กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 142
USB:บทที่ 142 ความสามารถที่แท้จริง
ฮวงเฟิงเองกลับมีท่าทีสงบนิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นกับเขาหลายครั้งและเขาก็มีประสบการณ์ขึ้นมาก แล้วเขาจะกลัวเหลาปิงได้อย่างไรกัน?
แน่นอนว่าอาการนิ่งสงบของฮวงเฟิงในสายตาของทุกคนคงคิดว่าเขาคงจะกลัวจนงี่เง่า
หลิวหงและหัวหน้าของทั้งสามกลุ่มนึกเหยียดเขาอยู่ในใจ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้ามาทำร้ายฮวงเฟิงแต่ในใจของพวกเขาเองก็คิดเช่นเดียวกันกับเหลาปิง เพียงแค่ว่าเหลาปิงนั้นเร็วกว่า
และแค่เพียงพวกเขาคิดว่าฮวงเฟิงจะต้องเสียหน้าต่อหน้าทุกคนพวกเขาก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ไม่เป็นไปดังคาด
ฮวงเฟิงเพียงแค่ยกแขนขวาขึ้นและจากนั้นก็คว้าเอากำปั้นของเหลาปิงที่พุ่งตรงมายังเขา
เมื่อเห็นว่าเขาถูกจับไว้โดยฮวงเฟิงเหลาปิงก็ต้องการที่ดิ้นให้หลุด ซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าจะสลัดให้หลุดได้โดยง่ายแต่เขากลับไม่สามารถที่จะหลุดจากการควบคุมของฮวงเฟิงได้เลยแม้แต่น้อย
“หัวหน้าเหลานี่คุณกำลังจะทำอะไร?” ฮวงเฟิงถามอย่างหน้าตาเฉย แต่มือของเขากลับเพิ่มแรงบีบมากขึ้น
สีหน้าของเหลาปิงเริ่มเปลี่ยนสีจากแดงเป็นสีขาวจากขาวเป็นม่วง และผู้คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ใจเย็นใจเย็น” เมื่อเห็นว่าเขาได้สูญเสียความหวังสุดท้ายไปแล้ว เหลาปิงจึงทำได้เพียงแค่อ้าปาก
ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าฮวงเฟิงไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ
“ดูเหมือนว่าคุณเพิ่งจะเข้าโจมตีครั้งแรกเองนะหัวหน้าเหลา? คุณอยากจะให้ผมโทรเรียกตำรวจไหม?” ฮวงเฟิงถาม พลังที่มือของเขาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
“อ๊าก!”เหลาปิงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา ใบหน้าและร่างกายของเขาบิดเบี้ยวและโน้มลงด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังโน้มตัวลงแสงเย็นก็พาดผ่านดวงตาของเขาและจากนั้นเขาก็เหยียดขาขวาและเตะฮวงเฟิงเข้าในทันที
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงยังคงยื่นเท้าออกไปอย่างไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ และพวกเขากำลังต่อสู้กัน
เหลาปิงกรีดร้องอย่างน่าอนาถอีกครั้งไม่เพียงแต่มือของเขาที่ได้รับบาดเจ็บแต่ขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก จากประสบการณ์ของเขาแล้วขาของเขาคงจะฟกช้ำและบวมเป่ง
“ปล่อยฉันไปเถอะผู้จัดการฮวงฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไป!”
ภาพที่เหลาปิงผู้หยิ่งผยองเริ่มวิงวอนขอการให้อภัยจากชายหนุ่ม
ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบๆตกใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูสีหน้าของเขาทุกคนก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของเขา
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาก็มีเสียงอุทานออกมาพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าภายในร่างกายที่ดูอ่อนแอของฮวเงฟิงจะมีพลังที่ทรงพลังเช่นนั้นอยู่
ทุกคนทราบดีเกี่ยวกับทักษะและความแข็งแกร่งของเหลาปิงแต่เขาไม่ทันได้ใช้มัน ก่อนที่หวงเฟิงจะบีบมันจนแตกในทันที
ในการปะทะครั้งต่อมาเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของฮวงเฟิงและไม่ใช่ว่าเหลาปิงจะไม่คิดที่จะต่อสู้กับฮวงเฟิงต่อไปเนื่องจากเขามีแค่มือเดียวและขาเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นฮวงเฟิงคว้ากำปั้นของเขาได้อย่างง่ายดายและเตะเขากลับสีหน้าของเขาก็ยังคงเรียบเฉย
ในขณะที่เขาเลิกล้มความคิดที่จะขัดขืนและรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์
ฮวงเฟิงพยักหน้าและเขาก็ได้ปล่อยเหลาปิงให้เป็นอิสระแล้ว
เขาไม่ได้เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าโจมตีอย่างกระทันหันความสามารถอันน้อยนิดนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงเองก็หวังที่จะให้เรื่องจบลงตรงนี้
หลังจากที่ฮวงเฟิงคลายมือออกเหลาปิงก็ลูบกำปั้นของเขา จากนั้นก็ตามจางหยุนออกไปด้วยสภาพที่พ่ายแพ้
เขาได้ยอมรับความพ่ายแพ้นี้แล้วไม่ใช่เพราะการปะทะที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นเพราะว่าเขาช่างตาบอดและดูคนผิดไป
ฮวงเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่มีพิษสงอย่างที่เขาแสดงให้เห็น
ฮวงเฟิงมองดูคนทั้งสองอีกครั้งสีหน้าของเขายังคงสงบเช่นเคย สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปหรือแสดงความโกรธเลย
หลิวฟงและอีกสองคนต่างมองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ทั้งสองคนได้เห็นการปะทะสั้นๆระหว่างฮวงเฟิงและเหลาปิงและรู้สึกประหลาดใจในทักษะและความแข็งแกร่งของเขา
ในตอนนี้พวกเขาเห็นฮวงเฟิงมองมาที่พวกเขาหัวใจของพวกเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
ดังนั้นคนทั้งสองจึงตามจางหยุนไปด้วยเพื่อที่ทำให้กระบวนการลาออกเสร็จสิ้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีโอกาสอีกแล้วไม่ใช่เพียงเพราะความแข็งแกร่งของฮวเงฟิง แต่เขายังมีซูหยูโม่คอยหนุนหลังและพวกเขายังรนหาที่อีกด้วย
ถ้าพวกเขาสงบเสงี่ยมเจียมจนตั้งแต่แรกพวกเขาก็คงจะไม่ร่วงลงมาเช่นนี้
พวกเขาเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัทและซูหยูโม่เองก็ไม่ใช่คนเลือดเย็น
แต่มันสายเกินที่จะมานึกเสียใจแล้วในตอนนี้ฮวงเฟิงที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นผู้จัดการและเมื่อเขาต้องการที่จะสร้างบารมีของเขา
พวกเขาจึงถูกเตะออกมาโดยง่ายมันคงจะเป็นเรื่องประหลาดถ้าเขาจะยังเก็บพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้ และถึงแม้ว่าผู้จัดการจะไม่ใช่ฮวงเฟิง มันก็คงจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน
ทั่วทั้งสำนักงานของแผนกรักษาความปลอดภัยเงียบสนิทพวกเขาทำได้เพียงมองเหลาปิงและอีกสองคนเดินลับหายไป ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นจ้องมองฮวงเฟิง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะแยกจากเหลาปิงและอีกสองคนแต่พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้กะทันหันและน่าตกใจเกินไป
ฮวงเฟิงเห็นว่าทุกคนมองมาเขาจึงหัวเราะและพูดว่า: “เอาล่ะพวกเขาทั้งสามคนเสร็จเรื่องแล้ว งั้นเรามาคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องทำที่โรงงานด้านล่างกันเถอะ”
“ผู้จัดการฮวง!”ในตอนนี้หยางกวนลุกขึ้นยืนและตะโกนขึ้นเมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงกำลังมองมาที่เขา เขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เขาก็ยังพูดว่า: “เรื่องนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
“คุณไม่สบายไม่ใช่หรือ?”ฮวงเฟิงถาม
”ร่างกายของผมไม่มีอะไรผิดปกติผมไม่อยากให้มันกระทบต่องานของผมได้” หยางกวางกล่าว
”เอาล่ะผมจะให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในนั้น” ฮวงเฟิงไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด
”ขอบคุณผู้จัดการขอบคุณผู้จัดการ” หยางกวงกล่าวอย่างซาบซึ้งทันที ก่อนหน้านี้เขามักจะเลี่ยงเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เขาได้ริเริ่มที่จะรับช่วงต่อเนื่องจากฮวงเฟิงตกลงและเขาเองก็ต้องการที่จะขอบคุณฮวงเฟิง แต่ก็อาจหมายความได้ว่าหลายสิ่งไม่สามารถคาดเดาได้
แน่นอนว่าฮวงเฟิงเห็นด้วยกับคำขอของเขาซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่ไล่เขาออกเพราะเขาเองก็ไม่อยากตกงาน
คนอย่างเขาที่ไม่มีการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงานอื่นๆมันจะเป็นเรื่องยากที่จะต้องหางานใหม่
ด้วยสวัสดิการที่ดีเช่นเดียวกับที่เขามีอยู่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการจากที่นี่ไป
”ผู้จัดการฉันก็อยากลงไปที่โรงงานสักพัก” ในตอนนี้กวนเผิงได้เริ่มที่จะขอเช่นกัน เดิมทีเขาเองก็ต้องการที่จะขอทำงานนี้แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดและละอายอยู่เล็กน้อย และในตอนนี้หยางกวงได้เริ่มพูดแล้วเขาจึงไม่มีความคิดอื่น
ฮวงเฟิงพยักหน้าตามปกติและเห็นด้วยซึ่งเห็นได้ชัดว่ากวนเผิงเองก็ทำท่าโล่งอกเช่นกัน