การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 140 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - บทศูนย์ เหตุการณ์ฉุกเฉิน
- Home
- All Mangas
- การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 140 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - บทศูนย์ เหตุการณ์ฉุกเฉิน
เพื่อนพ้องทั้ง 4 คนที่รวมตัวอยู่รอบฉัน และเผ่าปีศาจ เผ่ามนุษย์มาร และเผ่าอันเดดได้มารวมกัน และในที่สุด ‘กองทัพจอมมาร’ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ฐานที่มั่นของพวกเราอยู่ที่โลกมาร คอยขับไล่ทัพของเผ่ามนุษย์ที่บุกเข้ามาเป็นครั้งคราว และบดขยี้พวกมันที่ถอยหนีกันไป พวกเราทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาได้ 2-3 ปีแล้ว
ในช่วง 2-3 ปีที่ว่านี่ เผ่ามนุษย์สัตว์และเผ่าดาร์กเอลฟ์ก็มาเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารด้วย กำลังพลของพวกเราก็เลยค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ถึงเผ่ามารและเผ่ากึ่งมนุษย์จะมีจำนวนน้อยกว่าเผ่ามนุษย์อย่างท่วมท้น แต่พวกเราก็มีศักยภาพในการต่อสู้ที่สูงกว่ากันอย่างท่วมท้นเหมือนกัน การได้ความร่วมมือจากพวกมนุษย์สัตว์ที่มีกำลังกายเป็นเลิศดุจสัตว์ป่า แต่สติปัญญาเฉียบคมเหมือนมนุษย์ กับพวกดาร์กเอลฟ์ที่ถือครองความเข้ากันทางเวทมนตร์เทียบเท่ากับเอลฟ์เลยเนี่ย ทำให้ฉันดีใจมากๆ เลย
นอกจาก 5 เผ่าพันธุ์นี้ ก็มีฟราน (เอลฟ์), ฟลูเรเทีย (มนุษย์มังกร) แล้วก็ฉันเอง (แวมไพร์)
ถ้าพวกเราสามารถรวบรวมเผ่ามารและเผ่ากึ่งมนุษย์มาได้ทีละนิดทีละหน่อยแบบนี้ พวกเราก็น่าจะได้กำลังพอที่จะสูสีกับพวกเผ่ามนุษย์ หรือไม่ก็เหนือกว่ากองทัพของพวกนั้นได้ในไม่ช้าล่ะนะ
ขอแค่ทำแบบนี้ต่อไปอีก 3,000 ปี ริงกะก็จะกลับมาแล้ว
แต่ว่า การเป็นจอมมารเนี่ย ค่อนข้างลำบากทีเดียวเลย
ถึงพวกรายละเอียด ฉันจะโยนให้วีเนลเป็นคนจัดการ แต่ฉันก็ยังไม่ชินอยู่ดีกับการเป็นราชาของเผ่าพันธุ์หลากหลายเผ่าแบบนี้ ถึงจะผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วก็เถอะ
ฉันเก่งในการต่อสู้มากกว่า แต่ที่ฉันไม่ได้ลงไปสู้เองมาซักพักแล้วก็เพราะวีเนลบอกกับฉันด้วยสีหน้าฉุนเฉียวเลยว่า ‘คิดว่าจะเป็นยังไงล่ะคะ ถ้าจู่ๆ ราชาของตัวเองลงไปสู้แบบนั้นน่ะ?’
ไม่หรอก เอาเถอะ ด้วยความสามารถพิเศษของ [จอมมาร] อย่าง [แบ่งปันค่าประสบการณ์] ที่จะได้รับค่าประสบการณ์ 1 ใน 100 จากที่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับมาเพิ่มให้กับตัวเอง เพราะอย่างนั้น ก็จะมีแค่เลเวลของฉันที่เพิ่มขึ้นๆ ล่ะนะ
“เอาล่ะ ปิดประชุมของวันนี้ได้ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้เอาไว้กันด้วยล่ะ”
“อ้า จบซะที… ไม่ได้เข้าหัวชั้นซักนิด วีเนลน่ะพูดอะไรเข้าใจยากไปแล้วนะ!”
“ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะคิดตามเองหรือไง ฟราน…”
“ก็ พูดอย่างนั้นก็ถูกล่ะนะ!”
ยัยซื่อบื้อที่ยังกล้ายิ้มร่าอยู่นั่น เดี๋ยวฉันไปเขกหัวเธอหลังจากนี้แน่
“ฟราน ได้ฟังเมื่อกี้ดีหรือเปล่าน่ะ? เดี๋ยวฉันช่วยอธิบายคร่าวๆ ให้อีกทีก็ได้นะ”
“โอ้ แต๊งกิ้วนะ ดีเช”
“ดีเช อย่าไปโอ๋ฟรานนักสิ…”
ในห้องประชุมในโลกมารแห่งนี้ การประชุมเหล่าผู้บริหารเพิ่งจัดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เอง
การประชุมที่จัดขึ้นเพื่อกำหนดนโยบายในอนาคตของกองทัพจอมมาร จัดขึ้นโดยเหล่าผู้บริหารของกองทัพจอมมารและฉันเอง
ใช่ ที่อยู่ตรงนี้ก็คือระดับหัวกะทิของกองทัพจอมมารนี่แหละ
นอกจากฉันแล้วก็จะมี
‘แม่ทัพจอมสังหาร’ วีเนล
‘แม่ทัพอสูรอำมหิต’ ฟราน
‘แม่ทัพอหิงสา’ ฟลูเรเทีย
‘แม่ทัพผู้พิชิต’ ดีเช
ก็… มีแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตาล่ะนะ
ฉันคิดจะหาคนอื่นขึ้นมาเป็นผู้บริหารนะ อย่างราชาปีศาจหรือหัวหน้าเผ่ามนุษย์มาร แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็มี 4 คนนี้นี่แหละที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
“ท่านจอมมารคะ! เรื่องฉุกเฉินค่ะ!”
ตอนที่ฉันเพิ่งจะได้พักหลังจบการประชุม จู่ๆ วีเนลก็พรวดพราดเข้ามาหาฉัน
“มีอะไร? พวกมนุษย์มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ เหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องพรรค์นั้นค่ะ…!”
ไปเรียกการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของพวกเผ่ามนุษย์ว่าเรื่องพรรค์นั้นนี่… จะประมาทไปแล้วนะเธอเนี่ย
“ช่วงนี้ เลตตี้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นน่ะค่ะ!”
“งั้นเหรอ งั้นฉันไปพักผ่อนล่ะนะ”
“อ๊า! เดี๋ยวก่อนสิคะ! แค่ฟังฉันก่อนก็พอ!!”
ฉันมันโง่เองแหละที่คาดหวังด้านจริงจังจากยัยนี่น่ะ
“…ก็ไม่แปลกอะไรนี่ ถึงฟลูเรเทียจะดูภายนอกเป็นแบบนั้น แต่ข้างในเธอก็เกิน 20 ไปแล้ว จะมีเสน่ห์ดึงดูดเพิ่มมาอย่างสองอย่างก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือไง”
“ท่านจอมมารที่ดูภายนอกไม่ต่างกันเท่าไหร่ แถมแก่กว่าเลตตี้ด้วย ฉันยังไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ดึงดูดซักนิดเลยนะ”
ซัดยัยนี่ซักเปรี้ยงดีมั้ยเนี่ย?
ถ้าเป็นฉันก่อนหน้านี้ ฉันคงจัดการคิดบัญชีด้วยสิ่งที่ยัยนี่ได้อับอายสุดๆ ไปแล้วล่ะ แต่ยัยนี้ก็ทำอะไรให้ตัวเองขายหน้ามาอย่างประเจิดประเจ้อ จนฉันก็ดูไม่ออกเลยว่าควรจะทำยังไงให้ยัยนี่อับอายขายหน้าได้
ถ้าจะให้พูดล่ะก็ คงเป็นเรื่องลักษณะภายนอกของฟลูเรเทียล่ะมั้ง แต่เธอเข้าสู่สภาวะกึ่งอมตะแล้วนี่นา เพราะงั้นยังไงเธอก็ไม่โตขึ้นแล้ว ก็ ฉันเคยได้ยินว่าถ้าวิวัฒนการเป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงขึ้นก็จะโตขึ้นได้ล่ะนะ แต่…
“ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไงดีนะ…. ท่านจอมมารแต่งงานแล้ว แต่ฉันไม่ค่อยรู้สึกถึง ‘เสน่ห์ของหญิงแต่งงานแล้ว’ เท่าไหร่เลย แต่ก็ เพราะผู้หญิงแต่งงานแล้วก็อยู่นอกขอบเขตของฉันด้วยเหมือนกัน ก็เลยตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์ของฉันได้ยากค่ะ ก็จริงอยู่ว่ามันมีเรื่องของ ‘ภรรยาเด็ก’ อยู่ และท่านจอมมารเองก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แต่ท่านกลับขาดเสน่ห์ดึงดูดอย่างมากจนน่าตกใจเลย ถ้าอย่างนั้น เป็นเพราะอะไรกันนะคะ?”
“ฉันง่วงแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ! ฟังฉันก่อน!”
“ช่วยย้อนดูการกระทำของตัวเองตั้งแต่ก่อนหน้านี้จนมาถึงตอนนี้ดูดีๆ ซักทีนึงนะ ถ้าเกิดเธอคิดว่าเธอสร้างประโยคสนทนาที่ชวนให้ผู้คนติดตามฟังต่อล่ะก็ ฉันว่าควรต้องเอาคนคนนั้นไปผ่าตัดสมองอย่างด่วนเลยล่ะ!”
ยัยปีศาจโรคจิตนี่ไม่ได้พัฒนาขึ้นซักนิดจริงๆ สินะ!
ไม่สิ ตั้งแต่ที่เจอฟลูเรเทีย ราชาปีศาจยังพูดเลยว่า ‘คงเป็นเด็กคนนั้นสินะ’ แต่ฉันคิดว่ามันคงผิดจุดไปหน่อยถ้าจะพูดอย่างนั้น
“เพราะแบบนั้นไงคะ! ช่วงนี้เธอไม่ใช้คำนำหน้าชื่ออย่างสุภาพเหมือนเมื่อก่อนเลยนี่นา!!”
“อา… ประมาณปีที่แล้ว ฟรานไปพูดว่าประมาณว่า ‘เลตตี้! ทำไมเธอต้องเรียกทุกคนแบบมีคำนำหน้าชื่อสุภาพๆ ด้วยล่ะ! ชั้นน้อยใจนะที่มีแค่ชั้นคนเดียวเองที่เธอไม่เรียกแบบสุภาพด้วยอ่า!’ แล้วฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเราก็เลยชินกับการไม่ได้ใช้คำนำหน้าชื่อแบบนั้นมากกว่าล่ะนะ”
อย่างเมื่อกี้ เธอก็เพิ่งพูดทิ้งไว้ก่อนจะออกจากห้องไปว่า ‘งั้น ดิฉันขอไปก่อนแล้วกันนะ’
ถึงยังไง ฉันก็เป็นเพื่อนฟลูเรเทียมาตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะเป็นจอมมารซะอีก เพราะงั้นแบบนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก
“คือแบบว่า ภายนอกเป็นโลลิ แต่ผสมกับนิสัยแบบผู้ใหญ่แบบนี้แล้ว จะว่ายังไงดีล่ะคะ คือมัน… ดูวาบหวามมากๆ เลย”
“เฮ่ ฉันว่าเธอก็ฉลาดนะ ทำไมถึงโง่แบบนี้ล่ะเนี่ย?”
“ทำไมคำพูดถึงย้อนแย้งในตัวแบบนั้นล่ะคะ!?”
ก็ดูบ้าบอพอๆ กับเด็กผู้ชายที่เพิ่งเป็นวัยรุ่นได้เห็นอะไรลามกๆ เป็นครั้งแรกยังไงยังงั้นเลยนะ
“แล้ว เธออยากจะทำอะไรล่ะ?”
“อยากจะทำอะไร?”
“แน่อยู่แล้ว เรื่องฟลูเรเทียไง… เธอบอกว่าถูกเสน่ห์ดึงดูดใจไม่ใช่เหรอ เป็นบวกสำหรับเธอมั้ยล่ะ? หรือว่าตรงข้าม?”
ฉันยังสงสัยเลยว่า นี่ตัวเองมาต่อบทสนทนาติงต๊องนี่เพื่ออะไร
แต่ก็นะ ยังไงยัยนี่ก็เป็นสุดยอดมันสมองของกองทัพจอมมารอยู่ดี เกิดมีอะไรไปทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเธอลดลงก็คงแย่เอา
ฉันอยากจะแก้ปัญหาตรงหน้านี่อย่างเหมาะสม ถึงความกังวลของยัยนี่จะโง่เง่าพอๆ กับของนังเอลฟ์บ้านั่นล่ะนะ
“อืมมม… ฉันก็พูดไม่ถูกนะคะ ถ้าเรื่องที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ฉันที่ชอบเด็กผู้หญิงเอ๊าะๆ ก็คงเป็นลบ แต่ว่าๆ! ความขัดแย้งระหว่างปากของโลลิกับคำพูดคำจาของผู้ใหญ่เนี่ย ปลุกไฟราคะของฉันได้ดีเลยค่ะ…”
“รู้ตัวใช่มั้ยว่าที่เพิ่งพูดออกมานั่นเป็นอาชญากรรมน่ะ”
หรือไม่ ฉันก็รู้สึกว่าแค่ตัวตนที่มีอยู่ของยัยนี่ก็เป็นอาชญากรรมอยู่แล้วกันนะ
รีบจับยัยนี่โยนเข้าซังเตภายใต้การควบคุมของกองทัพจอมมารเอาไว้ซะก่อนเลยดีกว่ามั้ยเนี่ย?
“แล้วนี่เธออยากได้อะไรจากฉันล่ะ? คงมีเหตุผลที่เลือกเอามาพูดคุยกับฉันใช่มั้ย?”
“อ๋า! ใช่ค่ะๆ! เป็นแบบนั้นเลย! ฉันอยากให้ท่านจอมมารขยายช่วงสเป็คของฉันให้หน่อยค่ะ!”
“หา?”
“ฉันคิดว่าเหตุผลที่ฉันตัดสินใจเรื่องความโมเอะของเลตตี้ไม่ได้ คงเป็นเพราะช่วงนิสัยความชอบของฉันยังแคบเกินไปอยู่ ดังนั้น ฉันคิดว่าฉันยังมีช่องว่างให้พัฒนาขึ้นได้ค่ะ”
อะไรที่กำลังคิดอยู่ในหัวนั่นน่ะ โยนทิ้งไปซะ
หยุดการพัฒนาเรื่องแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะ
“แล้วก็ ฉันก็มีข้อเสนอสำหรับท่านจอมมารที่ยิงเวทนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลยนะคะ”
“…รู้สึกไม่อยากฟังเท่าไหร่เลยแฮะ แต่จะฟังเผื่อไว้ซักหน่อยแล้วกัน”
“ค่ะ จอมมารน่ะจำเป็นต้องมีบารมีใช่มั้ยคะ?”
“หือ? …ก็ใช่นะ”
บารมีเป็นสิ่งสำคัญเลยล่ะ
ไม่งั้นก็จะโดนดูหมิ่นเอาได้น่ะสิ
“เพราะงั้นแล้ว ฉันเลยมีความคิดดีๆ ที่อาจจะช่วยขยายช่วงสเป็คของฉันได้ และยังเสริมบารมีให้ท่านจอมมารได้ด้วย”
“……โห?”
ฉันได้ประโยชน์ด้วยงั้นเหรอ?
งั้น ลองฟังดูซักหน่อยก็ไม่เสียหา-…
“ท่านจอมมาร ช่วยเป็นโลลิทีได้มั้ยคะ?”
“หุบปากไปเลย”
ฉันโง่เองแหละที่ดันไปเอาจริงเอาจังกับเรื่องส่วนตัวของยัยนี่น่ะ
TN: วีเนลไปเมาอะไรมาเนี่ย 555
ตอนต่อไป เราจะแวะกลับไปเส้นเวลาปัจจุบันกันอีกซักทีนึงนะครับ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r