กระบี่จงมา - บทที่ 991.2 เรื่องมงคลคู่มาเยือนพร ้อมกัน
ตอนนั้นภูเขาลั่วพั่วทั้งไม่ได้พูดว่าได้แล้วก็ไม่ได้พูดว่าไม่ได้ เพียงแค่เพราะเว่ยเหลียงยังไม่รู ้ว่า รอให้ใต้หล้ามีผู้ฝึกลมปราณมาก ขึ้นเรื่อยๆ ก็จะไม่มีใครกล้าพูดว่าจะเป็ นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวอีก แน่นอนว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ต่างฝ่ ายต่างงัดข้อกัน ในใต้หล้าแห่ง หนึ่ งยกตัวอย่างเช่น “การจับตามอง ที่ผู้ฝึ กลมปราณกอง โหราศาสตร ์ของแต่ละแคว้นมีต่อปรมาจารย์ผู้ฝึกวรยุทธ การประลอง มรรคกถาระหว่างผู้ฝึกลมปราณด้วยกันเอง การช่วงชิงกันบนสะพาน ไม้คับแคบของผู้ที่สายสืบทอดใกล้เคียงกัน ทุกครั้งที่โบนกลกมี สมบัติบนภูเขาปรากฏขึ้นมา การช่วงชิงตัวอ่อนในการฝึกตนทุกคน ส่วนใหญ่มักจะมาพร ้อมการดับสูญท่ามกลางการประลองก าลังและ สติปัญญาของผู้ฝึ กลมปราณอาวุโสเสมอ นอกจากนี้กลยุทธ หลากหลายรูปแบบที่แม่ทัพทหารบนสนามรบมีผู้ฝึ กลมปราณ ประเภทต่างๆ ก็จะทยอยกันปรากฏขึ้นมา
เชื่อว่าทุกวันนี้เว่ยเหลียงน่าจะตระหนักได้ถึงข้อนี้แล้ว เมื่อพรรค หูซานของแคว้นซงไล่ เจริญรุ่งเรืองขึ้นในทุกๆ วัน ยิ่งนานก็ยิ่งมีผู้ฝึก ลมปราณปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของการฝึกตนบนภูเขาเห็นได้ ชัดว่ามีข้อได้เปรียบและแรงฮึดภายหลังมากกว่าแคว้นหนันเยวี่ยน หลายสิบปีในอนาคต ใครจะฮุบกลืนใครก็ยังบอกได้ยาก ดังนั้นนี่จึง เป็ นเหตุให้แคว้นหนันเยวี่ยนต้องทุ่มเทพละกาลังมากกว่าในการ
สนับสนุนซานจวินห้ามหาบรรพตและเทพวารีทั้ง หลาย เพื่อมาใช ้ ต้านทานผู้ฝึกตนของพรรคหูซาน
เพ่ยเซียงกล่าว “เจ้าขุนเขา ระหว่างที่เดินทางมา ข้าปรึกษากับจู เหลี่ยนและผู้คุมกฏฉางมิ่งแล้ว เกาจวินกับจงเชี่ยนผู้นี้ ต้องไปพบให้ ได้ พยายามแสดงความเป็ นมิตรของเจ้าบ้านอย่างเต็มที่”
เฉินผิงอันพยักหน้า แล้วถามอีกว่า “ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทอง คนนี้ฝ่าทะลุขอบเขตได้อย่างไร?”
เพ่ยเซียงคลี่ยิ้มหวาน “คือผู้ฝึกยุทธหนุ่มคนหนึ่งของแคว้นเป่ ย จิ้นที่เดิมทีไร ้ชื่อเสียงคุณสมบัติและฐานกระดูกล้วนดีมาก โชคกลับดี ยิ่งกว่า ก่อเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงแคว้นเป่ ยจิ้นไปรอบหนึ่ง หนีออก จากมาเมืองหลวงก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม ถูกผู้ฝึกยุทธขอบเขตหก สองคนนาขบวนคนมาไล่ฆ่า ถึงกับแว้งกลับไปฆ่าพวกเขาคนหนึ่งได้ นี่ต้องยกคุณความชอบให้กับการฝ่ าทะลุขอบเขตกะทันหัน ระหว่างที่ หนีเอาชีวิตรอดก็ได้รับโชคชะตาบู๊ที่ฝ่ายศัตรูคาดไม่ถึงมาก่อน”
พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของเพ่ยเซียงที่เย้ายวนเปี่ ยมเสน่ห์ก็ เหลือบมองไปยังผู้เฒ่าที่หัวเราะร่วนอยู่ด้านข้าง
บนมือของเจ้าอารมผู้เฒ่าที่มรรคกถาสูงส่งเทียมฟ้ า คนสิบคน ในใต้หล้าของพื้นที่มงคลดอกบัว การต่อสู้ทุกหกสิบปี ที่หากได้ตี กลองก็จะได้รับโชควาสนาเซียน มีเพียง “จูเหลี่ยนคุณชายผู้สูงศักดิ์ จูหลางเจ๋อเซียน” เท่านั้นที่เกือบจะสร ้างวีรกรรมที่คนในอดีตไม่เคย
ท าได้มาก่อนส าเร็จ ใช ้ก าลังของคนคนเดียวฆ่าคนเก้าคนในเมือง หลวงแคว้นหนันเยวี่ยน ที่น่าประหลาดก็คือทั้งๆ ที่จูเหลี่ยนสามารถตี กลอง “กลายเป็ นเซียน” ได้เพียงล าพัง แต่กลับท าเหมือนคนที่ใช ้ ชีวิตจนเอียนแล้ว ถึงได้จงใจมอบหัวตัวเองให้ติงอิงไปเปล่าๆ ติงอิง ตอนวัยหนุ่มที่ได้รับกวานดอกบัวสีเงินชิ้นนั้นมาก็ได้เริ่มเดินไปบน เส้นทางของวรยุทธนับแต่นั้น
จูเหลี่ยนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่รู ้ว่าเมื่อไหร่พื้นที่มงคลรากบัวถึงจะมี ผู้ฝึกกระบี่อย่างสมชื่อคนแรกปรากฏตัว”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เรื่องแบบนี้ร ้องขอกันไม่ได้ ได้แต่รอคอยไป แต่โดยดีเท่านั้น”
หลังจากพื้นที่มงคลเลื่อนเป็ นระดับสูงแล้ว คอขวดของ ‘วิถีฟ้ า” ก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ ฟ้ าผ่าก็ไม่สะเทือน มิอาจใช ้กาลังคนและ ทรัพย์สินไปท าลายได้
มีโอกาสที่จะมีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนปรากฏ จากในสู่นอก ฝ่ า ท าลายคอขวด บินทะยานสู่ใต้หล้าไพศาล
พื้นที่มงคลระดับล่างถูกจากัดปราณวิญญาณฟ้ าดิน ผู้ฝึ ก ลมปราณในพื้นที่เลื่อนเป็ นขอบเขตถ้าสถิตก็คือธรณีประตูที่ยากจะ ก้าวข้ามผ่านไปได้ พื้นที่มงคลระดับกลาง ผู้ฝึกตนมีหวังจะเป็ นโอสถ ทอง กลายเป็ นเจินเหรินบนพื้นพสุธาที่ประจาการอยู่บนพื้นดิน มีหวัง จะปล่อยจิตหยินออกเดินทางไกล แต่จิตหยางกายนอกกายกลับสร ้าง
ได้ยากยิ่ง ในพื้นที่มงคลระดับสูง ผู้ฝึกลมปราณมีหวังจะสร ้างโอสถ ทอง ใช ้พลังต้นก าเนิดของฟ้ าดินมาบ่มเพาะทารกก่อกาเนิด ถึงขั้นที่ สามารถพัฒนาไปได้อีกขั้น บ้างก็อาศัยวิชาลับตระกูลเซียนหรือ คาถาทางใจตาราเต๋า หรือไม่ก็สร ้างระบบสืบทอดขึ้นมาด้วยตัวเอง เดินขึ้นฟ้ าในก้าวเดียวกลายเป็ นขอบเขตหยกดิบ
เฉินผิงอันยิ้มพลางลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปพบเซียนดิน เกาจวินเสียหน่อย เวียเหลียงกับจงเชี่ยน พวกเจ้าไปคุยแล้วกัน รอให้ ต่างคนต่างคุยเสร็จแล้วก็มาเปิดการประชุมที่ยอดเขาจี้เซ่อกันอีก รอบ”
จูเหลี่ยนพยักหน้า
เพ่ยเซียงมุมปากกระตุก เจ้าขุนเขาไม่ท าให้คนประหลาดใจเลย จริงๆ
ที่ยอดเขามี่เซวี่ย ชุยตงซานเคยให้ข้อเสนอแนะอย่างหยั่งเชิงมา ข้อหนึ่ง
ให้นักพรตเซียนเว่ยของพวกเราไปเยือนพื้นที่มงคลรากบัวสัก รอบ ขอแค่สองเท้า สัมผัสพื้นแล้วก็ไม่ต้องให้เซียนเว่ยพูดอะไรทา อะไรแล้ว
บางทีอาจได้ผลยิ่งกว่าโยนตาราเต๋าร ้อยเล่มเข้าไปในพื้นที่มงคล ด้วยซ้า
เรื่องที่ลี้ลับมหัศจรรย์เช่นนี้ เกรงว่าหากเปลี่ยนเป็ นใครก็คงทา ไม่ได้ มีเพียงนักพรตเซียนเว่ยคนเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่จะทาได้!
เพียงแต่หลังจากเฉินผิงอันสองจิตสองใจอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่ตอบ ตกลงเรื่องนี้
แน่นอนว่าไม่ใช่ไม่หวังให้พื้นที่มงคลดอกบัวสามารถเพิ่ม “กลิ่น อายเต๋า” ได้มากขึ้น แต่กังวลว่าการกระทานี้จะเป็ นการลดทอนโชค วาสนาของตัวเซียนเว่ยเองโดยที่ไม่รู ้ตัว
หากจะบอกว่าโยนเซียนเว่ยเข้าไปในพื้นที่มงคลคือค าพูดล้อเล่น กึ่งจริงกึ่งเท็จ
ถ้าอย่างนั้นชุยตงซานก็ยังถึงขั้นเสนอความคิดที่ “จินตนาการ บรรเจิด” ยิ่งกว่ามาอีกข้อหนึ่ง
สรรพชีวิตที่มีสติปัญญาในพื้นที่มงคลดอกบัวล้วนมีโอกาสได้ ฝึกตนและฝึกวรยุทธ
ราชส านักของแต่ละแคว้น พรรคในยุทธภพต่างๆ จวนเซียนบน ภูเขา เปิดประตูเปิดเส้นทางให้กว้าง ไม่เพียงแต่ไม่หวงห้ามไม่ให้วิชา ลับในการเรียนวรยุทธและต าราลับลัทธิเต๋าแจกจ่ายสืบทอดต่อกันไป กลับกันยังทาการจัดพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวข้องอย่างเป็ นวงกว้างด้วย
พืชหญ้าขึ้นเป็ นพุ่มเป็ นกอ พลังชีวิตเปี่ยมล้น
ตอนนั้นเฉินผิงอันถามแค่คาถามเดียวว่า “ในประวัติศาสตร ์หมื่น ปีของหลายๆ ใต้หล้าสานักน้อยใหญ่ที่ได้ครอบครองพื้นที่มงคลมี กรณีตัวอย่างเช่นนี้มาก่อนไหม?”
ชุยตงซานตอบ “เคยมี แต่ไม่มีใครท าส าเร็จ โรคร ้ายที่ทิ้งไว้ เบื้องหลังมีมาก ภัยแฝงก็มากมาย แทบจะกลายเป็ นเรื่องเละเทะครั้ง หนึ่ง เป็ นเหตุให้พื้นที่มงคลแต่ละแห่งต้องผ่านการบารุงพักฟื้นหลาย ร ้อยปีถึงจะค่อยๆ ฟื้นคืนพลังต้นกาเนิดกลับมาได้ ดังนั้นโดยทั่วไป แล้วจึงจะเลือกพื้นที่มงคลระดับล่างแห่งหนึ่ง สกุลหลิวธวัลทวีป ฝูลู่ อวี๋เสวียน เจ้าถ้าสู่แห่งถ้าสวรรค์เทียนอวี๋ของหลิวเสียทวีป ต่างก็เคย ทาการทดลองทานองนี้มาก่อน แต่พวกเขาไม่ตั้งใจมากพอ นี่เรียกว่า รากฐานไม่แน่นหนา พื้นดินคลอนแคลนภูเขาโยกไหว ดังนั้นความ ผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดก็คือพวกเขาคิดกันน้อยเกินไป ทามากเกินไป เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ สาเหตุของความล้มเหลวที่สาคัญ ที่สุดก็คือความคิดพื้นฐานที่สุดของพวกเขาไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ แม่นยาและไม่มั่นคงมากพอ การกาหนดกฎเกณฑ์พื้นฐานพวกนั้น ไม่มีการเว้นระยะปรับต าแหน่งอย่างเหมาะสม อาศัยแค่นักค านวณ ครึ่งๆ กลางๆ กลุ่มหนึ่งมาปิดประตูสร้างรถ การอนุมานบนมหามรรคา และการจ าแลงเส้นสายต่างๆ จึงกลายเป็ นความวุ่นวาย
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะทาเรื่องนี้ ส าเร็จ?”
“แน่นอนว่าเพราะมีอาจารย์อย่างไรล่ะ อาจารย์ยังมีข้าที่เป็ นลูก ศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจอยู่ด้วย อาจารย์ควบคุมทิศทางใหญ่ที่สาคัญ ลูกศิษย์รับผิดชอบก าหนดเส้นสายรากฐานสิบกว่าเส้นและปรับแก้ รายละเอียดหลายหมื่นข้อ ร่วมมือกันได้อย่างไร ้ช่องโหว่
……
ทิศเหนือของใบถงทวีป ภูเขาบรรพบุรุษของเสี่ยวหลงชิวมีชื่อว่า หลงเหมียน ยอดเขาที่ตั้งศาลบรรพจารย์มีชื่อว่าซินอี้เจียน คือชื่อที่มี กลิ่นอายของบทกวีและภาพวาดอย่างมาก
วันนี้กาลังจะมีการประชุมศาลบรรพจารย์เกิดขึ้น
เจ้าขุนเขาคนใหม่คือชื่อถูเมิ่งจิง เซียนเหรินที่มีฉายาว่า “หลง หราน” มาจากต้าหลงชิวของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางศาลบรรพจารย์ หันหน้าเข้าหาประตู ใหญ่ หันหลังให้กับภาพแขวนภาพแล้วภาพเล่า
ดูน่าขบขันอยู่บ้าง เพราะเซียนเหรินจากแผ่นดินกลางท่านนี้ อยู่ บนท าเนียบของต้าหลงชิว อันที่จริงล้วนมีอายุขัยการฝึกตน ล าดับ อาวุโสและขอบเขตสูงกว่า “บรรพจารย์” ของเสี่ยวหลงชิวที่มีภาพ แขวนอยู่ที่นี่ทั้งนั้น ดังนั้นเรื่องของการจุดธูปคารวะของ “เจ้าขุนเขา คนใหม่” จึงถูกเว้นไว้ พวกคนที่อยู่บนภาพแขวนมิอาจรับการคารวะ นี้จากหลงหรานเซียนจวินได้จริงๆ
นี่เป็ นครั้งแรกที่ซือถูเมิ่งจิงเป็ นฝ่ ายเรียกประชุมศาลบรรพจารย์ ก่อนหน้านี้เขาจากไปแล้วก็ย้อนกลับมา เพียงแค่เพื่อประกาศต่อ ภายนอกว่าเสี่ยวหลงชิวจะปิดภูเขาหกสิบปี ไม่ได้ผ่านการตัดสินใจ ของศาลบรรพจารย์ด้วยซ้า
แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นต่าง ผู้ฝึ กตนของเสี่ยวหลงชิวยิ่งไม่มี ความกล้าที่จะวิจารณ์แม้แต่ครึ่งประโยค แม้แต่ในทางส่วนตัวก็ยังไม่ กล้า
เพราะถึงอย่างไรหลงหรานเซียนจวินก็เคยเป็ นบรรพจารย์ที่มี ความหวังจะรับต าแหน่งเจ้าสานักของต้าหลงชิวมากที่สุด ปีนั้นก็เป็ น แค่เพราะตัวชื่อถูเมิ่งจิงเองไม่ยินดีก็เท่านั้น
ซือถูเมิ่งจิงเป็ นคนแรกที่มาถึง นั่งหลับตาทาสมาธิอยู่บนเก้าอี้ สองมือวางทับซ ้อนกัน
เซียนเหรินคนหนึ่งดูดุดันน่าเกรงขามแม้ไม่แสดงความโกรธ
ตอนนั้นหวงถิงถามกระบี่ต่อเสี่ยวหลงชิว นางส่งกระบี่มาแค่สาม ครั้งเท่านั้นก็ทาลายขวัญกาลงใจของจวนเซียนทั้งแห่งให้ย่อยยับ แหลกสลายได้แล้ว
กระบี่หนึ่งฟันเปิดค่ายกลใหญ่พิทักษ์ภูเขา กระบี่ที่สองทาร ้ายให้ หลินฮุ่ยจื่อเจ้าขุนเขาในเวลานั้นบาดเจ็บสาหัส กระบี่ที่สามก็ยิ่งฟัน ศาลบรรพจารย์ให้ผ่าออกเป็ นสองท่อน
นี่ก็คือมาดของเซียนกระบี่
คนที่มองดูรู ้สึกเพียงตาลายจิตใจแกว่งไกว อารมณ์กระเพื่อม ไหว น่าสงสารคนในสถานการณ์ที่ถูกบีบให้รับกระบี่ที่ขวัญหนีดีฝ่ อ ขวัญหายแตกกระเจิง
ดูจากชื่อพรรคแล้ว เสี่ยวหลงชิวต้องมีความใกล้ชิดกับน้ามาก รอบด้านของภูเขาล้วนเป็ นแคว้นบ้านเกิดแห่งน้า เส้นทางน้า เจริญรุ่งเรือง ตัดสลับถักทอกัน ในภูเขามีหอจูสือ (ต้มหิน) นอกภูเขา มีแม่น้าอุ่นซาน (กลิ้งภูเขา) ไม่ค่อยถูกกับภูเขาเท่าไรจริงๆ ผู้ถวาย งานพิทักษ์ภูเขาสองคนคือวานรเด็ดจันทร ์ที่หายากมากตัวหนึ่ง กับ ตะพาบหัวกบเฒ่าตัวหนึ่งที่ว่ากันว่ามีอายุอยู่มาหลายพันปีแล้ว ส่วน ปลาเก่าแก่สองตัวที่กลายเป็ นภูตอยู่ในแม่น้ากุ่นซานต่างก็มีตบะเป็ น โอสถทอง ต่างได้ครอบครองกระแสน้าสายรองเส้นหนึ่งของแม่น้ากุ่น ซาน ตั้งตัวเองเป็ นหลิวเหอต้าเซิ่งกับหวงสุ่ยต้าหวัง
ใบถงทวีปที่สงครามใหญ่ปิ ดฉากลง ภูเขาลูกหนึ่งเดิมทีได้ ครอบครองเซียนดินก่อก าเนิดสองคน ก็ได้กลายเป็ นพรรคบนภูเขา อันดับหนึ่งแล้ว
ทางทิศเหนือของใบถงทวีป เว้นจากสานักกุยหยกที่เป็ นอูฐตายก็ ยังตัวใหญ่กว่าม้านอกจากนี้ก็มีอารามจินติ่ง ตาหนักพยัคฆ์เขียว ภูเขาชิงจิ้ง ถ้ามังกรขาว อันที่จริงต่างก็ด้อยกว่าเสี่ยวหลงชิว
ผลคือเจ้าขุนเขาหลินฮุ่ยจื่อกับศิษย์น้องเฉวียนชิงชิวต่างก็ถูกซือ ถูเมิ่งจิงกักตัวกลับไปที่ต้าหลงชิวด้วยตัวเอง จุดจบของพวกเขาเป็ น
อย่างไร จนถึงทุกวันนี้เสี่ยวหลงชิวก็ยังไม่ได้รับข่าวแม้แต่น้อย และยิ่ง ไม่กล้าไปสืบเสาะ
ต่อให้ไม่พูดถึงหลงหรานเซียนจวินที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่งผู้นี้ แม้ว่าทุกวันนี้เสี่ยวหลงชิวจะสูญเสียบรรพจารย์ก่อก าเนิดสองคนไป แล้วก็ยังไม่ถือว่าแร ้นแค้นเกินไปนัก
วันนี้คนที่มาประชุมในศาลบรรพจารย์บนยอดเขาชินอี้เจียนมีผู้ ฝึกตนบนทาเนียบยี่สิบกว่าคน นอกจากเซียนดินโอสถทองคนหนึ่งที่ เป็ นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหลินฮุ่ยจื่อเจ้าสานักคนก่อนแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็เป็ นผู้ฝึ กตนขอบเขตประตูมังกรและขอบเขตชม มหาสมุทร
บวกกับผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาสองคน และหลิวเหอต้าเซิ่งกับ หวงสุ่ยต้าหวังที่ต่างก็เป็ นโอสถทองกันทั้งคู่ เสี่ยวหลงชิวยังได้ ครอบครองเซียนดินโอสถทองมากถึงห้าคน
และเค่อชิงคนสาคัญหกคนที่เดิมทีมีคุณสมบัติเข้าร่วมการ ประชุม ผู้ถวายงานที่แขวนซึ่งอยู่บนทาเนียบของตระกูลอื่น ครั้งนี้ เสี่ยวหลงชิวต่างก็ไม่ได้เรียกใครมา
ยกตัวอย่างเช่นเค่อชิงอันดับหนึ่ง เทพเซียนผู้เฒ่าก่อกาเนิดที่มี ฉายาว่า “สุยเซียน อย่างจางหลิวจ์ก็ยังไม่ได้กลับภูเขามาเข้าร่วมการ ประชุมที่สาคัญครั้งนี
เฉิงมี่ผู้ฝึกยุทธที่ดูแลกิจธุระในสวนป่ากลับมาเข้าร่วมการประชุม ครั้งนี้ด้วย เป็ นชื่อถูเมิ่งจิงที่ให้คนไปเชิญเขามาด้วยตัวเอง
ซือถูเมิ่งจิงรอให้ทุกคนนั่งลงแล้วก็ลืมตาขึ้น เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “หงเยี่ยน ไปเรียกลิ่งหูเจียวอวี๋มา”
หงเยี่ยนลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเฉวียนชิงชิว ช่วงนี้เป็ นผู้ดูแลกิจ ธุระในเสี่ยวหลงชิวชั่วคราว คือผู้ฝึกตนหญิงโอสถทองคนหนึ่ง นาง รีบลุกขึ้นแล้วรีบออกไปหาตัวลิ่งหูเจียวอวี๋มาทันที
รอกระทั่งเด็กสาวถูกพามาที่ศาลบรรพจารย์ก็ถูกหงเยี่ยนจัดให้ นั่งตรงตาแหน่งใกล้กับประตู
ลิ่งหูเจียวอวี๋ ฉายาฝูสู่
ผู้ฝึกตนทาเนียบคนหนึ่ง ทั้งยังมีฉายาแล้ว ก็หมายความว่าต้อง เป็ นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางแล้ว
ตรงเอวของนางห้อยปี หลัวอาวุธอาคมชิ้นหนึ่ง จากการแบ่ง ประเภทบนภูเขาถือเป็ นสมบัติอาคมจ าพวกเรียกภูเขา เผชิยหน้ากับ เทพภูเขา เทพแห่งผืนดินที่ระดับขั้นไม่สูง อาศัยของชิ้นนี้นางจะ สามารถ “สั่งสอนภูเขา” ได้ เพียงแต่ว่าระดับขั้นของปี้หลัว ถึงอย่างไร ก็ไม่อาจเทียบกับตั๋ว (ระฆังใบใหญ่ในสมัยโบราณของจีนใช ้ในการ ประกาศสงคราม) ไล่ภูเขาที่สามารถเคลื่อนย้ายมหาบรรพต ขยับ เคลื่อนรากภูเขาได้