กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 368 มองพอแล้วยัง ตอนที่ 369 เขาต้องการทำอะไรกันแน่
- Home
- All Mangas
- กับดักรักในรอยแค้น
- ตอนที่ 368 มองพอแล้วยัง ตอนที่ 369 เขาต้องการทำอะไรกันแน่
ตอนที่ 368 มองพอแล้วยัง
ได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเพียงแต่รู้สึกว่าในตอนนี้เขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉู่เจียเสวียนแล้ว และฉู่อีอีต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของเขา เขายังเย็นชาต่อเธอถึงเพียงนี้
“อีอี ขอแค่ต่อไปนี้คุณไม่ทำเรื่องแบบนี้ก็พอแล้ว ห้ามโกหกผมอีกก็พอแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและทรงเสน่ห์ดังขึ้น
ตอนนี้เขากับฉู่เจียเสวียนเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็ควรจะปฏิบัติต่อฉู่อีอีให้ดี เขาไม่สามารถหลีกหนีแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาที่เป็นแบบนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังดูถูก
ในตอนนั้นการหย่ากับฉู่เจียเสวียนเป็นการตัดสินใจของเขา ตอนนี้เขามาเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์แล้ว อีกทั้งข้างกายของเธอก็มีกงจวิ้นฉือแล้ว และจะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
“อืม หนานเจวี๋ย ต่อไปฉันจะไม่โกหกคุณแล้ว” ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีรีบพูดทันที น้ำตาในดวงตาเปล่งประกายไม่หยุด
ความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ ขอเพียงมีเขาอยู่ข้างกายเธอ เธอก็ไม่ต้องกังวลหรือหวาดกลัวแล้ว
หลายวันมานี้ เธอไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว ถูกเฉิงเฮ่าข่มขู่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายต่อเขา ตอนนี้เธอไม่ต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
คิดไปคิดมา ก็ยิ่งกอดเอวของเผยหนานเจวี๋ยแน่นกว่าเดิม
ได้ยินการรับประกันของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า อีอี นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะทำอะไร ผมก็จะยกโทษให้คุณ ขอเพียงต่อไปนี้คุณไม่หลอกผม ผมจะสัญญาอนาคตให้กับคุณ
ตอนที่ออกจากวิลล่าบ้านฉู่เพื่อกลับไปยังวิลล่าบ้านเผย ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
เผยหนานเจวี๋ยถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงจัดระเบียบเอกสารที่ผู้ช่วยส่งเขาในวันนี้
ฉู่อีอีอาบน้ำออกมา นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งและทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หันหน้ามองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ย ดวงตาของเธอก็อ่อนโยนลง
ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ ดีจัง ใครก็ห้ามคิดแย่งเขาไปจากเธอ
“มองพอแล้วยัง?” สายตาของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องไปที่เอกสารในสมุดบันทึก รู้สึกได้ถึงแววตาที่ฉู่อีอีมองเขา เสียงที่ทุ้มต่ำมีเสน่ห์ก็ดังออกมาจากปากของเขา
เขาทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรู้ว่าเธอแอบมองเขา ในเวลานี้หน้าแดงก่ำ พูดขึ้นอย่างเขินอาย “ดูว่าคุณหล่อจัง ทำให้ฉันหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น คุณภูมิใจมากหรือเปล่า”
“นอนเถอะ อีอีดึกมากแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ วางคอมพิวเตอร์ในมือไปอีกทาง เขาไม่ได้นอนตั้งแต่หัวค่ำนานแล้ว ระยะหลังนี้เกิดเรื่องมากเกินไป เขาเหนื่อยมากจริงๆ
“โอเค” ฉู่อีอีได้ยินแล้วรีบปีนขึ้นเตียงทันที ดวงตามีความเจ้าเล่ห์
หลังจากรอจนฉู่อีอีหลับแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเหยียดแขน โอบเอวของฉู่อีอีแล้วหลับตา
เดิมทีฉู่อีอียังต้องการทำอะไรบางอย่างกับเขา แต่ว่าเห็นท่าทางของเขาแล้ว ได้แต่กัดฟัน เธอฟื้นความสัมพันธ์กลับมาได้อย่างยากลำบาก จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ในที่สุดก็หลับตาลงอย่างไม่เต็มใจนัก เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังจิ๊บๆ เข้ามาในห้องนอน
ฉู่อีอีค่อยๆ ตื่นขึ้น ยื่นมือควานหาข้างหน้าแต่พบกว่าข้างกายไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เขาไปทำงานอีกแล้วเหรอ
ซ่อนเร้นความผิดหวังไว้ในใจ ฉู่อีอีลุกขึ้นมาจากเตียง เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้ว
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ฉู่อีอีก็ลงมาข้างล่าง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็นั่งลงบนโซฟา พลิกดูโทรศัพท์มือถือ วันนี้เธอไม่มีงานถ่ายภาพยนต์ ฉะนั้นจึงอยู่ที่บ้าน
ขณะที่กำลังเล่นสนุกอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของฉู่อีอีสั่น มันคือข้อความ ฉู่อีอีเปิดออกดู จึงพบว่าเฉิงเฮ่าเป็นคนส่งให้เธอ
ตอนที่ 369 เขาต้องการทำอะไรกันแน่
กัดฟัน เฉิงเฮ่าคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ฉู่อีอีคิดอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์ ลบข้อความทิ้ง ทำเหมือนว่าไม่เคยได้รับ
นึกถึงช่วงสองสามปีนั้นที่อยู่เมืองนอก เธออาศัยอยู่ท่ามกลางเปลวไฟและน้ำลึก ตอนนี้เธอมีชีวิตอย่างปกติสุขได้ด้วยความยากลำบาก เธอจะไม่ปล่อยให้เฉิงเฮ่ารบกวนชีวิตของเธออย่างแน่นอน
ที่กลุ่มบริษัทเผย เผยหนานเจวี๋ยกำลังยุ่งมากจนเขารู้สึกหงุดหงิด
โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าสายเรียกเข้าคือฉู่อีอีก็ไม่อยากรับมาก แต่สุดท้ายเขาก็ยังรับด้วยความอดทนอดกลั้น “ฮัลโหล อีอี ตอนนี้ผมยุ่งมาก ไว้ผมว่างแล้วจะโทรหาคุณ”
พูดจบก็วางหูโครม แล้ววางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ
ทางนี้ฉู่อีอียังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดสักประโยค ก็ได้ยินเสียง ‘ตู๊ดๆๆ…’ อยู่ในโทรศัพท์
เธอมองโทรศัพท์มือถือ รู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว เอื้อมมือขว้างโทรศัพท์มือถือออกไปจนมันแตกลงพื้นกระจัดกระจาย นี่คือโทรศัพท์มือถือเครื่องที่สองของฉู่อีอีแล้ว
บ้าจริง ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับเธออีกแล้ว ทั้งที่เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย!
จะต้องเป็นฉู่เจียเสวียนแน่ๆ เมื่อนึกถึงฉู่เจียเสวียน ดวงตาของเธอก็มีประกายมืดมน แววตาเปลี่ยนเป็นดุร้าย ฉู่เจียเสวียน เธอจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่นอน!
ทางนี้ฉู่อีอีโกรธจัด ส่วนเผยหนานเจวี๋ยทางนั้นก็ยุ่งจนหัวปั่น แต่วันเวลาของฉู่เจียเสวียนยิ่งราบรื่นขึ้นทุกวัน
ในร้านชุดแต่งงาน กงจวิ้นฉือกำลังถือน้ำชายามบ่ายเข้ามาในออฟฟิศของฉู่เจียเสวียน ขณะนี้ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน
ถังถังเห็นท่าทางของกงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนที่กระหนุงกระหนิงกันแล้ว ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ตอนนั้นหลังจากกินทาร์ตไข่ไปสองชิ้นแล้วก็ถือแก้วชาไข่มุกเดินไปยังหน้าร้าน ปล่อยให้กงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนอยู่ในออฟฟิศกันสองคน
“เจียเสวียน คืนนี้คุณอยากกินอะไร” กงจวิ้นฉือกล่าว สายตาที่มองฉู่เจียเสวียนนั้นเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาดังสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ฉู่เจียเสวียนเอียงศีรษะคิด สายตาที่สดใสดุจไข่มุกส่องประกาย มองแล้วชวนหลงใหลเป็นพิเศษ “คุณอยากกินอะไรก็ได้ ฉันไม่เกี่ยง”
เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น มองกงจวิ้นฉือด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอ” กงจวิ้นฉือเอ่ย เมื่อเห็นว่ามีผมปรกบนใบหน้าฉู่เจียเสวียน เขายื่นมือช่วยเธอเกี่ยวหูเบาๆ
ถูกกงจวิ้นฉือกระทำเช่นนี้กะทันหันก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนแดงระเรื่อ
เห็นท่าทางที่เคอะเขินของฉู่เจียเสวียน รอยยิ้มบนใบหน้าของกงจวิ้นฉือยิ่งสดใสกว่าเดิม
พวกเขาคบกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเธอถึงยังเขินอีกล่ะ
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่คุณต้องรอให้ฉันทำงานในมือให้เสร็จก่อน ฉันยังมีต้นฉบับออกแบบที่ต้องแก้ด่วน น่าจะประมาณชั่วโมงนึง ได้หรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนกล่าว
“ได้อยู่แล้ว งั้นคุณไปทำงานก่อน ผมจะไปคุยกับถังถัง” กงจวิ้นฉือพูดจบก็ลุกขึ้น เดินออกไปจากออฟฟิศ
‘หนึ่งชั่วโมงแล้วยังไงเหรอ? สามปีเขาก็รอมาแล้ว นับประสาอะไรกับเวลาแค่นี้’ คิดอยู่ในใจ แล้วเดินไปหาถังถัง
หลังจากตามหาในที่สุดก็เจอถังถังตรงระเบียง เห็นถังถังกำลังเหม่อมองท้องฟ้า กงจวิ้นฉือเดินย่องเข้าไป ยื่นมือแตะๆ หลังของถังถังเบาๆ
ถังถังดึงสติกลับมา กวาดตามอง เมื่อไม่เห็นใครก็มองซ้ายมองขวา ยกมือขึ้นเกาหัว ไม่มีใคร? งั้นใครแตะไหล่ของเธอล่ะ?
“ฮ่าๆ ผมอยู่นี่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” กงจวิ้นฉือที่หลบซ้ายขวาตลอดเวลา เดินออกมา ยืนอยู่ด้านซ้ายของถังถัง บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น
เขาก็รู้จักกับถังถังมานานมาก นานจนเขาแทบจำไม่ได้แล้ว