กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 398 จะดึงผมของเซี่ยจิ่งเฉินยังไง
- Home
- All Mangas
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 398 จะดึงผมของเซี่ยจิ่งเฉินยังไง
บทที่ 398 จะดึงผมของเซี่ยจิ่งเฉินยังไง?
บทที่ 398 จะดึงผมของเซี่ยจิ่งเฉินยังไง?
หวังผิงโกรธมากจนถ่มน้ำลายใส่พี่ใหญ่ตระกูลจาง “ถุย! ไอ้พวกตระกูลจางทุกคนนี่มันจิตสำนึกต่ำกว่าหมาจริง ๆ! พวกแกเอาของจากบ้านฉันไปมากมาย ทำไมฉันไม่เคยเห็นซือถงได้ใช้ของพวกนั้นเลยหะ!”
พี่ใหญ่ตระกูลจางดูไม่ได้โกรธเลย แต่เขากลับหัวเราะ “เด็กคนนี้ใส่เสื้อผ้าใหม่เปลืองเองต่างหาก ใส่เดี๋ยวเดียวก็ทำขาดแล้ว ถ้าให้เธอใส่อีกมันก็จะเป็นการสิ้นเปลืองใช่ไหมล่ะ?”
“ส่วนเรื่องอาหาร เด็กคนนี้ก็กินจุจะตายไป ทันทีที่กลับไปก็กินหมดแทบจะทันที แล้วมันจะอยู่ได้นานขนาดนั้นได้ยังไง?”
ตอนนี้เซี่ยซือถงอายุมากกว่า 4 ขวบแล้ว แต่เธอเอาแต่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหวังผิงและไม่กล้าปฏิเสธ
เสื้อผ้าเหล่านั้นถูกแบ่งให้กับลูกพี่ลูกน้องของเธอ และแม้แต่อาหารที่ย่าของเธอทำให้ก็ถูกคนอื่น ๆ ฉกไปทันทีที่ไปถึงบ้านตระกูลจาง แล้วมันจะมีส่วนแบ่งเหลือถึงเธอได้ยังไง?
ครั้งแรกที่เธอกล้าพูดออกไป เด็กหญิงก็ถูกพี่ใหญ่ตระกูลจางทุบตีทันที
และเมื่อจางอวี้เจียวเห็นเธอถูกทุบตีก็พูดแค่เพียงว่า “ระวังอย่าให้ตายล่ะ”
จากนั้นเธอก็หาวและออกไปเล่นไพ่ต่อ
เซี่ยจิ่งเฉินที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็พูดในที่สุด “ปีนี้เด็กจะฉลองปีใหม่ที่นี่ แล้วฉันจะส่งเด็กกลับไปที่นั่นหลังจากวันที่สิบห้าเอง”
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พี่ใหญ่ตระกูลจางต้องการ “จะปล่อยให้เด็กอยู่สร้างปัญหาให้พวกคุณได้ยังไงล่ะ? มันจะดีกว่าถ้าให้ฉันพาเธอกลับไปกินอยู่กับเราเหมือนเดิมนะ”
เมื่อเห็นพี่ใหญ่ตระกูลจางจะออกไปพร้อมกับเด็ก กงเหลียนซินก็พูดขึ้นว่า “ของบางอย่างที่ชิงหยวนส่งมาถึงเมื่อวานนี้ นายเอาไปให้เด็ก ๆ ที่บ้านนายก่อนได้นะ แล้วพอหลังจากปีใหม่นายก็ค่อยกลับมารับเด็ก และเมื่อถึงเวลานั้นเราจะเตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ด้วย”
หลังจากพูดจบ เธอได้ยื่นถุงขนมและบิสกิตที่เตรียมไว้ให้พี่ใหญ่ตระกูลจาง
แน่นอนว่ามีนมผงด้วย แต่คงมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เอาออกมาให้ตอนนี้เลย
พี่ใหญ่ตระกูลจางน่ารังเกียจมาก
เขามีความสุขที่ได้รับอาหารเอาไปให้ตระกูลจาง แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่บรรลุเป้าหมายอยู่ดี
เขาเหลือบมองและพูดว่า “สะใภ้เซี่ย นี่คิดว่ากำลังให้ของขอทานรึไง?”
ขณะที่พูด เขาก็ดึงเซี่ยซือถงกลับไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยจิ่งเฉินพูดแทรก “ถ้าต้องการเงิน ฉันจะให้เอง”
“น้องรอง” กงเหลียนซินหยุดเขาไว้
สีหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินหนักแน่น “พี่สะใภ้ เป็นผมเองที่บกพร่องในฐานะพ่อ”
เขาหยิบเงินทั้งธนบัตรและเหรียญออกมาจากกระเป๋ากำมือหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าประมาณห้าหรือหกหยวน และมอบให้พี่ใหญ่ตระกูลจาง “ฉันมีแค่เท่านี้”
พี่ใหญ่ตระกูลจางรับเงินไป แต่ก็ยังไม่พอใจ “เซี่ยจิ่งเฉิน นายไม่ได้ออกไปทำธุรกิจหรอกเหรอ? มีเงินแค่นี้ได้ไง?”
“ยิ่งไปกว่านั้น น้องสาวของนายไปอยู่เมืองหลวงมณฑล เป็นถึงภรรยาข้าราชการไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอก็น่าจะสนับสนุนพวกนายด้วยรึไง?”
ตอนนี้ใบหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินเย็นชาอย่างมาก “ถ้าฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่ อย่าเอาน้องสาวของฉันมายุ่งเกี่ยว ถ้านายต้องการเงินก็รีบ ๆ เอาไปซะ”
“แต่ถ้าตระกูลจางของนายยังปฏิบัติต่อซือถงแบบนี้ ฉันจะฟ้องพวกนายทั้งหมดในข้อหาทารุณกรรมเด็กอย่างแน่นอน”
พี่ใหญ่ตระกูลจางหัวเราะด้วยความโกรธ “เซี่ยจิ่งเฉิน! พอกลับมาจากข้างนอกก็ใช้คำพูดหัวหมอเชียวนะ? แกกำลังพูดถึงอะไรหะ? ทารุณกรรมเด็ก? ไปได้ยินมาจากไหนไม่ทราบ? นี่แกกำลังพยายามใส่ความฉันอยู่รึไง?”
ในความคิดของทุกคน ภรรยาและลูกย่อมสามารถถูกทุบตีเมื่อไรก็ตามที่ต้องการ
ทารุณแล้วยังไงล่ะ? ตำรวจสนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ?
เซี่ยจิ่งเฉินมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ถ้านายไม่เชื่อก็ลองดู สหายตำรวจจะต้องยินดีฟังเรื่องราวของเราแน่นอน”
เพียงแต่ว่าตำรวจสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตลอดชีวิต ตามสันดานของตระกูลจางแล้ว ครั้งต่อไปที่เซี่ยซือถงถูกตีมันจะต้องเป็นจุดไหนสักแห่งที่มองจากภายนอกไม่เห็นแน่
พี่ใหญ่ตระกูลจางเห็นว่าการแสดงออกของเซี่ยจิ่งเฉินดูไม่เหมือนว่ากำลังโกหกเลย ดังนั้นเขาจึงรับเงินมายัดกระเป๋าอย่างไม่เต็มใจ
ในตอนท้ายเขามองอย่างลึกซึ้งไปที่เซี่ยซือถง “ซือถง ลุงจะกลับไปก่อนแล้วจะมารับเธอหลังปีใหม่นะ เธอควรอยู่ที่นี่ให้ดีๆ และอย่าพูดเรื่องไร้สาระด้วย ตกลงไหม?”
ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น คิ้วหนาทั้งสองก็ยกขึ้นเป็นคำเตือน
เซี่ยซือถงหดตัวในอ้อมแขนของหวังผิงและตอบด้วยเสียงเบา “หนูรู้ค่ะ”
กงเหลียนซินโกรธมาก เมื่อพี่ใหญ่ตระกูลจางก้าวพ้นออกจากประตูไป กงเหลียนซินก็ตาไปปิดประตูด้วยเสียงดังปังทันที “ไสหัวไปซะ พวกแกมันใจดำทั้งครอบครัว!”
หวังผิงถลกแขนเสื้อของเซี่ยซือถงขึ้น พบว่ามีรอยฟกช้ำมากมาย และหญิงชราก็หลั่งน้ำตาทันที “หลานที่น่าสงสารของย่า ดูสิว่าถูกทุบตีถึงขนาดนี้แล้ว”
เธอยื่นมือออกแล้วผลักเซี่ยจิ่งเฉิน ซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ และมองดูอาการบาดเจ็บของเซี่ยซือถงอย่างเงียบ ๆ “เป็นยังไงล่ะตอนนี้? สาแก่ใจแล้วใช่ไหมกับไอ้การหย่าร้าง! ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก! แกไม่สนใจเลยเหรอว่าลูกของแกจะมีชีวิตอยู่หรือว่าจะตายน่ะหะ?”
ขณะที่หญิงชราพูดเช่นนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธเซี่ยชิงหยวนในใจยิ่งกว่าเดิม
ถ้าเซี่ยชิงหยวนไม่คอยมาจัดการเรื่องพวกนี้ ทั้งครอบครัวจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง?
เซี่ยจิ่งเฉินปล่อยให้หวังผิงผลักเขาและไม่พูดอะไร
เขาจับมือของเซี่ยซือถง ดูอาการบาดเจ็บของลูกสาวและถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกเขาทุบตีลูกทุกวันเลยเหรอ?”
เซี่ยซือถงจำคำพูดของลุงใหญ่จากตระกูลจางได้ เด็กหญิงพยักหน้าก่อนจะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาเล็ก ๆ นั่น “พ่อคะ หนูไม่ได้เจ็บเลย”
ยิ่งเธอเป็นคนมีเหตุผลขนาดนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
หวังผิงกอดหลานสาวแล้วร้องไห้อีกครั้ง “หลานสาวผู้น่าสงสารของย่า ต่อให้ไม่มีใครต้องการหลาน แต่ย่าต้องการหลานเสมอนะ”
เซี่ยโยว่หมิงที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ มีรอยย่นปรากฏที่หน้าผากของเขาทันที “คุณพูดแบบนี้กำลังหมายถึงอะไร?”
หากเรามีทางเลือกอื่นจริง ๆ ทำไมเราถึงจะไม่อยากให้ซือถงอยู่กับเราล่ะ?
ในภายหลังเขาจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลจางถึงได้พาเซี่ยซือถงไปอยู่ด้วย นั่นเป็นเพราะต้องการใช้เด็กเพื่อควบคุมครอบครัวของเขาอย่างชัดเจนนี่เอง
ด้วยวิธีนี้ แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างหย่าร้างกับไม่หย่าร้างล่ะ? ตรงกันข้ามเลย มันกลับกลายเป็นเด็กต้องทนทุกข์เช่นนี้เอง
หวังผิงร้องไห้ “ฉันไม่สนหรอก ฉันอยากให้ซือถงอยู่บ้านของเรา”
เธอมองไปยังเซี่ยจิ่งเยว่ “จิ่งเยว่ ไปถามตระกูลจางว่าพวกเขาต้องการเงินเท่าไหร่ เราจะให้พวกเขา!”
เซี่ยจิ่งเฉินพูดอย่างเคร่งขรึม “แม่ พวกเขาไม่มีทางตกลงหรอก”
อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาออกไปข้างนอกในครั้งนี้คือการหาเงิน เพื่อใช้เงินนำตัวเซี่ยซือถงกลับมา
แต่สิ่งต่าง ๆ กลับไม่เป็นไปด้วยดี
เซี่ยจิ่งเยว่ขมวดคิ้วลึก “แม่!”
กงเหลียนซินไม่กล้าบอกแผนการของเซี่ยชิงหยวนให้แก่ทุกคนฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหวังผิงอยู่ด้วย ทันใดนั้นเธอก็แนะนำว่า “ยังไง ถงถงก็สามารถอยู่บ้านเราได้นานกว่าครึ่งเดือนแล้ว และจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีโดยพวกเราด้วย หากพวกเขายังกล้าทำเหมือนเดิม เราก็ทำเหมือนที่น้องรองพูดดีกว่าค่ะ ไปฟ้องพวกเขาซะ…ข้อหาทำทารุณกรรมเด็ก!”
เซี่ยจิ่งเยว่พูดเสริม “ใช่ เราจะทำแบบนั้น”
หวังผิงไม่พูดอะไรอีก แล้วอุ้มเซี่ยซือถงไปที่ห้องในบ้าน พาเด็กหญิงไปใส่เสื้อผ้าดี ๆ ที่เซี่ยชิงหยวนส่งกลับมาให้
แม้เซี่ยชิงหยวนจะไม่ได้เห็นเซี่ยซือถงและคนอื่น ๆ เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ซื้อและส่งมาให้ ล้วนมีขนาดพอดี รูปแบบก็เหมาะกับสีผิวและรูปร่างของทุกคน
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความขุ่นเคืองในใจของหวังผิงก็เริ่มคลายลง มีพ่อแม่คนใดบ้างในโลกที่ไม่รู้สึกเสียใจกับลูก ๆ ของพวกเขาล่ะ?
เพียงแต่ว่าบางครั้งลูกบางคนก็มีชีวิตที่ดีและบางคนก็มีชีวิตที่ไม่ดี ทำให้หัวใจของพ่อแม่มักจะเข้าข้างลูกที่มีชีวิตที่ไม่ดีมากกว่า
ความรักที่เธอมีต่อเซี่ยชิงหยวนค่อย ๆ เปลี่ยนไปในช่วงวันที่ยากลำบากและชีวิตวุ่นวาย
จากมุมมองที่เห็นแก่ตัวของพ่อแม่ส่วนใหญ่ พวกเขาทุกคนหวังว่าลูก ๆ จะเชื่อฟังพวกเขา และเธอก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่ลูกสาวตัวน้อยที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อฟังมากที่สุด กลับกลายเป็นคนที่เผชิญหน้ากับเธออยู่บ่อยครั้งในตอนนี้
เซี่ยซือถงมองดูเสื้อผ้าบนตัวแล้วถามอย่างระมัดระวัง “คุณย่าคะ ถ้าหนูใส่เสื้อผ้าพวกนี้กลับไป ลูกพี่ลูกน้องของหนูจะแย่งมันไปอีกครั้งไหม?”
หวังผิงรู้สึกเจ็บปวดในใจอีกครั้ง หญิงชราทำได้เพียงยิ้มและลูบหัวหลานสาวของเธอ “นี่คือเสื้อผ้าที่อาของหลานซื้อให้หลานโดยเฉพาะเลยนะ”
เซี่ยซือถงแสดงสีหน้าประหลาดใจผสมกับไม่อยากจะเชื่อ “ขอบคุณค่ะคุณย่า อ่อ แล้วก็ขอบคุณคุณอาด้วยค่ะ”
กงเหลียนซินกำลังฟังบทสนทนาระหว่างย่าและหลานอยู่นอกประตู จากนั้นเธอก็มองไปยังเซี่ยจิ่งเฉินที่กำลังคุยกับเซี่ยจิ่งเยว่โดยหลับตาลง และก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย
การจะดึงผมจากศีรษะของเด็กทั้งสองไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่เธอจะหาเหตุผลอะไรไปเอาเส้นผมของเซี่ยจิ่งเฉินมาได้ล่ะ?
พี่สะใภ้จะขอดึงผมน้องชายสามีไดยไม่มีเหตุผลมันก็คงไม่เหมาะใช่ไหม?
ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเซี่ยซือถงใช่ลูกของเซี่ยจิ่งเฉินจริง ๆ หรือไม่ และหากเขารู้ว่าเธอกับเซี่ยชิงหยวนกำลังจะทำอะไร คนอื่น ๆ คงจะรู้สึกแปลกแยกแน่ ๆ
กงเหลียนซินเบนสายตาไปยังเซี่ยจิ่งเยว่ที่ซื่อสัตย์แล้วส่ายหัว
จากนั้นเธอมองไปยังเซี่ยโยว่หมิงที่กำลังสูบกระบอกยาสูบที่ว่างเปล่า แล้วทันใดนั้นเธอก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ