กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 358 มีหนอนบ่อนไส้ ตอนที่ 359 กระโถนอารมณ์
ตอนที่ 358 มีหนอนบ่อนไส้
“หนานเจวี๋ย ดูสิคุณยุ่งทั้งวันเลย บริษัทเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” ฉู่อีอีกล่าว มองเผยหนานเจวี๋ยตาไม่กระพริบ ใบหน้าน้อยๆ ที่สวยงามสดใสมีความกังวล
“เปล่า ในบริษัทอาจจะมีหนอนบ่อนไส้ เมื่อวานการประมูลล้มเหลว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างอ่อนล้า หลังจากดื่มน้ำแกงในถ้วยหมดแล้ว ก็วางลงบนโต๊ะ
หันหน้ามองฉู่อีอีที่นั่งอยู่ข้างๆ มองต่ำพร้อมถามเพิ่มเติม “อีอี สองวันนี้ คุณไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”
มองเผยหนานเจวี๋ยที่ถามขึ้นมาฉับพลัน ฉู่อีอีตื่นตระหนกในใจ ทำไมจู่ๆ เขาถึงถามแบบนี้
“หนานเจวี๋ย ทำไมจู่ๆ คุณถึงถามแบบนี้ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ฉู่อีอีกล่าว มองเผยหนานเจวี๋ยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
อันที่จริงแล้วหัวใจกำลังเต้นขึ้นๆ ลงๆ คาดเดาอยู่ในใจไม่หยุดว่าเขารู้อะไรแล้วหรือเปล่า
“ไม่มีอะไร ก็แค่ถามดู” ละสายตา จากนั้นเผยหนานเจวี๋ยก็พูดขึ้น
ถอนหายใจโล่งอกในใจ ความเงียบที่เป็นคำตอบของเผยหนานเจวี๋ยนั้น สำหรับเธอแล้วมันทำให้จิตใจสงบลง ยังดีที่เขาไม่รู้
ริมฝีปากแดงยกยิ้ม กำลังต้องการจะพูดบางอย่าง เสียงเคาะประตูจากข้างนอกก็ดังขัดจังหวะสิ่งที่ฉู่อีอีต้องการจะพูด
“เข้ามา” เสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น หลังจากเลขาได้ยินแล้วก็เปิดประตูเดินเข้ามา หยุดยืนอยู่ด้านหน้าฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ย
“ประธานเผย ตอนนี้คุณฉู่รออยู่ข้างนอกแล้วค่ะ” เลขากล่าว มองเผยหนานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้มมืออาชีพบนใบหน้า
ฉู่อีอีตื่นตกใจ ฉู่เจียเสวียน? เธอมาที่นี่ทำไมอีก ไม่น่าล่ะเมื่อกี้ตอนที่เผยหนานเจวี๋ยเห็นหน้าเธอถึงได้ประหลาดใจแบบนั้น ที่แท้เพราะฉู่เจียเสวียนกำลังจะมา
ในใจยิ่งคิดยิ่งโมโห ไม่ยินดีกับความรู้สึกคับข้องใจของตัวเอง ทั้งๆ ที่เธอเป็นคู่หมั้นของเขา ทำไมตอนนี้ระหว่างพวกเราสองคนราวกับว่าไม่รู้จักกัน
“อืม บอกให้เขาเข้ามาเถอะ อีอี ผมยังมีเรื่องต้องหารือกับฉู่เจียเสวียนนิดหน่อย คุณกลับไปก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับฉู่อีอี เมื่อได้ยินว่าฉู่เจียเสวียนมา หัวใจของเขาก็พองโตแล้ว
อารมณ์ที่กลัดกลุ้มก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย
“หนานเจวี๋ย พี่สาวมาที่นี่มีเรื่องงานอะไรคุยกับคุณอีกเหรอ” น้ำเสียงยกสูงขึ้นหลายระดับโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยก็มีความหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นสายตาที่หึงหวงของฉู่อีอีแล้ว อารมณ์ของเผยหนานเจวี๋ยที่ดีขึ้นมาได้อย่างยากลำบากนั้นก็หายวับภายในพริบตา
“อีอี ฉู่เจียเสวียนเป็นตัวแทนของบริษัทกง ร่วมงานกับบริษัทของผม พวกมีสัญญาที่เซ็นต์ร่วมกันหลายฉบับ คุณอย่าคิดมากเลย กลับไปก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยอธิบายกับฉู่อีอีอย่างอดกลั้น
ตอนนี้บริษัทของพวกเขากับกลุ่มบริษัทกงทำงานร่วมกันจริงๆ อีกอย่างความร่วมมือระหว่างสองบริษัทยังเป็นความลับมาก เขาไม่ต้องการให้ปัญหาใดเกิดขึ้นจริงๆ
“แต่ว่าหนานเจวี๋ย ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ” ฉู่อีอีกล่าว สีหน้าไม่พอใจ เธอไม่ต้องการให้ฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยอยู่กันตามลำพัง ในใจของเธอไม่สงบเป็นอย่างมาก
สักวันหนึ่งเถอะฉู่เจียเสวียน ฉันจะต้องทำให้เธอหายไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน
“ถ้าหากคุณฉู่ไม่รังเกียจ จะฟังอยู่ข้างๆ ก็ได้นะคะ ถ้าหากทำแบบนี้แล้วจะทำให้คุณสบายใจขึ้น” เสียงที่เย็นชาสดใสดังมาจากนอกออฟฟิศ ทั้งสองคนหันไปมอง พบว่าฉู่เจียเสวียนกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา บนใบหน้ามีรอยยิ้มมีอาชีพ
เห็นใบหน้าที่สดใส และเรือนร่างที่สูงโปร่งสมบูณ์แบบของฉู่เจียเสวียน หัวใจของฉู่อีอีโมโหจนแทบทนไม่ไหว
เมื่อเผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนแล้วดวงตาเป็นประกายทันที แต่พอนึกถึงคำพูดของเธอ หัวใจของเขาก็จมดิ่งไม่หยุด
ตอนที่ 359 กระโถนอารมณ์
“พี่คะ” ฉู่อีอีกล่าว มองฉู่เจียเสวียนแล้วยิ้ม ท่าทางเป็นมิตร
ฉู่เจียเสวียนชำเลืองมองฉู่อีอีด้วยความเย็นชา ไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยก็นั่งลงตรงข้ามพวกเขาแล้ว หยิบเอกสารในกระเป๋าออกมา ตั้งใจจะให้เผยหนานเจวี๋ยดู
“คุณเผย ดูก่อนค่ะ ดูว่ามีปัญหาหรือเปล่า ถ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ คุณเซ็นต์ชื่อตรงนี้ ฉันก็กลับไปรายงานได้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้น ยื่นมือผลักเอกสารไปตรงหน้าเผยหนานเจวี๋ย
เผยหนานเจวี๋ยชำเลืองมองฉู่เจียเสวียนด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ละสายตา มองฉู่อีอีที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมเอ่ย “อีอีคุณกลับไปก่อน”
“หนานเจวี๋ย…”
“กลับไป” เผยหนานเจวี๋ยไม่รอให้ฉู่อีอีพูดจบ ก็พูดตัดบทเธอ เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรกับฉู่เจียเสวียนสักหน่อย เธอไม่เชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยเหรอ
ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ตรงนั้นมองดูทั้งสองคนเย็นชา ท่าทีสูงส่ง ถึงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
ในใจของฉู่อีอีหดหู่ หลังจาจ้องฉู่เจียเสวียนอย่างโกรธแค้นแล้ว จึงลุกขึ้นจากโซฟา เดินออกไปจากออฟฟิศ
มองดูแผ่นหลังที่เกรี้ยวกราดของฉู่อีอี ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะในใจ เฮ้อ ดูท่าทางเธอคงจะคิดบัญชีนี้กับเธออีกแล้ว ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย
บางทีมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ว่าคนบางคนมักจะชอบระบายอารมณ์กับคนอื่นอยู่เสมอ ทำให้คนอื่นเป็นกระโถนอารมณ์ของตัวเอง
จนกระทั่งประตูออฟฟิศปิดลงแล้ว เผยหนานเจวี๋ยหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกดู
ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มมืออาชีพและเฉยเมย
เผยหนานเจวี๋ยถามคำเธอก็ตอบคำ และแน่นอนว่าคำตอบมีแค่เรื่องงานเท่านั้น
“โอเค ไม่มีปัญหาแล้ว หวังว่าพวกเราจะร่วมมือกันอย่างราบรื่น” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือออกมาให้ฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียนยิ้ม ยื่นมือจับมือเผยหนานเจวี๋ยกลับเบาๆ ขณะที่ต้องการจะดึงมือกลับนั้น เผยหนานเจวี๋ย
กลับจับมือของเธอแน่น
ยิ่งดึงเขากลับยิ่งจับแน่น ขมวดคิ้วเข้าหากัน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปแล้ว ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“คุณเผย ฉันรู้ว่าคุณอาลัยอาวรณ์ฉันมาก แต่ก็ไม่ต้องจับมือฉันไม่ปล่อยแบบนี้นี่นา เดี๋ยวถ้ามีใครมาเห็นเข้า ไม่แน่ว่าจะทำอะไรฉันอีก” เสียงที่ชัดเจนดังก้องอยู่ในออฟฟิศ สีหน้าของฉู่เจียเสวียนยิ่งเยือกเย็นลงเรื่อยๆ
เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้วกับคำพูดของฉู่เจียเสวียน เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร เธอรังเกียจเขาขนาดนั้นเชียวหรือ
“ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้นี่นา” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว มองฉู่เจียเสวียนด้วยแววตาที่มีคามรู้สึกซับซ้อน
ทั้งๆ ที่ตอนนี้พวกเขาร่วมงานกันแล้ว เพราะอะไรเธอถึงยังเย็นชากับเขาเพียงนี้ หรือว่าเธอจะไม่สามารถทำดีกับเขาสักหน่อยจริงๆ เหรอ หรือแม้แต่ยิ้มให้เขาอย่างจริงใจสักครั้ง?
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองน่าขันมาก เมื่อก่อนตอนที่เธอยังอยู่ข้างกาย เขารู้สึกรังเกียจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ตอนนี้ เมื่อเธอปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ถูกเธอดึงดูดอย่างประหลาด และต้องการจะอยู่ด้วยกันกับเธอ
มุมปากยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเยือกเย็น “คุณเผยพูดแบบนี้ตลกจังเลย ระหว่างพวกเราจะเป็นอะไรกันได้? ก็แค่คนร่วมงานกันเท่านั้น ปล่อยมือค่ะ”
พูดจบ ฉู่เจียเสวียนออกแรงดึงจนมือหลุดจากมือของเผยหนานเจวี๋ย ดวงตาโตที่สดใสมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความเย็นชารุนแรง
เผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉู่อีอีพุ่งออกมาจากออฟฟิศของเผยหนานเจวี๋ยและเข้าไปนั่งในรถแล้ว โทรศัพท์มือถือดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู