กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 145
USB:บทที่ 145 บุก
อย่างมากครั้งต่อไปที่เขาพบชายที่น่ารำคาญคนนั้นเขาจะไม่บอกลูกพี่ของเขา ไม่มีอะไรต้องกลัวสำหรับคนที่ขี้ขลาดยิ่งกว่าเหลาหยู
ชายหนุ่มจะได้รู้ในเร็วๆนี้ว่าทำไมเขาถึงได้กลัวและคำเตือนของพี่เปียวนั้นถูกต้อง แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงอื้ออึงดังมากจากด้านนอกตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน
“เกิดอะไรขึ้น?!”พี่เปียวถามลูกน้องของเขา
ในเวลานี้ที่ด้านนอกของบาร์ยังไม่ได้เปิดให้บริการดังนั้นจึงไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้
เสียงฝีเท้าเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนและแม้แต่เสียงการต่อสู้ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
มีใครบางคนกำลังก่อเรื่องแล้ว!
นี่คือความคิดแรกที่แว่บเข้ามาในใจของพี่เปียวและชายหนุ่มพวกเขาไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้
พวกเขาเคยไปที่อื่นเพื่อก่อกวนและแน่นอนว่าพวกเขามีแต่ไประรานคนอื่นแต่ในเวลาเช่นนี้ ความแข็งแรงของพี่เปียวได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและไม่มีใครกล้าที่จะมาสร้างปัญหาให้เขาถึงที่เช่นนี้ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีใครมาในวันนี้
“ไปกันเถอะออกไปดูข้างนอกด้วยกัน” พี่เปียวลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นมา แล้วลูกน้องของเขาทั้งหมดที่อยู่ในห้องก็พากันลุกขึ้นยืน
แต่ก่อนที่พี่เปียวจะทันได้ออกไปข้างนอกประตูของห้องส่วนตัวก็ถูกกระแทกให้เปิดออกและลูกน้องตัวเล็กของเขาก็ลอยเข้ามาจากทางด้านนอก
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เพราะเขาลอยเข้ามาเองแต่มีใครบางคนได้ถีบเขาเข้ามา
พี่เปียวเดินทะลุประตูที่ถูกกระแทกให้เปิดออกและมองดูเหตุการณ์ด้านนอก
ลูกน้องของเขาหลายคนถูกน๊อคกองอยู่บนพื้นส่งเสียงครวญครางและกรีดร้อง
สภาพโดยรอบถูกทุบจนกระจายและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบาร์หลายคนที่ถูกน๊อคจนล้มลงกับพื้น
ใบหน้าของพี่เปียวหม่นลงทันทีนี่เป็นสถานการณ์ด้านเดียวโดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เขาจะรับลูกน้องมาอย่างไม่จำกัดจำนวนและไม่ได้เข้มงวดเหมือนเมื่อก่อน และความแข็งแกร่งของลูกน้องทั้งหมดนั้นก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้
ในเวลานี้มีชายหนุ่มสองสามคนเดินเข้ามาจากด้านนอกและขวางประตูเอาไว้พี่เปียวและลูกน้องของเขาไม่มีทางที่จะออกไปได้
ชายหนุ่มที่นำมากำลังเคี้ยวหมากฝรั่งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
หลังจากที่เดินเข้ามาเขาก็ตรงเข้าเหยียบเข้าที่ใบหน้าของลูกกระจ๊อกของพี่เปียวและเตะเขาจนกลิ้งไปสองสามรอบทำให้ลูกน้องคนนั้นถึงกับร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด
“พวกแกเป็นใครกัน?”แม้ว่าจะมีคนของเขาอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ต่อต้านได้
ที่นี่มีคนยี่สิบถึงสามสิบคนและเนื่องจากอีกฝ่ายเตรียมการในวันนี้มาดีจึงเป็นที่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถที่จะเอาชนะพวกเขาได้เขาอยากรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายแล้วจึงนำคนของตัวเองไปแก้แค้น
“นี่แกคิดว่าแกมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะรู้จักพวกเราอย่างนั้นหรือ?”ชายหนุ่มถ่มหมากฝรั่งในปากของเขาใส่หน้าของลูกน้องพี่เปียวที่กองอยู่บนพื้น จากนั้นก็มองมาที่พี่เปียวด้วยสายตาเหยียดหยัน
“พวกเราไม่รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม? พวกเราไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน แล้วทำไมพวกแกถึงได้มาทำร้ายคนของฉัน?” พี่เปียวถาม
“ฮ่าฮ่า”ชายคนนั้นหัวเราะและจากนั้นก็ชี้ไปที่พี่เปียวและพูดว่า “
“ปกติแล้วพวกเราไม่เคยรังแกใครก่อนนะถ้าไม่ใช่การต่อสู้กัน?แกคงจะไม่ใช่ไก่อ่อนที่ไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”
พี่เปียวพูดอะไรไม่ออกเขารู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นถูกต้อง แต่ในเวลานี้เขายังไม่ได้รับทราบข่าวอะไรเลยแม้แต่น้อยและอยู่ๆ ก็โดนระเบิดลง
“พอได้แล้วหยุดคิดมั่วซั่วได้แล้ว ไม่เป็นไรงั้นฉันจะบอกแกให้นะ แต่แกจะยังอยากไปแก้แค้นพวกเราหรือเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มที่นำทีมมากล่าว “อย่างไรก็ตาม พวกเราจะให้เกียรตินี้แก่แกก่อน!”
จากนั้นแค่เพียงเขาโบกมือ คนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็เร่งตรงเข้ามาหาพี่เปียวและคนที่เหลือ
เขาไม่ได้นำคนมาด้วยมากมายแต่สามารถที่จะเอาชนะลูกน้องของพี่เปียวกว่ายี่สิบสามสิบคนได้ เขาต้องมีพลังมากจริงๆ
ในตอนนี้พี่เปียวยังคงมีลูกน้องอีกสองสามคนอยู่ข้างๆ เขา แต่ครึ่งหนึ่งของพวกเขาล้มลงกับพื้นทันทีที่พวกเขาสัมผัสกัน
ชายหนุ่มที่ติดตามพี่เปียวมาตลอดตอนนี้หน้าซีดไปหมดด้วยความหวาดกลัว
มันคงไม่เป็นไรที่เขาจะสอนบทเรียนให้คนธรรมดาแต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
โดยปกติเมื่อเขาพบการชกต่อยเขาก็จะไปซ่อนตัวอยู่ไกลๆหรือตะโกนพร้อมกับโบกธงไปด้วย
“อย่าตีฉันเลยฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะ ฉันเป็นแค่ลูกน้องของพี่เปียว มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันเลย”
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่ามีใครบางคนกำลังวิ่งตรงมาหาเขา
เขาก็คุกเข่าลงทันทีและร้องขอความเมตตา
ช่างเป็นคนที่ขี้ขลาดอะไรเช่นนี้แล้วยังจะกล้ามาเป็นอันธพาลอีกงั้นหรือ?
นี่เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างยิ่งการเป็นจิ๊กโก๋เป็นเรื่องธรรมดา มักจะเอาเปรียบคนอ่อนแอกว่า
แต่นี่เป็นอย่างอื่นโดยสิ้นเชิงคนที่อ่อนแออย่างเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แม้ว่าคนรอบข้างจะมองมาที่เขาด้วยความรังเกียจแต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ
เขาเห็นแล้วว่าคนที่มาในวันนี้แข็งแกร่งมากและเขารู้ดีว่าถ้าเขาขืนสู้ก็เท่ากับเขารนหาที่ตาย
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าอย่างน้อยเขาอาจจะต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสักพัก
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการที่จะทุกข์ทรมานจากเรื่องทั้งหมดนี้นอกจากนี้เขาได้วางแผนไว้แล้วในใจว่าตอนนี้พี่เปียวอาจจะโกรธเขา
แต่สมองของพี่เปียวไม่ค่อยดีนักแต่ถ้าเขาหว่านล้อมไปเรื่อยๆ เขาก็จะรอดตัวจากเรื่องนี้ไปได้
ถ้าเขาสามารถผ่านการทดลองนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอนว่าเขาไม่เต็มใจที่จะได้รับความเจ็บปวด
เมื่อคนที่มาจากข้างนอกเห็นเขาทำตัวขี้ขลาดขนาดนี้พวกเขาก็ไม่อยากเอาชนะเขาอีกต่อไป
พวกเขาหันไปจัดการกับคนอื่นๆก่อน แต่เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาหวนกลับมาทำร้ายเขาหรือไม่
ทีละคนที่อยู่รอบๆพี่เปียวนั้นถูกทุบจนร่วง แต่พี่เปียวเองก็ยังคงยืนหยัดหยู่ เขารู้สึกละอายใจมากที่ลูกน้องของเขาคุกเข่าอ้อนวอนขอการให้อภัย ทำไมเขาต้องยอมรับลูกน้องแบบนี้?
เมื่อเขาคิดว่าฮวงเฟิงและเทียนจุ้นเพิ่งจะมาที่นี่ได้อย่างไรนั่นก็เพราะลูกน้องคนนี้หักหลังเขาและไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวกับสองคนนั้น พี่เปียวรู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
“เมื่อเรื่องนี้จบลงฉันจะขับไล่เขาไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” พี่เปียวกล่าวอย่างดุเดือดในใจ
ดังนั้นเขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่อย่างไรก็ตามผู้คนรอบตัวเขาก็ล้มลงทีละคน ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้สูญเสียเลยแม้แต่คนเดียว
พี่เปียวรู้ดีว่าวันนี้เขาได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและบางทีเขาก็อาจจะพ่ายแพ้
เพียงแค่นั้นก่อนที่พี่เปียวจะคิดจบเขาก็เห็นร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
เขายกมือขึ้นเพื่อที่จะปัดป้องแต่เขาก็ถูกคนนั้นเตะจนลอยออกไป!