การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 148
ตอนที่ 148
มือของซูฮยอนที่กําลังไล่ปลดกระดุมที่ละเม็ดหยุดชะงักงันลง เขาหันขวับจ้องมองทีวีที่รายงานข่าวเกี่ยวกับกิลด์ฮาโฮตาลและดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินทั้ง 2 แห่ง
“กิลด์ฮาโฮตาลเหรอ..?”
เป็นข่าวที่ซูฮยอนไม่คาดคิดมาก่อน คําพูดที่เคยได้ยินจากปากของบักหยุนกิว บอกว่าการโจมตีดันเจี้ยนครั้งนี้ผู้อํานวยการมีอํานาจเบ็ดเสร็จ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจยอมช่วยทว่าข่าวที่กําลังรายงานออกมาจากทีวี แตกต่างจากสิ่งที่ซูฮยอนได้ยินมาคนละเรื่อง
ดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน 2 แห่งบนภูเขาซอรัคซานถูกค้นพบโดยกิลด์ฮาโฮตาลเป็นคนแรกพวกเขาจึงพยายามอ้างสิทธิ์ในการโจมตี ส่วนทางด้านผู้อํานวยการนั้น
ท่าทางระหว่างผู้อํานวยการและสมาคมจะมีความขัดแย้งกัน ซูฮยอนทราบดีว่าทําไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะเขารู้จักนิสัยของก็อนแจฮุนดี
กริ้ง!! กริ้ง!! กริ้ง!!
เสียงมือถือดังแทรกเสียงทีวี สายที่โทรเข้ามาเป็นของบักหยุนกิว ซูฮยอนหยิบมือถือขึ้นมากดรับพร้อมทั้งปลดกระดุมด้วยมือข้างเดียว
“ฮัลโหลครับ?”
-ซูฮยอน สะดวกคุยไหม? เหตุผลที่ฉันโทรมาหานายเพราะมีเรื่องสําคัญจะบอก ตอนนี้ทางเราประสบปัญหานิดหน่อย
“ผมกําลังดูข่าวอยู่พอดีเลย ใช่ข่าวที่กิลด์ฮาโฮตาลอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของดันเจี้ยนหรือปาวครับ?”
ใช่ ข่าวนั้นแหละ ขอโทษด้วยจริงๆยังไม่ทันได้เริ่มโจมตีก็ดันเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นก่อนซะงั้น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? ไม่ใช่ว่าอํานาจการโจมตีดันเจี้ยนเป็นของผู้อํานวยการเหรอ?”
คือว่า….
บักหยุนกิวอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้ซูฮยอนทราบถึงต้นตอ ดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน 2 แห่งแรกเริ่มถูกค้นพบโดยพลเรือน แต่กิลด์ฮาโฮตาลหน้าด้านหน้าทนยืนกรานหนักแน่นว่าดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินเป็นของพวกเขา
“ดันเจี้ยนถูกค้นพบโดยพลเรือน แล้วข่าวในทีวีหมายความว่าไง?”
ดูท่ากิลด์ฮาโฮตาลจะพยายามใช้ช่องทางสื่อสาร กดดันพวกเรา
“นี่มันเป็นการหยามหน้ากันชัดๆ ผู้อํานวยการยอมนั่งอยู่เฉยๆได้ไง?”
-กวอนแจฮุน ไม่เพียงแต่เป็นกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์ฮาโฮตาลเท่านั้น เขายังมีตําแหน่งเป็นถึงประธานสมาคมผู้ตื่นขึ้นแห่งประเทศเกาหลีด้วย แถมยังรู้จักมักจี่กับกิลด์ขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง
“คุณกําลังบอกผมว่า ผู้อํานวยการแตะต้องเขามากไม่ได้สินะ”
“ถูกต้อง
ใจความสําคัญที่บักหยุนกิวพยายามสื่อ ซูฮยอนสามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
“ผู้อํานวยการคิดถูกแล้วที่ยอมลดลาวาศอก…”
-นายกําลังจะบอกฉันว่า…
“บังเอิญจัง ผมกับกิลด์ฮาโฮตาล มีเรื่องบาดหมางกันอยู่พอดี” ซูฮยอนคิดวิเคราะห์จากสถานการณ์ทั้งหมด มุมมองและภาพรวมที่ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คิด
“ก็ดีเหมือนกันแฮะ”
ซูฮยอนถอดเสื้อเชิตออกแล้ววางกองไว้บนพื้นห้อง ทิ้งตัวจ่อมก้นนั่งบนโซฟาและเพ่งมองจอทีวีภาพที่ฉายออกมาผ่านหน้าจอทีวี คือ ภาพก็อนแจฮุนกําลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวท่านหนึ่ง
-ทางเราตระหนักถึงอันตรายของดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินเป็นอย่างดี กิลด์ฮาโฮตาลจึงได้เตรียมใจอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและสวัสดิภาพของพลเรือนทุกท่าน
ก็อนแจฮุนพล่ามเวิ่นเว้อต่อความยาวสาวความยืดไม่หยุด ซูฮยอนนั่งชมข่าวในทีวีอย่างสงบไม่นานรอยยิ้มดูหมิ่นดูแคลนพลันปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ซูฮยอนไม่รู้จักกับก็อนแจฮุนเป็นการส่วนตัว แต่เขากระจ่างแก่ใจว่าอีกฝ่ายมีนิสัยแบบไหน ภายนอกของก็อนแจฮุนดูเป็นคนเรียบง่ายและสติปัญญาเฉียบแหลม ซึ่งถามว่าผิดไหม ก็ไม่ เพราะฝีมือการแสดงละครตบตาคนอื่นของกวีอนแจฮุนสูงล้ําเป็นอย่างมาก ทําให้หลายคนหลงปักใจเชื่อ ทว่าหากหยั่งรู้ไปถึงเนื้อแท้ภายในจิตใจของก็อนแจฮุน จะทราบได้บัดดลว่าภาพลักษณ์ที่ปรากฏในทีวีกับความเป็นจริงสวนทางกันอย่างชัดเจน
ซูฮยอนเป็นอะไร? จู่ๆก็เงียบหายไป?
คําร้องทักของบักหยุนกิว ทําให้สติของซูฮยอนกลับคืนมา เขารีบเปิดปากถามอีกฝ่ายว่า “วันพรุ่งนี้ กิลด์ฮาโฮตาลจะเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนด้วยหรือป่าว?”
เบื้องบนยังไม่อนุมัติ การโจมตีดันเจี้ยนครั้งนี้ ทางเราให้ความสําคัญกับนายมากกว่า
“ไม่ต้องไปขวางทางพวกมัน ปล่อยพวกมันไป”
-หม?
บักหยุนกิวเผลออุทานเสียงหลง ทีแรกเขานึกว่าตัวเองหูเพี้ยนหรือปาว เขามั่นใจว่าซูฮยอนต้องรู้สึกอึดอัดใจบ้าง ที่สถานการณ์ทุกอย่างมันสลับซับซ้อนขึ้น แต่ที่ไหนได้ซูฮยอนกลับเผยท่าทางกระดี้กระด้าออกมาซะงั้น แถมน้ําเสียงฟังดูดีอกดีใจแปลกๆ
“เอาตามนี้นะครับ ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอวางสายเลยนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม ไว้เจอกันพรุ่งนี้
กล่าวอําลาบักหยุนกิวเสร็จ ซูฮยอนก็กดวางสาย การโจมตีดันเจี้ยนที่จวนจะถึง เขาถ่างตาคอยอย่างใจจดใจจ่อ
<<กิลด์ฮาโฮตาลและก็อนแจฮุน..>>
ซูฮยอนเอนตัวพิงโซฟา หลับตา 2 ข้าง สํารวมจิตใจพลางทบทวนชื่อซ้ําไปซ้ํามา
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณโปรดิวเซอร์จอง ขออภัยด้วยจริงๆที่ผมรบกวนคุณดึกดื่นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ คุณไม่ต้องเกรงใจ พวกเรายินดีรับข้อเสนอด้วยตัวเอง คุณก็รู้ว่าโอกาสดีๆแบบนี้ใครบ้างจะปล่อยให้หลุดมือ”
ก็อนแจฮุนที่เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ข่าวด่วนกลางดึก กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ควบคุมการถ่ายทอดสดให้ออกมาราบรื่นไม่ติดขัด
รายการข่าวภาคค่ําที่ถ่ายทอดสดในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก มีสาเหตุมาจากการเร่งรัดของก็อนแจฮุน
ดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินที่ผุดโผล่ออกมาพร้อมกันถึง 2 แห่ง ทําให้วงการสํานักข่าวเกิดแรงสั่นคลอน วิ่งเต้นรายงานประเด็นข่าวดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินกันให้ชุลมุน
“ไว้ครั้งหน้า เรามาทํางานร่วมกันอีกนะครับ”
“ได้ครับ ไว้เจอกันใหม่เมื่อมีโอกาส
เมื่อออกมาจากสถานีโทรทัศน์การแสดงออกทางสีหน้าของก็อนแจฮุนแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ตอนอยู่หน้ากล้องเขายิ้มแย้มเฉิดฉายตลอดเวลา แต่สีหน้าของเขาตอนนี้ถถึงทิ้งไร้ความรู้สึก
ก็อนแจฮุนเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ข้างทาง ภายในรถมีคนนั่งรออยู่ด้วย นั้นคือ ยุนแจโฮซึ่งเขามีหน้าที่บริหารงานต่างๆภายในกิลด์ฮาโฮตาล
“หัวหน้าครับ ผมได้รับการติดต่อจากคนที่ไปหาคิมแดโฮมาแล้วครับ”
“ทําไมถึงช้าแบบนี้? หลังสัมภาษณ์เสร็จ ฉันคิดว่าจะแวะไปที่นั่นอยู่พอดี”
“หัวหน้า ที่พวกเขาติดต่อกลับมาช้า มีเหตุผลอยู่ครับ”
“ฉันไม่อยากได้ยินคําแก้ตัว ไปลากคอพวกหยิบหย่งพวกนั้นออกมาซะ ฉันจะแสดงตัวอย่างให้ดูว่าคนที่ทํางานผิดพลาดจะมีชะตากรรมยังไง”
“คิมซูฮยอนอยู่ที่นั่นครับ”
คําตอบของยุนแจโฮ ส่งผลให้ก็อนแจฮุนขมวดคิ้วมั่น เขาสงสัยว่าชื่อที่หูได้ยินเป็นความจริงหรือหูฝาดไปเองกันแน่ เขาจึงลองถามอีกรอบ
“แกพูดว่าอะไรนะ?”
“ผมบอกว่าคิมซูฮยอนอยู่ที่นั่น หัวหน้าต้องเคยได้ยินชื่อคิมซูฮยอนมาบ้าง? เพราะเขาพี่งกําชัยชนะในสงครามแก่งแย่งอันดับมาหมาดๆเอง”
“เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ที่ซานฟรานซิสโกเรอะ หากแกอย่าคิดโกหก อย่างน้อ ยก็สมควรคิดคําโกหกที่มีความน่าเชื่อถือและมีน้ําหนักมากกว่านี้”
“ทั้งทีม 1 และ ทีม 2 ต่างพูดชื่อคนเดียวกันออกมา บนโลกนี้ คงมีผู้ตื่นขึ้นไม่มากที่สา มารถสยบซงคยองแทคด้วยหมัดเดียว”
“อะไรนะ? ซงคยองแทคคนนั้น พ่ายแพ้ให้แก่คนอื่นเพียงหมัดเดียวเนี่ยนะ?”
คําพูดที่ยุนแจโฮเอ่ยออกมา พอเป็นหลักฐานที่มีน้ําหนักและสามารถยืนยันได้ว่าเหตุการณ์ที่ทีม1 และ ทีม 2 พบเจอเป็นความจริง
ยุนแจโฮลังเลใจว่าควรพูดประเด็นต่อไปดีไหม เขาปรายตาสังเกตก็อนแจฮุนที่หัวคิ้วกระตุกไม่หยุดสูดหายใจเข้าลึกๆ จึงกล่าวต่อว่า
“พวกเขายังบอกผมมาอีกว่า ก่อนที่จะสลบไป ซูฮยอนฝากคําเตือนมาให้หัวหน้าด้วย หากพวกเรายังคิดไปวุ่นวายกับคิมแดโฮอีก พวกเราเตรียมเป็นศัตรูกับเขาได้เลย”
“ไอ้บ้านั่น…”
ดวงตาของก็อนแจฮุนเบิกโพลงหลังจากได้ฟังคําเตือนที่ส่อให้เห็นถึงการยั่วยุหน่อยๆของซูฮยอนแม้เขาจะมีความปรารถนาอยู่เต็มอก แต่จากนี้ไปคงไม่สามารถละลาบละล้วงคิมแดโฮซึ่งๆหน้าได้อีก เพราะคิมซูฮยอนเป็นตัวตนที่พิเศษ เขามอบความพ่ายแพ้ให้แก่กอร์ดอนโรฮันผู้เกรียงไกรคนนั้นได้อย่างอยู่หมัด แถมยังคว้าอันดับหนึ่งในสงครามแก่งแย่งอันดับมาได้อีกต่างหากหมายความว่าตัวเขามีพลังอํานาจมากพอในการทําลายขุมกําลังกิลด์ขนาดใหญ่ด้วยตัวเอง
<<ไม่สิ ดีไม่ดีพลังของเขาอาจมากกว่าที่แสดงออกมาให้เห็นด้วยซ้ํา>>
ก็อนแจฮุนมีทิฐิมานะสูงส่ง จะให้ยอมถอยแต่โดยดีเหมือนคําเตือนของซูฮยอนไม่ใช่ อุปนิสัยของเขา
ก็อนแจฮุนคิดถึงแต่ผลกําไรและศักดิ์ศรี คําเตือนของซูฮยอนจึงไม่ใช่ปัญหาที่ควรกังวลในตอนนี้
การต่อสู้จนถึงจุดแตกหัก คงต้องใช้เวลาบ่มเพาะอีกหลายปีดีดัก ฉะนั้นไม่มีทางเกิดในเร็ววันนี้แน่
“ยอมกล้ํากลืนฝืนทนความอัปยศไปก่อน ในอนาคตอันใกล้พวกเราอาจมีโอกาสได้ประมือกับซูฮยอน แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้”
“หัวหน้า อาวุธที่สร้างจากคิมแดโฮจะเอาไงดีครับ?”
“ในเมื่อไม่มีอาวุธพวกนั้น พวกเราคงต้องฝืนบุกโจมตีดันเจี้ยนตามมีตามเกิด”
“หัวหน้าเอาจริง?”
“ฉันเอาจริง การโจมตีดันเจี้ยนครั้งนี้เราไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือได้ แกก็รู้ดีว่าการโจมตีดันเจี้ยนครั้งนี้ส่งผลต่อกิลด์ฮาโฮตาลยังไง อย่ามัวโอ้เอ้ รีบไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“รับทราบครับหัวหน้า”
“เมื่อครู่ฉันพึ่งได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินผ่านหน่วยงานสมาคมผู้ตื่นขึ้นและผู้อํานวยการ ความน่าจะเป็นในการพิชิตดันเจี้ยนมีโอกาสสําเร็จมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ต่อให้การโจมตีล้มเหลว โอกาสที่พวกเราจะรอดชีวิตกลับออกมา มีไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์”
“ข้อมูลเชื่อถือได้เหรอครับ?”
“การโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินในสหรัฐอเมริกาถูกแทรกแซงโดยขั้วอํานาจอย่างกิลด์ดัมพ์ทําให้การพิชิตดันเจี้ยนอีหลุกขลุกขลัก สมมุติว่าทางโน่นมีเวลาเตรียมตัวอย่างเต็มที่เหมือนกิลด์ฮาโฮตาลของพวกเรา กิลด์ทางฟากสหรัฐอเมริกาเอง คงพิชิตดันเจี้ยนได้อย่างไม่ยากเย็น”
คําพูดของก็อนแจฮุนเสริมสร้างขวัญกําลังใจให้แก่ยุนแจโฮขึ้นมาเล็กน้อย
“ผมค่อยเบาใจขึ้นหน่อย”ยุนแจโฮพูดออกมาด้วยความโล่งอก
“ปัญหาเกี่ยวกับคิมซูฮยอนเก็บไว้สะสางภายหลังก็ได้ สําหรับตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การโจมตีดันเจี้ยนวันพรุ่งนี้ดีกว่า”
“แล้วผู้อํานวยการล่ะครับ จะทํายังไงดี?”
“อืม…”ก็อนแจฮุนลูบคางพลางนึกถึงใบหน้าบักหยุนกิว “ช่างเขาเถอะ อย่าไปสนใจเลย”
คําตอบที่แสนหนักแน่นของก็อนแจฮุน ทําเอายุนแจโฮหยุดหายใจไปกลางคัน ก็อนแจฮุนกําลังบอกเป็นกลายๆว่าถ้ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเขาเต็มใจพร้อมเปิดสงครามกับผู้อํานวยการ
วันรุ่งขึ้น ซูฮยอนรีบมุ่งหน้าไปที่ภูเขาซอรัคซานตั้งแต่เพรางาย เมื่อมาถึงเขาพบว่าทั้ง ลีจุนโฮโทมัส และ ฮักจุน ยืนรออยู่ตรงจุดนัดหมายก่อนแล้ว
“ว่าไง?”ลีจุนโฮที่กําลังยืนพิงรถเก๋งสีดํา ก้าวเท้าเดินไปหาซูฮยอน
ซูฮยอนคิดไม่ถึงว่าทั้ง 3 คนจะมาดักรออยู่ก่อน จึงถามด้วยความฉงาย “พวกนายมารอที่นี่นานหรือยัง?”
“พวกเราพึ่งมาถึงที่นี่เหมือนกัน หลังจากฉันไปขับรถไปรับฮักจุนเมื่อตอนเช้าเสร็จ ก็รีบขับรถตรงดิ่งมาที่ภูเขาซอรัคซานทันทีเลย”
“ซูฮยอน!!!”
โทมัสที่เห็นร่างกายซูฮยอนเดินอยู่ระยะไกล ถีบตัววิ่งปรี่ไปหาอย่างเร่งรีบ ซูฮยอนอ้างแขนรับร่างโทมัสแล้วตบหลังเขาเบาๆ
“โทมัสร้องเรียกร้องหานายตั้งแต่เมื่อวาน ฉันเสียเวลาตั้งนานกว่าจะปลอบใจเขาได้”
“งั้นเหรอ ขอโทษที่ทําให้นายต้องลําบาก”
“จริงสิ ฉันได้ว่าจ้างผู้ตื่นขึ้นที่มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา 2-3 คน ให้คุ้มครองคิมแดโฮ ดังนั้นนายสบายใจได้ ฉันคิดว่าหลังจากพวกกิลด์ฮาโฮตาลได้ยินชื่อของนาย พวกเขาคงไม่กล้าไปเหยียบที่นั่นอีกแล้วมั้ง”
“พี่เห็นข่าวที่ออกอากาศทางทีวีหรือยังครับ?” เมื่อคนรอบข้างยกกิลด์ฮาโฮตาลขึ้นมาพูดฮักจุนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน จึงลองเอ่ยปากถามข่าวเมื่อวานกับซูฮยอน
ซูฮยอนพยักหน้าและตอบกลับ “ได้ดูแล้ว สถานการณ์ทะแม่งดีเนอะ”
“พี่วางแผนจะจัดการกับพวกเขาต่อไปยังไงงั้นเหรอครับ?”
“ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของพวกเขา” ซูฮยอนไหวไหล่
“ถ้าปัญหา แก้ไขได้ด้วยการพูดคุย จะดีที่สุด”
“แล้วถ้าการพูดใช้ไม่ได้ผลล่ะครับ?”
“หากการพูดด้วยสันติวิธีใช้ไม่ได้ผล ฉันคงต้องลองใช้วิธีอื่น”
หลังจากฮักจุนได้รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ. บ้านของคิมแดโฮ ฮักจนรู้สึกไม่ชอบใจกิลด์ฮาโฮตาลและก็อนแจฮุนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
คําตอบกลับจากซูฮยอน อดทําให้ฮักจุนพูดงมงําในลําคอไม่ได้ “ผมหวังว่าการพูดคุยด้วยสันติวิธีจะใช้ไม่ได้ผล
“นายคิดงั้นเหรอ?”ซูฮยอนแย้มยิ้ม “ฉันก็หวังให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
ลีจุนโฮตรวจสอบเวลาผ่านมือถือและกล่าวแนะ “ไปกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวพวกเราจะไปสายเอา”
ทั้ง 4 คนเริ่มก้าวเดินไปตามสะพานที่สร้างบนภูเขาซอรัคซาน ซึ่งจุดหมายที่พวกเขากําลังมุ่งหน้าไป คือดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน ที่มีบักหยูนกิวคอยอยู่ที่นั่น
ผู้ตื่นขึ้นมากกว่า 20 คน รวมกลุ่มกันบนสะพานคราคร่ํา บักหยูนกิวและคังซึ่งชอลก็ยืนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย พวกเขาทุกคนเป็นผู้ตื่นขึ้นที่ทํางานให้กับผู้อํานวยการและถูกเรียกตัวมาที่นี่
ทว่าสีหน้าท่าทางของทุกคนในตอนนี้ กําลังแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันเนื่องมาจากอีกฟากหนึ่งของสะพาน มีคนจากกิลด์ฮาโฮตาลและนักข่าวจากสํานักต่างๆยืนกระจุกกันอยู่
“หัวหน้า นี่มันหมายความว่าไงกันครับ?”
“เงียบซะ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาท่าทางของคังซึ่งชอล ผู้ตื่นขึ้นที่ทํางานให้แก่ผู้อํานวยการปิดปากเงียบฉับพลันและก้มหน้างุด
หลังจากตะคอกในผู้ตื่นขึ้นขี้สงสัยให้อยู่ในความสงบ คังซึ่งชอล อดไม่ได้ต้องกัดริมฝีปากของตัวเอง
<<บัดซบเอ๊ย เจ้าพวกบ้านั้น>>
กิลด์ฮาโฮตาลไม่เพียงแต่เปิดเผยข้อมูลดันเจี้ยนให้แก่สํานักข่าวต่างๆ โดยไม่ปรึกษาหารือกับผู้อํานวยการเท่านั้น แต่พวกเขายังเชื้อเชิญนักข่าวหลายสํานักมาด้วย ราวกับว่าต้องการให้นักข่าวทุกสํานักถ่ายทําข่าวการพิชิตดันเจี้ยนอย่างไรอย่างนั้น
การกระทําที่นุ่มบ่ามของกิลด์ฮาโฮตาล บ่งบอกว่าพวกเขาไม่เห็นผู้อํานวยการอยู่ในสายตา
<<พวกเขามีชุมอํานาจสมาคมผู้ตื่นขึ้นหนุนหลัง>>
มองด้วยตาเปล่าก็ทราบได้ทันทีว่าพวกเขาตั้งใจทําอะไร กระนั้นคังซึ่งชอลและคนอื่นๆที่ผู้อํานวยการเรียกตัวมา ไม่มีสิทธิ์มีเสียงห้ามปรามอีกฝ่ายได้เลย เพราะทุกการกระทําของทุกคนภายในกลุ่มต้องได้รับคําอนุมัติจากเบื้องบนเสียก่อน
<<ผู้อํานวยการกําชับมาว่า ถ้าเป็นไปได้อย่าสร้างปัญหาให้แก่สมาคมเด็ดขาด หากจวนตัวหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ได้จริงๆ ห้ามใช้กําลังแก้ไขปัญหา ให้ใช้วิธีหันหน้าพูดคุยปรับความเข้าใจแทนหึ หึ ใช้วิธีพูดคุยอย่างงั้นเหรอ?>>
เหลวไหลสิ้นดี
<<สมมุติพวกมันเป็นฝ่ายตัดบทสนทนาเสียเอง อยากรู้จริงๆว่าการใช้วาจาแก้ไขปัญหาจะดําเนินต่อไปยังไง?>>
คังซึ่งชอลก้มหัวต่ํา เขาไม่ต้องการให้คนอื่นๆภายในกลุ่มเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของตัวเอง
<<เขากําลังคิดอะไรอยู่กันแน่? >>
คังซึ่งชอลเหลือบมองไปยังบักหยุนกิว ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติงานครั้งนี้ เขายืนสงบนิ่งใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเช่นเดิม ประหนึ่งก้อนหินดึกดําบรรพ์ ขนาดกวอนแจฮุนกล่า วสัมภาษณ์ใส่สีใส่สันให้นักข่าวฟังเต็มหูเต็มตาทนโท่ บักหยูนกิวก็ยังหน้าตายไม่เปลี่ยนปฏิกิริยาต อบสนองสักนิดก็ไม่มีให้เห็น
“ตามข้อสันนิษฐานของผม สาเหตุที่ผู้ตื่นขึ้นของผู้อํานวยการรวมตัวอยู่ที่นี่ คงเตรียมไว้เพื่อองกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่ต้องกังวลไป ทางกิลด์ฮาโฮตาลจะ…”
“เขามาแล้ว” บักหยุนกิวพึมพําออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
เสียงพึมพําในลําคอดึงดูดความสนใจของคังซึ่งชอล เขารีบตันหน้ามองไปยังสะพานตามบักหยูนกิว..
“โห้ ที่นี่คนเยอะมาก”
“มีนักข่าวมาด้วยเหรอเนี่ย พวกเขาตั้งใจทําข่าวในสถานที่อันตรายแบบนี้จริงดิ?”
“ไม่เห็นน่าแปลกตรงไหน เพื่อชื่อเสียงและเรตติ้งรายการ นักข่าวมากหน้าหลายตาจะยกโขยงมาที่นี่ก็สมควรแล้ว”
“นั่นนะเหรอ ดันเจี้ยน?”
ผู้มาใหม่ทั้ง 4 คนส่งเสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางกลุ่มพวกเขา สายตาของคังซึ่งชอลสังเกตเห็นซูฮยอนเดินอยู่ในนั้นด้วย
คังซึ่งชอลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเบิกบานใจ “ในที่สุดพวกเขาก็มาสักที!”
คังซึ่งชอลลืมตัวไปชั่วขณะ จนเผลอตะโกนเสียงดัง เมื่อพวกนักข่าวได้ยินเสียงตะโกนที่เปล่ง ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จึงพากันมองไปที่สะพานโดยพร้อมเพรียง