กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 136
USB:บทที่ 136 กบฏ
“ใช่ฉันเองก็กำลังจะบอกเธอเรื่องนี้แหละ ที่ฉันเล่าเรื่องของผู้จัดการหลิวเมื่อคืนนี้ และตอนนี้ก็มีคนใหม่แล้ว ผู้จัดการคนใหม่ชื่อว่า ฮวงเฟิง ถึงแม้ว่าเขาจะยังหนุ่ม แต่เขาก็เป็นคนมีความสามารถ เธออยากจะพบเขาไหมล่ะ? ซูหยูโม่ กล่าว
“ไม่จำเป็นฉันเชื่อในการตัดสินใจของเธอ พวกเราไปประชุมกันเถอะ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
เธอยังคงเชื่อมั่นในตัวของซูหยูโม่เป็นอย่างมากดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องพบฮวงเฟิง เพราะว่ายังมีโอกาสที่จะทำเช่นนี้อีกมากในอนาคต
“เอาล่ะงั้นก็แล้วแต่เธอนะ” ซูหยูโม่กล่าว
“เป็นไงล่ะฉันไม่ได้โกหกนายนะ ผู้จัดการฮวง!” เมื่อฮวงเฟิงกลับไปที่ออฟฟิศของเขา พี่หวังก็พูดกับเขา
เขาพยักหน้ารับรู้ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะเป็นเรื่องที่เกินคาด แต่ฮวงเฟิงก็มีความสุขมาก การที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งนั้นทำให้เขามีความสุขมากจริงๆ
และถึงแม้ว่าเขาจะได้รับกล่องจักรวาลมาเขาก็จะไม่ใช่แค่คนธรรมดาๆ อีกต่อไปในอนาคน
อย่างไรก็ตามสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ซึ่งนั่นทำให้ทำไมเขาถึงยังอารมณ์ดี
ไม่นานหลังจากนั้นจางหยุนก็มาถึง เธอกล่าวแสดงความยินดีกับฮวงเฟิง จากนั้นก็นำฮวงเฟิงไปที่ออฟฟิศใหม่
เพราะว่าในตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ต้องอยู่ที่ออฟฟิศนี้ไปตลอดอย่างแน่นอน
เมื่อได้เห็นออฟฟิศที่สดใสฮวงเฟิงก็รู้สึกว่ามันก็ไม่เลวนักเมื่อเขาไปนั่งในจุดที่ผู้จัดการหลิวเคยนั่ง
เมื่อฮวงเฟิงกำลังพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของการเป็นผู้จัดการ
หลังจากที่ผู้คุ้มกันชิวได้หลบหนีไปจากจวนของที่ปรึกษากระทรวงจางชีวิตของเขาก็ไม่ง่ายเลย
ในเวลานั้นเขารีบมากและไม่มีเวลาเตรียมการใดๆ เลย
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้คุ้มกันชิว
เพราะว่าเขาเป็นคนที่มีทักษะและในเวลานี้เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เพราะว่าหลังจากที่ได้ฉวยโอกาสทำการค้าเล็กๆบนถนนนั้น ปัญหาที่ผูกเป็นปมของเขาก็ดูเหมือนว่าจะคลี่คลาย ซึ่งมันกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ของเขา
“แม่งเอ้ยทำไมโชคไม่ดีอย่างนี้นะ! ฉันไม่ได้อะไรมาเลยสักอย่าง แล้วฉันก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้อีก” ภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ผู้คุ้มกันชิวพึมพำขณะที่กำลังรับประทานอาหาร
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เขารู้สึกว่าเขาต้องถูกวางแผนโดยใครสักคนหรือเขากำลังตกเป็นเป้าหมายหรือไม่เช่นนั้นพระหยกนั้นก็เป็นเป้าหมาย และศัตรูก็เป็นผู้เชี่ยวชาญมาก
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงจะไม่เพียงแค่ได้รับมันไว้ และพระหยกนั้นก็ได้หายไปในพริบตาได้
อีกฝ่ายต้องมาขโมยไปจากเขาอีกครั้งในคืนนั้นซึ่งมันก็เป็นเพราะว่าเขานั้นสะเพร่าเอง
ขณะที่กำลังคิดว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายนั้นคือพระหยกแต่เขาไม่ได้อีกฝ่ายจะกล้ากลับมาขโมยไข่มุกราตรีไปอีก
ในเวลานั้นถัดไปไม่ไกลจากผู้คุ้มกันชิวนัก ก็มีโต๊ะตัวหนึ่งที่มีแขกเต็มโต๊ะกำลังพูดคุย และพุ่งความสนใจมาที่ผู้คุ้มกันชิว
เพราะว่าเขาเคยเป็นสมาชิกในกองทัพมาก่อนและก็เพิ่งจะปลดประจำการมาก
“ฉันได้ยินมาตั้งนานแล้วดูเหมือนว่าจะมาจากเพื่อนบ้านของเรา อาณาจักรจื่อเฟิง ซึ่งมีอยู่เมืองเล็กๆ อยู่ประมาณสิบเมือง แต่พวกเขาได้ถูกขัดขวางโดยนายพลซื่อและสงครามก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ” ชายคนนั้นกล่าว
“เฮ้อโลกนี้ช่างไม่สงบสุขเสียจริง มีการลุกฮือภายในอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแถมยังมีการจลาจลเล็กๆ มาจากข้างนอกอีกด้วย” คนข้างๆถอนหายใจ
โลกนี้ไม่ใช่ที่ที่สงบสุขผู้คุ้มกันชิวทราบเรื่องนี้มาโดยตลอด
ไม่ว่าจะในฐานะผู้คุ้มกันในกองทัพหรือผู้คุ้มกันในที่พักอาศัยเขาก็รู้สึกได้
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในกองทัพเมื่อเขาถูกส่งประจำการใกล้ชายแดน เขามักจะปะทะกับอาณาจักรจื่อเฟิงที่อยู่ใกล้เคียง
และความขัดแย้งระหว่างพวกเขาทั้งสองก็เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งอย่างไรก็ตามมันเป็นความขัดแย้งเล็กๆ มาโดยตลอดและไม่ใช่เรื่องใหญ่
เมื่อเขาออกจากกองทัพและกลายเป็นผู้คุ้มกันที่จวนของที่ปรึกษากระทรวงจางเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าโลกนี้ไม่สงบสุข
ที่ปรึกษากระทรวงจางมีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นคนร่ำรวยดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบางคนที่ต้องการจะเอาชนะสมาชิกคนหนึ่งของจวนชั้นนอก
เมื่อพิจารณาจากการสนทนาของพวกเขาการต่อสู้เล็กๆ ทางตอนเหนือได้กลายเป็นสงครามครั้งใหญ่แล้ว เขาไม่ได้คาดหวังถึงสิ่งนี้และรู้สึกว่ามันก็มีเหตุผล
“ใครผิดล่ะไม่เป็นไรหรอกถ้าจะมีกบฏอยู่ทุกที่ แต่โจรก็มีอยู่ทุกที่เช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่ฉันส่งผ้าไปขายฉันเจอโจรหลายระลอกก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่นและในที่สุดฉันก็สูญเสียทุกอย่าง” ชายวัยกลางคนถอนหายใจ
”คุณยังโชคดีที่คนไม่ได้เป็นอะไร ดังนั้นจึงไม่แย่นัก ฉันได้ยินมาว่าคนในตระกูลฮัวก็เจอโจรเช่นกัน และสุดท้ายพวกเขาก็ถูกฆ่าและปล้นทรัพย์สินของเขาไป”
“เฮ้อโลกนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่นะ?”
ยิ่งมีการกวาดล้างโจรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีผู้คนมากขึ้นและมีคนจำนวนมากขึ้นในกองทัพกบฏ
ในท้ายที่สุดก็ไม่มีทางที่รัฐบาลแห่งจักรวรรดิจะดูแลสถานการณ์ได้มีหลายคนได้ยึดครองภูเขาแล้ว
แต่พวกเขาก็ยังกล้าที่จะแขวนธงประกาศการกบฏและรัฐบาลจักรวรรดิไม่สามารถทำอะไรกับมันได้และแม้กระทั่งสั่งให้พวกเขาหยุด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไร
เขาเคยเป็นทหารมาก่อนและเคยเป็นผู้คุ้มกัน
สำหรับกองทัพเขามีพื้นฐานทางกฎหมายแต่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
และเขาไม่ต้องการเป็นผู้คุ้มกันอีกต่อไปแล้วถึงแม้ว่าเขาจะได้เป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันแต่ในท้ายที่สุดเขาก็ยังถูกเรียกตัวจากผู้คนและท้ายที่สุดเขาก็ไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้
กบฏ!
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยิ่งตื่นเต้นคนที่ไม่มีความสามารถเลยแม้แต่คนที่ไม่มีสมองก็ยังสามารถประท้วงด้วยการชักธง
แล้วทำไมเขาถึงจะทำอย่างนั้นไม่ได้?ทำไมเขาถึงบอกไม่ได้ว่านั่นเป็นเพราะการปราบปรามจากราชสำนัก?
เขาไม่ได้กังวลในฐานะคนที่เคยรับราชการทหารมาก่อนเขารู้ดีกว่าใครๆ ว่ากองทัพแข็งแกร่งเพียงใด
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มกบฏอีกมากมายและรัฐบาลของจักรวรรดิไม่สามารถดำเนินการกับพวกเขาได้อย่างจริงจั