กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 412 ไม่ต้องการเธอ
บทที่ 412 ไม่ต้องการเธอ
บทที่ 412 ไม่ต้องการเธอ
เซี่ยจิ่งเฉินรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วถามทันที “ใครหายไป?”
เซี่ยไป่อวิ๋นรีบตอบกลับ “น้องสาวซือถงหายไปครับคุณลุง!”
จากนั้นเซี่ยจิ่งเฉินก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่หวังผิงบุกเข้ามาในห้องตอนที่เขาคุยกับเซี่ยชิงหยวน เขาเห็นชายเสื้อของเซี่ยซือถง
ในเวลานั้นเขารีบรับมือกับหวังผิงและไม่ได้ตามออกไปดูลูกของตัวเอง
เด็กหญิงคนนั้นคงได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันในห้อง และหนีออกจากบ้านไปด้วยความโศกเศร้าแน่ๆ
หวังผิงเงยหน้าขึ้นจากไหล่ของเซี่ยจิ่งเยว่ทันที และพยายามดิ้นที่จะลง “คุณยังทำอะไรอยู่ รีบไปหาเธอสิ!”
เซี่ยชิงหยวนที่ถูกอุ้มอยู่เช่นกันก็ต้องการจะลง แต่เสิ่นอี้โจวค่อย ๆ จับเธอลงแล้วพูดกับเซี่ยไป่เหิง “น้องสาวหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอหายไประหว่างเล่นหรือตอนไหนจำได้ไหม?”
เซี่ยไป่เหิงตอบกลับทีละคน และผู้ใหญ่หลายคนในครอบครัวก็ออกไปตามหาทันที
เสิ่นอี้โจวเอ่ยเตือน “พี่รองไปเรียกหาเพื่อน ๆ ของพี่ทีนะ เพื่อให้ทุกคนช่วยกันมองหาด้วยกัน”
เซี่ยจิ่งเฉินกังวลราวกับมดบนหม้อไฟและรีบตอบ “ตกลง”
ยกเว้นกงเหลียนซินที่คอยดูแลเด็ก ๆ ในบ้านแล้ว ผู้ชายทุกคนในครอบครัวก็ออกไปตามหาเซี่ยซือถง
ทันใดนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นความโกลาหล
เด็กหายไปและกงเหลียนซินก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหาร แต่ยังมีเด็กอยู่ที่บ้านแถมเซี่ยชิงหยวนก็ท้องลูกแฝด ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถปล่อยให้คนที่ยังอยู่ในบ้านหิวได้
ข้าวหุงสุกตั้งแต่แรกแล้ว และหวังผิงก็เตรียมวัตถุดิบอาหารไว้เกือบเสร็จหมดแล้วด้วย กงเหลียนซินเพียงหยิบของที่สะดวกมาผัดเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น
หลังจากที่เธอทำอาหารเสร็จแล้ว แต่ยังไม่มีใครกลับมา เธอก็แบ่งอาหารบางส่วนเก็บไว้ให้พวกผู้ใหญ่ที่ออกไปตามหาเด็ก นำอีกส่วนหนึ่งไปให้เซี่ยชิงหยวนกับหวังผิงในบ้าน และเธอก็กินข้าวกับเด็ก ๆ
เธอมองดูค่ำคืนอันมืดมิดนอกบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
วันที่วุ่นวายนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่กันนะ?
เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนไร้หัวใจ แต่เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวกลับมาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยโต้แย้งหวังผิงมาก่อน แต่ความคิดของเซี่ยจิ่งเยว่นั้นแตกต่างจากเธอ และเธอไม่สามารถต่อต้านตระกูลเซี่ยทั้งหมดด้วยตัวเองได้
แต่ตอนนี้เมื่อเซี่ยชิงหยวนยืนหยัดเพื่อสนับสนุนความคิดของเธอ เธอก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนเคียงข้างเซี่ยชิงหยวน เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าหากเธอพลาดโอกาสนี้ เซี่ยชิงหยวนคงจะไม่ยุ่งกับครอบครัวนี้อีกแล้ว
…
จนกระทั่งเกือบเช้า เซี่ยจิ่งเฉินพบเซี่ยซือถงซ่อนตัวอยู่ข้างกองหญ้าระหว่างทางจากหมู่บ้านซิ่งฮวาไปยังอำเภอเมือง
หลายชั่วโมงแล้วที่เซี่ยซือถงหนีออกจากบ้าน เด็กหญิงทั้งเหนื่อยและหิว ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอเป็นสีม่วงจากความหนาวเย็นของยามค่ำคืน
เด็กหญิงมองเซี่ยจิ่งเฉินด้วยน้ำตาที่ไหลพราก ชั่วครู่หนึ่งเธอไม่รู้ว่ามันเป็นภาพหลอนหรือความจริง จึงตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “พ่อ?”
เซี่ยจิ่งเฉินรู้สึกเจ็บที่หน้าอก “ถงถง”
ทันใดนั้นเซี่ยซือถงก็เข้าใจได้ว่าชายตรงหน้าของเธอคือเซี่ยจิ่งเฉินจริง ๆ
วินาทีต่อมาเด็กหญิงก็ลุกขึ้นและอยากจะวิ่งหนีไป
“ถงถง!” เซี่ยจิ่งเฉินกอดเด็กหญิงและอุ้มร่างอันเย็นเฉียบของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
เซี่ยซือถงพยายามดิ้นอย่างสิ้นหวังราวกับว่าเธอหวาดกลัว
เซี่ยจิ่งเฉินกอดเธอแน่นขึ้น “ถงถง นี่พ่อเอง นี่พ่อเอง”
เสียงนี้ทำลายกำแพงใจของเซี่ยซือถงในทันที และเด็กน้อยก็หลั่งน้ำตามากขึ้นกว่าเดิม “คุณไม่ใช่พ่อของหนู คุณไม่ใช่พ่อของหนู!”
เซี่ยจิ่งเฉินตกตะลึง เธอได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันแล้วแน่นอน
เขาหันร่างของเธอมาหาแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถ้าพ่อบอกว่าพ่อเป็นพ่อของลูก พ่อก็จะเป็นพ่อของลูก!”
เซี่ยซือถงหยุดดิ้นและมองเซี่ยจิ่งเฉินอย่างว่างเปล่าราวกับจะยืนยันความถูกต้องของคำพูดนี้
ในที่สุดปากเล็ก ๆ ของเธอก็อ้าออกและร้องไห้อ้อนวอน “พ่อจ๋า หนูจะเชื่อฟัง! หนูจะดูแลน้องสาวและช่วยทำงานบ้านทั้งหมด! หนูขอแค่ดื่มน้ำข้าวต้มนิดหน่อยทุกวันก็พอ! แค่พ่ออย่าทิ้งหนูไปได้ไหม?”
เธอเป็นเด็กที่ยังอายุไม่ครบ 5 ขวบด้วยซ้ำ แต่ความรักและความรู้สึกมั่นคงทั้งหมดที่เธอเคยได้รับตั้งแต่เกิดนั้นล้วนมาจากตระกูลเซี่ยทั้งหมด ตระกูลจางไม่เคยดีต่อเธอเลย
เธอยังเด็กและไม่เข้าใจความหมายของการหย่าร้าง แต่ในใจเธอ ตระกูลเซี่ยไม่เหมือนกับตระกูลจางแม้แต่น้อยที่ดุด่าและทุบตีเธอทุกวัน
‘พ่อของแกไม่ต้องการแกอีกต่อไปแล้ว ปู่ ย่า ป้า ลุง อาของแกทุกคนก็ไม่ต้องการแกอีกต่อไปเหมือนกัน! ไม่มีใครต้องการแกทั้งนั้น!’ นี่คือสิ่งที่ตระกูลจางมักตะโกนใส่เธอ
การที่เธอจะได้กลับไปบ้านตระกูลเซี่ยเป็นครั้งคราว สำหรับเธอมันคือความหวังที่ทำให้อดทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
และยิ่งไปกว่านั้น เธอคิดว่าตราบใดที่โตขึ้นและสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง เธอจะกลับไปอยู่กับพ่อและปู่ย่าของเธอ
แต่จู่ ๆ วันหนึ่งเธอกลับได้ยินความลับว่าตัวเองไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของตระกูลเซี่ย ความหวังในชีวิตของเธอแทบพังทลายลง และไม่อาจเผชิญกับมันได้อีกต่อไป
แถมยังดูเหมือนว่าพ่อกับอาหญิงของเธอยังวางแผนบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอด้วย และเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตระกูลจางพูด เธอก็คิดว่าพ่อของเธอไม่ต้องการตัวเองแล้วจริง ๆ
ยังมีอีกคำที่ตระกูลจางพูด เธอจะถูกขายให้กับครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อแลกกับเงินที่จะเอาไปให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอแต่งงานกับภรรยาของพวกเขาในอนาคต และเธอจะถูกทุบตีเจียนตายและขายต่ออีกครั้งโดยผู้ชายของตัวเอง…
คำพูดของเซี่ยซือถงเป็นราวกับมีดที่กรีดลงไปในหัวใจของเซี่ยจิ่งเฉิน
เขารู้สึกเสียใจอยู่เสมอกับลูกสาวคนนี้ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขารู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของตัวเอง ซึ่งมันทำให้เขายิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น
เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป และน้ำตาก็ไหลออกมาทันที
เขากอดเซี่ยซือถงและสำลักด้วยเสียงสะอื้นไห้ “พ่อต้องการลูก ปู่ ย่า ลุง และอาหญิงก็ต้องการลูกนะ ทุกคนต้องการลูก!”
ดวงตาของเซี่ยซือถงเป็นประกายในทันที “จริงเหรอคะพ่อ?”
เซี่ยจิ่งเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น “จริงที่สุดเลย คราวนี้ที่อาหญิงและอาเขยของลูกกลับมาก็เพราะจะทำให้ถงถงได้อยู่บ้านของเราไง”
“ฮือ…ฮือ…ฮือ…” เซี่ยซือถงทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาของเด็กน้อยไหลอีกครั้ง
เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินหาเซี่ยซือถงพบ เขาขอบคุณคนที่ออกมาช่วยตามหาและบอกว่าจะขอเลี้ยงขอบคุณทุกคนเป็นการตอบแทนอย่างดีในวันหน้าและพาเด็กกลับบ้าน
ไฟในบ้านเซี่ยยังคงเปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอผู้คนกลับมา
กงเหลียนซินยืนอยู่ที่ประตูและชะเง้อมองไปรอบ ๆ อยู่ตลอด เมื่อเธอเห็นผู้ใหญ่หลายคนเดินมา และเซี่ยจิ่งเฉินอุ้มเซี่ยซือถงไว้ในอ้อมแขน เธอก็ดีใจมาก “เจอแล้ว เจอเด็กแล้ว!”
ช่างโชคดีจริง ๆ
…
เมื่อวานทุกคนนอนดึกเพื่อตามหาเซี่ยซือถงและทุกคนก็มีรอยคล้ำใต้ตาในวันรุ่งขึ้น
เสิ่นอี้โจวนำอาหารเช้าเข้ามาในห้องและประคองเซี่ยชิงหยวนที่กำลังจะลุกจากเตียง “คุณเหนื่อยมาสองวันแล้วนะ พักผ่อนบนเตียงต่อเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันนอนไปทั้งเมื่อคืนวานนี้แล้วนะ และหลังจากกินยาไป อาการปวดก็หายไปแล้วด้วย”
เสิ่นอี้โจวยืนกราน “นอนลงก่อนเถอะ แม้มันจะไม่เจ็บแล้วก็เถอะ และไม่ต้องกังวล เรื่องซือถงผมจะจัดการทุกอย่างเอง หรือไม่งั้นคุณก็คอยฟังอยู่ในห้องก็ได้เมื่อคนพวกนั้นมาถึง”
สันดานของตระกูลจางเป็นอย่างที่รู้กันอยู่แล้ว เมื่อพวกเขามาก็ย่อมต้องโวยวายจนหลังคาแทบเปิด ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้ยินเสียงแม้จะอยู่ในห้อง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอถามอีกครั้ง “เรื่องทั้งหมดที่เราพูดคุยกันก่อนหน้านี้ได้ถูกเตรียมไว้แล้วหรือยังน่ะ?”
เสิ่นอี้โจวเกาจมูกของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “คราวนี้เราต้องกรีดเลือดเฉือนหนังตระกูลจางให้สาสมเลย”
หลังจากที่เธอกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว เสิ่นอี้โจวก็อยู่กับเธอสักพัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงของพี่ใหญ่ตระกูลจางดังมาจากนอกบ้าน “น้องเขย เดี๋ยวนี้ทำตัวยิ่งใหญ่เหลือเกินเลยนะ ตรุษจีนแท้ ๆ ทำไมไม่มาที่บ้านของฉันเพื่อฉลองเลยล่ะ?”
จากนั้นเสียงของเซี่ยจิ่งเฉินก็พูดว่า “ฉันกับจางอวี้เจียวหย่ากันแล้ว นายควรที่จะเรียกฉันเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่คำว่า ‘น้องเขย’ จริงไหม?”
พี่ใหญ่ตระกูลจางขึ้นเสียงทันทีที่ได้ยิน “เซี่ยจิ่งเฉิน หลังจากออกไปทำงานข้างนอกพอกลับมาก็ทำตัวน่าประทับใจเลยเชียวนะ!”
เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนสบตากันแล้วเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอก
เซี่ยชิงหยวนฟังการเคลื่อนไหวนอกห้องพร้อมกับเยาะเย้ยบนริมฝีปากของเธอ
คอยดูเถอะตระกูลจาง!