กระบี่จงมา - บทที่ 991.3 เรื่องมงคลคู่มาเยือนพร้อมกัน
และในช่วงเวลาที่หวงถึงมาสร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่นี่ เด็กสาวก็ เป็นผู้ฝึกตนบนทําเนียบเพียงหนึ่งเดียวของเสี่ยวหลงซิวที่หวงถิงถูก
ชะตาด้วย
ครั้งก่อนที่มีการประเมินกระดานแยนจือภูเขาฮวาเส้นในพื้นที่
มงคลถ้ําเมฆาของสกุลเจียงแห่งสํานักกุยหยก ลิงหูเจียวอวี่ก็ติด อันดับด้วย อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนหญิงที่อายุน้อยที่สุด
เดิมทีการประชุมศาลบรรพจารย์ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง
เด็กสาวจึงไปเดินเล่นอยู่เพียงลําพัง
ห่างจากยอดเขาซินอี้เจียนซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลบรรพจารย์มาไม่
ไกลมีถ้ําเทพเซียนแห่งหนึ่งที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ บนหน้าผาหิน แกะสลักเป็นตัวอักษร คําว่า “ฟ้าอีกแห่งหนึ่ง
งช่างเหรินเจ้าขุนเขาคนก่อนรับกระบี่
หนึ่งของหวงถิงไปก็เคยมาปิดด่านพักรักษาตัวอยู่ที่นี่
เดินผ่านถ้ําแห่งนั้น ลิ่งหูเจียวอวี้ไปยังจุดเล่นหมากล้อมใต้ต้นสน
เห็นว่ารอบด้านไร้ผู้คนก็เพ่งพินิจต้นสนโบราณต้นนั้นอย่างละเอียด ก่อน แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งยอง มองไปด้านใต้โต๊ะหิน
คราวก่อนอื่นกวานหนุ่มผู้นั้นทําให้แม่นางน้อยตกใจไม่เบาจน
กลายเป็นโรคหวาดระแวงไปแล้ว มักรู้สึกว่ายันต์และกระบี่บินของอีก
ฝ่ายมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
อาจารย์ปู่จากต้าหลงชิวหรือก็คืออาจารย์ของเจ้าขุนเขาคน ปัจจุบันเคยเล่นหมากล้อมไม่จบกระดานกับหันเลี้ยงซูเซียนเหรินแห่ง
สํานักว่านเหยาที่นี่ หลังจากนั้นมาผู้ฝึกตนของเสี่ยวหลงชิวและผู้ฝึก ตนบนภูเขาที่ไปๆ มาๆ ก็ไม่มีใครสามารถวางเม็ดหมากเพื่อแก้ สถานการณ์บนกระดานได้อีก กระดานหมากบนโต๊ะหินรวมไปถึง
เม็ดหมากรวมตัวกันกลายมาเป็นค่ายกลที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ซึ่งสร้างความมั่นคงให้กับรากภูเขาสายน้ํา
เพียงแต่ว่าคราวก่อนที่อิ่นกวานหนุ่มมาเป็นแขกที่นี่ได้วางหมาก ลงไปสองตา ว่ากันว่าได้เกิดภาพปรากฏการณ์ผิดปกติแห่งฟ้าดินที่ ไปชักนําดวงดาวทําให้สยบเอาชนะกระดานเดิมได้อย่างสิ้นเชิง
กลายเป็นสถานการณ์ที่แน่นอนอย่างแท้จริง
ต่อมาไม่นานก็มีบรรพจารย์โอสถทองคนหนึ่งมาเรียกให้สิ่งหู เจียวอวี่ไปเข้าร่วมการประชุม เด็กสาวนั่งลงอย่างมึนงง ในหัวมีแต่
ความว่างเปล่า
ซือถูเมิ่งจิงพูดเข้าประเด็นทันที “หลินฮุ่ยจื่อและเฉวียนชิงชิวต่าง ก็ถูกตัดชื่อออกจากทําเนียบของต้าหลงซิวแล้ว ระบบสืบทอดของ พวกเขาสองคนในเสี่ยวหลงซิวจะยังถูกเก็บรักษาเอาไว้ แต่ลําดับ อาวุโสของผู้ฝึกตนจะถูกลดระดับลงไปหนึ่งชั้น”
ตอนที่เซียนจวินท่านนี้พูดจบ ภาพแขวนสองภาพบนผนังก็พลัน
หล่นกระแทกลงพื้น
ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่นั่งอยู่หันมามองหน้ากันเอง
มีผู้ฝึกตนหญิงสองคนที่เป็นพี่น้องกัน นอกจากคิ้วตาและท่วงท่า กิริยาที่มีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยแล้ว เครื่องหน้าทั้งห้าที่เหลือ
และรูปร่างของพวกนางก็ล้วนเหมือนแกะสลักออกมาจากพิมพ์
เดียวกัน
พี่สาวน้องสาวคู่นี้ต่างก็เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหลินฮุ่ยจื่อ แม้ว่าจะขึ้นเขามาช้า แต่ลําดับอาวุโสกลับสูง พรสวรรค์ดีเยี่ยม ทุก
วันนี้ต่างก็เป็นขอบเขตชมมหาสมุทรกันแล้ว พอพวกนางได้ยินเรื่องนี้ก็หน้าขาวซีดกันทันที
ซือถูเมิ่งจิงกล่าวต่ออีกว่า “ข้าจะมารับหน้าที่เป็นเจ้าขุนเขาของ เสี่ยวหลงซิว นี่เป็นแค่แผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น ภูเขาจะถูกปิดหกสิบปี และข้าก็จะเป็นเจ้าขุนเขาของเสี่ยวหลงซิ่วห กสิบปี”
“ภายในหกสิบปี การประชุมของศาลบรรพจารย์ในวันหน้าให้
กําหนดตําแหน่งที่นั่งโดยดูจากจํานวนคนของตอนนี้ โดยทั่วไปแล้วมี
แต่จะลดไม่มีเพิ่ม เว้นเสียจากว่าข้าจะเชิญใครให้เข้ามาร่วมการ ประชุมด้วย”
“นอกจากเค่อชิงอันดับหนึ่งอย่างจางหลิวรู้ที่ยังรักษาไว้ได้แล้ว
เค่อชิงและผู้ถวายงานที่ได้รับการแขวนชื่อคนอื่นๆ ที่วันนี้ไม่ได้มา เข้าร่วมการประชุมให้หยุดจ่ายเงินเดือนทั้งหมดจากนั้นส่งจดหมาย
ไปขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างชัดเจน บอกพวกเขาว่า วันหน้าไม่ต้องมาที่เสี่ยวหลงชิวอีกแล้ว”
“ปิดสวนป่า ใครที่ควรฆ่าก็ฆ่าทิ้งซะ ใครที่ควรปล่อยก็ปล่อยไป สําหรับคนที่มีความเคียดแค้นต่อเสี่ยวหลงชิวแต่ไม่สมควรตายก็
ปล่อยไปให้หมด เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกับสํานักเทียนมู่ชัดเจนแล้ว
หากเป็นเผ่าปีศาจที่ทางฝั่งของสํานักศึกษายินดีรับตัวไว้ก็ส่งตัวไปให้ แต่หากไม่ยินดีรับก็ปล่อยให้พวกมันออกไปจากอาณาเขตของเสี่ยว หลงชิว ให้ใช้ชีวิตไปตาม ยถากรรม แต่ต้องคอยจับตามองพวกมัน อย่างลับๆ ผู้ฝึกตนล่างภูเขาที่ตรวจสอบดูแลเรื่องนี้ให้หงเยี่ยนโอสถ ทองและผู้ฝึกยุทธเฉิงที่เป็นผู้นํา สามารถมองข้ามตราผนึกขุนเขาได้
หากพบว่ามีเผ่าปีศาจตนใดกล้าฝ่าฝืนกฏทําเรื่องชั่วร้ายก็ให้ฆ่าทิ้ง ได้ทันที ไม่ต้องรายงานให้ทางศาลบรรพจารย์ของเสี่ยวหลงชิวทราบ แต่หากว่าในบรรดาผู้ฝึกตนคนใดของเสี่ยวหลงชิวกล้าฆ่าเผ่าปีศาจ อย่างพร่ําเพื่อก็ต้องมีจุดจบเช่นเดียวกันกับเผ่าปีศาจ หากศาลบรรพ จารย์จับได้ก็ฆ่าทิ้งได้ทันทีโดยไม่จําเป็นต้องรายงานให้ข้าทราบ หาก ว่าผู้คุม กล้าให้รางวัลและลงโทษอย่างไม่เหมาะสม ข้าจะเป็นคนฆ่า ทิ้งเอง ซึ่งข้าเองก็ไม่จําเป็นต้องแจ้งให้ทางต้าหลงชิวทราบเช่นกัน”
ใช้คําว่าฆ่าทิ้งติดต่อกันถึงสามครั้ง ทําเอาทุกคนที่อยู่ในศาล บรรพจารย์รู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตราย
ต่อจากนั้นซือถูเมิ่งจิงก็สั่งขังวานรเด็ดจันทร์และตะพาบเฒ่า
โดยตรง ให้ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาทั้งสองไปอยู่ในถ้ําเทพเซียนที่ “มี ฟ้าอีกแห่ง” ด้วยตัวเอง ปิดประตูทบทวนความผิดเป็นเวลาหกสิบปี ตะพาบเฒ่าลุกขึ้นยืนตัวสั่น ไม่พูดไร้สาระใดๆ เพียงแค่เอ่ยคําว่า น้อมรับคําสั่งเขียนจวินแล้วก็เดินออกไปจากศาลบรรพจารย์ ทิ้งแผ่น
หลังที่หม่นหมองไว้ให้คนมอง ส่วนวานรเด็ดจันทร์กลับมีสีหน้าเดือด ดาล กําลังคิดว่าควรจะพูดอะไรสักอย่าง ให้ตัวเองได้อธิบายอะไรบ้าง หรือไม่ก็อยากจะขอความเป็นธรรมจากเซียนจวินท่านนี้ ผลคือถูก ซือถูเมิ่งจิงสะบัดชายแขนเสื้อชัดออกไปนอกห้องทั้งคนทั้งเก้าอี้ เมื่อ
เขาดีดนิ้วไปที่นอกประตูใหญ่อีกครั้ง วานรเด็ดจันทร์ที่เผยร่างจริงซึ่ง คํารามเสียงดังลั่นก็เหมือนถูกค้อนทุบอย่างแรง ร่างปลิวลิ่วออกไป
จากยอดเขาซินอี้เจียนโดยตรง เรือนกายใหญ่โตมโหฬารกระแทกลง ในน้ําหวงสุ่ยสายนั้น จมลึกลงไปถึงกันแม่น้ํา ตามมาด้วยเลือดสดที่ แผ่กระจายนองผืนน้ํา
ส่วนหลิวเหอต้าเซิ่งกับหวงสุ่ยต้าหวังนั้นจุดจบยิ่งอนาถมากกว่า
ถูกขับไล่ออกจากสํานักโดยตรง นอกจากจะถูกตัดชื่อออกจาก
ทําเนียบขุนเขาสายน้ําของศาลบรรพจารย์แล้วซือถูเมิ่งจิงยังไม่ อนุญาตให้ผู้ฝึกตนโอสถทองที่เป็นปลาแก่ฝึกตนจนกลายเป็นภูต สองตนนี้มาปรากฏตัวอยู่ในอาณาเขตของเสี่ยวหลงชิวอีกด้วย
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่อง
เล็กๆ แต่พวกผู้ฝึกตนทําเนียบในศาลบรรพจารย์ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะ หายใจแรง บรรยากาศเคร่งเครียด กระทั่งเข็มตกก็ยังได้ยิน
ภูตปลาแก่ทั้งสองตนยังคงรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ ประสานมือ คารวะขอบคุณเซียนจวินที่ออกคําสั่งแล้งน้ําใจผู้นั้น อีกทั้งทั้งสองต่าง ก็ตกปากรับคําว่าจะไม่พูดถึงเรื่องเก่าในวันวานเด็ดขาด หลังออกไป จากเสี่ยวหลงชิวแล้วจะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ใช้นามแฝง บุกเบิกพื้นที่ ประกอบพิธีกรรมไว้ในสถานที่แห่งอื่น ยิ่งไม่กล้าเหี่ยวก่อความวุ่นวาย
ไปทั่ว หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนมีใจสืบสาวเบาะแสมาถึง และไม่กล้า
ทําลายชื่อเสียงของเสี่ยวหลงชิวแม้แต่น้อยนิด
ซือถูเมิ่งจิงกล่าวด้วยน้ําเส.,
งเรียบเฉย “หวังว่าพวกเจ้าจะทําได้
อย่างที่พูด”
นี่ก็คือบารมีของเซียนเหรินจากแผ่นดินกลางท่านหนึ่งแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่หลงหรานเซียนจวินยังมีแช่สกุลว่า “ซือ
ถู” อีกด้วย
นอกจากนี้อยู่ที่เสี่ยวหลงซิว เจ้าขุนเขาคนใหม่เอากฎบ้าน ออกมาใช้ก็ถูกต้องชอบธรรมอย่างยิ่ง
จากนั้นก็ถึงคราวของลิ่งหูเจียวอวี่แล้ว นางได้รับโชควาสนา
ใหญ่เทียมฟ้าสองอย่างที่มากพอจะทําให้เขียนดินก่อกําเนิดน้ําลาย
สออยากครอบครองได้เลย
ซือถูเมิ่งจิงมอบสมบัติหนักสองชิ้นให้ผู้ฝึกตนหญิงขอบเขตถ้ํา สถิตที่เพิ่งได้เข้าร่วมการประชุมศาลบรรพจารย์เป็นครั้งแรกในรวด
เดียว
น้ําเต้าฝนธัญพืชหนึ่งลูก
เคยเป็นของหลินฮุ่ยจื่อเจ้าขุนเขาคนเก่า ซึ่งก็คือของแทนตัวเจ้า ขุนเขาและสมบัติหนักสยบภูเขาของเสี่ยวหลงชิว
แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเจ้าขุนเขาที่จะสืบทอดต่อกันไปรุ่นแล้วรุ่น
เล่าเท่านั้น อีกทั้งยังได้แค่หลอมเล็กให้กับมันตามคําสั่งสอนของ บรรพบุรุษ น้ําเต้าฝนธัญพืชมิอาจนําไปหลอมใหญ่เป็นวัตถุแห่ง ชะตาชีวิตได้ นี่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับยันต์บนประตูใหญ่บางแห่งของ จวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ที่ผ่านการปลุกเสกมาหลายชั้น และ นํ้าเต้าลูกนี้ก็คือสิ่งของที่เฉวียนชิงซิวลูกศิษย์ของหลินฮุ่ยจื่อ
ปรารถนาแม้ในยามหลับฝันมานานแล้ว ถึงขั้นที่สามารถพูดได้ว่า
การที่เขายอมลงจากภูเขาต้าหลงซิวมาอยู่ที่แห่งนี้ก็เพราะได้รับคําสั่ง จากบิดามารดา มีเป้าหมายอยู่ที่สมบัติกึ่งเซียนชิ้นนี้ อีกทั้งมหามรรค ของเฉวียนชิงชิวกับน้ําเต้าฝนธัญพืชก็สอดคล้องต้องกัน สามารถ ช่วยให้เขามีโอกาสที่จะเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบได้
อีกชิ้นหนึ่งคือคันเบ็ดตกปลา สั้นเหมือนกระบี่พก ใช้เส้นด้ายสี
เงินรัดพันท่อนไม้ไผ่เอาไว้มองดูคล้ายแสงจันทร์ที่ไหลริน
นี่คือของสืบทอดจากบรรพบุรุษของเฉวียนชิงชิว เท่ากับเป็นข้อง ราชามังกรครึ่งตัว ใช้แสงจันทร์ในน้ําเป็นเหยื่อล่อ นํามาใช้ตก เผ่าพันธุ์น้ําที่หายาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูตเซียนน้ําจําพวกที่ต้อง กราบไหว้ดวงจันทร์ที่จะใช้ได้ผลดีที่สุด
สายตาของหงเยี่ยนที่เป็นผู้คุมกฏของเสี่ยวหลงซิวฉายแววอิจฉา
แต่พลันสัมผัสได้ว่าหลงหรานเซียนจวินมองมา ผู้ฝึกตนโอสถทอง รู้สึกขนลุกชัน รีบหลุบตาลงต่ํา เก็บความคิดลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่
กล้าคิดในเรื่องที่ไม่สมควรอีกแม้แต่น้อย
ผลคือหงเยี่ยนสังเกตเห็นว่าในห้องประชุมเกิดความเงียบงัน
ยาวนานอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล รอกระทั่งนางเลิกเปลือกตาขึ้นน้อยๆ ถึงได้สังเกตเห็นว่าทุกคนมองมาที่ตน หงเยี่ยนขยับสายตาเคลื่อนไป อีกก็เห็นว่าเซียนจวินท่านนั้นกําลังจ้องมองตนอยู่
ซือถูเมิ่งจิงถาม “หงเยี่ยน ไหนลองว่ามาสิ ตามความเห็นของเจ้า
อะไรคือการฝึกตน เป็
หงเยี่ยนเหงื่อแตกท่วมศีรษะในทันใด เอ่ยเสียงสั่นว่า “ตอบ เซียนจวิน ฝึกตนคือแสวงหาตัวข้าที่แท้จริง”
นี่คือหนึ่งในจุดประสงค์ของการฝึกตนแห่งภูเขาไท่ผิง คิดดูแล้วก็
คงไม่ผิดกระมัง?
ซือถูเมิ่งจิงหรี่ตาลง “อ้อ?”
หงเยี่ยนเย็บวาบไปทั้งสันหลัง รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม
“เจ้าฝึกตนมาสองร้อยแปดสิบกว่าปีแล้ว ฝึกตนอย่างยากลําาบาก เพื่อแสวงหาความจริงจนฝึกออกมาได้เป็น “ตัวข้าที่แท้จริง” ที่มีใจ
ละโมบอยากครอบครองน้ําเต้าฝนธัญพืชและคันเบ็ดตกปลาอย่างนั้น
หรือ?”
“ฝึกตนเช่นนี้อยู่ที่ไหนก็ฝึกตนได้เหมือนกันนั่นแหละ ไยต้องมา นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้คุมกฏของเสี่ยวหลงชิว สิ้นเปลืองจิตใจและเวลาไป
เปล่าๆ ไม่สู้ไปอยู่เป็นเพื่อนพวกผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาสองคนนั้นดี ไหมล่ะ?”
“ทําไม หรือจะรอให้เวลาหกสิบปีผ่านไป ตราผนึกภูเขาถูกคลาย ออก ข้าเองก็กลับไปยังต้าหลงชิวแล้ว เจ้าค่อยวางแผนใหม่อีกครั้ง? คิดอยากจะเลียนแบบใคร อยากจะเอาอย่างวิธีการของเฉวียนชิงซิว อาจารย์ของเจ้า หรือว่าจะใช้อุบายเอาอย่างหลินฮุ่ยจื่อ?”
หงเยี่ยนรีบลุกขึ้นแล้วนั่งลงคุกเข่า หมอบกราบอยู่กับพื้น โขก หัวอย่างแรง ขอร้องให้เขียนจวินอภัย
ซือถูเมิ่งจิงโน้มร่างมาด้านหน้าเล็กน้อย ยันข้อศอกไว้บนที่เท้า แขนเก้าอี้ สองมือสอดประสานกัน จ้องมองผู้ฝึกตนหญิงโอสถทองที่ โขกหัวไม่หยุดอยู่อย่างนั้น
หงเยี่ยนเอาแต่โขกศีรษะไม่หยุด หากเซียนจวินไม่เอ่ยวาจา นาง
ก็จะโขกหัวต่อไปเรื่อยๆ
หน้าผากของผู้ฝึกตนหญิงเนื้อแตกเลือดอาบ พื้นอิฐทาสีทอง
โชกไปด้วยเลือดสดๆนองแถบใหญ่
ผู้ฝึกยุทธเฉิงมี่ที่ถือว่าเป็นคนนอกครึ่งตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ติดกับ
ประตูมากที่สุดเหมือนลิ่งหูเจียวอวี่ เพียงแต่คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายคน
หนึ่งอยู่ทางขวา
หากจะพูดถึงวิธีการ ผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่ง
คิดอยากจะพลิกภูเขาคว่ํามหาสมุทรก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เมื่ออีกฝ่าย แสดงฝีมือ เฉิงมี่ก็แค่รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเท่านั้น แต่ไม่ถึงกับตก อะไร
ประเด็นสําคัญคือชื่อถูเมิ่งจึงอํามหิตมากพอ
เสี่ยวหลงซิวเล็กๆ แห่งนี้ จวนเซียนขนาดใหญ่ที่เดิมทีห่างจาก อักษรจงแค่ก้าวเดียวเนื่องจากการมาถึงของคนผู้นี้ก็ทําให้ผู้ฝึกตน
โอสถทองสองคนหายไปทันที
ในศาลบรรพจารย์วันนี้มีโอสถทองทั้งหมดห้าท่าน สองคนถูกกัก
บริเวณ สองคนถูกขับไล่ หากยังเกิดอะไรขึ้นกับหงเยี่ยนที่เป็นผู้คุม กฎแห่งศาลบรรพจารย์คนนี้อีก ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหลงชิวก็จะไม่เหลือ ผู้ฝึกตนเซียนดินอีกแม้แต่คนเดียวจริงๆ แล้ว
หรือว่าหลงหรานเขียนจวิน หรือควรจะพูดว่าต้าหลงชิว คิดจะละ ทิ้งเสี่ยวหลงชิวและใบถงทวีปแล้วอย่างนั้นหรือ?
ในที่สุดชื่อถูเมิ่งจิงก็ยอมเปิดปากพูด “นับแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ เฉิงมีมารับหน้าที่เป็นผู้คุมกฎของเสี่ยวหลงชิว หงเยี่ยนได้แต่ใช้
สถานะของผู้ฝึกตนทั่วไปเข้าร่วมการจับตามองเผ่าปีศาจล่างภูเขา
คอยให้ความช่วยเหลือเฉิงมี่ ทําความดีชดใช้ความผิดเท่านั้น หาก
กลับมามือเปล่าไร้ซึ่งคุณความชอบก็ไม่ต้องมาพบหน้าข้าอีก เงินเทพเซียนก้อนหนึ่งกับอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่งที่คลังสมบัติได้โดยตรง
ไปรับ
จะถูกตัดชื่อออกจากทําเนียบโดยอัตโนมัติ”
ดเอ่ย “เจ้าขุนเขาซือถู
เฉิงมี่ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นกุมหมัดเ
โปรดอภัยที่ข้ามิอาจทําตามคําสั่งได้”
ซือถูเพิ่งจิงยิ้มถาม “รู้สึกว่าใช้สถานะของผู้ฝึกยุทธมารับหน้าที่
เป็นผู้คุมกฏไม่ถูกต้องตามกฎบนภูเขา? หรือรู้สึกว่าตัวเองมี
ความสามารถไม่มากพอ มิอาจเป็นผู้คุมกฏที่ดีของเสี่ยวหลงซิวได้?”
ในที่สุดหลงหรานเซียนจวินก็มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว คน อีกยี่สิบคนที่เหลือรู้สึกเพียงว่าเหมือนตัวเองได้รับอภัยโทษ
เฉิงมี่มีชาติกําเนิดมาจากแม่ทัพบนสนามรบ แต่ไหนแต่ไรมาก็ เป็นคนตรงไปตรงมายามพูดจาจึงไม่อ้อมค้อม “ทั้งสองอย่าง”
ชายฉกรรจ์ร่างกํายําผู้นี้เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองที่
ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นชั้นวางดอกไม้ชั้นหนึ่ง บางทีอยู่ในแคว้นเล็ก
บางแห่งของใบถงทวีปอาจจะยังสําแดงบารมีอํานาจ หลอกให้คนอื่น เรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์ได้อยู่บ้าง
ซื่อถูเมิ่งจิงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เรื่องของกฎระเบียบ อยู่ในเสี่ยวหลง ชิว ทุกวันนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจ จะเป็นผู้คุมกฏที่ดีของเสี่ยวหลงชิวได้ หรือไม่ เจ้าคิดว่าไม่ได้ แต่ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าทําได้”
เฉิงมีสะอึกอึ้งไปทันใด
มารดามันเถอะ หากเจ้าไม่ใช่เซียนเหริน ข้าผู้อาวุโสก็อยากจะ
เปิดปากด่าคนแล้วนะ
ซือถูเมิ่งจิงเอ่ยว่า “เสี่ยวหลงซิวปิดภูเขาแล้ว ไม่ต้องการหุ่นเชิด ที่ต้องคอยออกหน้าต้อนรับผู้คน
แค่ต้องการผู้คุมกฎคนหนึ่งที่มีการ
ให้รางวัลและการลงโทษอย่างชัดเจนจัดการแก้ปัญหาโดยยึดหลัก
ความเป็นธรรมเท่านั้น ส่วนบุคคลที่ต้องคอยรักษาหน้าตาของเสี่ยว หลงชิว มีแค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
“วันหน้าทุกๆ เดือนข้าจะเปิดการถ่ายทอดวิชาความรู้สามครั้ง แบ่งออกเป็นสามประเภท ประเภทแรกคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของศาล
บรรพจารย์และลูกศิษย์ฝ่ายในฝ่ายนอกทั้งหมด ถึงขั้นที่ว่าคนที่ไม่มี
คุณสมบัติในการฝึกตน ไม่มีสถานะก็ล้วนสามารถเข้ามาร่วมเรียนได้
ประเภทที่สองมีเพียงแค่ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางเท่านั้นที่เข้า
ร่วมได้ ส่วนประเภทสุดท้าย ทุกคนที่คอขวดของขอบเขตเริ่มคลาย ออก หรือเตรียมการที่จะปิดด่านล้วนเข้าร่วมรับฟังได้”