การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 165
ตอนที่ 165
“อย่างงี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมมอนสเตอร์ถึงพากันหายไปหมด..”ซูฮยอนพึมพํา
ตึกตัก!! ตึกตัก!!
ซูฮยอนหลับตาลง รวบรวมสมาธิตั้งใจฟังเสียงที่ดังออกมาจากใต้พื้นดินอีกครั้ง นอกจากเสียงหัวใจเต้นแล้วเขาไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลย ตอนที่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นครั้งแรกซูฮยอนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสุดๆ เพราะการที่เสียงสามารถเดินทางผ่านชั้นดินที่หนาเตอะได้หมายความว่าเจ้าของ หัวใจดวงนี้ต้องมีขนาดตัวที่ใหญ่พอสมควรไม่เช่นนั้นเสียงเต้นของหัวใจคงไม่ดังขนาดนี้แน่
ตามความรู้ที่สั่งสมมาตลอดหลายปีของซูฮยอนมีมอนสเตอร์เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่มีหัวใจขนาดใหญ่และในบรรดามอนสเตอร์พวกนั้นมีมอนสเตอร์เพียงตัวเดียวที่อาศัยอยู่ใต้พื้นดินใต้ทะเลหรือแม่น้ำได้
ครีน!! ครืน!!
พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างหนัก ไม่ใช่สิหากพูดให้ถูกการที่จู่ๆ พื้นดินก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นอาจเป็นไปได้ว่าใต้ดินมีอะไรบางอย่างกําลังเคลื่อนไหว
<<เป็นเต่าไททันไม่ผิดแน่!!>>
เต่าไททันกําลังเคลื่อนไหวใต้ดินซูฮยอนลืมตาขึ้นสีหน้าคงความสงบไว้เช่นเดิมแรงสั่นสะเทือนที่คล้ายแผ่นดินไหวดังขึ้นเป็นพักๆ
คิ้ว!! คิ้ว!!
มิรุขบเขี้ยวและเปล่งเสียงร้องคําราม เต่าไททันมีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นเต่าไททันยังแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่มิรุเคยเผชิญหน้า..
“มิรุ” ซูฮยอนส่งเสียงเรียก
คิ้ว!!
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของซูฮยอนมิรุสยายปีกและโผบินขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยมีซูฮยอนเกาะอยู่บนหลัง
เพียงไม่นานพื้นดินที่ซูฮยอนและมิรุยืนอยู่เมื่อครู่ก็เปิดเลิกแยกตัวออกจากกันเศษดินปลิวตลบไปทั่วอากาศ
แกร็ก!! แกร็ก!!
พื้นผิวหน้าดินพลิกไปอยู่ใต้ดิน ต้นไม้ที่เติบโตอยู่บริเวณนั้นหักโค่นระเนระนาดซูฮยอนที่กําลังเฝ้าดูเหตุการณ์จากบนท้องฟ้าเริ่มมั่นใจความคิดของตัวเอง…
<<หากคาดเดาไม่ผิด เหตุผลที่มอนสเตอร์หยุดโจมตีพวกเราคงเป็นเพราะพวกเราล่วงล้ําเข้ามาในอาณาเขตของเต่าไททัน>>
เต่าไททันเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่มีขนาดตัวใหญ่โตมโหฬารก่อนที่ฟาฟเนียร์จะปรากฏตัวและมีบทบาทสําคัญในสงครามเต่าไททันได้รับสมญานามจากมังกรตัวอื่นว่าเป็นมอนสเตอร์จอมเขมือบ มันกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
หลังจากฟาฟเนียร์ บอสที่ควบคุมกองกําลังมอนสเตอร์หายตัวไปเต่าไททันเลยหันมากินมอนสเตอร์พวก เดียวกันเองเป็นอาหารจึงเป็นเรื่องปกติที่มอนสเตอร์ตัวอื่นๆไม่กล้าย่างกรายเข้าใกล้อาณาเขตของเต่าไททันซึ่งปัจจุบันเต่าไททันเป็นนักล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในป่าแห่งนี้
คิว!! คิ้ว!!
มิรุเปล่งเสียงคํารามขึ้นอีกครั้งตอนแรกซูฮยอนคิดว่าสาเหตุที่มิรุร้องคํารามออกมา เพราะกลัวเต่าไททันแต่สังเกตจากน้ำเสียงและอากัปกิริยาเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด…
“เป็นอะไรไปมิรุ? เกิดอะไรขึ้น?”ซูฮยอนเอ่ยถาม
คิ้ว!! คิ้ว!!
อาการที่มิรแสดงออกมาไม่ใช่ความหวาดกลัวแต่เป็นความตื่นเต้นเสียมากกว่าตั้งแต่กระดองเต่าไททันค่อยๆโผล่ขึ้นมาเหนือหน้าดินราวกับว่ามิรุถูกปลุกเร้าเพราะจู่ๆมิรุก็แสดงอารมณ์คลุ้มคลั่ง
<<เขาอยากสู้กับเต่าไททันงั้นเหรอ?แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่>>
ซูฮยอนทราบเป็นอย่างดีว่ามิรุไม่นิยมชมชอบการต่อสู้มากนักในด้านบุคลิกภาพมิรุค่อนข้างคล้ายกับซูฮยอนส่วนหนึ่งมิรุไม่ชอบต่อสู้กับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าตนเองถ้าไม่จําเป็นจริงๆมิรุจะพยายามเลี่ยงการต่อสู้ให้ได้มากที่สุด..
<<หรือว่า…>>
ซูฮยอนเลื่อนสายตามองลงไปด้านล่างซึ่งกระดองของเต่าไททันโผล่ออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่ง
<<สาเหตุที่มิรเป็นแบบนี้ เพราะจินดามณี ?>>
มิรุเป็นทายาทสายตรงของราชามังกร แม่ใจจริงเจ้าตัวไม่อยากจะเป็นก็ตามจินดามณีมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรไม่แปลกทําไมมิรุถึงออกอาการแบบนี้..
<<เต่าไททันถือครองจินดามณีอยู่เหรอ?>>ซูฮยอนคิดในใจ
เต่าไททันเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่รอดชีวิตจากสงครามและยังอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างเต่าไททันเลือกอาศัยอยู่แต่ในป่า ไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน
ซูฮยอนรู้แจ้งเป็นอย่างดีว่าเต่าไททันเป็นมอนสเตอร์ที่สวาปามทุกอย่างที่ขวางหน้าและไม่หยุดอยู่กับที่เดิมนานๆ แสดงว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทําให้มอนสเตอร์อย่างเต่าไททันยอมหยุดอยู่ที่ป่าแห่งนี้และถึงขั้นยอมอดอาหารเป็นเวลานาน
จากการคิดตริตรองของซูฮยอน มีอยู่ 2 เหตุผล
เหตุผลที่ 1 อาจมีของวิเศษบางอย่างที่สามารถระงับความอยากอาหารของเต่าไททันได้
เหตุผลที่ 2 เพราะอิทธิพลของฟาฟเนียร์ยังคงหลงเหลืออยู่ที่นี่ ทําให้มันไม่อยากย้ายไปที่อื่น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จินดามณีจะอยู่กับเต่าไททัน
<<อย่าไปนึกถึงเหตุผลเลย ยิ่งคิดก็มีแต่จะทําให้ปวดหัวเปล่าๆ>>
ซูฮยอนไม่คิดเลี่ยงการต่อสู้กับเต่าไททันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากเต่าไททันครอบครองจินดามณีอยู่จริงจะเป็นผลดีกับเขามาก ถ้าซูฮยอนมีจินดามณีอยู่ในมือ หมายความว่าการทดสอบชั้นที่ 40 จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
ซูฮยอนขี่หลังมิรุลอยตัวอยู่บนอากาศและสังเกตเต่าไททันอย่างใกล้ชิด กระดองของเต่าไททันมีขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลโลกหลายสิบเท่า จะบอกว่าเหมือนเกาะขนาดย่อมๆก็ไม่ผิดนัก
ในด้านขนาดตัว เต่าไททันมีขนาดตัวใกล้เคียงกับอูโรโบรอสอย่างมาก แต่ขนาดตัวไม่สามารถวัดได้ว่าระหว่างเต่าไททันกับอูโรโบรอส ตัวไหนมีความอันตรายมากกว่ากัน…
<<จุดประสงค์ของการทดสอบครั้งนี้ คือการสังหารเต่าไททัน>>
การทดสอบชั้นที่ 30 ในเวลานั้น มอนสเตอร์อย่างอโรโบรอสไม่ใช่ตัวการสําคัญที่ซูฮยอนต้องจัดการอูโรโบรอสเป็นเพียงฉากประกอบให้การทดสอบออกมาสมบูรณ์เท่านั้นจะสังหารหรือปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา…
ซูฮยอนพึมพําด้วยท่าทีสงบนิ่งพร้อมชักดาบบัลมุงก์ออกมาจากฝัก ใบดาบสะท้อนเงาเต่าไททัน
“คนที่จะครอบครองจินดามณีได้ มีแค่คนเดียว สงสัยวันนี้คงต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือดตกยางออก”
วิธีที่ผู้ตื่นขึ้นเลือกใช้โจมตีดันเจี้ยน หลักๆแล้วมีด้วยกัน 2 วิธี
วิธีที่ 1 บุกตะลุยโจมตีดันเจี้ยนด้วยพลังทุกอย่างที่มี
ผู้ตื่นขึ้นจะไม่โจมตีดันเจี้ยนเพียงคนเดียว อย่างน้อยต้องรวบรวมสมาชิกให้ได้ 10 คนขึ้นไปหรืออาจน้อยก ว่านั้น โดยปกติแล้ววิธีนี้จะเหมาะแก่การโจมตีดันเจี้ยนที่ไม่มีข้อมูลหรือต้องการรีบเคลียร์ดันเจี้ยนให้ออกจากพื้นที่เร็วๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ดันเจี้ยนเกิดการระบาด
พักหลังๆ ดันเจี้ยนที่ซูฮยอนรับหน้าที่โจมตีส่วนใหญ่จะเป็นดันเจี้ยนแห่งใหม่ที่ไม่มีข้อมูลอยู่ในสารบบ หากดันเจี้ยนไหนมีข้อมูลอยู่แล้ว เขาจะปฏิเสธรับงานนั้น
วิธีที่ 2 รวบรวมข้อมูลเท่าที่หาได้และเตรียมความพร้อมสําหรับการโจมตี
การโจมตีดันเจี้ยนโดยใช้วิธีที่ 2 ค่อนข้างง่ายกว่าวิธีที่ 1 พอสมควร เพราะการมีข้อมูลอยู่ในมือทําให้ผู้ตื่นขึ้นที่รับหน้าที่โจมตีดันเจี้ยนรู้จุดอ่อนของมอนสเตอร์ที่อยู่ภายใน แม้จํานวนคนจะน้อยแต่ก็สามารถพิชิตดันเจี้ยนได้เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากดันเจี้ยนที่มีระดับต่ําผู้ตื่นขึ้นส่วนใหญ่มักเลือกใช้วิธีที่ 2 กันเพราะมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในดันเจี้ยนมีข้อมูลเกือบหมดจึงง่ายต่อการพิชิต
ความแตกต่างระหว่างตัวเขาในชาติภพที่ 1 และ ชาติภพที่ 2 แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ในชาติภพที่ 1 กว่าเขาจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ได้เกือบทุกตัว ต้องใช้เวลานานหลายสิบปีแต่ชาติภพที่ 2 นั้น เขาไม่ต้องเสียเวลารวบรวมข้อมูลใหม่ความทรงจําเก่าๆจากในอดีตยังจําได้เจนใจด้วยเหตุนี้ซูฮยอนจึงได้เปรียบคนอื่นๆเพราะมีความทรงจําทั้งในอดีตและปัจจุบัน
เขามีข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ส่วนใหญ่อยู่ในหัว อาวุธที่มีความคมมากกว่าดาบทุกเล่มก็คือข้อมูลที่อยู่กับตัวเขาเนี่ยแหละ
ฉวะ!! ฉวะ!!
รอยดาบฟันจุดเล็กๆและรอยขูดขีดบางๆ เริ่มปรากฏขึ้นให้เห็นบนกระดองเท่าไททัน
โฮกกกกกกกกกกกก!!
เต่าไททันยื่นหัวออกมาจากกระดอง อ้าปากร้องคํารามเผยเขียวแหลมคมให้ซูฮยอนประจักษ์เป็นขวัญตาเต่าไททันโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง มันยื่นหัวออกมาจากกระดอง เพื่อดูว่าใครกันที่กล้าโจมตีมันซึ่งซูฮยอนกําลังรอจังหวะนั้นอยู่พอดี..
[สกิลกระโดด]
ซูฮยอนใช้แผ่นหลังมิรุเป็นแท่นเหยียบกระโดดขึ้นไปบนอากาศ ทําให้ระยะห่างระหว่างตัวเขาและเต่าไททันเพิ่มขึ้นอีกหลายเมตรขณะกําลังลอยตัวอยู่กลางหาวซูฮยอนดีดนิ้ว…
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
โฮกกกกก!!
เปลวเพลิงพุ่งเข้าโจมตีรอยบาดแผลที่คมดาบฝากทิ้งไว้บนกระดอง เต่าไททันพึ่งโผล่หัวออกมาได้ไม่นานกรีดร้องเสียงแหลมปานเจ็บปวดร่างใหญ่โตของเต่าไททันเหวี่ยงซ้ายทีขวาที
ซูฮยอนฉวยโอกาสตอนที่เต่าไททันกําลังทรมานจากบาดแผลกระโดดลงจากหลังมิรุและไปยืนอยู่บนกระดองเต่าไททัน
ฉวะ!! ฉวะ!!
ใบดาบแหลมคมเฉือนเข้าไปยังกระดองเต่าไททันเต็มแรงการโจมตีที่ผ่านมาซูฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความเสียหายบนกระดองเต่าไททันตั้งแต่แรกอยู่แล้วกระดองเต่าไททันแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมากการโจมตีแต่ละครั้งจึงต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบไม่เช่นนั้นอาจเสียพลังเวทโดยไม่จําเป็นเหตุผลที่ซูฮยอนเหวี่ยงดาบโจมตีสร้างรอยขีดขวนเล็กๆน้อยๆบนกระดองเต่าไททันเพราะมีแผนการอยู่ในใจ
<<แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว>> ซูฮยอนคิด
เต่าไททันเป็นมอนสเตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันสุดแข็งแกร่งแถมยังคล่องแคล่วไม่สมกับขนาดตัวที่ใหญ่เทอะทะแต่ความคล่องแคล่วของเต่าไททันไม่อาจเทียบเคียงซูฮยอนได้
ซูฮยอนจึงคิดกลยุทธ์โจมตีอย่างหนึ่งขึ้นมาซึ่งกลยุทธ์ที่ว่ามีรูปแบบการโจมตีที่เรียบง่ายมากนั่นก็คือโจมตีอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง
ทันทีที่ซูฮยอนทําลายกระดองเต่าไททันได้สําเร็จเมื่อไหร่การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้นต่อจากนั้น…
<<ตอนนี้แหละ….>>
ซูฮยอนที่ยืนอยู่บนกระดองของเต่าไททันเสียบดาบแทงลงไปที่บริเวณรอยปริแตกของกระดอง ซึ่งเกิดจากการโจมตีก่อนหน้า…
ฉีก!!
คมดาบแทงทะลุไปถึงเนื้ออ่อนใต้กระดองซูฮยอนค่อยๆแบ่งถ่ายพลังเวทเข้าไปในตัวดาบ
[ดาบเกลียวคลื่น รูปแบบระเบิดกัมปนาท]
อีก!! ก๊ก!!
ดาบบ
สั่นสะเทือนหนักหน่วง ราวกับตัวดาบใกล้พังทลายเป็นเสี่ยงๆมวลพลังเวทมหาศาลแผ่ขยายไปทั่วกระดองเต่าไททัน
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
ชั่วอึดใจเสียงคล้ายระเบิดลูกใหญ่ดังก้องออกมาจากใต้กระดองหนาเตอะของเต่าไททัน เพราะซูฮยอนถ่ายเทพลังเวทลงไปในดาบเป็นจํานวนมากจึงได้ยินเสียงระเบิดดังผ่านรอยแตกของกระดองหลายครั้ง
กรอบแกรบ!! กรอบแกรบ!!
กระดองที่เลื่องลือเรื่องความแข็งแกร่งทนทาน เริ่มเกิดรอยปริแตกปรากฏเพิ่มมากขึ้น หลังจากซูฮยอนเพลิดเพลินไปกับการโจมตีซ้ําๆบนกระดองเต่าไททันเวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว 1 ชั่วโมงเขาเห็นว่าสมควรหยุดและเริ่มแผนการขั้นต่อไป…
“มิรุ!”ซูฮยอนกล่าวเรียกพลางกระโดดหนีออกมาจากกระดองเต่าไททัน ซึ่งรอยปริแตกเปิดกว้างขึ้นกว่าเก่า
“ปล่อยการโจมตีชุดใหญ่ให้เต่าไททันสักชุดสิ”
[ปราณมังกรขั้นสูง]
การต่อสู้ที่ผ่านมามิรพยายามถนอมพลังเวทเอาไว้ จึงมีพลังเวทสํารองเหลือเฟือ [ปราณมังกรขั้นสูง]คือท่าการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของมิรุ
วุป!!
มิรพ่นเปลวเพลิงสีขาวมวลมหึมาเล็งไปยังรอยปริแตกที่เกิดขึ้นบนกระดองเต่าไททัน ซูฮยอนที่หนีห่างออกมาจากกระดองเต่าไททันได้ไม่นาน เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและต้องใช้สกิลกระโดดอีกครั้งเพื่อหลบรัศมีความร้อนที่กระทบผิวกาย
<< อะไรกัน? >> ซฮยอนสบถออกมาอย่างลืมตัว
โฮกกกกก!!
เต่าไททันเปล่งเสียงร้องโหยหวน บ่งบอกว่าความร้อนจาก [ปราณมังกรขั้นสูง] สามารถทะลุกระดองที่หนาเตอะและกําลังแผดเผาเนื้ออ่อนนุ่มของมัน
<<พลังของมิรุแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ!!>>ซูฮยอนรู้สึกสงสัย
ซูฮยอนสั่งให้มิรุถนอมพลังเวทไว้ เพื่อใช้ยามจําเป็น [ปราณมังกรขั้นสูง] ที่ปล่อยออกไปเมื่อครู่มีอานุภาพรุนแรงกว่าที่ซูฮยอนคิดไว้มากความรุนแรงจาก[ปราณมังกรขั้นสูง] ที่มิรุปล่อยออกไปครั้งก่อนเทียบไม่ได้กับครั้งนี้
<< เป็นเพราะอะไรกันแน่? >>
มิรุหยุดเติบโตมาได้สักพักหนึ่ง ร่างกายที่ขยายใหญ่และพลังที่พัฒนา ทําให้มีรสามารถช่วยเหลือซูฮยอนได้หลายเรื่องนอกจากนี้จํานวนครั้งปราณมังกร]ที่ใช่ได้ ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและท่าการโจมตีอย่าง[ปราณมังกรขั้นสูง]ที่พัฒนาจา[ปราณมังกร] ธรรมดายังมีอานุภาพทําลายล้างทรงพลังยิ่ง
[ปราณมังกรขั้นสูง] ก็เปรียบเสมือนสกิลโจมตีระดับสูงแบบอื่นๆที่เน้นไปที่การล้างผลาญ แต่การระเบิดพลัง ของมิรุเมื่อครู่นี้อยู่เหนือความคาดหมายของซูฮยอนอย่างแท้จริง
หลังจากการโจมตีของมิรุผ่านพ้นไปซูฮยอนกวาดสายตาเหลือบมองลงไปด้านล่าง กระดองเต่าไททันที่โดน[ปราณมังกรขั้นสูง]เข้าไปเต็มเปาและสมควรแตกออกเป็นเสี่ยงๆกลับมีสภาพคล้ายเดิมการโจมตีของมิรสร้างรอยปริแตกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อยเท่านั้น
<< น่าตกใจจริงๆ นอกจากจะป้องกันอาวุธมีคมได้แล้ว กระดองเต่าไททัน ยังสามารถต้านทานพลังเวทได้อีกเหรอเนี่ย >>
แม้จะโดน [ปราณมังกรขั้นสูง] เข้าไปจังๆ แต่กระดองเต่าไททันยังคงมีสภาพดีเหมือนเดิม โชคดีที่การโจมตีของมิรสามารถสร้างรอยแตกเพิ่มได้ เหตุผลที่ [ปราณมังกรขั้นสูง] ของมิรุไม่มีอานุภาพเพียงพอในการทําลายกระดองเต่าไททัน ไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของมิรุอ่อนแอแต่อย่างใด…
<< ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมเต่าไททันถึงเป็นศัตรูโดยธรรมชาติกับเผ่าพันธุ์มังกร >>
เต่าไททันเป็นศัตรูที่เหล่ามังกรไม่อยากเผชิญหน้าด้วยมากที่สุด เพราะ [ปราณมังกร] ที่มังกรทุกตัวสามารถใช้ได้ไม่ใช่การโจมตีทางกายภาพล้วน [ปราณมังกร] จําเป็นต้องบีบอัดพลังเวทลงไปด้วยส่วนหนึ่งเต่าไททันจึงสามารถป้องกันได้อย่างไม่ยากเย็น
<<เผลอคิดนอกเรื่องอีกแล้วเรา…>> ซูฮยอนส่ายหัวจัดระเบียบความคิดอ่าน
<<ค่อยเก็บไว้คิดทบทวนภายหลังก็ได้ ตอนนี้ฉันกําลังอยู่ในช่วงการต่อสู้ ฉันควรมุ่งเม้นความสนใจไปที่เกราะป้องกันของเต่าไททันโจมตีอีกไม่กี่ทีกระดองน่าจะแตกแล้ว>>
กระดองที่ปกคลุมร่างเต่าไททันใกล้แตกรอมร่อ อีกไม่นานเต่าไททันจะไม่ต่างอะไรกับทหารกล้าที่สูญเสีย หอกคู่มือและชุดเกราะประจํากาย สุดท้ายต้องจําใจกระโจนเข้าสู่ศึกสงครามด้วยร่างเปลือยเปล่าปลายทางที่รอ อยู่ข้างหน้ามีแต่ความตายเท่านั้น…
<<ฉันต้องฟันกระดองเต่าไททันให้แตก>> ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนยังมีพลังเวทสํารองเหลืออยู่เยอะ เพราะการโจมตีที่ผ่านๆมาทั้งหมด เขาอาศัยแค่แรงเหวี่ยงของดาบบัลมงก์เพียงอย่างเดียว
<<เจ้ากระดองเฮงซวย จงหายไปซะเถอะ!!>>
ซูฮยอนใช้หลังมิรุเป็นแท่นเหยียบอีกครั้งและกระโดดไปยืนอยู่บนกระดองเต่าไททันอีกรอบ
ฟรี่บ!! ฟรี่บ!!
เฉิวะ!! ฉวะ!!
ดาบบัลมุงก์แทงซ้ําไปที่รอยแผลเดิมตรงกลางกระดองเต่าไททัน..
โฮกกกกกก!!
<< ตัวใหญ่อาจดูน่าเกรงขาม แต่หากมีข้อมูลและรู้เทคนิค ก็สามารถจัดการได้ง่ายๆ >>
เป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อย ที่จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเต่าไททันคือกระดองขนาดใหญ่และเป็นอวัยวะที่แข็งแกร่งที่สุดบนตัวมันเต่าไททันเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่มีพลังป้องกันสุดกล้าแกร่งในอีกแง่หนึ่งหมายความว่าเต่าไททันมีดีแค่พลังป้องกัน หากไม่มีกระดองคอยป้องกัน เต่าไททันก็ไม่ต่างกับตัวอ่อนแมลงที่รอซูฮยอนบดขยี้
ซูฮยอนปลุกพลังเวทในร่างกายให้ตื่นขึ้น พลังเวทจํานวนมหาศาลพรั่งพร้อมอยู่ในดาบบัลมุงก์
วุป!! วุป!!
[เพลิงพิโรธ]
[ดาบเกลียวคลื่น รูปแบบระเบิดกัมปนาท]
[เปิดใช้งานคุณสมบัติ “ฮีโร่-อมตะ]
แม้สกิล [ฮีโร่อมตะ] จะคงความสามารถได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็มีประโยชน์ช่วยเพิ่มความรุนแรงการโจมตีทางกายภาพและพลังเวทของเขาอย่างมหาศาล ดาบบัลมุงก์ที่สร้างจากอาดามันเทียมส่งเสียงศึกลึกออกมาไม่หยุด ราวกับว่าใกล้แตกสลายเต็มทน การที่ดาบสั่นไหวไม่ยอมสงบหมายความว่ามีพลังเวทจํานวนมากกําลังไหลเวียนอยู่ภายใน
โฮกกกกกก!!
คล้ายกับสัมผัสได้ถึงความอันตราย เต่าไททันรีบหดหัวกลับเข้าไปในกระดอง สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเต่าไททันแข็งแกร่งไม่แพ้กระดองของมันเลย กลิ่นอายที่ไม่ชอบมาพากลทําให้เต่าไททันตัดสินใจรีบซ่อนตัวซูฮยอนที่กะจะโจมตีส่วนหัวของมันถึงกับต้องหยุดชะงักไป
“ซ่อนตัวอยู่ในกระดองต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะตอนนี้ ฉันสามารถทําลายกระดองของแกได้แล้ว”
สายตาของซูฮยอนเพ่งมองไปยังรอยแตกขนาดใหญ่บนกระดองเต่าไททัน
[สกิลกระโดด]
ฟรี่บ!!
ซูฮยอนกระโดดขึ้นไปบนอากาศเหลือภาพเงาติดตาทิ้งไว้ด้านหลัง จากเดิมซูฮยอนยืนอยู่กึ่งกลางของกระดองแต่ตอนนี้เขาไปปรากฏตัวอยู่บริเวณแถวส่วนหัวของเต่าไททันแทน
ฉวะ!!
ในที่สุดดาบซูฮยอนก็สามารถเจาะทะลุกระดองที่แข็งแกร่งของเต่าไททันได้สําเร็จ
เมื่อกระดองที่ป้องกันร่างเต่าไททันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆซูฮยอนง้างดาบขึ้นสุดแขน และฟาดดาบเข้าไปที่ส่วนหัวของเต่าไททันเต็มเหนี่ยวคมดาบสะบั้นหัวเต่าไททันแยกขาดออกจากลําตัวเลือดสีแดงสาดกระเซ็นพวยพุ่งดุจเขื่อนแตก