การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก - ตอนที่ 4 เผชิญหน้ากับเงา
- Home
- All Mangas
- การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก
- ตอนที่ 4 เผชิญหน้ากับเงา
ร่างในชุดคลุมปริศนาขวางทางพวกเขา อยู่ในท่อระบายน้ำ ลีโอชูดาบขึ้นเตรียมพร้อม สายตาจับจ้องไปยังเจ้าของร่างในเงาที่ยืนนิ่งตรงหน้า ขณะที่อาร์วินยังคงมองด้วยความสนใจ โดยไม่มีท่าทีกังวลมากเท่าที่ควร
เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ เงาดำนั้นก็พุ่งตัวเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว ลีโอสะดุ้ง และยกดาบขึ้นป้องกันอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เสียงโลหะกระทบกันดังลั่นในท่อแคบ ร่างนั้นส่งแรงมหาศาลจากใบมีดในมือของตน มากระแทกใบดาบของลีโอ แม้จะพยายามรับมืออย่างเต็มที่ แต่ลีโอก็เริ่มตระหนักว่าศัตรูตรงหน้า มีฝีมือเหนือกว่าเขาหลายเท่าตัวนัก
“ร- เร็วเกินไปแล้ว!” ลีโอคิดขณะถอยหลังหลบการโจมตี ที่ตามมาอย่างไม่มีจังหวะให้พักหายใจ ท่ามกลางแรงกดดัน เขาเริ่มใช้การเคลื่อนไหว ที่เขาได้เรียนรู้มา ร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวเพื่อรับมือกับการโจมตี ที่รวดเร็วและแม่นยำของศัตรู แม้จะรุกคืบเข้าไปจู่โจมยังไม่ได้ แต่เขาก็พยายามป้องกัน ไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บได้อย่างดีที่สุด
อาร์วินยังคงยืนมองอยู่ด้านหลัง ดวงตาของเขาจับจ้องการเคลื่อนไหว ที่รวดเร็วของร่างในชุดคลุม “ข้าว่าเจ้าคนนี้ไม่น่าใช่โจรธรรมดา…”
ลีโอพยายามสวนกลับดาบ แต่ร่างในชุดคลุมหลบได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะโต้กลับด้วยการเตะเข้าที่ท้องของลีโอ ทำให้เขาถอยไปหลายก้าว และเสียหลักไป แต่อาร์วินก็พยุงร่างที่เซเข้ามาของเขาไว้
“บ้าจริง ข้าไม่น่ารับมือเจ้านี่ไหว!” ลีโอร้องออกมา ขณะที่เงยหน้ามองศัตรูที่กำลังจะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง “หรือว่าท่านมีอะไรดีๆ ก็ต้องงัดมาใช้บ้างแล้วล่ะ”
อาร์วินขยับมืออย่างรวดเร็ว และในพริบตาเดียว เสียงร่ายเวทก็ดังขึ้น “กระสุนไฟ!” เปลวไฟพุ่งตรงไปยังร่างในชุดคลุม กระแทกเข้ากลางลำตัวอย่างแม่นยำ
เปลวไฟเผาผ้าคลุมจนเกิดควันพวยพุ่งขึ้น เผยให้เห็นผิวหนังสีแดงเข้ม และเขาที่โผล่ออกมาจากหน้าผาก ผ้าคลุมไหม้ไปบางส่วน แต่ร่างนั้นยังคงไม่สะทกสะท้านเท่าไรนัก
“ปีศาจ…” ลีโอพึมพำเบาๆ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นลักษณะที่ไม่ใช่มนุษย์
ร่างนั้นหยุดชะงักไปชั่วครู่ แต่ทันใดนั้นเขาก็กระโจนเข้าโจมตีต่อทันที ลีโอรีบยกดาบขึ้นปัดป้อง แรงมหาศาลที่เข้ามากระแทกใบดาบของเขา จนมือสั่นและเกือบทำดาบหลุดจากมือ
แต่เมื่อตั้งหลักกลับขึ้นมาใหม่ได้ ลีโอก็หันกลับมาโจมตีอีกครั้ง แต่ร่างในชุดคลุมหลบหลีกได้อย่างชำนาญ และสวนกลับด้วยการเตะเข้าที่ขาของลีโอ ทำให้เขาเสียหลักล้มลงไป
“ท่าทางต้องเอาจริงแล้ว” อาร์วินพูด พลางยกมือขึ้นร่ายเวทอีกครั้ง “เปลวเพลิงมังกร!” เสียงเปลวไฟพุ่งออกจากฝ่ามือของอาร์วิน
ไฟของอาร์วินโหมแรงจากฝ่ามือของเขา เข้าล้อมใส่ร่างในชุดคลุม เผาผ้าคลุมและฮู้ดจนเกิดควันพวยพุ่งขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้ต่างจากมนุษย์มากนัก และเขาบนหน้าผากสองข้าง ดวงตาของร่างนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่มันสะบัดไฟออกจากร่างกาย ราวกับว่าเปลวไฟนั้นไม่อาจทำอันตรายมันได้
“ไฟน่าจะทำอะไรมันไม่ได้! ท่านมีเวทบทอื่นไหม?” ลีโอพูดด้วยเสียงตื่นตระหนก ก่อนที่จะพยายามลุกกลับขึ้นมาใหม่
ร่างนั้นไม่หยุดแม้เพียงชั่วครู่ มันพุ่งเข้ามาหาลีโอด้วยความเร็วสูง ใบมีดในทั้งสองมือเหวี่ยงอย่างรวดเร็ว ลีโอยกดาบขึ้นปัดป้อง แต่ความแม่นยำของการโจมตีทำให้เขาต้องถอยหลังทุกครั้งที่รับการโจมตี
ลีโอยกดาบขึ้นป้องกันการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขาใช้ทั้งฝีมือ และประสบการณ์ ที่สั่งสมมาป้องกันการโจมตีอย่างสุดกำลัง แต่การโจมตีของปีศาจตนนี้รวดเร็วและรุนแรงขึ้นทุกขณะ ราวกับสัตว์นักล่าที่บ้าคลั่ง ลีโอยังคงถือดาบของเขาไว้ แต่ร่างกายของเขาเริ่มล้า เสียงหอบหายใจเริ่มดังขึ้น
‘ถ้าปล่อยให้มันต่อไปแบบนี้ เราไม่รอดกันแน่ๆ’ ลีโอนึกในใจ เขารวบรวมกำลัง และพยายามจะสวนกลับ แต่ร่างนั้นแทบไม่ให้โอกาส หรือช่องว่างให้กับเขาแม้แต่น้อย
ปีศาจร้ายถอยออกไป ก่อนจะดีดตัวกับกำแพงพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ลีโอที่ถึงขีดจำกัดของตนยกดาบขึ้น หวังจะรับใบมีด ทันใดนั้นใบมีดก็เหวี่ยงจากวิถีเดิม และกรีดแขนเสื้อจนขาดออก มีดอีกเล่มหนึ่งฟาดไปที่ด้ามของดาบ ให้หลุดจากมือของเขา และกระเด็นไปไกล
“จบแล้ว” ร่างนั้นประกาศขึ้นด้วยเสียงแข็งกร้าว ก่อนจะเหวี่ยงมีด หมายจะฟันลงที่ไหล่ของลีโอ
ลีโอหลับตาปี๋ เขากำลังจะพ่ายแพ้ และนี่อาจจะเป็นความผิดพลาด ที่จะจบชีวิตของเขา
“พอได้แล้ว ไครัซ” เสียงของอาร์วินดังขึ้น น้ำเสียงนั้นฟังดูเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ร่างปีศาจผิวแดงตรงหน้าของลีโอหยุดชะงัก ใบมีดที่ชูขึ้นเหนือศรีษะในมือ ก็หยุดลงเช่นกัน ดวงตาที่มีตาดำเป็นเส้นเหมือนกับงู หันไปมองอาร์วินด้วยความประหลาดใจ “เจ้า…รู้ชื่อข้าได้ยังไง?”
ลีโอหายใจหอบ มือยังคงจับแขนตัวเองไว้ ดูเหมือนว่าในวินาทีสุดท้าย ที่ใบมีดกรีดแขนเส้นของเขา เขาจะกระตุกแขนหลบออกมาทัน ทำให้ใบมีดยังไม่ทันสัมผัสกับผิว เขาก็มองอาร์วินด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ไครัซ…? นั่นชื่อ… แล้วท่าน…” ลีโอพูดไม่ถูกกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
อาร์วินยืนนิ่ง ดวงตาของเขามีอะไรบางอย่าง ที่บ่งบอกว่าเขา รู้จักกับปีศาจที่อยู่ตรงหน้ามานาน “ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ที่อาณาจักรมาร”
น้ำเสียงของเขาไม่แสดงความประหลาดใจหรือความตื่นเต้นใดๆ
ปีศาจตรงหน้าเบิกตากว้าง ราวกับว่าอะไรหลายๆ อย่างกำลังปะติดปะต่อให้หัว เมื่อสายตาของเขาสำรวจอาร์วินอย่างละเอียดมากขึ้น ทุกอย่างก็เหมือนจะลงล๊อกอย่างพอดี “ท่าน… จอมมาร” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป จากเสียงที่แข็งกร้าว กลายเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื้นตัน จากความโกรธและระแวดระวัง กลายเป็นความเคารพและประหลาดใจ
ลีโอยืนขึ้นอย่างลำบาก ดวงตาของเขาจ้องสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน ที่ยืนเผชิญหน้ากัน “จอมมาร?” เสียงของเขาดังขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ
ไครัซถอดฮู้ดที่เหลืออยู่จากศีรษะของเขา และเลิกผ้าปิดปากที่บังใบหน้า เผยให้เห็นใบหน้า และดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ เขาคุกเข่าลงทันทีตรงหน้าอาร์วิน “ท่านยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย ข้าคิดแล้วว่า…”
อาร์วินพยักหน้าเบาๆ “ใช่ ข้ายังไม่ตาย… ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเจ้า”
ลีโอขมวดคิ้วด้วยความสับสน เขายกดาบขึ้นเล็กน้อยราวกับจะถามคำถาม แต่ก็หยุดมือไว้เมื่อเห็นท่าทีของไครัซ “นี่มันอะไรกัน? พวกเจ้าทั้งคู่หมายถึงอะไร?”
อาร์วินหันกลับไปหาลีโอด้วยรอยยิ้ม “ช่วยไม่ได้ ถ้าเรื่องมาถึงขนาดนี้ ข้าไม่คิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้ได้อีกแล้ว… ข้าคือจอมมาร นามของข้า อาร์วินาธ’รอน”
“จอมมาร…?” ลีโออึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และควรมีท่าทีอย่างไร
ไครัซยืนขึ้นช้าๆ แต่สายตายังคงจ้องไปที่อาร์วินด้วยความเคารพ “ข้าตามหาท่านมาหลายเดือน ข่าวลือเรื่องปีศาจที่เข้ามาลึกในเขตของพวกมนุษย์… ข้ารู้สึกว่ามันแปลกเกินไป คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นท่าน” ไครัซพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“แล้วที่โจมตีข้า…?” ลีโอถาม ขณะที่เขาจับดาบแน่นขึ้นเล็กน้อย
“ข้าจำเป็นต้องปกปิดร่องรอยของข้า ยังไงซะ ‘เงาของจอมมาร’ ก็ยังเป็นสมญาของข้า” ไครัซตอบ เขาไม่แสดงความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย “ข้าพลาดถูกมนุษย์พบเห็นไปครั้งหนึ่งแล้ว จะพลาดอีกไม่ได้”
อาร์วินพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แปลว่าเรื่องปีศาจในเมืองก็คือ…”
“เป็นข้าเองที่ซ่อนตัวอยู่ในท่อระบายน้ำ วิธีการที่ข้าทำบ่อยๆ สมัยที่ทำงานให้ท่าน” ไครัซยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “จริงๆ ข้าก็อยากหลบหนีออกไป แต่ว่าข้ายังหาเบาะแสเกี่ยวกับปีศาจ ที่พวกมนุษย์พบในป่าไม่เจอ ก็เลย…”
“เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยคุยกัน เราไปหามุมเงียบๆ และไม่มีกลิ่นอับกันก่อนดีกว่า” อาร์วินพูดติดตลกออกมา “อีกอย่าง… ต้องหาเสื้อใหม่ให้พวกเจ้าสองคนด้วย”
ลีโอหันไปมองทั้งสองคนด้วยความงุนงง เขายังไม่เข้าใจทุกอย่างดีนัก แต่บางอย่างในความรู้สึกของเขาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก และมันคงจะดีกว่า ถ้าเขาไม่อยู่ในพื้นที่แคบๆ อับๆ อย่างในท่อระบายน้ำแห่งนี้อีก
ลมจากภายนอกพัดผ่านเมื่อทั้งสามก้าวออกจากท่อระบายน้ำ กลับสู่ถนนในเมือง ลีโอหันไปมองไครัซด้วยความกังวล เพราะเขากลัวว่า เขาบนหน้าผากและผิวหนังที่แปลกตาจะดึงดูดความสนใจของผู้คน
อาร์วินรับรู้ถึงความกังวลของลีโอ เขายิ้มบางๆ แล้วขยับมืออย่างแผ่วเบา “ข้าจะจัดการให้เอง” เขาเริ่มร่ายเวทมนตร์เบาๆ เปล่งเสียงด้วยจังหวะที่นิ่งสงบ
ร่างของไครัซเริ่มเปลี่ยนไป สีผิวสีแดงสดเปลี่ยนเป็นโทนสีผิวธรรมดาของมนุษย์ และเขาคู่หนึ่งบนหน้าผากค่อยๆ เลือนหายไปในภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้น
“เสร็จแล้ว” อาร์วินกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้ ลีโอมองด้วยความประหลาดใจ
“ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดาดี” ลีโอกล่าว พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ “เช่นนี้คงไม่มีใครสงสัย”
“เวทมนตร์ลวงตาแบบนี้จะอยู่ได้ไม่นานหรอก แถมยังถูกตรวจจับง่ายด้วย” อาร์วินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “แต่อย่างน้อยก็น่าจะเพียงพอให้เราพบที่ปลอดภัย”
ทั้งสามคนเดินทางไปยังโรงเหล้าที่อยู่ไม่ไกล โรงเหล้าเป็นสถานที่ ที่จะคึกคักในยามค่ำคืน ผู้คนมักจะรวมตัวกันเพื่อกินดื่มและพูดคุย หลังจากวันอันยาวนาน แต่ในยามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ โรงเหล้าอาจจะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน และไม่แน่นขนัดเกินไปนัก
เมื่อเข้าไปข้างใน โรงเหล้าถูกสร้างขึ้นด้วยไม้เก่าๆ ที่ให้กลิ่นอายความดั้งเดิม โต๊ะไม้ยาววางเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบ ผู้คนหลากหลายฐานะมารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารหรือสนทนาเรื่องทั่วไป แต่ส่วนมาก ในเวลาเช่นนี้ ก็จะเป็นนักเดินทาง หรือไม่ก็พวกทหารรับจ้าง ที่ไม่มีงานจะต้องทำในตอนบ่ายนี้
“เราควรหามุมที่เงียบๆ หน่อย” ลีโอแนะนำ ขณะที่เขาพยายามมองหาที่นั่ง ที่ไม่สะดุดตา
ทั้งสามพบโต๊ะว่างในมุมห้อง ลีโอนั่งลงอย่างระมัดระวัง ขณะที่ไครัซยังคงระแวดระวังสายตา ที่อาจจะจับตามองพวกเขาอยู่
การดื่มในโรงเหล้าเป็นธรรมเนียมของชนชั้นกลางและล่างในยุคกลาง โรงเหล้ามักเป็นศูนย์รวมข่าวสาร และเรื่องเล่าของผู้เดินทาง พ่อค้า และนักผจญภัย ที่เดินทางผ่านเมือง บางครั้งอาจมีการจัดการแสดงเล็กๆ หรือมีเกมพนันเพื่อความบันเทิง และแน่นอน ว่าต้องมีทั้งสุรา และอาหาร ในการปรนเปรอแขกที่เข้ามายังที่นี่ นั่นเป็นงานหลักของสถานที่เช่นนี้อยู่แล้ว
ลีโอเป็นคนจัดการสั่งสุราและอาหารให้ไม่ดูน่าสงสัยเกินไป และเมื่ออาหารมาเสิร์ฟถึงตรงหน้า อาร์วินก็หันไปมองไครัซ “ข้าว่าเจ้าต้องอธิบาย ว่าทำไมเจ้าถึงตามหาข้าแบบนี้ แล้วก็เรื่องข่าวลือต่างๆ รอบๆ นี้ด้วย”
ไครัซจ้องมองแก้วเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “หลังจากที่เกิดเหตุที่ปราสาทในวันนั้น และท่านหายตัวไป ก็ราวสามเดือนได้ พวกมนุษย์ประกาศชัยชนะ และอ้างว่าสังหารท่านได้สำเร็จ แต่พวกเราหลายคน ที่เคยรับใช้ท่านเริ่มสงสัยว่าท่าน อาจจะยังมีชีวิตอยู่ ข้า… ไม่อาจนิ่งเฉยได้ ข้าจึงตามหาเบาะแส และมาที่นี่เพราะข่าวลือว่าอาจมีปีศาจอยู่ในเมืองนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ความสามารถในการหาข่าวของเจ้าก็ยังคงเฉียบคมเช่นเดิม” อาร์วินกล่าวชมขึ้นมา “ข่าวเกี่ยวกับปีศาจในป่าที่พวกมนุษย์ลือกัน นั่นน่าจะเป็นฝีมือข้าเอง”
ลีโอที่ยกเบียร์ขึ้นจิบที่ริมฝีปาก พ่นมันกลับออกมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของอาร์วินแบบนั้น
“แล้วทำไมไม่บอกข้าก่อนเล่า! แล้วนี่เรามาตามหาอะไรกันแน่เนี่ย!” ลีโอโวยวายออกมา และเช็ดหยดเบียร์ที่หกกระจายไปอยู่บนโต๊ะ
“อืม… พูดตามตรง ข้าก็เพิ่งมั่นใจว่าเป็นข้าเอง หลังจากที่เข้ามาเมืองนี้ล่ะนะ” อาร์วินกล่าว “อย่างที่ข้าบอก เวทมนตร์ลวงตามักจะไม่คงทนเท่าไหร่ ถ้าสมาธิข้าขาดช่วงไป หรือว่าเผลอๆ ก็อาจจะทำให้ภาพลวงตาหายไปได้”
“ล- แล้วตอนนี้ล่ะ” ลีโอถามอย่างกังวล
“ตอนนี้ข้างไม่ได้ใช้เวทลวงตากับตัวเองน่ะ ข้าสร้าง ‘ร่างกายใหม่’ ขึ้นมา ต่างหาก เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ถูกเปิดเผยได้แน่ๆ” อาร์วินยิ้มให้กับเขา “เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ถูกจับได้ง่ายๆ แน่นอน ต่อให้เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม”
“สมแล้วที่เป็นท่านจอมมาร” ไครัซกล่าวขึ้นอย่างนับถือ
“จะว่าไป… ทำไมข้าต้องร่วมมือกับพวกปีศาจด้วยเนี่ย ข้าน่าจะไปแจ้งท่านเซเรน่าให้รู้แล้วรู้รอด” ลีโอบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างสะกิดที่ไหปลาร้าของเขา
ลีโอหันไปตามทิศของอะไรบางอย่างที่มาสะกิดที่ไหล่เขา ก่อนจะพบว่ามันเป็นมีดที่อยู่ในมือของไครัซนี่เอง เขาถือและจ่อมันเอาไว้ที่คอ ก่อนจะหันไปถามอาร์วินด้วยน้ำเสียงแข็งๆ “ให้กระผมจัดการเจ้านี่เลยไหม?”
“ข- ขอโทษขอรับ ผมจะไม่เอาไปบอกอัศวินศักดิ์สิทธิ์แล้วครับ” ลีโอร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ฮ่ะๆๆ ไม่ต้องหรอกๆ ถ้าเขาจะกระโตกกระตาก เขาก็คงวิ่งหนีไป ตั้งแต่ออกมาจากท่อระบายน้ำแล้วล่ะ” อาร์วินหัวเราะขึ้นมาแล้วอธิบาย ก่อนจะหันมาทางลีโอด้วยสีหน้าเจ้าเลห์ “ยังไงซะ เขาก็เป็นคนที่พาข้า เข้ามาในเมืองนี้ คิดว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่มีปัญญาจับตัวพวกเราสองคนได้ จะหาใครมาเป็นแพะรับบาป ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นล่ะ?”
“ยะ- อย่าเอาความจริงมาพูดเล่นสิ…” ลีโอหน้าจ๋อยไป ถ้ามาถึงขนาดนี้แล้ว คงต้องตามน้ำไปก่อน
“เข้าใจแล้วขอรับ” ไครัซชักมีดที่จ่อลำคอของลีโอกลับออกไป ก่อนจะเก็บมันกลับเข้าฝัก “ถ้าเช่นนั้น กระผมว่าเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า…”
“ท่านจอมมาร กลับไปอาณาจักรกับกระผม แล้วนำพาชัยชนะ กลับมาให้พวกเราด้วยเถอะขอรับ” ไครัซกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง และทั้งโต๊ะก็ตกลงสู่ความเงียบที่ตึงเครียดแทบจะในทันที