การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 150
ตอนที่ 150
ซูฮยอนชำเลืองตามองแผ่นหลังกว์อนแจฮุน ขณะกำลังเดินห่างออกไป ไม่นานกลุ่มสมาชิกกิลด์ฮาโฮตาลทั้งหมดก็หายลับตา เหลือทิ้งไว้แต่กลุ่มนักข่าว
เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ บักหยุนกิวและผู้ตื่นขึ้นที่ทำงานให้กับผู้อำนวยการ จึงเริ่มเคลื่อนไหว
“นักข่าวทุกท่าน หากมีคำถามอยากสัมภาษณ์ กรุณาเก็บความสงสัยไว้ถามภายหลัง” บักหยูนกิวกล่าวเสียงดัง
“ผู้อำนวยการจะติดต่อให้สัมภาษณ์กับพวกคุณด้วยตัวเอง ฉะนั้นจึงอยากขอความร่วมมือให้นักข่าวทุกท่านรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด”
“แต่เราได้ยินมาว่า นักข่าวได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ทั้งก่อนและหลังโจมตี…”
“นั่นเป็นคำพูดของกิลด์ฮาโฮตาล ไม่ใช่เรา หากพวกคุณอยากสัมภาษณ์จนตัวสั่น ทำไมไม่ไปหากิลด์ฮาโฮตาลซะล่ะ พวกเขาเดินจับกลุ่มอยู่ตรงโน้น”
ตอนแรกนักข่าวทุกคนตั้งใจมาสัมภาษณ์ก็อนแจฮุนโดยเฉพาะ แต่กิลด์ฮาโฮตาลที่ปาวประกาศโจมตีดันเจี้ยนดิบดี กลับหมดสิทธิ์โจมตีดันเจี้ยนไปซะดื้อๆ ต้นเหตุเป็นเพราะก็อนแจฮุนบุ่มบ่ามโจมตีดันเจี้ยน โดยไม่ปรึกษากับผู้อำนวยการ ยิ่งไปกว่านั้นกิลด์ฮาโฮตาลไม่มีสิทธิ์โจมตีดันเจี้ยนตั้งแต่แรกแล้วด้วย..
นักข่าวทุกคนต่างพากันปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าแทรกตัวไปสัมภาษณ์ซูฮยอนเลยสักคน อาชีพนักข่าวต้องมีไหวพริบและรู้จักแก้ไขสถานการณ์เบื้องหน้า โดยเฉพาะผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S อย่างซูฮยอน พวกเขาจำเป็นต้องวิเคราะห์สีหน้าของฝ่ายตรงข้ามให้ทะลุปรุโปร่ง หากพวกเขากดดันซูฮยอนมากเกินเหตุ ซูฮยอนอาจไม่อนุญาตให้พวกเขาทำข่าวหลังจากพิชิตดันเจี้ยนสำเร็จก็เป็นได้…
“คุณบักหยุนกิวพูดถูก”
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้มั้ง”
“เห็นด้วย เราได้คอลัมน์ข่าวเด็ดมาแล้ว ไว้การโจมตีดันเจี้ยนสำเร็จลุล่วงเมื่อไหร่ ค่อยหาโอกาสมาสัมภาษณ์อีกที”
ถึงแม้จะโดนไล่ตะเพิด แต่นักข่าวทุกคนไม่ได้รู้สึกสูญเสียเวลาไปเปล่าๆ เพราะการมาที่นี่ทำให้พวกเขาได้หัวข้อข่าวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในปัจจุบัน คิมซูฮยอน เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลก หากถามประชาชนว่าอยากทราบข่าวของใครมากกว่ากัน ระหว่างกิลด์ฮาโฮตาลและคิมซูฮยอน นักข่าวทุกคนปักใจเชื่อว่าผู้คนจำนวนมากต้องเลือกอ่านข่าวเกี่ยวกับคิมซูฮยอนโดยไม่ลังเลแน่ๆ
“เฮ้อ ในที่สุดพวกเขาก็ไปสักที”
เมื่อเห็นบรรดานักข่าวเดินจากไป ฮักจุนที่ยืนตัวเกร็งพร้อมเม็ดเหงื่อพราย ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สำหรับเขาการรับมือกับนักข่าวยุ่งยากยิ่งกว่าสงครามแก่งแย่งอันดับหรือโจมตีดันเจี้ยนเสียอีก
“นายรีบปรับตัวให้ชินเถอะ ฉันเชื่อว่าในอนาคต นายต้องเป็นจุดสนใจของสาธารณชนมากยิ่งกว่านี้อีก”ลีจุนโฮพูดพลางตบไหล่ฮักจุน
“อย่าลืมว่าตอนนี้ นายคือผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่อายุน้อยที่สุด ในสายตาคนทั่วไป นายเป็นเหมือนฮีโร่”
“ฮีโร่? ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“แต่มันเป็นความจริงไม่ใช่เหรอ?”
“ดื่ม…”
ฮักจุนก้มหัวต่ำ ยกมือเกาแก้มตัวเองราวกับกำลังเขินอาย เมื่อเห็นฮักจุนแสดงอาการเหนียมอาย ลีจุนโฮอดยิ้มมุมปากไม่ได้ “อย่างที่ฉันบอกไป นายต้องปรับตัวให้ชินกับมันเร็วๆ”
เสียงที่ลีจุนโฮเปล่งออกมาจริงจังผิดปกติ ฮักจุนจึงไม่สามารถตอบกลับด้วยคำพูดติดตลกเหมือนเมื่อก่อนได้ ลีจุนโฮที่เห็นฮักจุนไม่พูดอะไรออกมา เลยตัดสินใจกล่าวต่อ…
“นายเห็นซูฮยอนไหม? เมื่อก่อนเขาก็มีอาการแบบนายเนี่ยแหละ แต่ตอนนี้เขาปรับตัวได้ดีขึ้นมาก เพราะงั้นนายต้องพยายามเข้มแข็งเข้าไว้ ห้ามอายเวลายืนอยู่ต่อหน้านักข่าวเด็ดขาด”
“แบบนั้นมัน…”
“ในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่ใช่สิ อีก 5 ปี โลกที่พวกเราอาศัยอยู่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง”ลีจุนโฮพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สายตามองไปที่ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
“เหมือนที่ซูฮยอนเคยพูดไว้ ดันเจี้ยนกำลังกลืนกินโลกของเรา เมื่อถึงเวลานั้น คนที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ คงมีแต่ นายและซูฮยอน ดังนั้น…”
ลีจุนโฮตบไหล่ฮักจุนด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างลูบบริเวณท้ายทอยอย่างขัดเขิน
“ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ…ฉันอยากให้นายเป็นฮีโร่ของทุกคน รวมถึงฉันด้วย”
เมื่อลีจุนโฮพูดจบ เขาก็รีบวิ่งอ้าวไปหาโทมัสที่กำลังเกาะแกะกับซูฮยอนไม่ยอมเลิก
ลีจุนโฮพูดออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ฮักจุนกระจ่างแก่ใจว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นเขากำลังบอกให้ฮักจุนทราบว่าความสามารถของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ลีจุนโฮพยายามอย่างหนักเพื่อไล่ตามซูฮยอนให้ทัน เขายอมเสี่ยงอันตรายและเพิ่มระดับความยากในการทดสอบบนหอคอย สุดท้ายเขาก็มาถึงแรงค์ A ได้สำเร็จ
แต่การเพิ่มระดับความยากจาก 4 ไปเป็น 5 ไม่เพียงพอต่อการเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S หากซูฮยอนไม่กล่าวตักเตือนลีจุนโฮว่าถ้าร่างกายไม่ไหวอย่าฝืน เขาคงท้าทายระดับความยากที่ 6 ไปแล้ว
“ความแตกต่างระหว่างระดับที่ 5 ถึงระดับที่ 6 มีช่องว่างใหญ่ยิ่งกว่าระดับที่ 4 ถึงระดับที่ 5 อีกนะ ฉันเตือนด้วยความหวังดี ตอนนี้นายอย่าพึ่งท้าทายการทดสอบระดับที่ 6 เลย รอให้ร่างกายชินกับระดับที่ 5 ก่อนดีกว่า”
ไม่นานมานี้พวกเขาได้ตั้งวงสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ตามภาษาเพื่อนฝูง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะต้องการคำปรึกษาหรือฤทธิ์แอลกอฮอล์ ลีจุนโฮถึงได้ยอมสารภาพความในใจให้ซูฮยอนและฮักจุนรับฟัง ซูฮยอนที่ได้ฟังเลยบอกกล่าวคำแนะนำให้แก่ลีจุนโฮไป
จากวันนั้นเป็นต้นมา ลีจุนโฮก็กลายเป็นคนไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกังวลอะไรสักอย่าง ทิ้งระยะห่างไม่นาน เขาก็กลับมาร่าเริงเหมือนปกติ แต่ที่แปลกออกไปคือลีจุนโฮอำนวยความสะดวกงานเบ็ดเตล็ดให้แก่ซูฮยอนและฮักจุนเกินหน้าเกินตา ราวกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถแบ่งเบาภาระได้
ก่อนที่วงสังสรรค์จะแยกย้ายกลับบ้าน ลีจุนโฮกล่าวทิ้งท้ายไว้อีกประโยคว่า “ช่วยไม่ได้เนอะ”
เขาเทเบียร์ใส่แก้วแล้วกระดกจนหมด “คนเรามีพรสวรรค์ไม่เท่ากัน”
[พรสวรรค์] เป็นคำที่ไม่ว่าจะเป็นลีจุนโฮหรือคนอื่นๆต่างทราบความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำนี้เป็นอย่างดี ฮักจนคิดว่าถ้าเวลาผ่านไป ลีจุนโฮคงลืมเรื่องนั้นไปได้ แต่จากการพูดคุยเมื่อครู่ฮักจุนทราบแล้วว่าลีจุนโฮยังไม่ลืมเรื่องนั้น ความคิดนั้นยังคงก่อกวนจิตใจของเขาเรื่อยมา
ฮักจุนยกย่องลีจุนโฮให้เป็นพี่ใหญ่ของตัวเอง ทว่าจากสายตาของลีจุนโฮที่เต็มไปด้วยความขมขึ้น ทำให้ฮักจุนไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี เขาเลยเดินตามหลังลีจุนโฮไปอย่างเงียบๆ
เมื่อนักข่าวทุกคนหายไปหมด ซูฮยอนจึงก้าวเดินไปหาบักหยูนกิวที่กำลังยืนรออยู่
“ที่นายพูดก่อนหน้านี้ นายเอาจริงเหรอ?”บักหยูนกิวถามเน้นเสียง
ซูฮยอนประกาศต่อหน้าทุกคนว่า เขาจะโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินด้วยตัวคนเดียว
“ใช่ครับ ผมเอาจริง”
“ถ้านายเลือกแบบนั้น แล้ว…”
“ดันเจี้ยนมีทั้งหมด 2 แห่ง ผมรับไว้ 1 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 1 แห่ง คุณนำทีมไปโจมตีก็แล้วกัน อย่าลืมพา ฮักจุน โทมัส และลีจุนโฮไปด้วย”
“นายมั่นใจ?”
บักหยุนกิวดีใจเป็นอย่างมากที่ฮักจุนและโทมัสจะเข้าร่วมทีมกับเขา แม้ว่าฮักจุนจะกลายเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ได้ไม่นาน แต่เขาเป็นผู้ตื่นขึ้นเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝ่าฟันเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของสงครามแก่งแย่งอันดับได้ ส่วนความแข็งแกร่งของโทมัส ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง
<<หมายความว่ามีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S 3 คนอยู่ในทีมของฉัน แต่ว่า…>>
ซูฮยอนเป็นผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งก็จริง แต่บักหยุนกิวอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินเพียงคนเดียวเป็นความคิดที่บ้าบินมาก
หากพลาดพลั้งแล้วซูฮยอนเกิดเสียชีวิตในดันเจี้ยน การสูญเสียบุคลากรคนสำคัญของประเทศอย่างซูฮยอนไป มีหวังประชาชนในประเทศระส่ำระสายหนักแน่
“ในเมื่อนายยืนยันหนักแน่น ฉันก็จะไม่ห้ามนาย เข้าประเด็นสำคัญกันเถอะ พวกเราจะทำยังไงกับดันเจี้ยนทั้ง 2 แห่งดี? โจมตีพร้อมกันหรือจะโจมตีที่ละแห่ง?” บักหยุนกิวถาม
ซูฮยอนรีบสายหัวออกมาโดยไม่ลังเลพร้อมกล่าวตอบว่า “เราไม่รู้เลยว่าสภาพแวดล้อมในดันเจี้ยนมีขนาดใหญ่โตแค่ไหน ที่สำคัญเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าการโจมตีดันเจี้ยนแต่ละแห่งต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ ทางที่ดีเราควรโจมตีดันเจี้ยนควบคู่กัน”
“แต่ว่า…”
“ถ้าผมคิดว่าดันเจี้ยนอันตรายเกินไป ผมจะรีบหนีออกไปทันที ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวล”
ซูฮยอนตอบกลับอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทำให้ปักหยูนกิวที่เป็นผู้รับฟัง ตระหนักขึ้นใจว่าโน้มน้าวซูฮยอนให้ตายยังไง ก็ไม่มีทางบรรลุผล
“ก็ได้ ถ้าหากพวกเราโจมตีดันเจี้ยนเสร็จก่อนนาย พวกเราจะเข้าไปช่วยนายอีกแรง นายคงไม่ว่าอะไรนะ?”
“ถ้ามันทำให้คุณสบายใจ ก็ทำไปเถอะ ผมไม่ว่า”
ซูฮยอนพูดจบก็เดินตรงไปปากทางเข้าดันเจี้ยน การเคลื่อนไหวที่ไม่บอกกล่าวของเขา ทำให้บักหยุนกิวลนลานไปครู่หนึ่ง ก่อนตั้งสติถาม
“นายจะไปตอนนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ครับ ผมไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวให้ยุ่งยาก เพราะผมไปคนเดียว”
“น่าจะรอเวลาอีกหน่อยนะ”
“เวลาเป็นเงินเป็นทอง แล้วเจอกันครับ”
ซูฮยอนโค้งตัวไปทางบักหยุนกิว แล้วฝากฝังโทมัสให้ดูแลทุกคนที่เข้าไปในดันเจี้ยนด้วย..
<<ฉันเหลือตัวคนเดียวแล้วสินะ….>> ความคิดที่ไม่มีเค้า จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวซูฮยอนฉับพลัน
<<รู้สึกครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกด้วยนี่นา>>
เป็นครั้งแรกของชาติภพนี้ ที่ซูฮยอนได้มีโอกาสโจมตีดันเจี้ยนเพียงคนเดียว
<<แต่ก่อนหน้านั้น…>>
ขณะก้าวเท้าเดินเข้าไปในดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ซูฮยอนเอี้ยวคอหันไปมองหลังแว่บหนึ่ง..
<<สงสัยฉันคงได้ตบตีแมลงหวี่แมลงวันอีกแล้ว ไม่รู้จักเข็ดหลาบกันเลยจริงๆ>>
ข่าวสารแพร่งพรายไปอย่างรวดเร็ว หนังสือพิมพ์หลายสำนักต่างพากันพาดหัวข่าวเกี่ยวกับดันเจี้ยนสีน้ำเงินและกิลด์ฮาโฮตาลเหมือนกันหมด แต่ข่าวที่ประชาชนนิยมชมชอบและให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ข่าวเกี่ยวกับ ซูฮยอน ชเวฮักจุน และ โทมัส
[ คิมซูฮยอนบุกโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน! รอบนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเขา ที่ได้โจมตีดันเจี้ย นระดับสีน้ำเงิน!! ]
[ “ฉันคนเดียวก็เพียงพอในการพิชิตดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน” คิมซูฮยอนกล่าวออกมาเช่นนี้ก่อนเดินแยกออกจากกลุ่ม แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินเพียงลำพัง
[เรื่องทุกอย่างที่กิลด์ฮาโฮตาลปาวประกาศออกมาเหมือนจะเป็นการปั้นน้าเป็นตัวขึ้นมาคิมซูฮยอนยืนยันหนักแน่นแล้วว่ากิลด์ฮาโฮตาลไม่มีสิทธิ์โจมตีดันเจี้ยนตั้งแต่แรก…]
[ ยิ่งไปกว่านั้น กิลด์ฮาโฮตาลที่มั่นอกมั่นใจความสามารถของตัวเอง โดนคิมซูฮยอนฉีกหน้าท่ามกลางนักข่าวหลายสำนัก คิมซูฮยอนบอกว่า กิลด์ฮาโฮตาลไม่มีความสามารถมากพอในการพิชิตดันเจี้ยน! J]
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง หัวข้อข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดันเจี้ยนได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ผู้คนที่ไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุก็ตั้งกระทู้พูดคุยกันอย่างออกรส แถมมโนภาพเหตุการณ์เป็นตุเป็นตะราวกับว่าอยู่ที่นั่น
การผุดขึ้นมาของดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินถึง 2 แห่งพร้อมกัน ประชาชนจึงติดตามข่าวสารอยู่อย่างใกล้ชิด ข่าวต่างๆที่สำนักข่าวปล่อยออกมาถูกแชร์ออกไปอย่างล้นหลาม
“ไอ้พวกนักข่าวสถุล!!”
เคล้ง!!
ก็อนแจฮุนที่ได้อ่านบทความตามอินเตอร์เน็ต เขวี่ยงมือถือของตัวเองลงพื้นอย่างหงุดหงิดหน้าจอมือถือที่แตกร้าวมีแสงสีขาวกระพริบวูบวาบแล้วก็ดับไป
“ไอ้พวกนักข่าวบัดซบ อีก 2-3 วันต่อจากนี้ ดูสิพวกแกจะเขียนบทความอะไรต่อ…”
“หัวหน้าจะทำแบบที่ว่าไว้ จริงๆเหรอครับ?”ยุนแจโฮถามอย่างประหม่า
ยุนแจโฮแอบเตรียมกำลังคนอย่างลับๆสุดความสามารถ เขาในตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจยังไงชอบกล เขาไม่รู้เลยว่าซูฮยอนแข็งแกร่งแค่ไหน ต่อให้พวกเขาจัดการซูฮยอนได้จริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าปัญหาทุกอย่างจะหมดไป
<<สมมุติพวกเราขัดขวางซูฮยอนได้สำเร็จ ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินอาจเกิดการระบาดขึ้นได้
การระบาดของดันเจี้ยนก็เปรียบเสมือนหายนะ ผู้ตื่นขึ้นทุกคนจึงพยายามสุดสายป่าน เพื่อไม่ให้ดันเจี้ยนเกิดการระบาดขึ้น แต่การก่อวินาศกรรมอาจก่อให้ดันเจี้ยนเกิดการระบาดโดยเจตนา
หากเปลี่ยนเป็นดันเจี้ยนระดับสีแดงหรือสีส้ม ยุนแจโฮจะไม่ลังเลใจหนักขนาดนี้
ทว่าดันเจี้ยนที่พวกเขาหมายปองก่อวินาศกรรมเป็นถึงดันเจี้ยนระดับสีฟ้า ถ้ามันเกิดการระบาดขึ้นล่ะก็ ความเสียหายคงประเมินไม่ได้
“กลัวหรือไง? นายจะให้พวกเรายอมตัดใจง่ายๆเหรอ?” ก็อนแจฮุนถามด้วยเสียงโกรธเคือง
ยุนแจโฮนิ่งเงียบไม่คิดตอบกลับ เมื่อกี้ถ้าเขาเผลอหลุดปากพูดไป คงโดนก็อนแจฮุนหักคอ..
“หุบปากแล้วทำตามคำสั่งของฉันก็พอ พวกนายก็รู้ว่าหากฉันตัดสินใจทำอะไรแล้ว จะไม่ล้มเลิกง่ายๆ”
“เข้าใจแล้วครับ หัวหน้า!!”
“อีกอย่าง การที่พวกเราตัดสินใจทำแบบนี้ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”
คำพูดที่ออกมาจากปากของก็อนแจฮุน สมาชิกที่ได้ยินต่างพยักหน้ารับ การก่อวินาศกรรมบางครั้งก็มีประโยชน์ กิลด์ฮาโฮตาลเคยใช้กลยุทธ์ก่อวินาศกรรมหลายครั้ง เพื่อตัดคู่แข่งที่มาจากกิลด์อื่นๆ ไม่ก็แก้แค้นอีกฝ่ายข้อหาชังน้ำหน้า แล้วแสร้างตีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเหตุที่เกิดขึ้น
กิลด์ที่ได้รับมอบหมายให้โจมตีดันเจี้ยน หลังจากถอนตัวออกไป กิลด์ฮาโฮตาลจะรีบมารับไม้ต่อทันที ในเมื่อกิลด์ที่เป็นเจ้าของดันเจี้ยนโจมตีไม่สำเร็จ แล้วสมมุติกิลด์ฮาโฮตาลดันพิชิตดันเจี้ยนได้ขึ้นมา กิลด์ฮาโฮตาลจะได้รับคำยกยอปอปั้นจากประชาชนไปเต็มๆ แต่เพียงผู้เดียว
อย่างที่ก็อนแจฮุนพูด เพื่อเป้าหมายที่หมายตาไว้ กิลด์ฮาโฮตาลจึงเคยใช้กลยุทธ์ก่อวินาศกรรมนับครั้งไม่ถ้วน
“ พร้อมกันแล้วใช่ไหม งั้นไปกันเถอะ”
ก็อนแจฮุนเดินนำหน้าสมาชิกกิลด์และค่อยๆเร้นกายแอบเข้าดันเจี้ยนอย่างลับๆ ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าดันเจี้ยน พวกเขาได้ตรวจสอบบริเวณรอบๆแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ จึงสามารถเข้าสู่ดันเจี้ยนได้อย่างง่ายดาย ถ้าบังเอิญมีคนตาดีสังเกตเห็นว่าพวกเขาเดินเข้าไปในดันเจี้ยนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีหวังเป็นปัญหาใหญ่แน่
รอบดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินเต็มไปด้วยกองกำลังจากกิลด์ต่างๆยืนกระจัดกระจายเฝ้าระวังอยู่บริเวณปากทางเข้าดันเจี้ยน เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยและประวิงเวลารอกำลังเสริมมาสมทบใน กรณีที่ดันเจี้ยนระบาดขึ้น
กองกำลังกิลด์ที่เฝ้าระวังตามจุดต่างๆหน้าดันเจี้ยน มีสมาชิกกิลด์ฮาโฮตาลปะปนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ก่อนหน้านี้ก็อนแจฮุนได้แอบติดต่อไปหาลูกกิลด์ที่คอยทำหน้าที่สังเกตการณ์รอบนอก ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร ทำให้เขาและสมาชิกกิลด์ทุกคนที่สังกัดอยู่ในกิลด์ฮาโฮตาลสามารถลอบเข้าดันเจี้ยนได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
วุป!!
เมื่อพวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน สายตาของพวกเขามองเห็นแต่ม่านหมองสีฟ้า ชั่วพริบตาวิสัยทัศน์ของพวกเขาก็เริ่มพร่ามัว อึดใจหนึ่งสภาพแวดล้อมของโลกใบใหม่ ก็ปรากฏตรงหน้า
หมู่เมฆสีดำลอยเล่นลมเต็มท้องฟ้า พื้นดินที่เหยียบแปรเปลี่ยนกลายเป็นเม็ดทราย จุดที่พวกเขาไปปรากฏตัวราวกับอยู่ใจกลางทะเลทรายก็ไม่ปาน บรรยากาศมืดครื้มประหนึ่งฝนกำลังตั้งเค้า
<<เป็นภูมิทัศน์ที่แปลกตาจริงๆ>>
ก็อนแจฮุนคิดว่าทิวทัศน์ที่สายตามองเห็นค่อนข้างแปลกหูแปลกตา ยกเว้นโอเอซิสที่มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้น รอบตัวพวกเขาเป็นพื้นที่ทะเลทรายโล่งๆกว้างใหญ่ไพศาล มองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา…
<<พื้นที่กว้างใหญ่แบบนี้ คงตามหาตัวเขาได้ยาก>>
“ทำไมพวกนายมาช้ากันจัง? ฉันรอจนเบื่อจะตายอยู่แล้ว”
อ่านได้ที่ wwwcat2auto.com
เสียงร้องทักดังออกมาจากบนต้นไม้ที่เห็นอยู่เพียงต้นเดียวในดันเจี้ยน ก็อนแจฮุนพร้อมสมาชิกกิลด์แหงนคอมองขึ้น จู่ๆดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง
“กะแกมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”
“อย่าขโมยคำพูดของฉันไปสิ ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถาม”
ซูฮยอนนอนเอนกายสบายใจเฉิบอยู่บนกิ่งไม้ ที่แตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากต้นไม้ยักษ์ สายตาแหลมคมมองต่ำไปยังบรรดาสมาชิกกิลด์ฮาโฮตาลและเอ่ยพูดว่า
“พวกนายมาทำอะไรที่นี่ ไม่ทราบ?”