การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 179
เมื่อเทียบกับหอก 2 เล่มที่ซูฮยอนเคยขว้างออกไปก่อนหน้า หอกที่อยู่ในมือของ เขาตอนนี้มีลักษณะภายนอกค่อนข้างเหมือนหอกธรรมดา
หอก 2 เล่มก่อนหน้านี้ มีรอยแตกร้าวคล้ายลวดลายของกระดองเต่าสลักไว้อยู่บนบริเวณปลายแหลม และตัวหอกสามารถแยกตัวกลางอากาศได้ ร่วงหล่นลงมายังพื้นเบื้องล่างเหมือนห่าฝนก็ไม่ปาน
แต่หอกที่ซูฮยอนถืออยู่ในมือขณะนี้ ดูเรียบง่ายและยืดตรง
<< หรือฉันจะมองผิดไปเอง? >>
เชอร์นอฟลอบตาหนิตัวเองในใจที่ไม่ยอมสังเกตให้ดี เขาส่ายหัวละสายตาออกจากหอกของซูฮยอน ออกคําสั่งกับทีมโจมตีอีกครั้งว่า…
“ทุกคนได้ยินค่าพูดของหัวหน้าทีมโจมตีชัดแล้วใช่ไหม? ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกนายต้องเว้นระยะห่างจากรูปปั้นลิงยักษ์ตรงนั้นอย่างน้อย 3 กิโลเมตร
“ช่วยบอกเหตุผลด้วยสิครับ ทําไมพวกเราต้องท่าแบบนั้น?”
“คุณอยากให้พวกเราหนี้เหรอครับ?”
“หยุดถามซอกแซกแล้วปฏิบัติตามค่าสั่งซะ ไว้ค่อยอธิบายที่หลัง”
ทีมโจมตีละล้าละลังเล็กน้อยต่อคําสั่งที่ออกมาจากปากของผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ชาวรัสเซีย ไม่นานพวกเขาก็ยอมปฏิบัติตามคําสั่งแต่โดยดี ค่อยๆก้าวถอยหลัง และด้วยเหตุนี้จึงเหลือเพียง 2 คนเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิม นั่นก็คือ ซูฮยอน และ เชอร์นอฟ
ซูฮยอนเฝ้ามองร็อคคีย์จากระยะไกล ซึ่งมันก็กําลังใช้ดวงตาหินจับจ้องมายังมนุษย์ 2 คนเช่นกัน
เชอร์นอฟกลืนน้ําลายค่าหนึ่งอย่างประหม่า
<< เจ้านั่นต้องรับรู้การมาถึงของพวกเราแล้วแน่ๆ แต่ทําไมมันยังนิ่งอยู่อีก?...>>
นับตั้งแต่ ร็อคคีย์ ค้นพบการปรากฏตัวของมนุษย์ เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วหลายนาที แต่มอนสเตอร์ยังคงนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน สายตาไร้ความรู้สึกของมัน ทำเอาผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ชาวรัสเซียเสียวสันหลังวาบ
<< มอนสเตอร์ตัวนั้น ให้ความรู้สึกแตกต่างจากมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่ฉันพบเจอในดันเจี้ยนแห่งนี้ทั้งหมด >>
มอนสเตอร์ส่วนใหญ่มักมีอุปนิสัยดุร้ายกระหายเลือด หากพบเห็นมนุษย์ พวกมันจะกระโจนเข้าใส่ทันที บางครั้งมอนสเตอร์ด้วยกัน พวกมันก็ไม่ละเว้น
มอนสเตอร์ที่มีอิริยาบถสงบเสงี่ยมแบบนี้พบเจอได้ไม่บ่อยนัก เชอร์นอฟเดาไม่ออกเลยว่ามันกาลังคิดอะไรอยู่
กลิ่นอายบรรยากาศที่วนเวียนอยู่รอบตัวมัน ชี้ชัดว่ามันไม่ใช่มอนสเตอร์ทั่วไป แต่มันอาจเป็นหัวหน้าฝูงของลิงยักษ์กินเนื้อก็เป็นได้..
อีก!!
เมื่อตระหนักได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของร็อคคีย์อาจยิ่งใหญ่กว่าที่เห็นเปลือกนอกเชอร์นอฟรู้สึกว่าคอแห้งผาก อดไม่ได้ต้องกระเดือกน้ําลายชโลมคอ
“ไม่ต้องวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้ครับ คุณพยายามอยู่แนวหลัง แค่นี้ก็ปลอดภัยแล้ว ผมอยากให้คุณเล็งโจมตีจุดสําคัญของมัน”ซูฮยอนกล่าวจบพลันเดินไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งถือดาบ มือข้างหนึ่งถือหอก
“เดี๋ยวที่เหลือ ผมจัดการเอง”
“เข้าใจแล้วครับ…”
เชอร์นอฟสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งคันธนูพร้อมหยิบลูกศรออกมา 3 ดอก พลังเวทเริ่มแผ่ซ่านออกมาจากปลายนิ้วเคลือบลูกศรทั้ง 3 ดอก นัยน์ตาหรี่แคบจนแหลมคม
จากนั้นก็เล็งธนูไปยังเป้าหมาย การโจมตีด้วยลูกศรทั้ง 3 ดอก เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถช่วยเหลือซูฮยอนได้ระหว่างการต่อสู้ที่กําลังจะเกิดขึ้น
<< ใจเย็นไว้ตัวฉัน อย่าตื่นตม >>
เชอร์นอฟโก่งคันธนเต็มที่ จนสายธนตึงเปรี้ยะใกล้ขาดได้ทุกเมื่อ เล็งยิงไปทางร็อคคีย์
ซูฮยอนปล่อยเชอร์นอฟทิ้งไว้ด้านหลัง เดินเอื้อยเข้าหารูปปั้นลิงยักษ์
ร็อคคีย์ลดสายตาลงก้มหน้ามองพื้น รูปลักษณ์ภายนอกของมอนสเตอร์ที่ซูฮยอนกําลังเข้าใกล้ มีร่างกายใหญ่โตและดูเชื่องช้ํา ใบหน้าโฉดเขลาเบาปัญญา
แต่หารู้ไม่…
“เฮ้ เจ้าก้อนหินโสโครก”
ซูฮยอนประจักษ์แจ้งรู้เช่นเห็นชาติของมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างดี
“มัวรออะไรอยู่เล่า รีบเข้ามาหาฉันสิ มามะ!!”
ครืน!! ครืน!! ครั้น!!
เมื่อเห็นซูฮยอนกระดิกนิ้วท้าทาย ร็อคคีย์เริ่มขยับเขยื้อนร่างกายอย่างเรื่อยเฉื่อย แผ่นหลังที่ยืดตรง เผยให้เห็นความสูงที่มากกว่าสิบเมตรของมอนสเตอร์หิน
ฉับพลันนั้น…
โฮกกกกก!!
ตุ้ม!!
ร็อคคีย์แผดเสียงร้องคารามดังสนั่น กระโดดขึ้นไปบนอากาศวบ!!
ร็อคคีย์ปล่อยให้ร่างใหญ่โตดิ่งลงพื้น หวังใช้แรงโน้มถ่วงกับน้ําหนักตัวที่มาก บดขยี้ซูฮยอนให้แหลกเหลว
น่าเศร้าที่การกระทําของมันไร้ประโยชน์…
ฟรี่บ!!
ซฮยอนกระโดดขึ้นไปอากาศหลายครั้งติดต่อกัน หลบการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย
การเคลื่อนไหวด้วยสกิล [กระโดด] เพิ่มความคล่องตัวให้กับซูฮยอนได้หลายส่วน ถึงกระนั้นความปราดเปรียวคล่องแคล่วของร็อคคีย์ ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขาเท่าไหร่นัก
ร็อคคีย์อาศัยสภาพแวดล้อมให้เป็นประประโยชน์ ปีนขึ้นต้นไม้ที่เติบโตอยู่รอบๆ และใช้ส่วนห่างตวัดฟาดเข้าใส่ร่างกายของซูฮยอน
ปัง!!
ซูฮยอนไม่รั้งรอบิดกายเสื้อกดาบฟันตอบโต้ ดาบและหางของมอนสเตอร์หินเข้าปะทะกันเสียงดังกึกก้องไปทั่วป่า ดาบและหางกระดอนกลับหลัง..
ขณะที่ร็อคคีย์ส่งเสียงร้องอย่างอุ่นเคือง นัยน์ตาของมันมีประกายแสงสีแดงเรื่องรองเล็ดลอดออกมา…
โฮกกกกก!!
ตูม!!
ปัง!!
ซูฮยอนกระโดดไปตั้งหลักด้านหลัง ยืนทรงตัวอยู่บนต้นไม้ ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา มีการป้องกันและการโจมตีนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น แรงหมัดของร็อคคีย์ทําให้ต้นไม้ยักษ์แตกเป็นเสี่ยงๆคล้ายกับไม้จิ้มฟัน พื้นหน้าดินพลิกคว่าเละตุ้มเป๊ะ
ความสามารถของซูฮยอนโดยการใช้ดาบป้องกันพลังหมัดของร็อคคีย์น่าทิ้งอย่างแท้จริง แต่หลังจากที่เซอร์นอฟเห็นความเก่งกาจของร็อคคีย์ ความหวาดกลัวที่เคยอันตรธานหายไป ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง…
<< นี่นะเหรอความแข็งแกร่งของบอสดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน? >>
ร่างกายออกจะใหญ่โตปานนั้น แต่ทําไมถึงเคลื่อนที่ได้รวดเร็วนัก?
ไม่ใช่แค่นั้น มอนสเตอร์ตัวนั้นปีนป่ายและกระโดดผาดโผนไปมาระหว่างต้นไม้ได้ อย่างชํานาญ หากมันพุ่งเป้าไปที่ทีมโจมตีล่ะก็ ต่อให้ตั้งขบวนป้องกันเตรียมรอไว้ ก็ไม่มีทางต้านทานไหว เพียงหนึ่งลมหายใจ อาจมีคนเสียชีวิตมากถึง 10 คน หรือ มากกว่านั้น
<< มันเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างต้นไม่ได้ค่อนข้างเร็ว การโจมตีมันให้โดน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย >>
ขณะที่เชอร์นอฟางธนูเล็งยิงไปทางร็อคคีย์ เหงื่อพรายเย็นเฉียบไหลออกมาจากร่างกายของเขาอย่างห้ามไม่อยู่
จะเกิดอะไรขึ้นหากโจมตีพลาดเป้าและร็อคคีย์หันเหความสนใจมาหาเขาแทน? แค่จินตนาการภาพในหัว ก็ทําให้เซอร์นอฟเสียวไส้แล้ว ที่สําคัญถ้าลูกศรของเขาพลาดไปโดนซูฮยอนเข้า เหตุการณ์คงเลวร้ายลงยิ่งกว่านี้แน่
<< ฟ สงบสติอารมณ์เข้าไว้ มั่นใจในตัวเองหน่อย ฉันต้องทําได้ >>
คันธนูของเชอร์นอฟชี้ขึ้นไปบนต้นไม้สูง สายตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไม่มีชีวิตหรือสิ่งที่มีชีวิต อะไรก็แล้วแต่ที่อยู่รอบข้าง เขาสามารถรับรู้ได้หมด ไม่ช้า เชอร์นอฟพลันปล่อยมือจากสายธนู
ฟื้ว!!
ลูกศรทั้ง 3 ดอก ลู่ต้านแรงลม พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง จนสายตามองตามไม่ทัน
ฉีก!! ฉีก!!
โฮกกกกก!!
จังหวะที่ร็อคคียงอขาเตรียมกระโดดอีกครั้ง ลูกศร 2 ดอกปักเข้าไปที่ขาของมัน อย่างละข้าง ส่วนดอกที่ 3 ท่าลายกิ่งต้นไม้ที่มันกําลังใช้เหยียบ..
หลังจากโดนลูกศรทิ่มแทงขาทั้ง 2 ข้าง ร็อคคีย์เสียการทรงตัวหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเบือนหน้าจ้องมองผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ชาวรัสเซียตาขวาง
เชอร์นอฟที่บังเอิญสบสายตาสีแดงฉานของร็อคคีย์เข้า เส้นขนสรรพางค์กายลุกซู่ทั้งตัวเสียวสันหลังวาบ
จังหวะที่ร็อคคีย์หันหน้าไปมองทางอื่น…
ซฮยอนอาศัยช่องโหว่ที่เกิดขึ้นกระโดดลอยตัวอยู่เหนือหัวร็อคคีย์ พยายามย่นระยะห่างให้แคบลง เปลี่ยนตําแหน่งยืนใหม่ เพื่อหาชัยภูมิที่เหมาะแก่การขว้างหอก
“ทําได้ดีมาก คุณเช่อร์นอฟ”
เมื่อได้ชัยภูมิที่คิดว่าเข้าท่า ซูฮยอนงอตัวไปด้านหลัง พลังเวทค่อยๆโคจรไปรวมกันที่ปลายหอก
[หอกเกลียวคลื่น – รูปแบบระเบิดกัมปนาท]
อุป!!!
พลังเวทจํานวนมหาศาลเคลื่อนตัวไปรวมกันที่ปลายหอกหนาแน่นและหมุนวนอย่างเกรี้ยวกราด
ซูฮยอนบิดข้อมือขว้างหอกปราบมังกรออกไป แต่ครั้งนี้หอกปราบมังกรไม่ได้แตกตัวแยกจากกันเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา หอกปราบมังกรแล่นฉิวไปตามลม พลังเวทควบแน่นตั้งแต่ปลายหอกจรดด้ามหอก
เชอร์นอฟจ้องมองหอกที่ซูฮยอนขว้างออกไปตาไม่กระพริบ..
ทันใดนั้น ทัศนียภาพพลันเกิดประกายสีขาวสว่างวาบ ผู้ตื่นขึ้นชาวรัสเซียยกแขนป้องดวงตาเอาไว้ รัศมีแสงสีขาวทําให้ทัศนวิสัยกลายเป็นอัมพาต มองอะไรไม่เห็น…
<< เกิดอะไรขึ้นกัน?? >>
ผ่านไปได้พักหนึ่ง การมองเห็นของเขาเริ่มกลับคืนเป็นปกติ
ตูม!!
<< หม? >>
ภาพที่สายตาของเชอร์นอฟมองเห็นอยู่ตอนนี้คือ ร่างร็อคคีย์ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ กลางหน้าอกแหว่งเหวอะหวะเป็นรูขนาดใหญ่
ซูฮยอนโดดลงมาจากต้นไม้ ดึงหอกที่เสียบทะลุหน้าอกร็อคคีย์ออกมา
ปลายหอกปราบมังกรมีรอยชํารุดทรุดโทรมเห็นถนัดถนี่ คาดว่าหอกปราบมังกรคงไม่สามารถทนต่อสกิล รูปแบบระเบิดกัมปนาท] ได้อีก..
<< ท่าทางหอกปราบมังกรจะทนรับการโจมตี ได้แต่ 2 ครั้งเท่านั้น หากยังฝืนใช้ครั้งที่ 2 พลังอํานาจอาจลดทอนลง >>
แม้หอกปราบมังกรจะขึ้นรูปมาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ แต่ความทนทานย่อมมีขีดจํากัด เพราะพลังที่ไหลเวียนอยู่ในหอกมีมากเกินพอดี ตัวหอกจึงทนรับไม่ไหว…
อย่างน้อยหอกปราบมังกร ก็ยังดีกว่าหอกธรรมดาที่วางขายทั่วไปตามท้องตลาด หากเปลี่ยนเป็นหอกธรรมดาคงไม่สามารถทนรับคลื่นพลังเวทจากสกิล [รูปแบบระเบิดกัมปนาท] ได้ตั้งแต่เริ่มร่ายสกิลแน่ๆ กระทั้งดาบบัลมุงก์ก็เหมือนกัน หากไม่ผสมหินอีเธอร์ระดับสูงสุดกับอาดามันเทียมเข้าด้วยกัน ดาบบัลมุงก์อาจมีสภาพไม่ต่างกับหอกปราบมังกรในยามนี้ก็เป็นได้
<< จะว่าไปแล้ว การโจมตีด้วยหอกรอบที่ผ่านมา รุนแรงไม่แพ้การใช้ดาบเลยแฮะ >>
หอกปราบมังกรเป็นอาวุธประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งชาติที่แล้วซูฮยอนมีโอกาสใช้มันบ่อยมาก
หอกปราบมังกรสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ โจมตีได้ทั้งเป้าหมายเดียว และเป้าหมายกลุ่มแต่การโจมตีเป้าหมายเดียวจะระเบิดพลังทําลายล้างออกมาได้สูงกว่า
หลังจากการต่อสู้ยุติลง ซูฮยอนกระจ่างแจ้งได้ถึงข้อเสียอย่างหนึ่ง การโจมตีที่พึ่งผ่านมาสิ้นเปลืองเกินเหตุ
<< การใช้หอกปราบมังกรกับเป้าหมายเดียว ดูท่าจะไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ >>
โดยปกติแล้วหอกปราบมังกรจะเหมาะแก่การโจมตีเป้าหมายกลุ่ม แม้การใช้หอกปราบมังกรสังหารบอสมอนสเตอร์ลงได้จะเป็นเรื่องดีก็เถอะ แต่ในใจลึกๆของซูฮยอนรู้สึกเสียดายของยังไงชอบกล
จุดเด่นของหอกปราบมังกรคือสามารถแตกตัวเป็นหอกเล่มเล็กๆนับหมื่นได้ ทว่าพลังโจมตีจะหดหายไปหลายส่วน และการทําแบบนั้นเผลอๆอาจไม่ระคายเคืองผิวของร็อคคีย์ด้วยซ้ํา แทบไม่ต่างอะไรกับการเอาก้านมะยมจิ้มหิน
บอสมอนสเตอร์ส่วนมากมีพลังฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง ดังนั้นการโจมตีด้วยหอกปราบมังกรหนึ่งเล่มโดดๆ จึงทรงพลังและเป็นตัวเลือกที่สมควร
ซูฮยอนเคยปรึกษาหารือกับคิมแดโฮมาก่อน ไหว้วานให้อีกฝ่ายสร้างหอกที่ไม่มีวันแตกหักให้ เพื่อที่สักวันหนึ่งเขาจะได้ใช้สกิล รูปแบบระเบิดกัมปนาท อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
และวันนี้ หลังได้ประจักษ์อานุภาพพลังโจมตีด้วยสายตาตัวเอง ปฏิภาณของซูฮยอนสว่างวูบ คิดตกได้ว่าจุดมุ่งหมายต่อไปควรทําอะไร…
<< ฉันต้องเสาะหาอาดามันเทียมเพิ่ม >>
[อาดามันเทียม] คือแร่โลหะหายากและมีความทนทานมากที่สุดในโลกตอนนี้ คุณสมบัติที่โดดเด่นของ [อาดามันเทียม] คือสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ ด้วยคุณสมบัติที่ไม่เหมือนแร่โลหะชนิดอื่นๆ [อาดามันเทียม] จึงขึ้นรูปเป็นอาวุธได้ยาก หากช่างตีเหล็กไม่มีความชํานาญมากพอ อาดามันเทียม] แสนจะลําค่าก็เป็นได้แค่เศษเหล็กไร้ประโยชน์
ตามความคิดเห็นของซูฮยอนสกิล [รูปแบบระเบิดกัมปนาท] เหมาะแก่การใช้ ควบคู่กับอาวุธที่สร้างมาจาก [อาดามันเทียม] เป็นมากที่สุด
ซูฮยอนรู้ซึ้งถึงพลังทําลายล้างของมันแล้ว เมื่อเปรียบเทียบหอกปราบมังกรธรรมดากับหอกปราบมังกรที่มีสกิล [รูปแบบระเบิดกัมปนาท] ห่อหุ้ม พลังอานาจที่สําแดงออกมาแตกต่างกันคนละโลก [หอกเกลียวคลื่น – รูปแบบระเบิดกัมปนาท] รุนแรงกว่าเห็นๆ
และความรุนแรงของมัน อาจเพียงพอในการโค่นล้มฟาฟเนียร์ลงได้
เชอร์นอฟถี่เท้าไปหาซูฮยอนพร้อมถามด้วยน้ําเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่า “เหนื่อยห น่อยนะครับ คุณไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
“ไม่ครับ อวัยวะยังอยู่ครบ 32 คุณไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก จริงสิ เหมือนพวกเราจะพบทางออกแล้วด้วย อยู่ตรงโน้นไง เห็นไหมครับ?”
ซูฮยอนชี้นิ้วไปที่ขอบหน้าผา บริเวณแถวนั้น มีถ้ําแห่งซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าร็อคคีย์พยายามอาพรางเอาไว้ ปากถ้ําที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก มีหมอกควันสีน้ําเงินก่าจายออกมารําไร และนั่นคือประตูทางออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้
<< อาดามันเทียมหายากซะขนาดนั้น ฉันจะเสาะหามันได้จากไหน? >>
ซูฮยอนตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อับจนปัญญาไม่รู้จะหาสิ่งของที่ตัวเองต้องการได้จากแหล่งไหน ถอนหายใจยาวเรียกร่วมกลุ่มอีกครั้ง ก่อนจะเดินหน้าออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้พร้อมกัน..
<< ฉันสงสัยจังว่าผลตอบแทนที่ฉันจะได้หลังออกจากดันเจี้ยนไป จะได้เยอะขนาดไหนกัน? >>
หินอีเธอร์ที่ถูกค้นพบในดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินแห่งนี้กับเงินค่าตัว อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถทําให้เขาค้นพบ [อาดามันเทียม]
เป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนรู้สึกว่าเงินทองก็มีความสําคัญกับชีวิตความเป็นอยู่เช่นกัน หลายคนพูดจนเคยปากว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่เชื่อเถอะไม่มีเงินทุกข์ใจยิ่งกว่า
นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก เดวิด ซ่อบยานิน เร่งจ่ายค่าตัวให้กับซูฮยอนโดยพลัน แม้จะต้องสูญเสียเงินไปไม่น้อย แต่ดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินถูกพิชิตลงได้สําเร็จ ทรัพยากรที่ขุดพบด้านใน ย่อมมีมูลค่าสูงกว่าเงินว่าจ้างโจมตีดันเจี้ยนที่เสียไปหลายขุม
เดวิด ซอบยานิน ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าการโจมตีจะยุติลงเร็วขนาดนี้ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดเชื่อ จนกระทั่งได้รับคํายืนยันจากปากของทีมโจมตีคนหนึ่ง ที่ร่วมทางไปกับซูฮยอนด้วย…
“ผมคงไม่มีวันเชื่อ หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง นายกเทศมนตรี ท่านรู้อะไรรู้ไหมครับ ทุกคนในทีมโจมตีคิดเหมือนกันว่าฝีเท้าในการเดินหน้าของพวกเรารวดเร็วเพียงพอแล้ว แต่ซูฮยอนกลับบอกว่ายังเร็วไม่พอ ขนาดออกมาจากดันเจี้ยนแล้ว ผมยังตกใจเรื่องนั้นไม่หายเลยครับ”
1 วัน 12 ชั่วโมง คือระยะเวลาในการพิชิตดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน แถมวันแรกซูฮยอนบุกตะลุยดันเจี้ยนโดยไม่พึ่งพาพลังเวทเลยสักหยด โดยให้เหตุผลว่า อยากทดสอบสเตตัสความแข็งแกร่งที่เพิ่งยกระดับขึ้นและพิสูจน์อานุภาพความรุนแรงของหอก
หากไม่ใช่เพราะเหตุผลข้างต้น แค่วันเดียวซูฮยอนก็สามารถพิชิตดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินได้
หลังตรวจทานค่าว่าจ้างและฝากเข้าธนาคารเสร็จเรียบร้อย ซูฮยอนขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว บินกลับประเทศเกาหลีใต้ทันที
และมุ่งหน้าไปยังเขตคังนัมต่อ…
บ้านประมูลตั้งอยู่ใกล้สถานีคังนัม ซึ่งเป็นแหล่งขายหินอีเธอร์ยอดนิยมที่ผู้ตื่นขึ้นแวะเวียนมาหยิบจ่ายใช้สอยเป็นประจํา
ช่วงที่ผ่านมากิจการของบ้านประมูลเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด สิ่งของที่วางขายอยู่ในบ้านประมูลนั้น ไม่ได้มีแค่หินอีเธอร์เพียงอย่างเดียว ยังมีอาวุธอุปกรณ์อีกหลายชนิดที่มีส่วนประกอบเป็นหินอีเธอร์วางขายอยู่ด้วย…
“ผู้จัดการครับ!!”
ผู้จัดการบ้านประมูลชื่อว่า อีคยองจอง เผยสีหน้าบูดบึงให้กับพฤติกรรมที่ไร้มารยาทของพนักงานนายหนึ่ง ซึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องท่างานของเขาโดยไม่คิดเคาะประตู แม้จะมีเรื่องเร่งด่วน แต่มารยาทเป็นสิ่งสําคัญที่ไม่ควรขาดตกบกพร่อง การกระทําที่บ่มบ่ามของพนักงานคนนี้ ทําเอาลูกค้าที่กําลังเลือกซื้อของอยู่ข้างนอกทุกคน เพ่งมองมาที่ห้องทํางานของเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“หยุดโหวกเหวกโวยวายซะ ไม่เห็นหรือไงว่าลูกค้ามองมาทางพวกเราอยู่”
“ผมรู้ดีว่าทําตัวเสียมารยาท แต่ผู้จัดการครับ มีแขกที่ผู้จัดการควรออกไปรับหน้าไปเดี๋ยวนี้เลยยิ่งดีครับ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“คิมซูฮยอนอยู่ที่นี่ครับ เขามาเพื่อติดต่อทําธุรกรรมกับพวกเรา”
ซึ่ง!!
ลีคยองจองทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนทันควัน เก้าอี้หงายคว่าไปด้านหลัง กล่าวพูดกับพนักงานคนนั้นด้วยน้ําเสียงร้อนรนว่า “รีบนําทางฉันไปพบเขาเร็ว!!”
พนักงานพยักหน้าหงักๆรีบนําทางลีคยองจองไปยังห้องรับแขกอย่างรีบเร่ง หลังเดินมาได้ครึ่งทางหัวใจของลีคยองจองหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม กระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก เขาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย สูดหายใจเข้าลึกๆสงบจิตสงบใจ
นับตั้งแต่เปิดกิจการบ้านประมูลมา เขาไม่เคยรู้สึกตึงเครียดเท่าครั้งนี้มาก่อน
<< ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องเงิน อีกฝ่ายเป็นลูกค้ารายใหญ่ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะโฆษณาชื่อเสียงของบ้านประมูลให้ระบือไปทั่วโลก >>
ลีคยองจองทําใจให้สบาย ก่อนจะยกมือเคาะประตู
ก๊อก!! ก๊อก!!
“แขกผู้มีเกียรติ ขออนุญาตเปิดประตูเข้าไปนะครับ”
เอี้ยด!!
ลีคยองจองค่อยๆผลักประตูเปิดอย่างระมัดระวังและย่างเท้าเข้าไปในห้องรับแขกสายตาของเขาเพ่งพิศซูฮยอนที่นั่งรอบนโซฟาพร้อมมีแก้วกาแฟวางอยู่บนโต๊ะ
“พวกเราไม่ได้เจอกันนานมาก” ซูฮยอนเป็นฝ่ายกล่าวทักทายก่อน
“นั่นสินะครับ”
ใบหน้าของคยองจองที่เคยดําคล้ํา สว่างโร่ทันตาเห็น ความตึงเครียดที่กรุ่นอยู่ในอกจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาจ่าในหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้เจนใจ ผู้ตื่นขึ้นที่เคยหอบหิ้วหินอีเธอร์กองใหญ่มาเสนอขายให้กับบ้านประมูลเมื่อนานมาแล้ว เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก คิมซูฮยอน
“เล่นเอาผมตกใจเหมือนกันนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าลูกค้าในตอนนั้น จะเป็นคิมซูฮยอนที่กําลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้”
“ในสัญญาซื้อขาย ผมจําได้ว่าเขียนชื่อของตัวเองลงไปอยู่น่า คุณไม่ได้อ่านเหรอ?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปัจจุบันชื่อเสียงของคุณโด่งดังเป็นอย่างมาก ผมเลยไม่มั่นใจว่าสัญญาซื้อขายที่ลงนามชื่อคิมซูฮยอนเอาไว้ เป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่” อีคยองจองพูดด้วยรอยยิ้มละมุนละไมพลางกวาดสายตาสังเกตห้วงอารมณ์ของซูฮยอนอย่างพินิจ
ลีคยองจองพบปะพูดคุยกับบุคคลมาหลากหลายประเภท จึงสามารถจําแนกแยกแยะห้วงอารมณ์ของบุคคลที่สนทนาด้วยได้แทบจะทุกคน ยกเว้นบางคนที่มีหน้าตายโดยสมบูรณ์เท่านั้น ที่เขาจะมองไม่ออก แม้ภาพลักษณ์ของซูฮยอนจะดูสุขุมนุ่มลึก แต่ซูฮยอนยังมีห้วงอารมณ์และอุปนิสัยเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ได้เย็นชา พูดแค่คำสองคำก็หยุดพูดอะไรทํานองนั้น
จากการประเมินด้วยสายตาคร่าวๆของลีคยองจอง ซูฮยอนไม่ชอบการพูดคุยอ้อมค้อมวกไปวนมา…
“คุณเปรียบเสมือนแขกผู้มีเกียรติของทางเรา การที่คุณดั้นด้นมาหา ย่อมต้องมีเหตุผล เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณก่าลังคิดจะขายหินอีเธอร์ให้กับบ้านประมูลอีกครั้ง?”
ซูฮยอนพยักหน้าให้กับคําถามของลีคยองจอง
“ใช่ครับ แต่ก็มีเรื่องอื่นด้วย…”ซูฮยอนมีหินอีเธอร์ที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ในการครอบครองเป็นจํานวนมาก เทขายไปทั้งหมดก็ไม่มีอะไรเสียหาย สาเหตุหลักที่เขายอมถ่อมาที่นี่คืออย่างอื่น…
“ผมมีของที่อยากได้อยู่ชั้นหนึ่ง กะว่าจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณ ตามหาของสิ่งนั้นให้ผมหน่อย”