การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก - ตอนที่ 3 ปริศนาของลูเมนฟอร์ด
- Home
- All Mangas
- การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก
- ตอนที่ 3 ปริศนาของลูเมนฟอร์ด
ลีโอกับอาร์วินเดินไปตามถนนในยามบ่ายของเมืองลูเมนฟอร์ด เสียงล้อเกวียน และฝีเท้าของผู้คนที่เดินทางไปตามถนน เริ่มมีให้ได้ยินถี่ขึ้นกว่าช่วงเช้าเล็กน้อย ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงลานที่อยู่ไม่ไกลจากป้อมทหารของเมือง ภาพของกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าของป้อม ชุดเกราะสีเงินเงาวับ และเสื้อคลุมที่ประทับตราสัญลักษณ์ของโบสถ์ดึงดูดสายตาของเขา
“อัศวินศักดิ์สิทธิ์จากโบสถ์ใหญ่ที่มหานคร” ลีโอพึมพำกับอาร์วิน “นี่น่าจะเป็นกลุ่มที่คนจากกิลด์กงล้อพูดถึง”
อาร์วินหันไปมองกลุ่มอัศวินตามคำพูดของลีโอ “นั่นน่ะเหรออัศวินศักดิ์สิทธิ์?”
“ทำไมท่านถึงทำเหมือนไม่รู้จักพวกเขากัน?” ลีโอหันไปถาม “ถ้าท่านใช้เวทมนตร์ได้ เรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ในความรู้ของท่านเลยหรือไง?”
“อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเคยเจอ ดูเก่งกาจกว่าพวกนี้เยอะ” อาร์วินหัวเราะในลำคอ
ลีโอทำสีหน้าตกใจกับคำตอบ กองอัศวินตรงหน้าเขาก็ไม่ได้ดูอ่อนแอเลยสักนิด แต่ชายตรงหน้ากลับพูดออกมาได้ว่าเขาเคยเจอที่ดูเก่งกว่านี้
“พวกเขาเป็นกลุ่มนักรบที่ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อรับใช้โบสถ์… ส่วนมากจะให้ออกตามล่าพวกสิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดว่าเป็นภัยต่อผู้คน ไม่ว่าจะเป็นพวกปีศาจ อสูร หรือผีดิบ แต่บางครั้ง ก็ถูกใช้ในการล่า ผู้ใช้เวทมนตร์ต้องห้าม หรืออาชญากรอันตราย” ลีโอพยายามอธิบาย “ถ้าถึงขนาดสามารถเกณฑ์ทหารจากในเมืองได้ แปลว่าตอนนี้ พวกเขาน่าจะมีสิทธิ์ขาดด้านการทหาร และความปลอดภัยในเมืองนี้ระดับหนึ่ง”
“เวทมนตร์ต้องห้าม งั้นเหรอ?” อาร์วินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยจริงจังนัก “แล้วพวกเขาจับปีศาจได้บ้างไหม?”
“ต้องได้อยู่แล้วสิ พวกเขาฝึกฝนมาทั้งชีวิต เพื่อจัดการกับสิ่งชั่วร้ายเลยนะ” ลีโอพยักหน้ายืนยัน “แต่… ก็ใช่ว่าจะไม่เคยพลาด ปกติถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทางโบสถ์ก็ต้องส่งคนที่เก่งกว่ามากๆ มาจัดการต่อยังไงล่ะ”
“แปลว่าตอนนี้เรื่องปีศาจในเมืองนี้ คงยังไม่ได้ย่ำแย่มากสินะ เลยมีแต่พวกหางแถวแบบนี้เข้ามา” อาร์วินพูดขึ้น “ไปถามพวกนั้นให้แน่ใจกันดีไหมล่ะ?”
“พวกหางแถวอะไรกันเล่า นี่มันหน่วยหนึ่งเต็มๆ เลยนะ” ลีโอทำหน้านิ่ว “อีกอย่าง ถ้าไปทำตัวน่าสงสัยมากไป พวกเขามีสิทธิ์จะจับกุม หรือสอบสวนพวกเราได้ทันทีเลยนะ… ข้าไม่เอาด้วยหรอก”
กลุ่มอัศวินเริ่มกระจายตัวออกไปตามถนนหนทางของเมือง เพื่อปฏิบัติภารกิจ คนที่เหลืออยู่เหมือนจะเป็นระดับหัวหน้าของกอง อาร์วินเห็นเช่นนั้น ก็เลยเดินสาวเท้าเข้าไปอย่างไม่รีรอ
“เดี๋ยวสิ ท่าน!” ลีโอพยายามจะห้ามด้วยเสียงกระซิบดังๆ แต่ดูเหมือนว่าชายผมยาว จะไม่สนใจคำเตือน หรืออาจจะไม่ได้ยินด้วยซ้ำ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจแล้ววิ่งเหยาะๆ ตามเข้าไป
หนึ่งในอัศวินศักดิ์สิทธิ์หันมามองพวกเขาทั้งคู่ ก่อนจะถามขึ้นมา “หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน ข้าไม่เห็นจะคุ้นหน้าพวกเจ้ามาก่อนเลย”
หนึ่งในอัศวินตรงนั้นเดินเข้ามา เธอเป็นอัศวินหญิงผู้มีผมสีดำขลับ และดูจะมีอำนาจที่สุดรอบๆ นี่ สังเกตได้จากตราบนเกราะ และผ้าคลุมสีน้ำเงินคราม ที่ปักลายสีขาวของโบสถ์ บ่งบอกถึงยศระดับหัวหน้าอัศวิน สายตาของเธอ จับจ้องที่พวกเขาด้วยความสงสัย เธอหยุดยืนตรงหน้าทั้งคู่ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงหนักแน่น
“พวกเจ้ามาจากที่ไหนกัน?” เธอมองสลับระหว่างลีโอกับอาร์วิน
“เราเป็นนักเดินทาง” ลีโอตอบไปด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย เขาไม่ค่อยอยากจะมีปัญหากับพวกอัศวินสักเท่าไหร่ “เพิ่งออกมาจากแถบชายป่า… เมื่อเช้านี้เองขอรับ”
หญิงสาวคนนั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมองทั้งคู่ด้วยสายตาแหลมคม “มีข่าวว่ามีปีศาจ หรือไม่ก็สิ่งชั่วร้ายบางอย่างในแถบลูเมนฟอร์ด ในช่วงไม่กี่วันมานี้ พวกเจ้าเป็นนักเดินทาง แถมยังมาจากทางป่า เห็นอะไรผิดปกติบ้างไหม?” น้ำเสียงของเธอหนักแน่น และดวงตาของเธอไม่ละไปจากชายทั้งสอง
ลีโอกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกถึงความตึงเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้น “ยังไม่เห็นอะไรครับ พวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงเหมือนกัน”
อาร์วินยืนเงียบอยู่ แววตาของเขายังดูสนุกสนานกับเรื่องตรงหน้าเหมือนเดิม แต่เขาไม่พูดอะไร จนกระทั่งหญิงสาวหันไปมองเขาตรงๆ และขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แล้วเจ้าล่ะ? เงียบมาตั้งแต่เข้ามาแล้ว ดูไม่เหมือนนักเดินทางทั่วไปนะ” เธอพูดกับอาร์วินโดยตรง “หวังว่าคงว่าไม่ได้เป็นใบ้นะ”
อาร์วินยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียสบายๆ “ข้าก็แค่นักปราชญ์ธรรมดา ที่ออกเดินทางศึกษาชีวิตน่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก”
หญิงสาวที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่มของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ละสายตาจากเขา แต่เธอไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แค่ดูเหมือนจะไม่เชื่อคำตอบของอาร์วินเท่าไหร่นัก
ลีโอเห็นท่าทางจะไม่ดีเท่าไหร่นัก จึงตัดสินใจหันไปถามเพื่อเปลี่ยนประเด็น “ถ้าไม่รบกวน ท่านพอจะบอกได้ไหมว่าเหตุใด จึงคิดว่ามีปีศาจในเมือง? เท่าที่เรา ลองถามดูจากหลายๆ คน มันฟังดูเหมือนข่าวลือมากกว่า”
หญิงสาวหันกลับมามองลีโออีกครั้ง “ตอนแรกก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น ข่าวลือตอนแรกบอกว่าเห็นปีศาจอยู่ในป่า ซึ่งตรวจสอบแล้วก็ไม่เจออะไร”
“แต่ว่ามีรายงานใหม่จากหลายแหล่ง เข้ามาเมื่อสองวันก่อนนี้เอง เหมือนว่าจะมีการพบเห็นสิ่งแปลกประหลาด ในท่อระบายน้ำใต้เมือง พวกเรากำลังเตรียมการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่เราต้องปิดล้อม ทางเข้าออกทุกทางที่รู้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็เสียแรงเปล่า”
“ท่อระบายน้ำเหรอ?” อาร์วินเอ่ยเสียงเบา “ช่างเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ สำหรับการไล่ล่าปีศาจจริงๆ นะ”
“นี่ประชดกันอย่างนั้นหรือ? ท่านนักปราชญ์” อัศวินหญิงดูจะไม่สบอารมณ์ กับการแสดงออกของอาร์วินพอสมควร “อย่างไรก็เถอะ เรื่องปีศาจหรืออะไรนั่น ยังไม่มีรายงานว่าใครถูกทำร้าย อีกอย่าง ตอนนี้พวกเราอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ที่นี่แล้ว พวกท่านและประชาชนของเมืองนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
“น… นั่นสินะขอรับ” ลีโอตอบรับหลับไป จริงๆ เขาไม่ได้กะว่าจะต้องเข้ามา ถามอะไรตรงๆ กับพวกอัศวินศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
“ขออภัยที่เสียมารยาทเมื่อครู่ด้วยแล้วกัน ข้า เซเรน่า วาลิเซีย ลอร์ฟาเนียร์ ตำแหน่งรองหัวหน้ากองกำลังอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งมหาวิหาร ลำดับที่สาม” อัศวินสาวแนะนำตัวกับพวกเขา “พวกเจ้าทั้งคู่ ให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้ก็ดี จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากเจออะไรผิดปกติ อย่าลืมแจ้งเบาะแส ให้อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทราบด้วย เรียกหาข้าโดยตรงเลยก็ดี”
ผมพยักหน้าเบาๆ “แน่นอนครับ ท่านอัศวิน ข้าจะรีบแจ้งทันทีหากมีเบาะแส”
หญิงสาวพยักหน้าตอบ ก่อนจะหันกลับไปหาพรรคพวกของเธออีกครั้ง ขณะที่ลีโอรีบดึงตัวอาร์วินออกมาจากกลุ่มอัศวินตรงนั้น
“ทำอะไรของท่านเนี่ย! ทำไมอยู่ๆ ถึงเดินตรงไปหาอัศวินศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น” ลีโอเอ็ดขึ้นมา “ขืนโดนสงสัยขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง?”
“ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเท่าไหร่… แต่ก็ดูเหมือนว่า ข้าจะโดนคุณผู้หญิงคนนั้น สงสัยเข้าแล้วจริงๆ นั่นล่ะนะ” อาร์วินตอบส่งๆ ลีโอหันกลับไปมองกลุ่มอัศวิน ที่ยังอยู่หน้าปราการ พวกเขามองมาทางทั้งคู่เป็นพักๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่ คงจะถูกสงสัย และถูกสั่งให้จับตามองเอาไว้จริงๆ
“งานหยาบแล้วไงล่ะ…” ลีโอพึมพำ “แบบนี้เราจะเอาไงต่อกันดีล่ะเนี่ย”
“แม่นางเมื่อครู่พูดถึงท่อระบายน้ำนะ มันอยู่ที่ไหนกัน?” อาร์วินถามขึ้นมา
“ถ้าข้าจำไม่ผิด… ในเมืองลูเมนฟอร์ด เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน…” ลีโอพยายามนึก “มันคงจะเป็นระบบท่อระบายน้ำที่หลงเหลือมาจากยุคจักรวรรดิเก่า พื้นที่โครงข่ายทางระบายน้ำข้างใต้เมืองนี้ เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนใหญ่ เหนือพื้นดินของเมือง”
“ข้างล่างนั่น แม้จะไม่มีเรื่องปีศาจ ในเวลาปกติก็ยังมีพวกนอกกฎหมาย และอะไรต่อมิอะไรข้างล่างนั่น…” ลีโออธิบายต่อไปด้วยความกังวล “ถ้าจะมีสิ่งใดซ่อนตัวอยู่ มันคงใช้ท่อเหล่านี้ในการหลบหนีหรือเคลื่อนไหวได้ง่ายๆ”
“ฟังดูน่าสนุกนะ” อาร์วินเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “บางที… เราควรจะไปดูด้วยตัวเอง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ลีโอมองหน้าอาร์วินด้วยความระแวง “เราจะเข้าไปในท่อระบายน้ำ? นั่นมันอันตรายสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง”
อาร์วินยักไหล่ “นั่นล่ะถึงจะน่าสนุกไงล่ะ ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าไปคนเดียวก็ได้นะ”
ลีโอจ้องหน้าชายตรงหน้า พยายามครุ่นคิดอย่างใจเย็น ถ้าปล่อยเขาไปคนเดียว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แถมเวทมนตร์ของเขาก็อันตรายเกินไป หากมีการปะทะ กับอะไรบางสิ่งด้านล่างนั่น อาจจะวุ่นวายไปทั้งเมืองก็ได้ แล้วแบบนั้น เขาที่เข้ามาในเมืองพร้อมกับอาร์วิน ก็จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับที่สอง รองจากเจ้าตัวเอง
ลีโอถอนหายใจยาวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็ได้… แค่ลงไปดูนะ”
ลีโอตัดสินใจว่าจะไปติดต่อกิลด์ที่ดูแลระบบท่อระบายน้ำของเมืองลูเมนฟอร์ด กิลด์นี้เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาท่อระบายน้ำและสิ่งก่อสร้างใต้ดิน ที่ยังหลงเหลือมาจากยุคจักรวรรดิเก่า ถึงแม้จะเป็นงานที่ไม่น่ามองนัก แต่กิลด์ในลักษณะนี้ก็เป็นงานที่มีบทบาทสำคัญ ในการรักษาสุขอนามัย และความสะอาดของเมืองเป็นอย่างมาก
น่าเสียดายที่คนทั่วไปมักจะดูถูกงานนี้กัน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว ผู้ที่อยู่ในสายงานนี้ มักจะได้รับค่าตอบแทนและการดูแลอย่างดี จากเจ้าเมือง และขุนนาง ที่มีความเข้าใจ ในบทบาทอันแสนสำคัญของพวกเขา นี่ยังไม่นับค่าตอบแทนและสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่คนในกิลด์นี้อาจจะได้จากการรักษาความลับ และดูแลความเรียบร้อย ให้กับพวกคนนอกกฏหมาย ที่ใช้งานพื้นที่ในความดูแลของพวกเขาเป็นประจำอีก
อาคารของกิลด์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้าหลักของท่อระบายน้ำ ด้านหลังของลานตลาด มันมีลักษณะเป็นอาคารเก่าทึบ ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ดูเหมือนอาคารนี้จะถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน ด้านหน้ามีป้ายไม้ที่เขียนว่า ‘กิลด์ของช่าง และหนูในท่อระบายน้ำ’ ติดอยู่
“นี่คงจะเป็นสำนักงานของคนที่ดูแลท่อระบายน้ำ” ลีโอกล่าว
“ตั้งชื่อกิลด์ได้มีสีสันเหมือนกันนะ” อาร์วินยิ้มกว้างให้กับชื่อบนแผ่นป้ายไม้
ทั้งสองเดินเข้าไปในอาคาร ภายในเต็มไปด้วยโต๊ะทำงานใหญ่ และเก้าอี้ที่กระจัดกระจาย มีแผนที่ขนาดใหญ่ที่แสดงเครือข่าย ของท่อระบายน้ำใต้เมืองกางอยู่ บนนั้นมีสัญลักษณ์และเส้นต่างๆ ที่ถูกเขียนขึ้นจากถ่าน เต็มไปหมด จนมีแค่คนที่ทำงานตรงสายจึงจะอ่านรู้เรื่อง
ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในมุมหนึ่งของห้อง ท่าทางของเขาดูเหมือน เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับงานแบบนี้มานานหลายปี ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย ทำให้ดูเหมือนเขาแบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่า
เมื่อเห็นลีโอและอาร์วินเดินเข้ามา เขาก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “พวกเจ้า…มาแล้วสินะ! ในที่สุด พวกเขาก็ส่งคนมาจัดการกับเจ้าปีศาจในท่อเสียที”
ลีโอชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ…จริงๆ แล้วเราสองคน-”
“ใช่เลย ข้ารอมาหลายวันแล้ว!” ลุงไม่รอฟังคำพูดของลีโอ เขาลุกขึ้น และเดินไปหยิบกุญแจเก่าๆ จากโต๊ะที่กลางห้ง “ข้าบอกให้พวกเขาส่งคนมานานแล้ว แต่เจ้าเจ้าหน้าที่ก็มัวแต่ชักช้า เจ้าปีศาจนั่นทำให้ข้าไม่ได้นอนมาหลายคืน!”
อาร์วินยิ้มมุมปาก หันไปมองลีโอ “ปีศาจในท่อระบายน้ำเหรอ? แปลว่ามันมีจริงๆ สินะ”
“ใช่! ข้าเห็นมันเคลื่อนไหวในท่อมาหลายวันแล้ว มันต้องเป็นปีศาจ ข้าแน่ใจ! ตัวมันสีแดงเหมือนเลือด และมีเขาและเขี้ยวใหญ่เท่ากับเขี้ยวสิงโต” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขณะยื่นกุญแจให้ลีโอ “นี่กุญแจ ข้าให้เจ้าเข้าไป จัดการได้เลย! เสร็จงานเมื่อไหร่เอาแขวนไว้ข้างหน้าก็ได้ ถ้าข้าไม่อยู่น่ะนะ”
ลีโอรับกุญแจด้วยความงุนงง “เอ่อ…เราจริงๆ แล้วไม่ได้จะมาจัดการ-”
“ไม่ต้องพูดมาก! ไปจัดการให้จบซะที ข้าจะได้นอนหลับสบาย!” ชายชราไม่สนใจฟังคำพูดของลีโอเลยแม้แต่น้อย เขายืนยันให้ทั้งสองคน เข้าไปจัดการปัญหาในท่อระบายน้ำ “นี่ๆ ดูตาข้านี่… แดงแบบนี้เดินไปตลาด เขาจะนึกว่าเข้าเอาแอปเปิ้ลยัดไว้แทนแล้ว”
อาร์วินหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนเราน่าจะช่วยท่านได้นะ เจ้าว่าไงล่ะ?”
ลีโอมองกุญแจในมือก่อนจะถอนหายใจ “อ่า… เดี๋ยว… ข้าจะลองลงไปดูแล้วกัน”
ลุงคนนั้นตบมือเข้าด้วยความดีใจ “ให้มันได้อย่างนี้สิ! ฝากด้วยแล้วกันนะ”
เมื่อประตูกรงเหล็กเปิดออก ลีโอและอาร์วินก้าวลงบันไดเข้ามาในท่อระบายน้ำ เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานในความเงียบที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้น และสิ่งไม่พึงประสงค์ ผนังอิฐเก่าเปื้อนไปด้วยคราบตะไคร่น้ำสะท้อนแสงไฟ จากตะเกียงในมือของลีโอ ทำให้เกิดเงามืดทอดไปเต้นรำบนกำแพงรอบๆ ตัว
“รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย” ลีโอพูดเบาๆ ขณะที่ก้าวไปตามเส้นทางแคบๆ น้ำสกปรกใต้พื้นไหลเอื่อยๆ ส่งเสียงคลอไปกับความมืดมิดรอบตัว “ว่าแต่ท่านเดินนำไปแบบนั้น ข้างหน้ามันมืดนะ มาอยู่หลังแสงตะเกียงหน่อยไหม?”
อาร์วินเดินนำหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ซ่อนความลับได้ดี ไม่แน่เราอาจเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจ”
ลีโอได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำอันแปลกประหลาดของเขา
ทั้งคู่เดินผ่านทางแยกที่ดูเหมือนจะทอดยาวออกไปในหลายทิศทาง ลีโอหยุดชะงักเมื่อแสงในมือไปกระทบกับร่องรอยบางอย่างบนพื้น เขาก้มตัวลงตรวจสอบรอยเท้าที่เหยียบย่ำอยู่บนคราบตะกอนของท่อ
“นี่มันรอยเท้า…” ลีโอพูดเบาๆ “มีคนมาใช้ท่อระบายน้ำนี้เป็นเส้นทาง บางทีพวกโจรอาจใช้ทางนี้เป็นทางลับ…”
“เป็นไปได้ไหมว่าปีศาจที่อยู่ในข่าวลือจะเป็นพวกโจร” ลีโอสันนิษฐานขึ้นมา
อาร์วินหยุดและมองลงไปที่รอยเท้า “เป็นไปได้ แต่นั่นก็แปลว่าเรามาถูกที่แล้ว”
“แล้วพวกนั้นอยู่ที่ไหนกัน?” ลีโอเงยหน้ามองไปตามทางเดินแคบๆ “อีกอย่าง ถ้าเป็นโจรจริง ก็คงไม่มีเหตุผลให้ข่าวลือเพิ่งปรากฏในช่วงไม่กี่วันนี้ ถ้าพวกเขาใช้ทางท่อระบายน้ำจริง คนดูแลท่อคงไม่โวยวายเรื่องปีศาจแบบนั้น”
“ถ้าข้าเป็นโจร คงจะไม่อยากให้ใครกระโตกกระตาก แล้วดึงดูดทหารลงมาที่นี่… คงเป็นอะไรอย่างอื่นที่ทำให้เกิดข่าวลือ” อาร์วินตอบอย่างไม่รู้สึกกังวล
ทั้งสองก้าวเดินต่อไป ท่อระบายน้ำยังคงเงียบสงัด เสียงหยดน้ำ และเสียงฝีเท้าของพวกเขา ดังก้องและสะท้อนกับกำแพงของท่อ ทำให้เกิดเสียงราวกับมีใครบางคนเดินตามพวกเขา ลีโอเดินไปตามเส้นทางของรอยเท้าได้อีกพักใหญ่ๆ ก่อนจะถูกอาร์วินขวางเอาไว้
“มีอะไร?” ลีโอถาม อาร์วินชี้ไปที่เงาดำที่เคลื่อนไหวอยู่ลางๆ ในความมืดเบื้องหน้า ร่างเงานั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ช้าๆ ท่าทีของมันเหมือนจะไม่ได้คิดหลบหนี
“ดูเหมือนว่ามันกำลัง… ดักรอเรา” อาร์วินพูด ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เงา ลีโอรีบยกดาบขึ้นมาเตรียมพร้อม ขณะที่เงาดำลึกลับเข้ามาหยุดตรงทางเดิน ห่างจากพวกเขาที่สุดปลายของแสงตะเกียง ขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไปลึกกว่านี้
แสงตะเกียงสะท้อนให้เห็นเพียงบางส่วนของร่างในชุดคลุมสีดำที่ปกปิดใบหน้า เสียงหายใจที่เงียบและหนักแน่นทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดัน
ลีโอกลืนน้ำลายลงคอ ขณะที่อาร์วินยังคงนิ่ง
“เจ้าเป็นใคร?” ลีโอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
เงานั้นไม่ตอบคำใด มันยืนนิ่งอยู่ในความมืด ลีโอเริ่มรู้สึก ถึงความไม่ชอบมาพากลมากขึ้นเรื่อยๆ
“เราถอยดีไหม…?” ลีโอกระซิบกระซาบกับอาร์วิน
“ข้าว่ามันกำลังรอดูเราอยู่เหมือนกัน” อาร์วินพูดเบาๆ แต่ยังคง ไม่ละความสนใจจากร่างลึกลับนั้น
เมื่อร่างนั้นหยุดเดินเข้ามา เสียงฝีเท้าก็เงียบไป เหลือแต่เพียงเสียงสะท้อน ที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ร่างในชุดคลุมยังคงยืนนิ่งอยู่ ราวกับกำลังรอให้ทั้งสองคน ทำอะไรบางอย่างก่อน…