดงเป็นการแสดงความสามารถเป็นสิ่งต้องห้าม
ถ้าการออกท่าทำไม่ได้อีก ผมมีความสามารถอะไร ผมย้อนนึกไปถึงโลกเก่า ที่มันเศร้าทุกครั้งเมื่อได้คิดถึงมัน ผมย้อนลึกไปอีกถึงวันที่ผมรับการศึกษาที่โลกนั้น นั่นแหละ!
ผมไปหยิบกระดาษในห้อง 3 ใบ กับดินสอสี ไปให้ผม, วี, และวิว ผมนำวางหน้าพวกเธอ หยิบดินสอสีดำและเริ่มเขียน วิวหยิบไปหนึ่งใบพร้อมสีไปชุดหนึ่งและเริ่มวาด วีหยิบกระดาษไปดู แต่ไม่ขีดเขียนอะไร
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยวี?”
“ถ้าไม่มีท่า หนูไม่มีอะไรเลย”
“อย่าคิดอย่างนั้น เธอมีค่า พี่เห็นค่านั้น”
“หนูเก็เห็นด้วย พี่วี!”
“อืม”
ผมลูบหัววีแล้วผมเขียนต่อ สักพักใหญ่ คนก็เริ่มมาจากตลาด
“นั่นหนุ่มขายน้ำหวานนี่”
“เขาอยู่ที่นี่เองเหรอ?”
“ไม่เห็นเขาตั้งนาน”
ผมหันไปคำนับทักทาย
จากนั้นพี่วาเนสซ่ากับพี่โดโรเธียมา ตอนนี้มันครบทุกคนแล้ว
“เอาล่ะ เราจะสุ่มหมายเลข หมายเลขสาม!”
“อะ-เอ๋ หนูก่อนเลยเหรอฺ!?”
“เร็วเข้า! คนเยอะ!”
“ค-ค่ะ!”
หมายเลขสามออกไปข้างหน้าห้อง
“เอออออ”
เธอคิดไม่ออก
“เอออออออออ อ่อ!”
จากนั้นเธอทุบมือตัวเอง
“หนูต้องไปหยิบจากข้างนอก!”
“อะไรล่ะนั่น ได้สิ รีบไปรีบมา”
นาออกไปข้างนอก จากนั้นกลับมาพร้อมขวดราชพฤกษ์ไซรัปหนึ่งขวด แล้วไปยืนหน้าห้อง
“หนูจะทำให้นี่หายไปในพริบตาโดยไม่จับ!”
เธอวางขวดที่พื้น แล้วตบมือ
“น้ำหวานใหม่ที่สุดในโลกจ้า ยี่สิบเงินๆ!”
“ฉันเอา!”
พ่อค้าขายมนุษย์กิ้งก่าผู้ขายสิ่งที่คล้ายโรตี อาหารประจำชาติมาร์แลนด์ รีบยกมืออย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปหยิบ จ่ายเงิน
“วะฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้ฉันได้กินที่เมื่อเช้าไม่ทันแล้ว!”
เขาดีใจยิ้มปรี่ ผมยิ้มไปกับเขา นาเด็กเอลฟ์มืดคำนับ พี่เลี้ยงมองหน้าพี่โดโรเธีย
“เอออออ”
พี่โดโรเธียคิด และพยักหน้า
“ผ่านจ้า”
พี่วาเนสซ่าพูด
“เอิ่ม หมายเลขสิบเอ็ด!”
หมายเลขสิบเอ็ดออกไป ทำท่าตีเหล็ก
“ตีเหล็กต้องตีแบบนี้ๆๆ!”
พี่ดวอร์ฟช่างเหล็กยิ้มแล้วส่ายหน้า แต่ไม่มีใครเห็น
“ผ่าน”
จากนั้นเด็กทุกคนได้ออกกันครบ ยกเว้นผม วีและวิว
“หมายเลขแปด!”
ผมเดินออกไปหน้าห้อง
“ซื้ดดดด”
หายใจเข้า
“หนึ่งดาวดับอับแสงอยู่ห่างๆ มันเหี่ยวเฉาโหยหามองหาแสง
แหงนวันเหงาลอยไปอยู่ชิดๆ ติดสองแสงน้อยๆสว่างสไว
ไม่ทันไรมันลอยรั้งให้ห่างไกล กลัวจะนำสองดาวใสๆดับกับมัน
พลันสองดาวดูดมันไม่ได้คิด เมื่อมาติดมันรั้งตัวไว้ใกล้ๆ
แต่วันหนึ่งเกิดมามันติดไฟ มันดีใจหมุนไหวๆอยู่ใกล้กัน
และต่อมามันมามีดวงจิต มันมาคิดแสงติดเพราะอยู่ใกล้
มันสั่นไหวรีบดับแสงเริ่มออกห่าง ระหว่างรอดาวโตมันจะอยู่
เมื่อมันดูดาวเติบใหญ่มันจะดับ จับตาดูสองดาวพากันใหญ่
ถ้าวันหนึ่งโชคชะตาพาจากไป มันจะอยู่สั่นเทาไปตลอดกาล”
กลอนโบราณโลกเก่าของผมที่ผมเรียนมาตอนเด็กๆ แต่ผมไม่ได้มีฝีมือมาก มันออกเศร้าๆ
“ผ่าน”
วีหูตั้งแล้วขมวดคิ้ว กระซิบหาวิว ผมเริ่มเดิน วิวหันมาขมวดคิ้ว เธอโกรธอะไรกัน?
“หมายเลขสอง!”
วิวเดินออกไปหน้าห้องถือรูป
“ภาพเราสามคนเล่นกันจะอยู่ในนี้ตลอดกาล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นค่ะ”
หน้าเธอเหมือนทั้งโกรธทั้งอยากร้องไห้ ไม่มองใคร คำนับและกลับเข้าที่ มันเป็นภาพสวยของเด็กผู้ชายหนึ่งและเด็กผู้หญิงสองคนเล่นกันในทุ่งหญ้าจับมือกันเป็นวงกลม มีต้นไม้สีเหลืองหนึ่งต้นกับบ้านใหญ่ๆอยู๋หลังหนึ่ง
“ผ่าน”
“เอาล่ะ คนสุดท้าย หมายเลขหนึ่ง”
พี่โดโรเธียพูด
วีออกไปหน้าห้อง แม้กระทืบเท้าแล้วมันยังไม่มีเสียง
“เอ”
เธอขมวดคิ้วหลับตา
“ซื้ดดดดดดดด!”
เหงื่อเย็นไหลลงสันหลังผม จากนั้นเธอตะโกนลั่น
“สองเด็กแปลกอยู่ไร้ค่ามาตลอด! จนวันหนึ่งมีคนมาให้ท่า!
มันหัวเราะฮ่าๆพากันเย้! เห่กันชิดอาจารย์ผู้เก่งๆ!
แขย่งดูใจเขาเขาไม่คิด! ชิชะหวิดอย่างต่อยหน้าให้หวายเก๋ง!
ตอนนั้นเขาจะเอ๋งเหมือนหมาไหม! ถ้าอาจารย์อยากรู้เราทำไง!
จะไม่บอกอาจารย์สักคำเลย! ถ้ามาถามจะเสยหน้าเข้าสักที!
ไอ้หน้าบื้อ! ไอ้บ้า! ทำอยู่ได้! ถ้าใจดำเช่นนี้เราจะสู้!!!
ดูดสิดูดูให้เห็นเราเรื่อยๆ! แม้จะเฉื่อยบื้อน่าบ้องเราจ้อง!
แหมมองไกลๆอยู่นั่นๆ! ถ้าอย่างนั้นเราจะบุกรุกเข้าไปตลอดกาล! จบค่ะ!”
เธอสามารถมองแล้วเลียนแบบได้ในทีเดียว แต่หลังๆมัน
วีจ้องผม ผมหันไปมองวิว วิวจ้องผม
“เอออออออ๋”
เหงื่อมันๆไหลออกหน้าผากของผม