การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 135 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - บทศูนย์ เทพแห่งปัญญา
- Home
- All Mangas
- การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 135 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - บทศูนย์ เทพแห่งปัญญา
“หวา―! เดี๋ยวครับ! เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!!”
ฉันตกใจไปแป๊บนึง เพราะนึกว่าเสียงนั่นมาจากพวกมังกรดินที่พูดออกมา แต่ไม่ใช่ มันเป็นเสียงของผู้ชายคนนึง ในกลุ่มคน 10 คนที่วิ่งมาจากทางโลกมาร
“ปีศาจกับมนุษย์มารนี่นา”
“แบ่งกันครึ่งครึ่งเลยล่ะ”
ยังไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นมิตรหรือศัตรู แต่อย่างน้อยคือ ทุกคนมีอาวุธในมือกันหมดเลย จะศาลเตี้ยไปเลยก็คงไม่เป็นไรสินะ
“ฟิ่ว เกือบไปแล้วๆ… ขอโทษนะ พวกเธอช่วยอย่ากำจัดสัตว์อสูรตัวนั้นได้หรือเปล่า? มันเป็นเหมือนพรรคพวกของเราล่ะนะ”
“…พรรคพวก? สัตว์อสูรเนี่ยนะ?”
“อา นานมาแล้ว พวกคนหนุ่มของข้าเคยช่วยลูกสัตว์อสูรเอาไว้น่ะ ตั้งแต่นั้นมา มันก็คอยปกป้องพวกเราจากเหล่าคนที่พยายามจะก้าวเข้ามาในเขตโลกมารแบบนี้นี่แหละ”
แบบนี้เอง
ถึงจะเป็นสัตว์อสูร แต่พวกมันก็พอจะมีสติปัญญาอยู่เหมือนกันสินะ ไม่ใช่จะสื่อสารอะไรกับพวกมันไม่ได้เลยซักหน่อย
“ช่วงนี้ มีแต่พวกมนุษย์ทั้งนั้นเลยที่อยากจะบุกมาที่นี่กัน… ไม่คิดเลยว่าจะมีแวมไพร์, เอลฟ์ กับมนุษย์มังกรมาที่นี่ ข้าเลยสั่งให้มันอย่าทำอะไรพวกเธอน่ะ โทษทีนะ”
พวกมนุษย์… มาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?
ก็ ถ้าวิเคราะห์จากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ดูเหมือนพวกนั้นพร้อมจะเผชิญหน้ากับการแก้แค้นแล้วสินะ
“เอาเถอะ ถ้าเรื่องเป็นแบบนั้น พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเรามีธุระที่โลกมารซักหน่อยน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวข้านำทางให้เอง”
เมืองที่พวกเราถูกพามาน่ะ สรุปเลยคือ มันใหญ่มากๆ
ใหญ่กว่าเมืองของมนุษย์มังกรเกือบ 3 เท่าได้ ว่าแล้วเชียว ถ้า 2 เผ่าพันธุ์อาศัยร่วมกันอยู่ในที่เดียวกัน เมืองก็ต้องออกมาใหญ่แบบนี้อยู่แล้ว
บ้าน (หมู่บ้านแวมไพร์) ของพวกเรานี่เทียบไม่ติดเลย
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และเข้ามาภายในแล้ว พวกเราก็ถูกพาตัวมาที่ปราสาททางด้านหลังเมือง
พอฉันถามไปว่าจะดีเหรอที่ปล่อยผ่านพวกเรามาง่ายๆ แบบนี้ เขาก็ตอบมาว่า ‘ไม่รู้ทำไม ข้ารู้สึกว่า การปล่อยพวกเจ้าผ่านไปเลยจะดีกว่าน่ะสิ’
อาจจะเป็นผลจากอาชีพ [จอมมาร] ก็ได้ล่ะมั้ง
พลังหนึ่งของมันคือการดึงดูดเหล่าผู้ศรัทธาในท่านอิซึสึกับเผ่าพันธุ์ที่มีคุณสมบัติธาตุค่อนไปทางด้านที่ชั่วร้าย และจะมีเสน่ห์กับพวกเขาด้วย
“สะดวกดีจังเลยน้า~ [จอมมาร] เนี่ย ชั้นอยากได้บ้างจัง~”
“[มหาปราชญ์] ที่ใกล้จะได้เป็น [ราชันจอมปราชญ์] พูดอะไรออกมาล่ะเนี่ย?”
“ไม่เอาน่า เขินจังเลย”
ไม่ได้ตั้งใจจะชมเลยซักนิดเลยนะนั่นน่ะ
“ว่าแต่ เลตตี้ไปไหนแล้วล่ะ?”
“ไปเด็ดดอกไม้น่ะ”
“ออ ส้วมสินะ”
นี่ ความละเอียดอ่อนในตัวน่ะ เธอแค่ซ่อนเอาไว้ไม่หยิบมาใช้ หรือมันโดนแสงแดดเผาไปหมดแล้วกันฮะ
ในตอนที่ฉันกำลังคิดอย่างจริงจังเลยว่าควรจะฝังสามัญสำนึกกับศีลธรรมให้ยัยซื่อบื้อคนนี้ตอนไหนดี
“ช่วยด้วยค่า!! คุณฟิลิส!! คุณฟราน!!”
ฟลูเรเทียที่ไปห้องน-… ไม่สิ ไปเด็ดดอกไม้มา ก็วิ่งกลับเข้ามาในห้องอย่างกระหืดกระหอบเลย
“อะไร? เกิดอะไรขึ้น? ทำอะไรหายไปเหรอ?”
“หรือว่าจะ ส้วมตัน?”
“เธอนี่นะ ขอทีเถอะ กลับไปหมู่บ้านเอลฟ์ซักทีนึง แล้วไปเอาความละเอียดอ่อนกลับมาซะด้วยล่ะ”
หรือไม่ก็ ไปให้เทียน่าสอนซักหน่อยดีมั้ย
“ม- ไม่ใช่นะคะ! …ม- มีคนโรคจิตโผล่มาค่ะ”
““หา??””
โรคจิต?
ฉันอาจจะฟังผิด บางทีเธออาจจะหมายถึงคนป่วยทางจิตหรือเปล่านะ?
หรือว่าเธอตั้งใจจะหมายถึงมีคนโรคจิตวิตถารโผล่มาที่นี่จริงๆ?
“เธอจะหมายถึงคนที่ป่วยเป็นโรคทางจิต หรือว่าตั้งใจจะหมายถึงคนโรคจิตวิตถารจริงๆ น่ะ?”
“คำหลังค่ะ!”
“งั้นเหรอ ปล่อยให้มีคนโรคจิตหลุดเข้าในถึงปราสาทแบบนี้ ทำไมความปลอดภัยถึงได้หละหลวมขนาดนี้เนี่ย เป็นคนแบบไหนกันน-…”
“อ๊าาาา! อย่าวิ่งหนีไปไหนสิจ๊ะ! แม่หนูตัวเล็กแสนสวย!! ให้ฉันเล่นผมสีขาวนั้นหน่อยสิ! ให้ฉันลูบหางเธอ! ให้ฉันเลียผิวของเธอด้วยนะ!! หรือไม่ก็ ขอสูบดมที่หน้าอกเธอให้เต็มปอดซักทีนะ!! ขอล่ะๆ!!”
“คนนั้นเลยค่ะ! …เดี๋ยวสิ จะทำอะไรน่ะคะ! หยุดน้า!!”
“ฮะๆ ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่มีอะไรสึกกร่อนแน่นอน… ฮิฮิ ตอนนี้เธอใส่กางเกงในแบบไหนอยู่นะ… อุบั๊ก!?”
ไม่ต้องสงสัยเลยซักนิด ยัยนี่เป็นโรคจิตอย่างสมบูรณ์แบบ แบบบริสุทธิ์ 100% เลย พอยืนยันแน่นอนแล้ว ฉันเลยซัดยัยโรคจิตนั่นด้วยหลังมือไปโดยไม่ลังเลเลย
“ฟลูเรเทีย ไม่เป็นไรนะ?”
“ย- ยังกลัวๆ อยู่เลยค่ะ…”
“ไม่เป็นไรๆ ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วนะ คนโรคจิตถูกส่งไปอีกฟากเรียบร้อยแล้ว”
“เจ็บๆๆ… อ๊ะ! ตรงนี้มีเด็กผู้หญิงผมบลอนด์น่ารักอยู่ด้วย!! อา ท่านอิซึสึคะ! ที่ท่านช่วยส่งเหล่าโลลิผู้น่ารักเหล่านี้มาให้ฉันได้เจอแบบนี้ ขอขอบพระคุณมากจริงๆ นะคะ!!”
โลกอีกฟากยังไม่ต้อนรับเลยเหรอเนี่ย ฉันควรจะโจมตีแบบแรงๆ ไปแล้วนี่นา
ยัยนี่… กระโดดถอยไปได้ถูกจังหวะแบบทันทีเพื่อลดแรงกระแทกงั้นเหรอ
ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น แต่ดูท่ายัยนี่กระโดดถอยไป ก่อนที่ฉันจะออกหมัด เลยด้วยซ้ำสินะ
“จะทานล่ะนะค้า… อาระ อะไรล่ะเนี่ย เซ็นเซอร์ตรวจหาเด็กสาวสวยไม่ค่อยทำงานเลย คงไม่ใช่ว่าจริงๆ แล้ว เธอจะเป็นกับดักน่ะ? แต่ฉันก็ชอบนะ เพราะแบบนั้นก็ดูโมเอะดีเลย”
“เซ็นเซอร์อะไรของเธอกันน่ะฮะ!! อีกอย่าง ฉันก็เป็นผู้หญิงด้วย!!”
“ถ้างั้น ก็แสดงว่า เธอมีคนรักอยู่แล้วสินะ? หรือว่าเธอใจโอนเอียงชอบอะไรผิดปกติแบบแปลกๆ กันล่ะ?”
“ก็ ฉันมีภรรยาแล้วน-… เดี๋ยว! แล้วฉันจะมาบอกเรื่องนี้ให้ยัยโรคจิตอย่างเธอฟังทำไมเนี่ย!!”
“อา จริงๆ ด้วยสินะ ฉันน่ะจะไม่ไป NTR หรือยุ่มย่ามกับผู้หญิงแต่งงานแล้วเด็ดขาดเลย อิจฉาจริงๆ เลยนะที่มีภรรยาแล้วตั้งแต่ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ งั้นเธอก็ไม่ใช่เป้าหมายในขอบเขตของฉันแล้วล่ะ จะไปไหนก็ได้เลยนะ แต่ช่วยทิ้งน้องมังกรขาวข้างๆ เธอเอาไว้ทีสิ”
ยัยนี่นี่ไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
มั่นใจได้เลย หัวยัยนี่ต้องผิดปกติไปแล้วแน่ๆ
“ฟราน อย่างน้อยก็ช่วยให้ยัยนี่ได้หลับไปอย่างสงบด้วยเวทมนตร์ของเธอทีนะ”
“อื้อ เข้าใจแล้ว”
“เดี๋ยว!? กับปีศาจที่เพิ่งเคยเจอกันน่ะ พูดแบบนั้นไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ!?”
ระหว่างที่ฉันยืนดูยัยโรคจิตนั่นที่กำลังจะร้องไห้ พยายามวิ่งหนีจากเวทมนตร์ของฟรานที่ยิงออกไปแบบทีเล่นทีจริงไปรอบๆ ฉันก็ถูกแตะเบาๆ ที่ไหล่
พอฉันหันกลับไป ฟลูเรเทียที่หลบอยู่ข้างหลังฉัน กำลังมีสีหน้ากำลังดูงุนงงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเธอทำมาเลย
“มีอะไรเหรอ? เดี๋ยวฟรานก็จัดการยัยบ้านั่นเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะ”
“ค- คือ นั่นสินะคะ ก็เรื่องของคนโรคจิตคนนั้นนั่นแหละค่ะ”
“ยัยนั่นทำไมเหรอ? เพื่อประโยชน์สุขของโลกและมวลมหาประชาชน นั่นเป็นตัวตนที่ควรถูกกำจัดลงตรงนี้แน่นอนใช่มั้ยล่ะ”
“ถูกฆ่าระหว่างที่ถูกสาวน้อยน่ารักจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาแบบนี้ก็ไม่เลวนะ”
ผู้หญิงเผ่าปีศาจคนนั้น ทั้งที่วิ่งหนีแบบหมดสภาพอยู่แท้ๆ ยังอุตส่าห์มาพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้อยู่อีกนะ ฟรานเองก็กำลังไล่ตามไปไม่ลดละเลย
ต้องระบุช่วงอายุในการรับชมมั้ยล่ะเนี่ย
“เปล่าค่ะ คือ ดิฉันลองดูสเตตัสของคนโรคจิตคนนั้นน่ะค่ะ”
“โอ้ เป็นไงบ้างล่ะ ตรงช่องคลาส (อาชีพ) มันเขียนไว้ว่า [คนโรคจิต] หรือไง?”
ถ้าเป็นแบบนั้น ก็แปลกดีนะ…
“เปล่าค่ะ มัน… เขียนไว้ว่า [เทพแห่งปัญญา] ค่ะ”
……หา?
“ล้อเล่นใช่มั้ยนั่น นั่นน่ะนะเทพแห่งปัญญา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”
[เทพแห่งปัญญา] เป็นหนึ่งในอาชีพใน [ซีรีส์เทพ]
อาชีพสายบุ๋นขั้นสูงสุดที่จะถูกมอบให้กับผู้ที่มีองค์ความรู้ในทุกแขนง สามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหล่านั่นได้อย่างคล่องแคล่ว และยังเชี่ยวชาญในศาสตร์พวกนั้นทุกด้านอีกด้วย นั่นแหละคือเวลาที่ตัวตนที่ถูกเรียกได้ว่าเทพแห่งปัญญาจะปรากฏตัวขึ้น
ตัวตนที่ว่านั่นคือยัยโรคจิตนั่นน่ะนะ? เป็นไปได้ด้วยเหรอนั่นน่ะ
“ต- แต่ว่า ไม่ว่าจะพยายามมองกี่ครั้ง ก็ยังเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“คงไม่ใช่ว่าสมบัติศักดิ์นั่นเสียหายแล้วหรอกนะ? ถ้าใครมาบูชายัยนี่ในฐานะเทพแห่งปัญญาจริงๆ ล่ะก็ ฉันคงต้องจับเจ้านั่นไปกักกันโรคซะก่อนล่ะ”
ไม่อยากเชื่อคำพูดของฟลูเรเทียเลยแฮะ
“ขอโทษที่ต้องให้รอ ท่านราชาปีศาจ และหัวหน้าเผ่ามนุษย์มารเรียกตัวให้เข้าพบได้แล้วนะ”
ไม่นาน ผู้ชายคนนั้นที่ช่วยนำทางให้พวกเราก็โผล่มาพอดี
“พอดีเลย ก่อนจะไปกัน ช่วยทำอะไรซักอย่างกับยัยบ้าโรคจิตนั่นทีสิ ฟลูเรเทียต้องเผชิญอะไรมาน่ะ รู้หรือเปล่า”
“ยัยบ้าโรคจิต…? หรือว่าจะ…”
หือ? รู้อะไรด้วยงั้นสินะ?
“อ้า! ว่าแล้วเชียวครับท่านวีเนล!! ทำอะไรของท่านน่ะครับ! พวกเราก็เคยบอกแล้วนี่ครับว่า ขอให้ท่านช่วยหยุดวิ่งไล่ตามโลลิโชตะซักทีน่ะครับ!”
“มันเป็นภารกิจของฉันที่จะเอ็นดูเหล่าโลลิโชตะทั้งหลายนะ แค่ได้มองดูก็ทำให้ฉันได้รู้สึกฟื้นฟูแล้วล่ะ ซื้ด――― ฮ่า―――”
“หยุดสูดหายใจเข้าลึกแบบเต็มไปด้วยจิตอกุศลแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ! …เฮ่ ยัยนี่เป็นอะไรกันแน่เนี่ย!”
พอฉันถามผู้ชายคนนั้นไป…
“……ท่านผู้นั้นคือท่านวีเนลครับ สตรีผู้ครอบครองสมองระดับอัจฉริยะ ผู้สามารถรับมือกับภาระงานกว่า 70% ของโลกมาร ทั้งด้านการบริหาร, การบัญชี, ความมั่นคง และงานที่ต้องใช้ความคิดอื่นๆ ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวเลย… [เทพแห่งปัญญา] ครับ”
……ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากให้มันเป็นแค่ข้อผิดพลาดของสมบัติศักดิ์สิทธิ์มากกว่านะ
TN: เป็นคนที่… เสมอปลายเสมอต้นจริงๆ ครับ 55555 หลายปีก่อนเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r