การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก - ตอนที่ 13 เหรียญและดาบ
- Home
- All Mangas
- การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก
- ตอนที่ 13 เหรียญและดาบ
ลีโอและอาร์วินนั่งอยู่กับโต๊ะกลางห้องรับแขก พวกเขามองไปรอบๆ ระหว่างรอเวลา ผนังหินสีเทาเข้มจากหินตัด ที่น่าจะมาจากเหมืองหิน บนภูเขาไม่ไกลจากที่นี่ พวกมันสะท้อนความเคร่งขรึมของสถานที่ ราวกับว่าคฤหาสน์แห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อความแข็งแกร่งคงทนมากกว่าความงดงาม
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ความเงียบของห้องยิ่งทำให้รู้สึกถึงคลื่นของไอเย็น ที่แผ่ซ่านจากผนังหินรอบข้าง ขณะที่อาร์วินเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ จนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังมาจากทางเดินภายนอก บ่งบอกว่ามีใครกำลังจะเข้ามา
ชายร่างใหญ่วัยกลางคนที่ไว้เคราหนาคนเดิมที่พวกเขาเห็นที่หน้าคฤหาสน์ สาวเท้าก้าวเข้ามา แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดซอมซ่อของคนทำงานสวน แต่กลับอยู่ในชุดลำลอง สบายๆ ที่สะอาดสะอ้าน คราบดินและโคลนที่มือของเขา ถูกชำระล้างไปจนหมดเกลี้ยง แต่ถึงอย่างนั้น ผิวหนังของเขาก็ยังมีความหยาบกร้าน และแข็งกระด้าง ไม่ต่างจากคนทำงานทั่วไป
“ขออภัยที่ต้องให้รอ” ชายร่างใหญ่พูดขึ้นมา ก่อนจะลากเก้าอี้ที่หัวโต๊ะลงนั่ง อย่างไม่รีรอ หรือเกรงใจใคร ท่าทีเช่นนี้บ่งบอกให้เห็นชัดว่า ที่แท้แล้วเขาหาใช่คนสวนไม่ แต่เป็นเจ้าบ้านเสียมากกว่า ลีโอดูจะตกใจเล็กน้อย หลังเห็นท่าทางเมื่อครู่นี้ แต่อาร์วินกลับไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจเหมือนกับเขา “พวกท่านมาในเวลาที่ข้ากำลังทำสวนพอดี ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาช่วงบ่ายเช่นนี้”
“ท่านบารอนทำสวนด้วยตนเองหรือขอรับ?” ลีโอโพล่งถามออกไปโดยไม่ทันคิด “ขออภัย ข้าแค่สงสัยเฉยๆ ปกติข้าคิดว่าจะต้องมีคนสวนหรืออะไรแบบนั้น”
“ฮ่ะๆๆ ข้าเข้าใจๆ” บารอนยกมือขึ้นและปัดๆ มันเล็กน้อย เป็นสัญลักษณ์ให้คู่สนทนาสบายใจได้ “เคหาสน์แห่งนี้ไม่ใหญ่พอ ที่จะต้องจ้างคนสวนส่วนตัวหรอก บางครั้งพวกเด็กๆ ในหมู่บ้านก็อาสามาดูแลให้ แต่บางครั้งข้าก็จัดการด้วยตนเองน่ะ”
อาร์วินสังเกตมองไปที่แขนของขุนนางตรงหน้า ก่อนจะเห็นว่า มันมีร่องรอยของแผลเป็นเก่าๆ แซมอยู่บนแขนของเขา ทำให้อดที่จะถามไม่ได้เช่นกัน “ท่านเป็นทหารด้วยหรือ? แผลพวกนั้น น่าจะเกิดจากการต่อสู้”
“อ่อ… แผลพวกนี้ ได้มาตอนสมัยที่ข้ายังหนุ่มๆ น่ะ ตอนสมัยที่ข้านำกองกำลัง ไปสนับสนุนสงครามกับอาณาจักรมารแทนพ่อของข้า เมื่อสิบกว่าปีก่อน” บารอนเล่าให้ฟัง “แต่ตอนนี้สงครามก็สงบลงแล้ว ข้าไม่ได้จับดาบมานานแล้วล่ะ”
ลีโอได้ยินเช่นนั้นก็สะดุ้งตกใจทันที จริงอยู่ที่ขุนนางทั้งน้อยใหญ่ในดินแดน ก็คงจะมีประสบการ์ในการนำทหารและไพร่พลของตนเอง ไปสนับสนุนในสงครามกันบ้าง แต่มันก็อดจะเป็นกังวลไม่ได้ เพราะว่าหนึ่งในคู่สงคราม ของอาณาจักรในอดีต ก็คือจอมมาร หรืออาร์วินนี่เอง
“ว่าแต่พวกท่าน ดูจะเป็นนักเดินทางสินะ มีธุระอะไรที่สไตน์โฮล์มหรือเปล่า?” บารอนกล่าวถามขึ้นมา “ที่นี่ก็เบนออกมาจากถนนเส้นหลักพอตัว ถ้าไม่มีธุระ หรือกิจการค้าขายอะไร ก็ไม่ค่อยมีคนแวะมามากนักหรอกนะ”
“ข้าเป็นนักผจญภัยน่ะท่าน ชื่อว่าลีโอฟริก ส่วนท่านผู้นี้เป็นนักปราชญ์ ที่ร่วมเดินทางกับข้า” ลีโอหยิบจดหมายยืนยันตัวขึ้นมา และยื่นให้กับบารอนฟอร์ทิส ซึ่งบารอนก็รับมันเอาไว้ แต่กลับไม่เปิดอ่าน
“จดหมายไม่ได้จำเป็นหรอก เราไม่ได้ต้องระแวงระวังอะไรขนาดนั้น” บารอนฟอร์ทิสกล่าวแล้วยื่นจดหมายกลับมาให้ลีโอ ในขณะที่หญิงรับใช้ จะเอาแก้วอีกใบมาวางไว้ข้างๆ เขาและรินชาให้เขา บารอนฟอร์ทิสพยักหน้า เป็นสัญญาณขอบคุณให้เธอ
“แต่ว่าท่านก็ไม่ได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลืออะไรออกไปนี่? ทหารที่ลูเมนฟอร์ดบอกข้าว่า ท่านหยุดส่งรายงานไปประมาณสองสัปดาห์ได้แล้ว” อาร์วินที่จำเรื่องนี้ได้ จึงถามขึ้นมา “แต่สถานการณ์กับก๊อบลิน ก็ยังไม่ได้สงบลงอยู่ดี… ใช่ไหม?”
“นั่นสิ ระหว่างทางเราก็ยังได้ข่าวจากขบวนคาราวาน ของพ่อค้าว่ามีการโจมตีอยู่” ลีโอเสริมขึ้น “ทำไมถึงหยุดส่งรายงาน ให้กับนายทหารที่ลูเมนฟอร์ดล่ะขอรับ?”
บารอนฟอร์ทิสพร้อมกับยกแก้วชาขึ้นดื่ม ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา เขาดูเหนื่อยล้าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีสายตาที่แฝงไปด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง “งั้นพวกเจ้าคงได้ยินข่าวเรื่องก๊อบลินมาแล้ว” เขากล่าวขึ้นมา “ตอนที่พวกมันเริ่มเยอะขึ้น ก็เป็นปัญหาเช่นกัน… แต่ดูเหมือนว่าพวกทหารในเมือง จะไม่มีใครว่างมาจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนให้กับพวกเรา”
“ข้าเลยถือวิสาสะ จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้ว” บารอนตอบ
“ท… ท่านจัดการพวกมันด้วยตัวเอง?” ลีโออึ้งไปเสียหน่อย จริงอยู่ที่บารอนคนนี้จะมีร่างกายแข็งแรง และน่าจะมีประสบการณ์ทางการทหาร แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้ “สุดยอดเลย…”
บารอนฟอร์ทิสขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นท่าทีของลีโอ ก่อนที่เข้าจะนึก ได้ว่ามันเกิดจากอะไร แล้วหัวเราะออกมา “ฮ่ะๆๆ เปล่าๆ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านลีโอฟริก ข้าไม่ได้นำทหารไปจัดการด้วยตัวเอง”
“เอ๋? ไม่ใช้เหรอครับ?” ลีโอประหลาดใจกับท่าทีเล็กน้อย
“ข้าอาจจะเคยต่อสู้ในสงครามบ้างก็จริง แต่นั่นก็แค่ไม่กี่ครั้งเอง ท่านคงประเมินความสามารถในฐานะทหารสูงเกินไปแล้ว” บารอนกล่าวด้วยความถ่อมตน “ข้าจ้างทหารรับจ้างให้มาช่วยเรื่องพวกนี้ต่างหาก”
“เป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจ” อาร์วินตอบ “แต่ทหารพวกนั้น ก็มีราคาที่ต้องจ่าย ท่านคงจะไม่สามารถจ่ายพวกเขาไปได้ตลอดหรอกมั้ง”
บารอนถอนหายใจยาวออกมา ดูเหมือนว่าอาร์วินจะจี้ถูกจุด “สมกับเป็นนักปราชญ์ ท่านอ่านสถานการณ์ได้เฉียบขาดจริงๆ” บารอนกล่าวชมขึ้นมา “แต่ว่าข้าเองก็มีทางเลือกไม่มากนัก อีกอย่าง ถ้าไม่ทำแบบนี้ พวกชาวบ้านก็จะออกไปทำงาน ทำไร่ทำนาไม่ได้ แบบนั้นจะแย่เสียยิ่งกว่า”
“โชคดีที่ข้า พอจะสนิทกับผู้นำของของทหารรับจ้างกลุ่มนี้ เลยยังพอเจรจาเรื่องราคากันได้” บารอนฟอร์ทิสอธิบายสถานการณ์ต่อไป “แต่ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากให้ปัญหาของพวกก๊อบลินจบลงเร็วๆ เช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มีข้อเสนอบางอย่าง” อาร์วินพยักหน้ารับ ก่อนจะเกริ่นข้อเสนอของตน “ปกติแล้วก๊อบลินส่วนมากไม่กล้าออกมาจากป่าลึก เพราะมันรู้ว่ามันไม่สามารถต่อสู้ กับพวกทหารมืออาชีพได้โดยตรง”
“ข้าไม่แน่ใจว่าท่านได้ยินบ้างไหม ดูเหมือนก๊อบลินกลุ่มนี้จะมีอาวุธที่พิเศษ กว่าก๊อบลินทั่วๆ ไป” เขาอธิบายต่อไป ก่อนจะตั้งคำถาม “พวกเราสองคนเชื่อว่า มีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวพันกับลักษณะ และพฤติกรรมที่แปลกไปของพวกมัน”
“มันก็แปลกจริงๆ แต่ท่านคิดว่ายังไงล่ะ?” บารอนฟอร์ทิสถามขึ้นมา “กลุ่มทหารรับจ้าง คาดเดาว่าพวกมันอาจจะแตกทัพมาจาก กองทัพของอาณาจักรมาร พวกมันเลยมียุทโธปกรณ์ที่ดีกว่า ก๊อบลินป่าทั่วๆ ไป”
“แต่ที่นี่ก็อยู่ห่างจากชายแดนของอาณาจักรมารมากอยู่นะครับ” ลีโอเสริมขึ้น “การแตกทัพเข้ามาในถิ่นศัตรูที่ลึกขนาดนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“มันจึงเป็นแค่การคาดเดายังไงล่ะ” บารอนพึมพำกับตัวเอง เขากำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเราขอเสนอทฤษฏีของพวกเราสองคนบ้าง จะได้หรือไม่?” อาร์วินกล่าวขึ้นมา ระหว่างที่มองไปทางบารอนฟอร์ทิส ซึ่งเขาก็พยักหน้า เตรียมพร้อมจะรับฟังอยู่ “เป็นไปได้ไหม ที่พวกก๊อบลินจะอยู่ในการบงการ ของสิ่งมีชีวิต ที่ทรงพลังมากกว่าพวกมัน”
“สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่า? อย่างพวกปีศาจ หรืออสูรกายอื่นๆ งั้นเหรอ?” บารอนฟอร์ทิสเอ่ยถามขึ้นมา ซึ่งอาร์วินส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ
“พวกเราคาดเดาว่า มันจะเป็นมังกร” อาร์วินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม กลับกันบารอนฟอร์ทิสหลังจากได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งไป และเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา แม้อากาศรอบๆ จะเย็นสบาย
“ข้ากังวลว่านั่นอาจจะเป็นสาเหตุ จากการสืบของพวกเรา เหมือนว่าอาวุธของพวกก๊อบลิน จะมีคุณสมบัติของไฟมังกรอยู่” ลีโอพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจ “และถ้าก๊อบลินเริ่มเคลื่อนไหว เพราะอิทธิพลของมังกรจริงๆ หมู่บ้านแห่งนี้ ที่อยู่ใกล้กับการเคลื่อนไหวของพวกมันที่สุด ก็อาจจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”
บารอนฟอร์ทิสมองทั้งสองคนด้วยสายตาหนักแน่น เขานิ่งไปครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะพูดออกมา “ถ้ามันมีมังกรจริงๆ เราคงต้องเตรียมตัวมากกว่านี้… แต่ข้าไม่คิดว่าเราจะสามารถกำจัดมันได้ง่ายๆ หรอกนะ”
“บางทีพวกเราก็อาจจะไม่ต้องต่อสู้โดยตรงกับมังกร แต่ขอแค่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ก็จะพอวางแผนต่อไปได้” อาร์วินยิ้มออกมาเล็กน้อย “เราเพียงต้องการ ข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น ถึงเวลานั้น ท่านค่อยตัดสินใจก็ได้”
“ข้าคงยังให้ชาวบ้านทั่วไปรู้เรื่องนี้ไม่ได้… ไม่อย่างนั้นจะแตกตื่นไปกันใหญ่” บารอนฟอร์ทิสส่ายหน้าอย่างเป็นกังวล “แต่ถ้าข้อมูลต่างๆ จะเป็นประโยชน์ ข้าคิดว่าท่านต้องไปหา ท่านเฮลมอนด์ แห่งกองกำลังวอร์โครว พวกเขาคือทหารรับจ้าง ที่ข้าจ้างมาจัดการเรื่องพวกก๊อบลินนี่”
“แต่พวกเขายังมีงานที่ต้องลาดตระเวนและคุ้มกันพื้นที่รอบๆ คงจะให้ออกตามหามังกรที่พวกท่านว่าไม่ได้” บารอนย้ำเรื่องสำคัญขึ้นมา ยังไงเสียผู้ว่าจ้างทหารรับจ้างกลุ่มนี้ก็คือเขาเอง และพวกเขาก็มีภารกิจที่เร่งด่วนอยู่ “แต่ว่าถ้าหากพวกท่านได้ข้อมูลจากพวกเขาแล้ว และสามารถหาหลักฐาน ถึงการมีอยู่ของมังกรได้อีกล่ะก็ ข้าก็จะลองต่อรองกับพวกเขาดู”
ลีโอกับอาร์วินสบตากัน แล้วหันกลับมาหาบารอน “ตกลง พวกเราจะลอง หาหลักฐานที่แน่ชัดกว่านี้ดู”
“เช่นนั้นพวกท่านก็ไปหาที่พักผ่อนในหมู่บ้านก่อนเถอะ เรามีโรงแรมไว้รองรับพวกพ่อค้าอยู่ แล้วไว้ช่วงเย็นๆ ท่านค่อยไปหาพวกวอร์โครว” บารอนฟอร์ทิสกล่าวขึ้นมา “เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปบอกพวกเขา ว่าพวกท่านจะมาขอข้อมูลเกี่ยวกับพวกก๊อบลิน”
แสงแดดสีส้มอ่อนๆ ของยามเย็นสาดส่องลงมาตามทิวไม้ใหญ่รอบๆ ลีโอและอาร์วินก้าวเดินเข้ามาใกล้ค่ายพักแรมของกลุ่มวอร์โครว บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นควันจากสุมไฟกองใหญ่ที่กลางค่าย และเสียงจอแจของทหารที่พักผ่อนหลังจากวันอันยาวนาน บางคนกำลังปรับและดูแลอาวุธของตน บ้างกำลังหัวเราะพูดคุยกันเสียงดัง โดยมีอาหาร และสุรา ที่มีสาวชาวบ้านจากในหมู่บ้าน เอามาส่งให้
กลุ่มทหารของวอร์โครว ดูจะมีกันอยู่ประมาณเกือบ 30 คน ได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกองกำลังทหารรับจ้างขนาดเล็ก ไม่ได้ไว้สำหรับการรบในระยะยาว สักเท่าไหร่ ลีโอเคยเห็นกลุ่มทหารรับจ้างบางกลุ่ม สามารถมีกำลังได้ถึงหลักร้อย หรือเกือบพันเลยทีเดียว แต่นั่นก็คงจะเป็นแค่กลุ่มที่เอาไว้ทำงานให้กับขุนนางรายใหญ่ หรือทำสงครามระหว่างอาณาจักรเท่านั้น
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่และมีแผลเป็นอยู่หลายแห่งบนใบหน้าเดินเข้ามาหาทั้งคู่ ท่าทางของเขาดูขึงขัง แต่แววตาผ่อนคลายและดูเป็นมิตร เขายื่นมือให้ลีโอจับด้วยความมั่นใจ “ข้าเฮลมอนด์ เป็นหัวหน้ากลุ่มวอร์โครว บารอนบอกว่าเจ้าสองคน จะมาช่วยพวกเราเรื่องก๊อบลินใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับ แต่จะช่วยได้ขนาดไหนยังไม่แน่ใจนักนะ” ลีโอพยักหน้า ขณะที่เขาจับมือเฮลมอนด์ “พวกเรามาที่นี่เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของก๊อบลินเล็กน้อยน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก มีหัวและแขนขามากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดี” เฮลมอนด์กล่าว ก่อนจะผายมือเชิญลีโอและอาร์วินมานั่งใกล้กองไฟ ซึ่งทหารบางคน ก็มองทั้งสองมาด้วยความสนใจ “พวกมันเพิ่มความก้าวร้าวขึ้น ในช่วงหลังมานี้ พวกเราจึงต้องระวังมากขึ้น ประมาณหนึ่งสัปดาห์ให้หลังมานี้ พวกมันเริ่มพยายามโจมตีพวกเราในตอนกลางคืน ข้าจึงให้ย้ายค่ายออกมา ห่างจากหมู่บ้านหน่อย ไม่งั้นพวกชาวบ้านจะขวัญเสียหมดพอเกิดการต่อสู้”
“ปกติพวกมันมีกำลังมากสักเท่าไหร่?” อาร์วินถามอย่างตรงประเด็น
“ถ้าเป็นช่วงตอนเช้า กลุ่มหนึ่งก็สักยี่สิบสามสิบได้ จำนวนไม่ต่างจากพวกเรา” เฮลมอนต์ตอบกลับมา “ในการต่อสู้ครั้งแรก เราจัดการพวกมันไปได้เกินครึ่ง แต่ช่วงหลังๆ มานี้แค่พวกมันเห็นกลุ่มพวกเราตอนเช้า ก็เริ่มถอยหนีแล้ว”
“ซึ่งความจริงก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องปะทะให้เหนื่อย แต่ก็นั่นล่ะ… เราถูกจ้างมาให้สู้กับพวกมันนี่นะ” เฮลมอนด์หัวเราะ พวกทหารคนอื่นๆ ก็หัวเราะตามเช่นกัน ดูเหมือนว่าการลาดตระเวนในช่วงกลางวัน จะไม่หนักหนามากนักสำหรับพวกเขา “แต่ที่น่าปวดหัวกว่าคือตอนกลางคืนนี่แหละ…”
ขณะที่เฮลมอนด์เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบกับก๊อบลิน ลีโอสังเกตเห็นหญิงสาวที่คนหนึ่ง ที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็น สาวชาวบ้านที่มาส่งอาหารให้วอร์โครว เธอเดินเข้ามาพูดคุยกับทหารบางคน เกี่ยวกับการจัดการเสบียง อุปกรณ์ และมีการตำหนิและเอ็ด คนที่ละเลยการดูแลอาวุธ ท่าทางของเธอแสดงถึงความเข้มงวด และความระมัดระวังในทุกการเคลื่อนไหว
“นั่นฮิลด้า เธอเป็นพลพลาธิการของพวกเราเอง” เฮลมอนด์ชี้ และแนะนำเธอให้ลีโอ ที่ดูจะจ้องเธอมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว “เจ้าสนใจนางเรอะ? แต่ยัยหนูนี่ดุเอาเรื่องนะ ผู้ชายทั่วๆ ไป คงรับมือไม่ไหวหรอก”
คำกล่าวของเฮลมอนด์ทำให้ทหารคนหนึ่งหัวเราะลั่นออกมา แต่เสียงหัวเราะก็หยุดลงอย่างฉับพลันเมื่อฮิลด้าหันมาจ้องเขม็งใส่ชายคนนั้น
“อ๊ะ… เปล่าขอรับ ข้าแค่สงสัยเฉยๆ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นผู้หญิง ในกองกำลังทหารรับจ้างเช่นนี้” ลีโอรีบบอกปัดอย่างร้อนลน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วที่พวกท่านบอกว่า… พวกมันจะมาโจมตีในตอนกลางคืนล่ะ?”
“ข้าเดาว่ามันจะมาชิงเสบียงพวกเรา” เฮลมอนด์ตอบ “รายละเอียดเรื่องนี้ เจ้าน่าจะต้องถามฮิลด้าดู เราเสียเสบียงให้พวกมันไปครั้งหนึ่ง เมื่อหกวันก่อน เธอน่าจะให้คำตอบพวกเจ้าได้ดีที่สุด”
“พวกเรามีหลายคนที่มีทักษะที่ชำนาญต่างๆ กันไป ข้าเชื่อว่าข่าวที่พวกเรารู้ จะเป็นประโยชน์ให้เจ้าทั้งคู่ได้” เฮลมอนด์ตอบ ก่อนจะตักซุปออกจากหม้อใส่ถ้วยไม้ แล้วยื่นให้ทั้งคู่ “ลองถามๆ ดูเอาแล้วกัน อาจจะมีบางอย่างหลุดรอดสายตาข้าไปก็ได้ ข้าก็เริ่มแก่แล้วล่ะนะ ฮ่าๆๆ”
ขณะที่เฮลมอนด์พูดอยู่ ฮิลด้าก็เดินเข้ามาใกล้ เธอถือสมุดบันทึกเล่มหนาในมือ ก่อนจะนั่งลงข้างกองไฟ “พวกเจ้าอยากรู้งั้นเหรอ ว่าเกิดอะไรขึ้นในการปะทะ ตอนกลางคืนเมื่อหกวันก่อน?”
“ใช่เลย ถ้ามีคำตอบเราอาจจะรู้อะไรเพิ่มเติมได้” อาร์วินยิ้มให้เธอ ซึ่งก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอื่นๆ กลับมา เธอเพียงแต่เปิดหนังสือเล่มหนาในมือ ย้อนกลับไปสองสามหน้า
“เนื้อแห้งสองกิโลครึ่ง มันฝรั่งสี่กระสอบ ขาแกะรมควันหนึ่งขาที่เหลืออยู่ แล้วก็ลูกดอกหน้าไม้หนึ่งถังเล็ก” เธอไล่รายการบางอย่างให้พวกเขาฟัง “นั่นคือของที่เราเสียไป ในการปะทะในคืนนั้น”
“มันปล้นชิงไปได้เยอะมาก คงจะเป็นศึกหนักน่าดู” ลีโอเหงื่อตก เมื่อได้ยินจำนวนของที่ถูกชิงไป มีทั้งอาหารและอุปกรณ์ ทั้งหมดนั่นน่าจะเป็นเม็ดเงินหลายสิบเหรียญทองอยู่
“ไม่เลย พวกมันมาปะทะกับเราไม่ถึงสิบตัวด้วยซ้ำ” ฮิลด้ากล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด “มันใช้จำนวนหนึ่งล่อให้พวกเรา รุกเข้าไปโจมตีพวกมันในป่ามืดๆ สังหารไปได้สี่ตัว ก่อนพวกมันจะถอยหนีไป”
“แต่กว่าพวกเราจะรู้ว่ามีของพวกนี้หายไปก็เช้าแล้ว” เธอปิดหนังสือเสียงดัง “เราเลยจะไม่พลาดแบบนั้นอีกเป็นอันขาด”
“มันคงจะใช้จังหวะที่ปะทะ ให้อีกกลุ่มอ้อมมาขนของจากค่ายพวกเจ้าออกไป” อาร์วินอธิบายความเป็นไปได้ “ดูเหมือนก๊อบลินพวกจะตั้งใจขโมยอาหารเป็นหลักนะ แต่ถ้าสบโอกาส พวกมันก็เอาอย่างอื่นไปด้วยเหมือนกัน เช่นลูกดอกหน้าไม้ ที่พวกเจ้าโดนชิงไป”
“ก็ฟังดูสมเป็นก๊อบลินดีนะครับ” ลีโอยิ้มแหยๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะฉลาด เรื่องการลักขโมยสมกับคำร่ำลือ
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาหยิบลูกดอกหน้าไม้ออกจากกระบอกแล้วเริ่มลูบมันเบาๆ “พวกเจ้าอย่าห่วงไปเลย ข้าคอยสอดส่องการเคลื่อนไหวของพวกมันอยู่ เราไม่มีทางโดนตีท้ายครัว แบบนั้นอีกแน่ๆ”
“แน่นอน อีริค ถ้าเราโดนแบบนั้นอีกทีล่ะก็ ข้าจะเฉือนนิ้วของเจ้า เอาไปต้มซุปให้สาวๆ ในหมู่บ้านกิน” ฮิลด้าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโมโห “เพราะวันนั้นข้าก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าให้เจ้าระวังหลังเอาไว้ให้พวกเราน่ะ?”
“แหมๆ ใจร้ายจังเลยนะ” ชายที่ถูกเรียกว่าอีริคกล่าวขึ้นมา “ข้านึกว่าจะให้ระวังหลังให้พวกเจ้าซะอีก ไม่ได้หมายถึงให้ระวังของที่เก็บไว้ในค่าย ข้าก็เลยตามพวกเจ้าไปเหมือนกันนั่นแหละ”
ฮิลด้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนเฮลมอนด์ก็หัวเราะออกมา “เอาเถอะน่า ไม่เป็นไรหรอก มันสำคัญที่ว่า เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากความผิดพลาดครั้งนั้นต่างหากล่ะ”
“แต่ว่านะ ข้าอยู่แนวหลัง ก็สังเกตมาหลายทีแล้ว” อีริคลูบคางเล็กน้อย “พวกก๊อบลินพวกนี้มักจะถอยหนีไปทางภูเขาทุกครั้งที่เราบุกเข้าไปไล่ ไม่ว่าจะโจมตีทางทิศไหน พวกมันก็จะพยายามอ้อมหนีไปทางแนวภูเขาทุกครั้ง”
อาร์วินหันไปมองลีโอ พวกเขาสบตากันด้วยความสนใจในเบาะแสที่ได้รับ “ภูเขางั้นหรือ?” ลีโอเอ่ยด้วยความสงสัย
“ใช่แล้ว พวกมันหลบหนีไปทางนั้นทุกครั้ง” อีริคพยักหน้า “ข้าสังเกตเห็นร่องรอยของพวกมันหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยตามไปถึงบนนั้นเหมือนกัน คงต้องใช้กำลังคนมากกว่านี้ในการสำรวจ”
“รังของพวกมันอาจจะอยู่บนนั้นก็ได้” อาร์วินพูดขึ้นมา ก่อนจะมองมาที่ลีโอ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะได้เบาะแสถัดไปแล้ว “อาจจะต้องไปตรวจสอบเสียหน่อย”
“ถ้าพวกเจ้าจะไป ข้าแนะนำให้เตรียมตัวให้ดี พวกมันอาจจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ หรือทางลับที่เรายังไม่รู้จัก” เฮลมอนด์เสริมขึ้นมา “พวกก๊อบลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายนัก โดยเฉพาะเมื่อมันรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ยิ่งในถิ่นของพวกมันแล้ว ไม่ควรประมาทเด็ดขาด”
“ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ท่านเฮลมอนด์” ลีโอกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ “นี่น่าจะเป็นสิ่งที่พวกข้าจะช่วยพวกท่านเรื่องก๊อบลินนี่ได้”
อาร์วินพยักหน้าเห็นด้วย และพูดเบาๆ ว่า “ข้ากับลีโอจะไปสำรวจทางนั้น ในวันพรุ่งนี้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่พวกเจ้าให้มา เราจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด”