กระบี่จงมา - บทที่ 989.3 เป็ นเด็กหนุ่มเพียงชั่วขณะ พกสุราบุกขึ้นเขา
สุดท้ายทาเอาผู้ฝึ กยุทธคนนั้นละอายใจ รีบประคองเด็กหนุ่ม กลับมาที่แผง ถือว่าไม่ตีกันก็ไม่ได้รู ้จักกัน
จากนั้นก็มีเทพเซียนผู้เฒ่าเซียนดินโอสถทองมาอีกคนหนึ่ง เวท คาถาโจมตีสามบททุ่มโจมตีอย่างไม่ออมกาลังจนเสื้อผ้าของเด็ก หนุ่มชุดขาวขาดวิ่น นอนอยู่ในหลุมน้าลายฟูมปาก ชักกระตุงเกร็ง ไม่หยุด
ร่อแร่ปางตาย แต่ก็ยังกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน เดินโซเซไปที่ แผงเหมือนผีขี้เหล้าได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนอิสระที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่ม ผู้นี้มีความองอาจอย่างยิ่ง ยกถ้วยเหล้าขึ้นมามือสั่นๆ ดื่มไปก่อนครึ่ง ถ้วย แล้วค่อยกระอักเลือดสดๆ กลับไปอีกครึ่งถ้วย
สุดท้ายคนที่มาเยือนคือผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตโอสถทองคนหนึ่ง เป็ นผู้ฝึกตนอิสระเหมือนกัน ผลคือไม่รู ้ว่าท าไม พูดคุยกับเด็กหนุ่ม ชุดขาวแค่ไม่กี่คา ผู้ฝึกกระบี่ที่ชื่อว่าเถาหรานผู้นี้กลับย้ายฝั่ง กลับ กลายมาเป็ นคนเฝ้ าเวทีประลองให้แทนเด็กหนุ่มชุดขาว เดาไม่ยาก ต้องเพราะให้ราคาที่สูงกว่ากับเถาหราน ผู้ฝึกตนอิสระชาติสุนัข ดีแต่ นับเงินเป็ นบรรพบุรุษ…
นี่ก็สมกับเป็ นชุยตงซานมากแล้ว
อวี๋ลู่ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย
ชุยตงซานสะบัดชายแขนเสื้อ เริ่มเดินวนเป็ นวงกลมรอบร่างเซี่ย เซี่ย หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ในเมื่อมาแล้วก็ถือว่ายอมรับว่าเจ้าคือลูกศิษย์ เป็ นผู้สืบทอดของข้าโดยปริยายแล้ว น้าชากราบอาจารย์นั้นไม่ต้อง หรอก ไม่ดื่ม ข้าขี้ขลาด กลัวว่าเจ้าจะวางยาพิษหรือไม่ก็ถุยน้าลาย ลงไปในนั้น”
เซี่ยเชี่ยร่างขึงเกร็ง สีหน้าไร ้อารมณ์
ชุยตงซานยังเดินวนไม่เลิก “ให้ข้าได้มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดบน ทาเนียบเพิ่มมาอีกคนขอบคุณนะเซี่ยเซี่ย”
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมออกมาจากหน้าผากของเซี่ยเซี่ย
ครั้งนี้อวี๋ลู่ไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้เซี่ยเซี่ย ต้องผ่าน ด่านใจ เดินบนทางไม้เพียงล าพัง คนนอกช่วยลากดึงหรือ ประคับประคองไม่ได้
ชุยตงซานพลันถามว่า “อวี๋ลู่ ยันต์กระบี่ที่สานักกระบี่หลงเฉวียน หลอมขึ้นในอดีต เจ้าได้พกติดตัวมาหรือไม่ หากว่ามีก็เอาออกมา ถือเสียว่าช่วยมอบของขวัญกราบอาจารย์ให้แทนเซี่ยเขี่ย ข้าก็จะ ขอบคุณเจ้าแทนเซี่ยเซี่ย”
อวี๋ลู่ยิ้มพลางหยิบยันต์กระบี่ขนาดจิ๋วออกมาจากชายแขนเสื้อ เอ่ยว่า “วางใจเถอะล้วนเป็ นของ “ในอดีต”
ชุยตงซานรับมา ถึงกับมีมากถึงห้าชิ้น เขารู ้สึกประหลาดใจ เล็กน้อย เดิมคิดว่าอย่างมากสุดก็มียันต์กระบี่แค่สามชิ้น จึงยิ้มถาม ว่า “ทาไมถึงมีเยอะขนาดนี้?”
อวี๋ลู่อธิบาย “ปีนั้นในมือพอจะมีเงินเหลือ ก็เลยบอกกับส านัก กระบี่หลงเฉวียนว่าทาหายไปสองเล่ม ซื้อมาใหม่อีกสองเล่ม สวีเสี่ยว เฉียวในร้านตีเหล็กริมล าคลองหลงชวีคงจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ ระหว่างข้ากับเฉินผิงอัน จึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แค่เตือนข้าว่าเรื่อง เดิมไม่ทาซ้าสาม นอกจากนี้สวีเสี่ยวเฉียวก็รับปากเรื่องหนึ่งที่ข้า ขอร้อง ส่วนยันต์กระบี่อีกสองเล่ม ข้าซื้อมาจากเซียนชื่อคนหนึ่ง ราคาสูงกว่าเดิมเป็ นเท่าตัว คาดว่าตอนนี้อีกฝ่ ายก็น่าจะยังรู้สึกว่า ตัวเองทาการค้าที่คุ้มค่า”
ปีนั้นในอาณาเขตของหลงโจวที่ตั้งเก่าของถ้าสวรรค์หลีจู ผู้ฝึก ลมปราณที่พื้นที่ประกอบพิธีกรรมอยู่ในภูเขาใหญ่แถบตะวันตก อยากจะทะยานลม หรือคนต่างถิ่นที่ทะยานลมผ่านอาณาเขตของ หลงโจว ล้วนจะต้องซื้อยันต์กระบี่เล่มเล็กเหมือนกระบี่บินมาจาก สานักกระบี่หลงเฉวียน
ทุกวันนี้หลงโจวเก่าเปลี่ยนชื่อเป็ นฉู่โจวใหม่ สานักกระบี่หลง เฉวียนก็ย้ายไปอยู่ในอาณาเขตของเมืองหลวงต้าหลีทางทิศเหนือ แล้ว อันที่จริงสานักกระบี่หลงเฉวียนจึงไม่ได้สร ้างยันต์กระบี่ที่ คล้ายคลึงกับเอกสารผ่านด่านนี้อีกแล้ว แต่กฏถือยันต์ทะยานลมที่ห ร่วนฉงตั้งไว้ หลายปีมานี้ทุกคนก็ยังคงปฏิบัติตาม ไม่มีใครกล้าแหก
กฎก่อน เพราะถึงอย่างไรทุกวันนี้หร่วนฉงก็ยังคงเป็ นผู้ถวายงาน อันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าหลี
ชุยตงซานเอ่ยชื่นชม “อวี๋ลู่เอ๋ยอวี๋ลู่ เจ้ายังคงฉลาดเหมือนเดิม”
ชุยตงซานกวักมือหนึ่งที กระชากปลาใหญ่ที่ไหลตามน้าไปยัง ตอนล่างมาทางตัวเองจากนั้นตะโกนเสียดัง กระโดดขึ้นสูงหนึ่งทีแล้ว เตะเข้าที่ร่างของปลาใหญ่
เตะเสร็จก็จบงาน ปัดมือ ชุยตงซานพยักหน้าพูดกับตัวเองว่า “เท้านี้ของข้าไร ้ศัตรูเทียมทาน หนักหน่วงมากเลยล่ะ!”
ปลาใหญ่ที่ถูกชุยตงซานเตะจนกลิ้งตลบอยู่บนพื้น กลิ้งไปกลิ้ง มาก็พลันกลายร่างเป็ นมนุษย์ เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยฝุ่ น นั่งเหม่ออยู่บน พื้น ลักษณะเป็ นชายร่างหนาสูงใหญ่
ชุยตงซานยื่นนิ้วออกไปด่ากราด “เจ้าโง่ชั่วช ้า เลวทรามสิ้นดี หลบอยู่ในน้ายืดคอโผล่หัวลอบมองมา เป็ นเพราะเห็นว่าลูกศิษย์ของ ข้ารูปงามผิวพรรณขาวนวล ก้นกลมหุ่นดี เลยน้าลายยืด หมายจะดัก ชิงตัวนางไปเป็ นฮูหยินหมู่บ้านโจรใช่ไหม?!”
ไม่รอให้ชายฉกรรจ์ที่ยังมึนงงได้คิดหาคาพูดตอบโต้ ชุยตงซาน ก็สะบัดชายแขนเสื้อไปในแนวขวาง ชัดชายฉกรรจ์ให้กลับคืนสู่ร่าง เดิม ร่วงลงไปในลาคลองหลินเหออีกครั้ง สะเก็ดน้าแตกซ่านกระจาย “สองกองทัพทาสงครามกันใช ้ทูตพูดคุยก่อนใช ้ความรุนแรง ครั้งนี้จะ เว้นชีวิตเจ้าสักครั้ง นาความไปบอกนายของเจ้าว่า คนในที่แจ้งไม่ทา
เรื่องในที่ลับ แน่จริงก็นัดสถานที่มาต่อสู้กับข้าตัวต่อตัว หากเขาชนะ ท่าเรือแห่งนี้ก็จะเป็ นของเขา หากข้าชนะ…ข้าจะเอาชนะปรมาจารย์ ขอบเขตเดินทางไกลชื่อเสียงบารมีเลื่องลือคนหนึ่งได้อย่างไรกัน เล่า!”
ปลาชิงตัวนั้นที่อยู่ในน้าไม่กล้ากลับคืนร่างมนุษย์อีก สะบัดหัว ส่ายหางว่ายหนีไปทางตอนล่างของล าคลองหลินเหออย่างว่องไว
ชุยตงซานกระตุกมุมปาก
รอให้ท่าเรือใหม่ก่อสร ้างส าเร็จ ต้องการคนจ านวนมากมา จัดการดูแลท่าเรือแห่งนี้หากไม่มีคนสามสิบห้าสิบคนก็ยากจะ ประคับประคองการด าเนินงานตามปกติของท่าเรือตระกูลเซียนแห่ง หนึ่งได้ โชคดีที่ไม่ต้องใช ้ขอบเขตสูงเท่าใดนัก ก็แค่งานใช ้แรงที่ไม่ ต้องใช ้สมองเท่านั้น ถึงเวลานั้นค่อยจัดการภูตน้าที่มาจากศาลเถื่อน พวกนี้ให้หมดรวดเดียว ไม่ว่าใครก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้
ต้องให้เงินเดือนหรือไม่? มอบชีวิตให้พวกเจ้าแล้ว ยังจะเอาเงิน อะไรอีก
ภายใต้ค าแนะน าของชุยตงซาน คนทั้งสามก็เดินเล่นเลียบ ตอนบนของล าคลองกันไปอวี๋ลู่ถามว่า “ท่าเรือมีชื่อไหม?”
ชุยตงซานเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ตั้งชื่อดีที่อ่านได้ทั้งคนที่มี ความรู ้สูงและคนที่มีความรู ้พื้นๆ ธรรมดา เป็ นเรื่องง่ายเสียที่ไหน ข้า ไม่ใช่อาจารย์เสียหน่อยที่ทาได้ง่ายดายราวกับกวักมือเรียกก็มา”
ท่าเรือหนิวเจี่ยวของแจกันสมบัติทวีป ท่าเรือชิงชานภูเขาชิงตู ท่าเรือเหย่อวิ๋นของภูเขาหลิงปี้ นี่คือท่าเรือตระกูลเซียนส่วนตัวแห่งที สี่
เลียบลาคลองหลินเหอ ทุกวันนี้มีแคว้นเล็กตั้งเรียงราย คนดีและ คนเลวปะปนกัน ชาวบ้านแคว้นล่มสลายที่ได้กอบกู้ชะตาแคว้นอีก ครั้ง กับคนที่ก่อตั้งแคว้นเรียกตัวเองเป็ นกษัตริย์ มีประมาณครึ่งต่อ ครึ่ง มีเพียงเทพเซียนผู้เฒ่าโอสถทองไม่กี่คนที่ถูกมองว่าเวทคาถาล้า เลิศเท่านั้นที่ได้เป็ นราชครูหรือไม่ก็เจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้น ง่วนอยู่ กับการช่วงชิงบรรดาศักดิ์กองโต ช่วยจักรพรรดิพระองค์ใหม่แต่งตั้ง ห้ามหาบรรพต แต่งตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้า หรือไม่ก็เปิ ด ภูเขาก่อตั้งพรรค เปี่ยมอานาจบารมี ส่วนใหญ่มักจะควบต าแหน่งผู้ ถวายงานหรือไม่ก็เค่อชิงอันดับหนึ่งของแคว้นเล็กไปพร ้อมกันหลาย แคว้น เพียงแต่ว่าเรื่องทานองนี้สานักศึกษาลัทธิขงจื๊อไม่คิดจะสนใจ โดยทั่วไปแล้วขอแค่ไม่มีผู้ฝึกลมปราณละเมิดกฎที่ศาลบุ๋นตั้งไว้ ถ้า อย่างนั้นการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินของล่างภูเขาวิญญูชนและ นักปราชญ์ของสานักศึกษาก็ล้วนไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการปกครอง ของแต่ละแคว้นมากเกินไปนัก
“อวี๋ลู่ เจ้ารู ้ที่มาของชื่อใบถงทวีปหรือไม่?”
“เคยเปิดอ่านอักขรานุกรมท้องถิ่นและเกร็ดพงศาวดารบางส่วน ดูเหมือนว่าในยุคบรรพกาล ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางจะมี จักรพรรดิผู้บรรลุมรรคาที่ปรีชาสามารถพระองค์หนึ่ง ตัดใบถงใน
สวนหลวงเป็ นรูปกุย (เครื่องหยกที่บรรดาจักรพรรดิหรือเจ้าครองนคร รัฐต่างๆ ใช ้ประกอบพิธีส าคัญในสมัยโบราณ ส่วนบนแหลมส่วนล่าง เป็ นเหลี่ยม) มอบให้กับน้องชายของตัวเอง ฝ่ ายหลังมาที่ใบถงทวีป ก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นที่ริมลาน้าใหญ่สายเดิม ลาน้าเก่าที่หายสาบสูญไป นานหลายปีสายนี้มีชื่อว่าลาน้าเฝินตู๋ ตอนที่โชคชะตาน้าโชติช่วง ที่สุดกระแสรองสายหลักมีสายน้าใหญ่ที่เป็ นทั้งแม่น้าและลาคลองสิบ สองสายซึ่งมีลาคลองฮุ่ยเหอและแม่น้าซู่เจียงเป็ นหนึ่งในนั้น เมื่อ กาลเวลาผันเปลี่ยน ลาคลองม่ายเหอของราชวงศ์ต้าเฉวียนในทุก วันนี้เป็ นแค่ช่วงตอนเล็กๆ ของลาน้าเป็ นตู้ที่ไหลลงสู่ทะเล ส่วนลา คลองหลินเหอที่อยู่ใต้ฝ่ าเท้าแห่งนี้ เป็ นแค่กระแสรองเล็กๆ ที่ไม่สะดุด ตาของลาน้าเป็ นตู้ในอดีตเท่านั้นยาวไม่เกินสองพันลี้ สานักใบถงที่ อยู่ทางเหนือ สานักกุยหยกที่อยู่ทางใต้ ในความเป็ นจริงแล้วหากย้อน ทวนไปถึงต้นกาเนิด สองสานักเหนือใต้ที่กองกาลังยิ่งใหญ่ที่สุดและ ด ารงอยู่มานานที่สุดของใบถงทวีป อันที่จริงมาจากต้นกาเนิด เดียวกัน นี่จึงเป็ นเหตุให้บรรพจารย์บุกเบิกภูเขาของสองส านักมีแซ่ เดียวกัน”
เซี่ยเซี่ยรู ้สึกเลื่อมใสจากใจจริง อวี๋ลู่ที่เป็ นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคน หนึ่ง หลายปีมานี้ระหว่างที่เดินทางเขาได้อ่านตาราเบ็ดเตล็ดไปมาก น้อยเท่าไร นางก็พอจะรู ้อยู่บ้าง
ชุยตงซานจุ๊ปากประหลาดใจ “ถามค าถามเจ้าข้อเดียว เจ้าให้ คาตอบมาสองข้อ นี่คือซื้อหนึ่งแถมหนึ่งหรือ?”
อวี๋ลู่ยิ้มบางๆ “ถือเสียว่าข้าช่วยบอกคาตอบในส่วนของเซี่ยเซี่ย ไปด้วยเลย”
ชุยตงซานทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง “ต่อให้เจ้าอวี๋ลู่จะแบ่ง สมองให้ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของข้าคนนี้แค่ส่วนเดียวก็ยังดี”
ชุยตงซานยกสองมือเท้าเอว “ลูกศิษย์คนโง่ ข้าคิดจะขับไล่เจ้า ออกจากส านักแล้ว ไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้านะ จริงจังหน่อย!”
อย่าว่าแต่เซี่ยเขี่ยที่ปากอ้าตาค้างท าอะไรไม่ถูกเลย แม้แต่อวี๋ลู่ก็ ยังอึ้งงันเป็ นไก่ไม้ เจ้าชุยตงซานเป็ นเจ้าสานักของสานักหนึ่งแล้ว ยัง เล่นสนุกเป็ นเด็กแบบนี้อีกหรือ?
เด็กหนุ่มชุดขาวยักไหล่ซ ้ายทีขวาที จากนั้นยกชายแขนเสื้อสี ขาวหิมะข้างหนึ่งขึ้นสะบัด เอ่ยอย่างล าพองใจว่า “อาจารย์ไม่อยู่ เจ้า ก็ไปฟ้ องสิ เอาไปฟ้ องเลย”
อวี๋ลู่ถอนหายใจ ก้มหน้ายื่นมือเข้าไปในชายแขนเสื้อ ปลายนิ้ว คีบจดหมายฉบับหนึ่ง
ชุยตงซานใช ้ความเร็วที่ฟ้ าผ่าไม่ทันป้ องหูเอ่ยกับเซี่ยเซี่ยอย่าง หนักแน่นว่า “ลูกศิษย์คนดี อาจารย์ล้อเจ้าเล่นหรอกนะ อย่าได้คิด เป็ นจริงเป็ นจัง!”
อวี๋ลู่ยังคงไม่หยุดมือ ชุยตงซานก้าวเท้าเร็วราวกับบิน มือหนึ่งกา แขนของอวี๋ลู่ไว้แน่นอีกมือหนึ่งผลักจดหมายฉบับนั้นกลับเข้าไปใน ชายแขนเสื้อ “อวี๋ลู่ พวกเราก็เป็ นพี่น้องที่ดีที่มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วม
ต้านกันแล้ว อย่าได้พูดจาไม่เข้าหูกันคาเดียวก็ทาอะไรอะไรไปเรื่อย พี่น้องครอบครัวเดียวก็อย่าได้เอะอะก็เรียกใช ้ท่าไม้ตาย มีแต่จะท าให้ คนใกล้ชิดเจ็บปวดศัตรูชอบใจนะ”
เซี่ยเซี่ยยิ่งรู ้สึกมึนงง
อวี๋ลู่ท าอะไร แล้วชุยตงซานก าลังท าอะไร?
อวี่ลูใช ้เสียงในใจเอ่ยกับเซี่ยเซี่ย “ก่อนจะมา พอจะเดา สภาพการณ์ของเจ้าได้คร่าวๆข้าก็เลยแอบช่วยขอยันต์คุ้มกันกายมา ให้เจ้าแผ่นหนึ่ง”
เซี่ยเซี่ยพลันกระจ่างแจ้ง
หากไม่เป็ นเพราะเผชิญหน้ากับชุยตงซาน อันที่จริงเซี่ยเซี่ยก็ เป็ นสตรีที่ฉลาดเฉลียวและมีไหวพริบมากคนหนึ่ง
ชุยตงซานถามหน้าเคร่ง “เซี่ยเซี่ย วันหน้าเจ้าเจออาจารย์ของ ข้า รู ้หรือไม่ว่าควรจะเรียกว่าอย่างไร?”
ก็เหมือนเจ้าใบ้น้อยที่ตรอกฉีหลง เรียกว่าอาจารย์ปู่น่ะสิ
เซี่ยเซี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก
อวี๋ลู่ส่ายหน้าเงียบๆ
ชุยตงซานยิ้มกว้าง ไม่ได้แกล้งให้เซี่ยเซี่ยต้องลาบากใจอีก
สองมือสอดรองไว้ใต้ท้ายทอย ชุยตงซานเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “เป็ นคนสามารถเครียดขรึมคร่าครึได้ แต่พูดจาอย่าได้ร ้ายกาจนัก”
“คนที่เนื้อหนังงดงามจิตใจก็ดีงามเหมือนอย่างข้า มีไม่มากเลย จริงๆ”
“พวกเจ้าสองคนต่างก็เคยเป็ นลูกรักแห่งสวรรค์ คนหนึ่งคือรัช ทายาทของราชวงศ์สกุลหลู ในอดีตยังเป็ นแคว้นเหนือหัวของสกุล ซ่งต้าหลีด้วยนะ อีกคนหนึ่งถูกเรียกขานว่าผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึก ตนที่มีหวังจะเลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบมากที่สุดของราชวงศ์สกุลหล แต่พอฟ้ าดินพลิกคว่า กลับต้องกลายมาเป็ นนักโทษอาญาเป็ น ชาวบ้านพลัดถิ่น จาได้ว่าปีนั้นพวกเจ้ายังเคยเป็ นคนงานให้ข้าที่บ้าน บรรพบุรุษสกุลหยวนตรอกเอ้อหลาง พวกเจ้าก็ถือว่าได้เจอกับความ ยากล าบากกันมาอย่างแท้จริงแล้ว…” พวกเจ้าก็
“คนคนหนึ่งตอนที่ไม่มีเงินที่สุด เจอกับคนดีคนเลวเรื่องดีเรื่อง ร ้าย ล้วนเป็ นความจริง”
“ดังนั้นอาจารย์ของข้า จนถึงทุกวันนี้ก็ยังจดจาเรื่องเล็กน้อยๆ เช่นข้าวชามหนึ่งจากสตรีผู้หนึ่ง ซาลาเปาที่เจ้าขี้มูกยึดน้อยบางคน ยื่นส่งให้ หุ่นไม้ที่อยู่ในห้องครัวของบ้านข้างๆไข่สองสามฟองที่หญิง ชราใช ้กระดาษสีแดงห่อมาให้ แต่ข้ารู ้สึกว่าคนคนหนึ่งความจาดี เกินไปก็ไม่ค่อยดีนัก”
“ค าโบราณกล่าวไว้ว่าคนไม่ใจเด็ด เงินก็ไม่เข้ากระเป๋ า ดู เหมือนว่าคนล่างล่างล้วนอยากกลายเป็ นคนบนบนก็ต้องใจเด็ด ได้ แต่ใจอามหิต ถ้าอย่างนั้นใจที่แข็งเป็ นหินก็เหมือนมีดที่คมกริบเล่ม หนึ่งที่มีแต่จะทาร ้ายผู้อื่น อันที่จริงใจอ่อนก็เหมือนมีดที่อๆ เล่มหนึ่งที่
มีแต่จะทรมานตัวเอง ทุกครั้งที่กัดฟันบอกกับตัวเองว่าอย่าเป็ นคน แบบนั้นอีก คาว่าเติบใหญ่ล้วนคือการเฝ้ าโถงวิญญาณให้กับตัวเอง ของเมื่อวาน”
อวี๋ลู่ประหลาดใจอยู่บ้าง ชุยตงซานในเวลานี้ดูแปลกไป เพราะ “ปกติ” เกินไป ปีนั้นระหว่างที่เดินทางไปขอศึกษาต่อ ชุยตงซานไม่ เคยพูดความในใจกับพวกเขา เรื่องที่จะใช ้เหตุผลอย่างจริงจังกับคน อื่นก็ยิ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จากนั้นชุยตงซานก็ยิ้มถามคาถามมาเป็ นพรวน “อวี๋ลู่ ก่อนพวก เจ้าจะมาใบถงทวีปเจ้าคงไม่เคยไปเยือนเจี้ยงโจวต้าหลีที่ตั้งของเมือง หลวงราชวงศ์สกุลหลูเก่ามาก่อนเลยสินะถ้าอย่างนั้นเซี่ยเซี่ยเคยโน้ม น้าวให้เจ้าใช ้ชื่อแซ่เดิมแล้วมาก่อตั้งแคว้นอยู่ที่ใบถงทวีปนี้หรือไม่? หรือยกตัวอย่างเช่นบางทีรอไปอีกยี่สิบสามสิบปี ให้นางมาเป็ น ราชครู? หรือยกตัวอย่างว่าแนะนาให้เจ้าไปเยือนเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซาน เพื่อที่จะได้ใช ้สถานะของผู้ฝึ กยุทธเรียนรู ้เวทคาถาตระกูลเซียนที่ สามารถต่ออายุขัยได้?”
อวี๋ลู่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “แทบจะถูกเจ้าส านักชุยทายถูก ทั้งหมดแล้ว ความต่างเพียงอย่างเดียวก็คือเขี่ยเชี่ยรู ้สึกว่าไม่ต้องรอ ยี่สิบสามสิบปี แค่ต้องหาพื้นที่สักแห่งในใบถงทวีป วางแผนสักสิบ ยี่สิบปีก็สามารถก่อตั้งแคว้นได้แล้ว”
ชุยตงซานเบิกตากว้าง “เซี่ยเซี่ย เจ้ามั่นใจว่าตัวเองจะเลื่อนเป็ น ขอบเขตก่อก าเนิดได้มากขนาดนี้เลยหรือ?”
เซี่ยเชี่ยพยักหน้าเอ่ย “อย่างมากสุดยี่สิบปีข้าก็จะต้องเลื่อนเป็ น ขอบเขตก่อก าเนิดได้แน่นอน และนี่ยังเป็ นการคิดในแง่ที่ว่าปิดด่าน ครั้งแรกไม่สาเร็จแล้วด้วย”
ชุยตงซานเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าข้าเก็บ สมบัติส าเร็จรูปมาได้อีกชิ้นแล้วหรือ? ขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่งที่ สามารถไร ้ศัตรูเทียมทานเล่นงานคนในสองริมฝั่งของล าคลองหลิน เหอได้เลยนะ จะไม่ยิ่งมีค่ามากกว่ารากฐานท่าเรือที่มีแต่เปลือกว่าง เปล่าแห่งหนึ่งหรอกหรือ?”
เซี่ยเซี่ยเงียบงัน
ชุยตงซานหันหน้าไปมอง “อวี๋ลู่ อย่ามัวเล่นตัวอย่างไร ้เหตุผล แสร ้งท าเป็ นลอยไปลอยมาอีกเลย คนล่ากวางย่อมไม่สนใจกระต่าย เอาความกล้าหาญที่ลูกผู้ชายควรมีออกมาไม่ต้องรอสิบปียี่สิบปีแล้ว อวี๋ลู่ ข้าจะช่วยหาสถานที่ให้เจ้าเอง เอาเป็ นริมฝั่งทางเหนือของล า คลองหลินเหอนี่แล้วกัน วันหน้าทางฝั่งทิศใต้ สถานที่ที่ห่างไปไม่ไกล ยังมีเรื่องยินดีที่น่าตกตะลึงรอเจ้าอยู่ ส่วนจะเป็ นเรื่องน่ายินดีอะไรก็ไม่ รีบร ้อน ขอให้ข้าได้อุบเอาไว้ก่อน”
“ชีวิตคนเรากลัวการเจอกันแล้วไร ้เงินจ่ายค่าสุราเป็ นที่สุด นับ ตามล าดับอาวุโสแล้วพวกเราสองคนยังถือว่าเป็ นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วม ส านักกันด้วยนะ รอให้เจ้าได้เป็ นจักรพรรดิของแคว้นหนึ่งเมื่อไหร่ ข้าที่เป็ นศิษย์น้องค่อยไปเป็ นราชครูให้เจ้า มีความสัมพันธ ์สองชั้นนี้ อยู่ ยังจะขาดเหล้าให้ข้าดื่มอีกหรือ?”
อวี๋ลู่ท าท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
ก่อนหน้านี้เขาเคยเอ่ยกับเซี่ยเซี่ย ทั้งเป็ นการถามนาง และยิ่ง เป็ นการถามตัวเองสืบทอดชะตาแคว้นอยู่ในทวีปแห่งอื่นจะถือเป็ น การกอบกู้แคว้นได้หรือไม่?
อยู่ดีๆ ชุยตงซานก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ต้องวางตัวเองไว้ต่ามาก สายตา ต้องมองให้สูงมาก”
อวี๋ลู่ถาม “ไม่ต้องมองให้ไกลมากหรอกหรือ?”
“คนเราอยู่ในทางตันที่ไร ้ซึ่งความหวังย่อมไม่มีทางมองไปได้ไกล แน่”
ชุยตงซานส่ายหน้า “แต่ใครก็ขัดขวางไม่ให้ข้าเงยหน้ามองฟ้ า ไม่ได้”
แน่นอนว่าเซี่ยเซี่ยไม่กล้าสอดปากพูดแม้แต่ครึ่งคา หากได้ยิน เฉินผิงอันพูดประโยคนี้นางต้องอยากพูดหยอกล้อไปว่า นี่ไม่ใช่กบ ใต้บ่อหรอกหรือ?
ชุยตงซานหัวเราะร่วน “ใช่ พวกเราล้วนเป็ นกบใต้บ่อ” ชุยตงซานพึมพา “เป็ นเด็กหนุ่มเพียงชั่วขณะ”