การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 181
“ห้าหมื่นล้านวอน….”
“ทําไมราคาพุ่งแรงจังฟะ?”
“ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน อย่าลืมว่าคนเสนอราคาคือกอร์ดอนโรฮัน เขากระเป๋าหนักจะตายไป”
บรรยากาศภายในสถานที่จัดงานประมูลพลันเงียบกริบ ผู้เข้าประมูลทุกคนมีทรัพย์สินพรั่งพร้อม แต่พวกเขามิบังอาจขวัญกล้าเสนอราคาแข่งขันกับกอร์ดอนโรฮัน
เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่? ลูกหลานตระกูลอภิมหาเศรษฐี? พ่อค้าน้ํามันรายใหญ่? ราชนิกุลจากต่างประเทศ? ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S? ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมด เมื่ออยู่ต่อหน้ากอร์ดอนโรฮัน พวกเขาไม่ต่างอะไรกับเด็กอมมือ ที่ไร้ประสบการณ์ เว้นเสียแต่ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งจะร่วมมือกัน พวกเขาอาจมีโอกาสเอาชนะกอร์ดอนโรฮันในแง่การเงินได้..
<< เสนอราคาสู้กับกอร์ดอนโรฮันที่มั่งมีเงินทอง...>>
<< เป็นความคิดที่โง่เขลา แทบจะไม่ต่างอะไรกับการทําคิมซูฮยอนต่อยตี ทั้งที่กระจ่างแก่ใจอยู่แล้ว ว่าไม่มีวันเอาชนะได้!! >>
<< จะมีใครกล้าหาญชาญชัย เปิดหน้าแข่งขันกับกอร์ดอนโรฮันไหมนะ? >>
<< ฉันอยากรู้จริงๆว่ากอร์ดอนโรฮันเตรียมทุนไว้มากแค่ไหน? >>
แม้ว่ากอร์ดอนโรฮันจะมีเงินมากมายก่ายกอง แต่ผู้เข้าประมูลทุกคน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้อาดามันเทียมมากขนาดไหน หรือแค่ประมูลเล่นๆ เพื่อความสําราญใจเฉยๆ
“ห้าหมื่นหนึ่งพันล้านวอน!!”
หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดก็มีบุคคลใจกล้า เสนอราคาแข่งขันกับกอร์ดอนโรฮันโดยไม่หวั่นเกรง
“หกหมื่นล้านวอน!!”
ราคาถีบตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังไม่หยุดเพียงเท่านี้…
“หกหมื่นสองพันล้านวอน!!”
“เจ็ดหมื่นล้านวอน!!”
“เจ็ดหมื่นหนึ่งพันล้านวอน!!”
“แปดหมื่นล้านวอน!!”
ตัวเลขขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประมูลเกือบจะทุกคนมีใบหน้าเหยเก ตอนแรกพวกเขากะว่าจะประมูลอาดามันเทียมเพื่อเก็บสะสม แต่ราคาพุ่งสูงกว่าที่คาดคะเนไว้มาก พวกเขายอมยกธงขาวแต่โดยดี
เมื่อราคาพุ่งทะยานไปถึงหนึ่งแสนลํานวอน กอร์ดอนโรฮันกระเดาะลิ้นพึมพําออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “ชิ น่ารําคาญสิ้นดี”
กลุ่มคนที่เบียดเสียดอยู่ในสถานที่ประมูลกลิ้นลมหายใจพร้างัดปากไม่ออก แม้กอร์ดอนโรฮันจะไม่ได้ระเบิดอารมณ์โมโหอย่างโจ่งแจ้ง แต่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา…
“ผู้ดูแลการประมูล ฉันมีข้อเสนอมาแนะนา คุณอยากจะฟังหรือป่าว?”
ลีคยองจองรีบตอบคําพูดของกอร์ดอนโรฮันกลับฉับพลัน “กล่าวมาได้เลยครับ”
“อาดามันเทียมก้อนนั้น หากนับรวมตัวฉันเข้าไปด้วย มีคนเสนอราคาแข่งขันกัน เพียง 5 คนเท่านั้น”
ขณะที่พูด กอร์ดอนโรฮันเลื่อนสายตามองไปยังผู้เข้าประมูลอีก 4 ท่านที่เสนอราคาสู้กับเขา แต่ละคนมีพื้นเพที่ไม่ธรรมดา คนที่หนึ่งเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนที่สองเป็นเจ้าของบริษัทชั้นแนวหน้าของประเทศอังกฤษ คนที่สามเป็นชายหนุ่มที่คร่ําหวอดอยู่ ในวงการน้ํามันคนที่สีเป็นชายวัยกลางคนที่ร่ํารวยเงินทองจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศจีน นับรวมทั้งหมดแล้วเหลือคู่แข่งอีกแค่ 4 คนเท่านั้น ที่กอร์ดอนโรฮันต้องขับเคี่ยวด้วย
กอร์ดอนโรฮันเผยอยิ้มมุมปาก กล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย “หยุดเพิ่มราคาทีละนิดเถอะ มันยืดเยื้อและเสียเวลาจะตายไป หงายไพ่พร้อมกันเลยดีกว่า ใครให้ราคาเยอะสุด คนนั้นก็ได้อาดามันเทียมไปครอบครอง คุณคิดว่าไง?”
“คุณก่าลังจะบอกว่า อยากจบการประมูลในครั้งเดียว?”
“ถูกต้องแล้ว ให้ผู้เข้าประมูล 5 คน เสนอราคาที่ตนเองสามารถจ่ายไหว ห้ามเสนอราคาเกินตัวเด็ดขาด ยิ่งให้ราคาสูง ก็เพิ่มโอกาสได้รับอาดามันเทียมก่อนนั้น ง่ายดีใช่ไหมล่ะ?”
ข้อเสนอของกอร์ดอนโรฮันเถรตรงและไม่สลับซับซ้อน สามารถยุติการประมูลได้ภายในรอบเดียว ผู้เข้าประมูลทั้ง 5 คน มีทรัพย์สินสุดคณานับ ราคาที่พวกเขายินดีจ่ายรวดเดียว อาจมากกว่าที่กําลังประมูลอยู่ตอนนี้ก็ได้…
<< วิธีของก็อนแจฮุนทุ่นเวลาลงไปได้เยอะ พวกขาทั้ง 5 คน คงมีราคาตั้งไว้ในใจอยู่แล้ว อีกอย่าง หากปล่อยให้งานประมูลไหลผ่านไปเรื่อยๆ คนที่เหนื่อยมากสุด คงหนีไม่พ้นฉัน... >>
ลีคยองจองขบคิดพักหนึ่ง ก่อนจะได้ข้อสรุปที่ลงตัว
“ข้อเสนอที่คุณแนะนํามาเข้าท่ามาก ไม่ทราบว่าทุกท่านเห็นด้วยหรือไม่ครับ?”
“ฉันเห็นด้วย”
“คนอื่นว่ายังไง ฉันก็ว่าตามนั้น”
“ฉันก็ไม่ขัดข้องเช่นกัน”
เมื่อผู้เข้าประมูลทั้ง 4 คนยอมรับข้อเสนอของกอร์ดอนโรฮัน ชุมนุมชนที่เปลี่ยนตัวจากผู้เข้าประมูลกลายเป็นผู้เข้าชม เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แววตาลุกวาว พวกเขากระสันอยากรู้ว่าราคาของอาดามันเทียมจะหยุดอยู่ที่เท่าไหร่…
“ในเมื่อผู้เข้าประมูลทั้ง 5 ท่านเห็นด้วย ผมจะแจกกระดาษให้คนละหนึ่งแผ่น ผู้เข้าประมูลเขียนราคาที่ต้องการลงไปในกระดาษได้เลย เมื่อเขียนเสร็จแล้วกรุณาส่งกระดาษมาให้ผมด้วย”
ลีคยองจองหยิบสมุดจดบันทึกออกมา ฉีกกระดาษหน้ากลางและมอบให้กับผู้เข้าประมูลทั้ง 5 คน เพื่อให้ผู้เข้าประมูลที่เหลือ เขียนราคาที่ตนเองพึงพอใจและคิดว่าจ่ายไหว
ใช้เวลาเพียงไม่นานผู้เข้าประมูลทั้ง 5 คนก็เขียนราคาที่ตนเองต้องใจเสร็จ ลีคย็องจองก่ากระดาษคําตอบที่อยู่ในมือแน่น
“ค่าตอบที่ทุกท่านรอคอยอยู่ในมือของผมแล้ว คนแรกที่ผมหยิบขึ้นมาได้แก่ เม็ก ไรอัน จํานวนเงินที่เขาเขียนลงในแผ่นกระดาษคือ 200 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นสกุลเงินเกาหลีจะอยู่ที่สองแสนเจ็ดพันล้านวอน”
“โห้..
“บ้าไปแล้ว!!
ราคาที่ผู้เข้าประมูลคนแรกเสนอมาดีดขึ้นจากตอนแรกเกือบจะ 2 เท่า ส่วนคนที่สองและคนที่สามเสนอราคาต่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ จึงหมดสิทธิ์ในการครอบครองอาดามันเทียมโดยสิ้นเชิง
ลีคยองจองค่อยๆคลี่กระดาษคนที่สื่ออก…
“คนที่สี่ ซื้อเจียงหง จํานวนเงินที่เขาเขียนลงในกระดาษคือ 500 ล้านดอลลาร์ ตีเป็นสกุลเงินเกาหลีจะอยู่ที่ห้าแสนหกหมื่นเจ็ดพันล้านวอน”
“500 ล้านดอลลาร์?”
“มารดามันเถอะ!!”
เมื่อราคาถูกขานออกมาจากปากอีคยองจอง สถานที่จัดการประมูลเกิดความโกลาหลขึ้นทันควัน ชื่อเจียงหง คือชื่อเสียงเรียงนามที่บรรดามหาเศรษฐีน้อยใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดีหรือไม่ก็ต้องเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง..
“สมแล้วที่เขาเป็นบุคคลที่มีอํานาจของประเทศจีน
“ฉันทราบดีว่าอีกฝ่ายมีเงินถุงเงินถังเยอะ แต่ฉันนึกไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะเต็มใจยอมจ่ายเงิน 500 ล้านดอลลาร์ เพื่ออาดามันเทียม….”
“ฉันเคยได้ยินคนอื่นเล่าว่า ชื่อเจียงหงเป็นนักสะสมตัวยง การที่เขาทุมเงินถึง 500 ล้านดอลลาร์ แสดงว่าเขาอยากได้อาดามันเทียมก่อนนั้นจริงๆ”
“ว่าแต่เขาจะเอาอาดามันเทียมไปท่าอะไร เก็บไว้ดูเล่นเฉยๆเหรอ? หรือข่าวลือที่หลุดออกมาว่าลูกชายของเขาเป็นผู้ตื่นขึ้นแล้วจะเป็นความจริง?”
“ก็แค่ข่าวลือไม่ใช่เหรอไง? จะเชื่อถือได้ขนาดไหนกันเชียว?”
ชุมนุมชนที่อยู่ในสถานที่จัดงานประมูลกระซิบกระซาบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแผ่วเบา ซื้อเจียงหงที่เสนอราคาประมูล 500 ล้านดอลลาร์ เชิดอกตรงวางมาดสูงส่งปรายตามองกอร์ดอนโรฮันด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง เหตุผลที่เขายอมทุ่มเงินมากถึง 500 ล้านดอลลาร์ เพราะต้องการตบหน้ากอร์ดอนโรฮันโดยเฉพาะ
“และแล้วก็มาถึงคนสุดท้าย…”
เมื่อลคยองจองเอ่ยคําว่าคนสุดท้าย ผู้คนต่างพากันปิดปากเงียบอีกครั้ง กระดาษแผ่นสุดท้ายเป็นของกอร์ดอนโรฮัน ซึ่งยังไม่ถูกประกาศต่อสาธารณะ พวกเขากลางแคลงใจเหลือเกินว่ากอร์ดอนโรฮันจะเสนอราคาที่สูงกว่าซื้อเจียงหงหรือไม่…
“คนที่ห้า กอร์ดอนโรฮัน จํานวนเงินที่เขาเขียนลงในกระดาษคือ หนึ่งพันล้านดอลลาร์ แปลงเป็นสกุลเงินเกาหลีจะอยู่ประมาณ หนึ่งล้านสามแสนห้าหมื่นล้านวอน”
ชุมนุมชนที่อยู่ในสถานที่จัดงานประมูลเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครกล้าปริปากพูด กระทั่งเสียงลมหายใจยังไม่ได้ยิน…
“หนึ่งพันล้าน…”
“ดอลลาร์?”
ผู้คนที่อยู่ในสถานที่จัดงานประมูลยืนอึ้ง พูดตะกุกตะกัก ลีคยองจองที่เห็น ดังนั้นรีบเอ่ยเรียกสติ…
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของคนใหม่ อาดามันเทียมก้อนนี้ ตกเป็นของกอร์ดอนโรฮัน!!”
หนึ่งพันล้านดอลลาร์คือจํานวนเงินมหาศาล คนทั่วไปแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันมีมูลค่าเยอะขนาดไหน แต่กอร์ดอนโรฮันยอมจ่ายไปอย่างง่ายๆโดยไม่มีทีท่าลังเล ซูฮยอนรับอาดามันเทียมด้วยสีหน้าล่าบากใจ
“นายไม่คิดบ้างเหรอว่าจํานวนเงินที่เขียนลงไป มันมากเกินไป?”
ซูฮยอนรู้สึกสมองตื้อ ไม่อยากจะเชื่อว่าอาดามันเทียมก้อนนี้จะเป็นของตัวเอง เขาขอร้องให้กอร์ดอนโรฮันช่วยเหลือเรื่องเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าการประมูลครั้งนี้เขาจะต้องเป็นผู้ชนะ ซูฮยอนให้คํามั่นสัญญาไว้แล้วว่าจะจ่ายเงินคืนให้ แต่เงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์เป็นจํานวนเงินที่ไม่ใช่น้อยๆ อาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะรวบรวมเงินครบหนึ่งพันล้านดอลลาร์…
“เป็นอะไรไป? ฉันอุตส่าห์ชนะการประมูลได้ทั้งที่ นายควรจะดีใจสิ ไหงทําหน้าที่ตาแบบนั้น?”
“ฉันแค่นึกไม่ถึงว่านายจะยอมทุ่มเงินเยอะขนาดนั้น”
“นึกว่ากังวลเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องเงินนี่เอง นายสบายใจเถอะ ฉันเคยบอกแล้ว ไม่ใช่เหรอ ว่านายไม่ต้องใช้คืน”
“ฉันเป็นคนขอร้องนายด้วยตัวเอง แค่นายสละเวลามาช่วยเหลือ ฉันก็รู้สึกเป็นเกียร ติแล้ว”
“รู้สึกเป็นเกียรติงั้นเหรอ…”กอร์ดอนโรฮันส่ายหัวพลางถอนหายใจค่าหนึ่ง
“ไม่แปลกที่นายจะคิดแบบนั้น แต่ว่า…”เขาสานสบตากับซูฮยอนตรงๆ ก่อนจะกล่าวต่อ..
“ฉันดูเหมือนคนใจบุญขนาดนั้นเลย?”
(คนใจบุญ] ไม่เหมาะกับบุคลิกภาพของกอร์ดอนโรฮัน ซึ่งเป็นซีอีโอสูงสุดของบริษัทกอร์ดอนและร่ํารวยติดระดับโลก การกระทําของเขาทุกอย่างย่อมมีเหตุผลรอง รับ…
“นายกําลังจะบอกอะไรกันแน่?”ซูฮยอนถาม
“นายไม่รู้คุณค่าของตัวเองเหรอ?”
ซูฮยอนไม่สามารถตอบคําถามของกอร์ดอนโรฮันได้ เขาไม่เคยคิดถึงคุณค่าของตัวเองมาก่อน ไม่สิ ต้องบอกว่าเคยคิด แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินตรงไหน…
กอร์ดอนโรฮันเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จอย่างล้มหลามก่อนจะเป็นผู้ตื่นขึ้น เสียอีก ค่าพูดของเขาคงสือประมาณว่า ตัวตนของซูฮยอนมีค่าไม่ต่างจากเงินทอง…
“พินิจพิเคราะห์กระแสไหลเวียนของโลกและมองดูตัวเอง กระจ่างแจ้งถึงสภาพปัจ จุบันและมองไปยังอนาคต นายคิดว่าตัวของนายมีคุณค่ามากแค่ไหน หนึ่งพันล้านด อลลาร์? หรือหมื่นล้านดอลลาร์?”
ตัวเลขที่ยกมามีมูลค่าสูงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่กอร์ดอนโรฮันต้องการจะ พูด…
“บอกตามตรง ฉันก็คาดเดาคุณค่าของนายไม่ได้เช่นกัน เพราะทําไมรู้ไหม? แม้ผู้ คนจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตลาดสากลและโลกมนุษย์แปรผันสม่าเสมอ หากเป็นสมัย ก่อนผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งจะขวนขวายหาแต่หินอีเธอร์ระดับสูงสุด กอร์ดอนโรฮันกล่าว ด้วยเสียงจริงจัง โดยเน้นย้ําคาว่า [สมัยก่อน] เป็นพิเศษ
“โลกในตอนนี้ ไม่เหมือนอีกแล้ว”
“นายพยายามจะสื่ออะไร?”
“คุณค่าของนายจะไม่หยุดนิ่งอยู่แค่หนึ่งพันล้านดอลลาร์ และสิ่งที่ฉันทําลงไปคือ การลงทุนให้กับอนาคตของตัวนายเอง”
“ถ้านายอยากลงทุน ทําไมถึงไม่…”
“ขึ้นชื่อว่าการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง ฉันเคยบอกตอนไหนว่าอยากได้ทุนคืน? นายไม่ต้องใช้เงินคืนและการที่ฉันยอมจ่ายเงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์ ก็ไม่เคยหวังให้นายทําอะไรเพื่อฉันด้วย”
ซูฮยอนเริ่มตระหนักชัดเจนถึงสิ่งที่กอร์ดอนโรฮันพยายามจะอธิบาย
“ในอนาคตข้างหน้า อาดามันเทียมก้อนนี้ อาจมีมูลค่ามากกว่าพันล้านดอลลาร์ มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ราคาจะพุ่งทะลุถึงแสนล้านดอลลาร์ ไม่ใช่สิ เมื่อถึงตอนนั้นเงินอาจไม่มีความหมายแล้วก็ได้…เพราะงั้น” กอร์ดอนโรฮันแย้มยิ้มพร้อมวางมือลงบนไหล่ซูฮยอน “ที่ฉันทําลงไป เพื่อลงทุนให้นายและอนาคตของโลกใบนี้ เข้าใจหรือยังล่ะ?”
หลังการประมูลยุติลง กอร์ดอนโรฮันรีบออกจากบ้านประมูล มุ่งหน้าไปยังเครื่องบินส่วนตัวที่จอดทิ้งไว้ในสนามบินต่อทันที เขาเดินทางกลับด้วยตัวคนเดียว ไม่มีบอดี้การ์ดค่อยอารักขาข้างกายเหมือนกับมหาเศรษฐีคนอื่น ตามความคิดเห็นของกอร์ดอนโรฮัน บอดี้การ์ดไม่มีความจําเป็นสําหรับเขา มีไปก็เกะกะเปล่าๆ แถมยังเตะตา คนอื่นอีก…
การมาเยือนประเทศเกาหลีหนนี้ กอร์ดอนโรฮันไม่ได้มาคนเดียว มีผู้หญิงคนหนึ่ง ติดตามเขามาด้วย เธอมีชื่อว่า แอชลิน ซึ่งเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S จากสหรัฐอเมริกา และเธอรู้จักมักคุ้นกับกอร์ดอนโรฮันมาหลายปีดีดัก
“เสียไปตั้งพันล้านดอลลาร์ เพื่อของชิ้นเดียว? ไม่คิดว่ามากเกินไปเหรอ?”
หลังมาถึงเครื่องบินส่วนตัว แอชลินเปิดปากทักทายเขาก่อนเป็นอันดับแรก แต่กอร์ดอนโรฮันไม่ตอบคาถามของเธอกลับ เขาจ่อมก้มนั่งลงและปรับเบาะเอนต่ํา
“ไหนนายบอกว่า 500 ล้านดอลลาร์ก็เพียงพอแล้วไง? ไปๆมาๆทําไมราคาดันพุ่งถึงพันล้านดอลลาร์ซะงั้น? ฉันไม่เคยเห็นนายเสียเงินเยอะเท่าครั้งนี้มาก่อน”
“เธอเชื่อฉันเถอะ การลงทุนของฉันไม่สูญเปล่า”
กอร์ดอนโรฮันสวมผ้าปิดตาที่วางไว้ข้างที่นั่ง ขยับตัวซ้ายทีขวาที หาตาแหน่งที่ร่างกายตนเองนอนสบาย
“ยิ่งไปกว่านั้น การที่ฉันยื่นมือช่วยเหลือซูฮยอนครั้งนี้ อาจทําให้เขาสานึกในบุญคุณของฉันก็ได้นะ
“นายคิดว่าเขาเป็นคนมีคุณธรรมขนาดนั้นเลย? ฉันว่าพรุ่งนี้ เขาก็ลืมคุณงามความดีของนายหมดแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าจริง ก็ช่างมันเถอะ ถือซะว่าเงินที่เสียไป คือค่าใช้จ่ายสําหรับซื้อความเป็นไปได้ก็แล้วกัน”
แม้กอร์ดอนโรฮันจะมีทรัพย์สินอุ่นหนาฝาคั่ง แต่หนึ่งพันล้านดอลลาร์ไม่ใช่ว่าจำนวนเงินที่น้อยเลย แน่นอนว่าจานวนเงินแค่นั้นไม่สะเทือนถึงสถานะทางการเงินของเขา อีกอย่างเงินที่เสียไปถือเอาว่าคือค่าใช้จ่ายในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา 2 คนก็ดูไม่เลว
สําหรับกอร์ดอนโรฮัน ตัวตนของซูฮยอนมีความพิเศษไม่เหมือนใครและไม่สามารถประเมินเป็นเงินได้
“ซฮยอนเป็นกาแพงที่ฉันต้องก้าวข้ามไปให้ได้ ยิ่งก่าแพงมีความสูงชันมากเท่าไหร่ โลกใบเล็กของฉัน ก็ยิ่งกว้างใหญ่มากขึ้นเท่านั้น”
“นายเลิกกระทบกระเทียบเปรียบเปรยแบบนั้นซะทีเถอะ ได้ยินทีไรขนลุกทุกที่”
“ถ้าเธอไม่อยากได้ยินค่าพูดว่าพึงรําพันของฉัน วันหลังเธอก็เอามืออุดหูไว้สิ เธอรู้อะไรไหม ในอนาคตอันใกล้ โลกของเราจะมีดันเจี้ยนระดับสูงปรากฏขึ้นหลายแห่งพร้อมกัน คุณค่าของคิมซูฮยอนจะยิ่งพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ฉันยอมจ่ายหนึ่งพันล้านดอลลาร์ ก็เพื่อลงทุนให้กับอนาคตข้างหน้า และบางที่ฮีโร่จะไม่ได้มีตัวตนแค่ในภาพยนตร์อีกต่อไป คิมซูฮยอนเนี่ยแหละที่มีแววว่าจะได้เป็นฮีโร่ตัวจริงของโลก”
“นายดูมั่นใจเหลือเกินนะ จะเป็นอย่างที่นายพูดแน่เรอะ?”
“กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โลกของเราเปลี่ยนแปลงไป เร็วมาก เวลาไม่เคยรอใคร หากคิมซูฮยอนยังสามารถคว้าชัยชนะในสงครามแก่งแย่งอันดับครั้งต่อไปได้อีกยุคทองของเขาจะเริ่มขึ้นต่อจากนั้น…”
แอชลินซ้อนตามองกอร์ดอนโรฮันอย่างประหลาดใจ กอร์ดอนโรฮันบอกว่ายุคทอง ของผู้อื่นกําลังจะมาถึงไม่ใช่ของตัวเอง ความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่เหมาะกับบุคลิก ของเขาเลยจริงๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเจ้าตัวไล่ความเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอดแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมถอยหลังให้คนอื่นรุดหน้าไปหนึ่งก้าว
<< ฉันคิดว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ของเขาต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์...>> หลังจากที่แอชลินได้ฟังความคิดเห็นของกอร์ดอนโรฮัน เธอก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่คิดไว้ในหัวผิดหมด
<< ที่ไหนได้ เหมือนจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดไว้>>
หนึ่งพันล้านดอลลาร์สําหรับกอร์ดอนโรฮันแล้วเป็นเพียงเงินกองเล็ก ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถหาคืนได้ การเสียเงินก้อนหนึ่ง เพื่อให้บุคคลที่มีความสามารถล่วงหน้าไปก่อน เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหากมอบความพ่ายแพ้ให้กับคนผู้นั้นได้ ยุคทองของกอร์ดอนโรฮันจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งและกลับมายิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรียิ่งกว่าเดิม
“หินก้อนนั้นมัน…?”
ทันทีที่ซูฮยอนได้รับอาดามันเทียมจากกอร์ดอนโรฮัน เขารีบร้อนวิ่งรถมาหาคิมแดโฮด่วนจี้ เมื่อหยิบอาดามันเทียมมาวางไว้บนโต๊ะ คิมแดโฮจ้องมองมันด้วยสีหน้าว่างเปล่า แววตาเลื่อนลอย
“อย่าบอกนะว่ามันคืออาดามันเทียม?”
“ใช่ครับ”
“เธอไปได้มันมาจากไหน?”
คําถามที่พูดออกมาจากปากของคิมแดโฮ ทําเอาซูฮยอนสะดุดใจขึ้นมาฉับพลัน คิมแดโฮแทบจะไม่เปิดทีวีรับชมข่าวสาร ไม่แปลกหากเขาจะไม่รู้ที่ไปที่มาของอาดามันเทียมก้อนนี้
“ผมได้มันมาจากการประมูล
“ประมูล? เธอมีเงินเยอะขนาดนั้นเลย?”
หลังพลั้งปากถามออกไปโดยไม่คิด คิมแดโฮรีบยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าอย่างสะเทิ้นเขินอาย เขาพึ่งนึกออกว่าซูฮยอนเป็นใคร แม้แต่คิมแดโฮที่ไม่สนใจข้อมูลข่าวสารของโลกภายนอกมากนัก ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าอาชีพผู้ตื่นขึ้นสามารถทําเงินได้ต่อปีมหาศาล และซูฮยอน ซึ่งเป็นผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมหาเงินได้มากกว่าผู้ที่นขึ้นธรรมดาเป็นสิบเท่า
<< ฉันขอไม่พูดดีกว่า ว่าเงินที่ซื้ออาดามันเทียมก่อนนี้ แท้จริงแล้วฉันหยิบยืมมาจากคนอื่น >>
ซูฮยอนคิดว่าเก็บเงียบไว้และปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดาเอาเองจะเป็นการดีที่สุด หากคิมแดโฮทราบราคาที่แท้จริงของอาดามันเทียมก้อนนี้ อีกฝ่ายอาจตกใจจนเป็นลมล้มพับก็ได้…
ซูฮยอนเมียงมองไปยังอาดามันเทียมก้อนใหญ่ที่นําติดตัวมา ด้วยขนาดก้อนเท่าฝ่ามือการจะสร้างอุปกรณ์ที่มีอาดามันเทียมเป็นส่วนประกอบล้วนๆ 2 ชิ้น เป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างไรก็ดี หากนําอาดามันเทียมไปผสมกับแร่โลหะชนิดอื่นอาจพอมีหวังอยู่…
“ลุงจําคําพูดที่เคยบอกให้ผมฟังก่อนหน้านี้ได้อยู่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินถ้อยค่าจากซูฮยอน คิมแดโฮเผยสีหน้าตกใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง เขาจําได้ว่ามีครั้งหนึ่งพวกเขา 2 คนกินเบียร์ไปหลายกระป๋องจนพากันเมาแอ๋ จากนั้นคิม แดโฮก็เล่าความปรารถนาในใจให้ซูฮยอนฟัง ซึ่งเขาก็ลืมไปแล้วว่าเรื่องที่เล่าให้ฝ่ายตรงข้ามฟังมีเรื่องอะไรบ้าง
“ค้อนของฮิฟิสตัสที่สร้างจากอาดามันเทียม” ซูฮยอนพูดเสียงยานคาง
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดที่จะ…”
เนื่องด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทําให้เผลอพูดความในใจออกไปอย่างลืมตัว แต่คิมแดโฮไม่เก็บมาใส่ใจเพราะมันคือความฝันลมๆแล้งๆที่ไม่มีทางสมหวัง นึกเสียว่าเป็นเรื่องตลกในวงเหล้าที่เล่าให้คนสนิทฟัง ไม่คิดเลยว่าซูฮยอนจะยังจํามันได้
ซูฮยอนเชิดอกยกหน้าขึ้น เอ่ยถามด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจว่า “ลุงคิดว่าอาดามันเทียมแค่นี้เพียงพอในการสร้างค้อนของฮิฟิสตัสหรือป่าวครับ?”