การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก - ตอนที่ 8 กระจุกดาวในป่ามืด
- Home
- All Mangas
- การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก
- ตอนที่ 8 กระจุกดาวในป่ามืด
ความมืดปกคลุมทั่วป่า เมื่ออาร์วินและลีโอเริ่มออกเดิน ตามทิศที่มีแสงประหลาดที่นกฮูกเจอ แสงจันทร์สาดลงมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้ทั้งคู่ มองเห็นทางได้อย่างชัดเจน พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยเสียงแมลงกลางคืนที่แผ่วเบา
ลีโอมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง มือข้างหนึ่งจับดาบแน่น เขารู้สึกถึงความตึงเครียดกับบรรยากาศรอบๆ
“เราจะเจออะไรหรือเปล่า?” เขากระซิบถามอาร์วิน ขณะเดินไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่รกร้าง
อาร์วินมองไปข้างหน้าโดยไม่ตอบอะไรทันที เขาสงบนิ่งและดูเหมือนจะมั่นใจในสิ่งที่ได้รับมา “เราน่าจะเจอบางอย่างแน่ๆ แสงที่นกฮูกเจอไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่กลับมาบอกเรา”
ลีโอพยักหน้าเบาๆ แต่ยังคงระวังตัวอยู่ เขาสูดหายใจลึก และพยายามเฝ้ามองรอบๆ เพื่อหาสัญญาณของการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในป่า ความเงียบรอบตัวทำให้ทุกย่างก้าวของพวกเขาดังชัดเจนมากขึ้น
เวลาผ่านไปช้าๆ ขณะที่ทั้งคู่เดินต่อไปในความมืด สายตาของลีโอจับจ้องไปที่พื้นดิน แล้วเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“นี่…รอยเท้า” ลีโอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น เขาก้มตัวลงดูรอยเท้าที่หลงเหลือ อยู่บนพื้นดิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรอยเท้าของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง ถึงแม้เขาจะไม่ได้ถนัดในการแกะรอยนัก แต่มันก็ชัดพอจะระบุอะไรหลายๆ อย่างได้
“รอยเท้าเล็กกว่ารอยของมนุษย์ไม่มากนัก รูปทรงก็คล้ายๆ กัน” ลีโอบอก “จำนวนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ร่องรอยชัดอยู่ น่าจะมีน้ำหนักกดลงมาเยอะ…”
อาร์วินเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนจะพยักหน้า “มันดูใหม่… น่าจะเป็น พวกที่เราตามหาอยู่นี่แหละ”
“พวกนั้นเพิ่งผ่านไปไม่นาน” ลีโอเสริม “เราควรตามรอยไปต่อ”
ทั้งคู่เริ่มเดินตามรอยเท้า ที่หลงเหลืออยู่บนพื้นดิน พวกเขาสังเกตเห็นรอยเท้า ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณอื่นที่บ่งบอก ว่าพวกเขาใกล้จะเจอแหล่ง ที่มาของแสงประหลาดนั้น
“เราคงใกล้แล้ว” อาร์วินพูดขึ้นในขณะที่เขาเดินนำลีโออยู่ “แต่พวกนั้นอาจจะไม่อยู่นิ่งๆ เราเลยกำลังตามหลังอยู่เรื่อยๆ”
ลีโอพยักหน้า และยังคงตามรอยเท้าไปต่อ บรรยากาศรอบตัว เต็มไปด้วยความระแวงระวัง แต่ก็ยังมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่บ้าง
ทั้งอาร์วินและลีโอเดินตามรอยเท้า ที่พวกเขาพบในป่าลึก ความเงียบรอบตัว ทำให้ทุกย่างก้าวฟังดูชัดเจนมากขึ้น ขณะที่พวกเขาเดินตามทาง ที่เต็มไปด้วยใบไม้และกิ่งไม้แห้งที่ร่วงอยู่ตามพื้น
“เราคงตามรอยได้ง่ายขึ้นหากแสงจันทร์สว่างกว่านี้” ลีโอกระซิบบอก ขณะมองพื้นดินเพื่อหาสัญญาณของรอยเท้าที่เพิ่มเติม
“ไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงจันทร์หรอก” อาร์วินตอบ และชี้ไปในความมืด “ข้าคิดว่าแสงที่เราเห็นไกลๆ นั่น น่าจะเป็นแสงของอาวุธที่พวกมันถืออยู่”
ลีโอหรี่ตามองไปในความมืด ตามที่อาร์วินชี้ไป แม้จะมีความมืดอยู่ทุกหนแห่ง แต่เขาก็เห็นแสงไฟเล็กๆ วาบขึ้นอยู่ไกลๆ กระพริบริบหรี่ไปมา ในขณะที่มันเคลื่อนผ่านเงาของแมกไม้
อาร์วินหยุดยืนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “นั่นแหละ… แสงจากอาวุธเรืองแสงที่พวกโจรเล่าไว้ ไม่ผิดแน่”
“แสงนั่นเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว” ลีโอกระซิบเบาๆ ขณะเดินต่อไป “เราควรหลบเลี่ยงออกไปไหม?”
ลีโอรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เริ่มเพิ่มขึ้น เขารู้ว่าพวกเขาอาจต้องเตรียมพร้อม สำหรับการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิด และในที่สุด พวกเขาก็เห็นแสงไฟนั้นอย่างชัดเจน มันเป็นแสงที่วูบวาบอยู่ในความมืด เหมือนกับเปลวไฟ แต่มันสะบัดไปมาราวกับมีใครกำลังถือพวกมันอยู่ แต่ก็ในระดับที่ต่ำกว่าระดับสายตาของคนทั่วไปมากนัก พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากอะไร สิ่งที่คล้ายที่สุด อาจจะบอกได้ว่ามันเหมือนกับแสงจากคบไฟหลายๆ ท่อน
“ท่านคิดว่ามันคืออะไร?” ลีโอกระซิบ
อาร์วินยิ้มบางๆ “เราจะได้รู้เองในไม่ช้า เตรียมตัวให้พร้อม”
ลีโอพยักหน้าและดึงดาบออกมาอย่างระมัดระวัง เสียงของกิ่งไม้ และใบไม้ที่เหยียบลงทำให้เขาตื่นตัวมากขึ้น เมื่อพวกเขาย่องเข้าไปใกล้ จุดที่แสงไฟเหล่านั้นเรืองออกมา พวกเขาก็ได้เห็นว่ามันมาจากกลุ่มคน ที่ยืนอยู่ในเงามืด พวกมันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นก๊อบลินหลายตัว ที่กำลังถืออาวุธที่มีเปลวไฟเผาไหม้อยู่
“ก๊อบลิน?” ลีโอตกใจเล็กน้อย ก๊อบลินเป็นอีกเผ่าพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ และเผ่าคล้ายมนุษย์อื่นๆ อย่างเอล์ฟและคนแคระ ส่วนมากพวกมันจะกระจาย อยู่ในเขตที่อารยธรรมของมนุษย์ไม่เจริญมากนัก และนั่นก็รวมถึง ดินแดนของอาณาจักรมารด้วย ว่ากันทางกายภาพแล้ว ก๊อบลินไม่ได้แข็งแรง ว่องไว หรือชาญฉลาดไปกว่ามนุษย์เท่าไหร่นัก แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าภัยของก๊อบลินที่แท้จริง คือจำนวนของพวกมัน
แต่ตอนนี้ก๊อบลินพวกนี้ทุกตัวถืออาวุธที่ติดไฟอย่างแปลกประหลาด แถมยังมีชุดเกราะหยาบๆ ที่ทำจากโลหะ ติดตามร่างกายอีกด้วย ก๊อบลินกลุ่มนี้ เหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่ พวกมันพูดภาษาที่ลีโอไม่เข้าใจ แต่จากน้ำเสียงแล้ว ไม่น่าจะเป็นคำที่เป็นมิตรนัก
“ประมาณสิบกว่าตัวได้” อาร์วินกระซิบ ก่อนจะจับไหล่ของลีโอ “ถ้ามันโจมตีพวกโจรที่กำลังหนีตอนนั้น แปลว่ามันไม่น่าจะสนใจที่จะเจรจา”
ลีโอจ้องที่ตาของอาร์วิน เขาพอจะเข้าใจว่าฝั่งตรงข้ามหมายถึงอะไร คงจะหลีกเลี่ยงการปะทะได้ยาก ถ้ามาถึงตรงนี้แล้ว หลังจากตั้งสติอยู่อึดใจใหญ่ ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นมาจากที่กำบัง เตรียมที่จะพุ่งเข้าจู่โจม
เมื่อพวกก๊อบลินเห็นอาร์วินและลีโอ มันก็ส่งเสียงแหลมดังลั่นไปทั่วป่า สัญญาณของการปะทะเริ่มขึ้นทันที ก๊อบลินหลายตัวพุ่งตรงเข้าหาทั้งคู่ ดาบและขวานเล็กๆ ในมือของมันส่องแสงและมีเปลวไฟลุกไหม้ที่ใบมีดของมัน
“มาแล้ว!” ลีโอตะโกนออกมา มือขวาจับดาบแน่น ขณะที่เขาใช้ขาซ้ายถีบพื้น พุ่งเข้าหาก๊อบลินตัวหนึ่ง ลีโอใช้ดาบฟาดลงไปที่อาวุธของมัน เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น จนเกิดประกายไฟออกมา ใบดาบของลีโอนั้น เปลี่ยนวิถีแรงของอาวุธ จนก๊อบลินเสียหลักจากน้ำหนักของอาวุธตนเอง แต่ไม่ล้มลง
“อย่าปล่อยให้พวกมันล้อมเรา!” อาร์วินตะโกนเตือนพลางร่ายเวทมนตร์ในมือ เขายกมือขึ้น และปล่อยกระแสลมแรงพุ่งเข้ากระแทกก๊อบลินอีกตัวหนึ่ง มันล้มกลิ้งลงไปกับพื้น แต่กลับลุกขึ้นมาได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ลีโอขยับเท้าถอยหลังสองสามก้าว แล้วตวัดดาบฟันเป็นวงกว้าง ใส่ก๊อบลินที่พุ่งเข้ามาใกล้ ดาบของเขาปะทะกับโล่เหล็กเล็กๆ ที่มันถืออยู่ ทำให้มันเซถอยหลัง และก่อนที่ก๊อบลินอีกตัวจะใช้ช่องว่างที่เกิดขึ้นโจมตีเขา ลีโอก็หมุนตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะฟันดาบลงไปที่ขาของก๊อบลิน ทำให้มันล้มลงกับพื้นทันที
ก๊อบลินอีกหลายตัวเริ่มล้อมทั้งสองเข้ามาจากรอบด้าน อาร์วินใช้จังหวะนั้น ยกมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเรียกพลังเวทมนตร์จากดินใต้ฝ่าเท้า ดินโคลนจากพื้นก่อตัวเป็นคลื่นพุ่งขึ้นจากพื้นออกไปเป็นรัศมีออกจากเท้าของเขา คลื่นโคลนนี้ขวางก๊อบลินสองตัวที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านข้างของพวกเขาไว้
ลีโอใช้ท่ารุกอย่างรุนแรง ตวัดดาบเป็นแนวขวาง เขาฟาดดาบ ใส่ก๊อบลินตัวหนึ่งอย่างแม่นยำ แต่ก๊อบลินอีกตัวก็ตวัดขวานที่มีเปลวไฟ เข้าใส่แขนของเขาอย่างรวดเร็ว ลีโอรีบยกดาบขึ้นรับ เสียงปะทะของอาวุธ ดังก้องไปทั่วป่า ขวานของก๊อบลินที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ทำให้ดาบของเขาร้อนจนมันบิ่นและงอเล็กน้อย แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น เขากลับมาตั้งหลักได้เร็ว และตอบโต้ด้วยการฟันลงไปที่ไหล่ของก๊อบลิน จนมันล้มลงด้วยความเจ็บปวด
อาร์วินถอยออกมาเฝ้ามองสถานการณ์จากระยะที่ห่างออกไป เขาใช้พลังเวทมนตร์ควบคุมกระแสลม พุ่งเป็นเส้นสายเหมือนมีดล่องหน ฟันใส่ก๊อบลินอีกตัวหนึ่งที่พยายามจะอ้อมมาด้านหลังของลีโอ กระแสลมนั้นกรีดผ่านร่างก๊อบลินจนเกราะและอวัยวะของมันขาดออกจากกัน
“ดาบข้ามัน…” ลีโอหอบเบาๆ ขณะพยายามตั้งสติ ดาบของเข้าบิ่นและงออกไปเล็กน้อย เขาเฝ้ามองก๊อบลินที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งดูเหมือนจะเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาอีกครั้ง
“ระวัง!” อาร์วินเตือนขณะเริ่มร่ายเวทมนตร์อีกครั้ง คราวนี้เขาเรียกกระแสลม ให้รวมตัวกันเป็นหมุนวนเป็นกำแพงพายุรอบตัวพวกเขาทั้งคู่ มันสร้างแรงกดดัน ให้ก๊อบลินไม่กล้าเข้าใกล้ พวกมันดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วร้องหากันด้วยภาษาของมันเอง
ในที่สุด เมื่อเห็นว่าฝ่ายของตนกำลังจะเสียเปรียบ พวกก๊อบลินที่เหลือ ก็เริ่มแตกตื่นและถอยหนี พวกมันหายลับไปในความมืดอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงก๊อบลินที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเท่านั้น
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง ทั้งป่าเงียบสงบลงอย่างรวดเร็ว ลีโอและอาร์วินยืนมองดูร่างของก๊อบลินที่นอนแน่นิ่งอยู่ พวกก๊อบลินที่เหลือ หนีหายเข้าไปในความมืดแล้ว
ลีโอมองรอบตัว เขาหอบหายใจ ก่อนจะไปดูร่างของก๊อบลินที่ล้มลง
“พวกมันหนีไปแล้ว…” ลีโอพูดขณะพยายามเก็บดาบกลับเข้าฝัก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แล้วเนื่องจากรูปร่างของดาบเขามันบิ่นและงอออก ไม่ตรงกับทรงของฝักดาบ ก่อนจะหันไปทางอาร์วิน “เมื่อครู่… ดูเหมือนท่านจะไม่ได้สู้อย่างเต็มที่?”
“เวทมนตร์มีข้อจำกัดของมัน ข้าไม่อยากให้จิตวิญญาณและ พลังงานของป่ารอบๆ นี้สูญเสียมากเกินไป ถ้าทำเกินไปกว่าที่จะเป็นจะต้องทำ ก็จะเกิดผลเสียกับพลังงานในป่าแห่งนี้…” อาร์วินยิ้มเล็กน้อย ขณะที่กำลังอธิบาย “แล้วก็จะทำให้มีร่องรอยมากพอ ให้พวกจอมเวทคนอื่นตรวจสอบเจอด้วย เดี๋ยวข่าวเรื่องปีศาจ จะแพร่ออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้”
“เจ้าบอกว่าพอจะรู้ทฤษฏีพื้นฐานข้องเวมนตร์ เรื่องนี้ก็น่าจะเข้าใจนะ” อาร์วินเดินไปดูที่ศพของพวกก๊อบลิน เขาพยายามนับดูว่าทั้งหมดมีกี่ตัวกันแน่ รวมกับที่หนีไป “อีกอย่าง… ในร่างนี้ก็มีข้อจำกัดบ้าง ข้ายังไม่อยากต้องนอนเป็นผักไปซะก่อน…”
อาร์วินนั่งลงยองๆ ข้างศพของก๊อบลินตัวหนึ่ง พร้อมกับมองไปอาวุธ ซึ่งมีเปลวไฟลุกโชนที่พวกก๊อบลินทิ้งไว้ “แต่อย่างน้อยเราก็ได้อาวุธเหล่านี้มา”
เขายกอาวุธเรืองแสงขึ้นพิจารณาดู ไฟที่ยังคงลุกโชนออกมาอย่างประหลาด เปลวไฟนี้มีความร้อนไม่ได้ต่างจากเปลวไฟปกติ แต่มันกลับไม่ได้ใช้เชื้อไฟใดๆ ในการจุดติดอยู่เลย
“ข้าคิดว่าเราควรลองตรวจสอบดู” ลีโอกล่าวขณะเดินเข้าไปใกล้อาวุธ “มันแปลกมากที่อาวุธพวกนี้ยังติดไฟอยู่ แม้พวกมันจะตายไปแล้ว”
อาร์วินพยักหน้า “แปลว่านี่ไม่ใช่เวทมนตร์ของพวกมันเอง ปกติถ้าผู้ร่ายหมดสภาพ หรือไม่ได้คงสมาธิไว้ เวทมนตร์จะอ่อนแอลงและหายไปเอง” เขาพูดพลางยกอาวุธที่ติดไฟจางๆ ขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ
ลีโอยืนมองอยู่ข้างๆ อาร์วิน ขณะที่เขาพยายามคิดหาวิธีตรวจสอบอาวุธเหล่านี้ “ท่านรู้สึกได้ถึงพลังเวทมนตร์หรือเปล่า?” เขาถาม
อาร์วินส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้ารู้สึกได้ถึงบางสิ่ง แต่มันไม่ใช่เวทมนตร์ทั่วไป อาจจะเป็นที่วัสดุของมัน… ไม่รู้สิ” เขาหมุนอาวุธในมือเพื่อดูจากทุกมุม มันเป็นอาวุธที่ดูหยาบๆ ไม่มีความประณีต ซึ่งก็สมกับเป็นของพวกก๊อบลินดี
ถ้าไม่ติดที่ว่ามันติดไฟอยู่แบบนี้…
“ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน แต่มันไม่ใช่อาวุธธรรมดาแน่นอน” ลีโอกล่าวขึ้นมา ก่อนจะเก็บอาวุธเหล่านั้นมากองรวมกัน “แต่ข้าคิดว่าเราคงต้องหาคำตอบ จากคนที่รู้เรื่องนี้มากกว่าพวกเรา”
หลังจากนั้น ลีโอก็มองดาบบิ่นๆ ในมือของตัวเอง “อีกอย่าง… ข้าต้องเอาดาบไปซ่อมด้วย หรือไม่ก็คงต้องซื้อเล่มใหม่”
อาร์วินพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นคนที่น่าจะช่วยเรื่องนี้ได้พร้อมกันทั้งสองเรื่อง ก็คงจะหนีไม่พ้นช่างตีเหล็กในเมือง”
หลังจากนั้น ทั้งคู่เริ่มเก็บอาวุธที่ยึดมาได้ และเตรียมตัวเดินทางกลับไปที่เมือง แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจว่าอาวุธเหล่านี้ มีพลังหรือความลับอะไรอยู่ แต่พวกเขารู้ว่า การค้นพบครั้งนี้จะนำไปสู่คำตอบบางอย่างในอนาคตอย่างแน่นอน