กระบี่จงมา - บทที่ 989.2 เป็ นเด็กหนุ่มเพียงชั่วขณะ พกสุราบุกขึ้นเขา
หลังจากเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูออกไปจากห้องแล้ว เส้าอวิ๋น เหยียนก็ยิ้มเอ่ย “ห่างมานานเป็ นพันปี ข้าได้กลับบ้านเกิดครั้งนี้ หลักๆ แล้วก็จะแวะไปดูที่ภูเขาสุ่ยจิ่งสักหน่อย”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ควรจะไปร าลึกความหลังที่นั่นจริงๆ
ปี นั้นเส้าอวิ๋นเหยียนให้หลิวจิ่งหลงคุ้มกันหลูสุ้ยไปส่ง น าเถา น้าเต้าที่มีระดับชั้นเป็ นอาวุธเซียนชิ้นนั้นส่งไปที่ภูเขาสุ่ยจิงแห่งอุตรกุ รุทวีป เดิมทีเรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไปก็ง่ายที่จะกลายเป็ นหายนะ ใหญ่ หากตอนนั้นหลิวจิ่งหลงไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบส านัก ไม่ใช่สานักกระบี่ไท่ฮุยที่มีรากฐานแน่นหนาอยู่ในอุตรกุรุทวีป เส้าอวิ๋นเหยียนก็คงไม่กล้าเปิดปากพูดเรื่องนี้จริงๆ เพราะหากไม่ทัน ระวังก็มีแต่จะทาร ้ายคนอื่นทาร ้ายตัวเอง ไม่เพียงแต่สูญเสียสมบัติ หนักไป แล้วยังต้องเดือดร ้อนให้ผู้ฝึกกระบี่ที่เป็ นตัวอ่อนเทียนเซียน คนหนึ่งต้องตายไปก่อนวัยอันควร เพราะถึงอย่างไรทรัพย์สินเงินทอง ก็ทาให้คนหวั่นไหวได้เสมอ แล้วนับประสาอะไรกับที่เถาน้าเต้าที่มี มูลค่าควรเมืองชิ้นนี้ ใช ้เวลาปลูกอีกพันปี ก็อาจจะออก “น้าเต้าเลี้ยง กระบี่” ลูกใหม่มาได้อีกพรวนใหญ่
เส้าอวิ๋นเหยียนถามหยั่งเชิง “เกี่ยวกับเจ้าสานักหลิวและหลูสุ้ย? ใต้เท้าอิ่นกวานช่วยจับคู่ให้หน่อยได้ไหม?”
เฉินผิงอันรู ้สึกปวดหัวแปลบทันใด เอ่ยอย่างจนใจว่า “เซียน กระบี่เส้า เซียนกระบี่ใหญ่เส้า! เรื่องทานองนี้ ข้าที่เป็ นคนนอกจะเปิด ปากอย่างไร?”
แล้วนับประสาอะไรกับที่ซุนชิงเจ้าจวนไช่เฉวี่ยก็ไม่ได้เป็ นหนึ่งใน คนที่รักและเลื่อมใสเซียนสุราใหญ่หลิวหรอกหรือ?
เส้าอวิ๋นเหยียนถอนหายใจ หลูสุ้ยและหลิวจิ่งหลงแห่งส านักกระบี่ ไท่ฮุย กับอาจารย์ของหลูสุ้ยและตน ช่างเหมือนกันมากจริงๆ ต่างก็ เป็ นความรักความคิดถึงอันขมขื่น
เถาน้าเต้าเส้นนี้ ในอดีตเส้าอวิ๋นเหยียนกับอาจารย์ของหลูสุ้ย ได้มาพร ้อมกันในพื้นที่ลับแห่งหนึ่งที่เป็ นถ้าสวรรค์ซึ่งปริแตกไปแล้ว การที่ได้มาครอง นางมีคุณความชอบมากกว่าแต่นางกลับมอบ สมบัติหนักให้เส้าอวิ๋นเหยียนอย่างไม่มีลังเล เดิมทีทั้งสองฝ่ ายควรได้ เป็ นคู่บ าเพ็ญเพียรกัน เพียงแต่ว่าจับผลัดจับผลู ด้วยสาเหตุต่างๆ และความวกวนอ้อมค้อมนานาสุดท้ายมิอาจได้เป็ นคนรักที่ครองคู่อยู่ กันจนแก่เฒ่า เส้าอวิ๋นเหยียนเองก็กังวลว่าอยู่ที่อุตรกุรุทวีปจะไม่อาจ รักษาเถาน้าเต้าที่เป็ นสมบัติล้าค่าบนภูเขาเส้นนี้ไว้ได้ จึงเดินทางไป เยือนภูเขาห้อยหัวเพียงล าพัง
ดังนั้นภายหลังเมื่อพบเจอหลูสุ้ย เส้าอวิ๋นเหยียนจึงเห็นนางเป็ น เหมือนลูกสาวแท้ๆของตัวเอง
เฉินผิงอันถามอย่างใคร่รู ้ “ “ผลลัพธ ์” เป็ นอย่างไรบ้างแล้ว?”
ถัวเหยียนฮูหยินยื่นมือไปหยิบส้มมาลูกหนึ่ง ปอกผิวสองสามที โยนทิ้งลงพื้น ถูกอิ่นกวานหนุ่มเหล่ตามามอง นางก็รีบก้มตัวไปเก็บ เปลือกส้มพวกนั้นมาเงียบๆ นั่งตัวตรงอย่างส ารวม วางเปลือกส้มไว้ บนขา
เส้าอวิ๋นเหยียนพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ผลลัพธ ์ดีกว่าที่คิดไว้ น้าเต้า เลี้ยงกระบี่ที่จะหลอมออกมาได้ส าเร็จมีแปดลูก ไม่กล้าพูดว่าจะต้อง ส าเร็จแน่นอน แต่กลับมีความหวังแน่ๆ ยังมีน้าเต้าอีกลูกหนึ่ง อีกทั้ง ลูกหนึ่งนี้ หากหลอมเป็ นน้าเต้าเลี้ยงกระบี่ได้สาเร็จ ระดับขั้นจะดีที่สุด เพียงแต่ว่าใครก็ไม่กล้าเดิมพัน เพราะถึงอย่างไรข้าก็เปิดราคาไว้สูง มาก สูงกว่าน้าเต้าเลี้ยงกระบี่อีกเจ็ดลูกที่เหลือ บอกตามตรงว่าเป็ น การกระท าอย่างจงใจของข้า เพราะไม่อยากจะขายออกไป”
“นี่คือตั้งใจจะยกให้ข้า?”
เฉินผิงอันดวงตาเป็ นประกาย เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “ในฐานะ ของขวัญแสดงความยินดีที่ภูเขาลั่วพั่วของพวกเราได้ก่อตั้งสานัก เบื้องล่าง นี่ก็ออกจะล้าค่าเกินไปหน่อย ไม่เหมาะสมนัก แต่หากเซียน กระบี่เส้าจะยืนกราน ข้าก็คงได้แต่เคารพไม่สู้ยอมรับชะตากรรมแล้ว”
ถัวเหยียนฮูหยินยิ้มบางๆ
เส้าอวิ๋นเหยียนกล่าว “ขอแค่ใต้เท้าอิ่นกวานยินดีรับปากว่าจะ จับคู่ให้ ข้าก็จะมอบน้าเต้าเลี้ยงกระบี่ที่ถือว่าเป็ นเรื่องไม่คาดฝันนั้น ให้ แล้วค่อยมอบน้าเต้าลูกนี้ให้กับภูเขาลั่วพั่วเปล่าๆ!”
ถัวเหยียนฮูหยินได้ยินก็ใจสั่นน้อยๆ เส้าอวิ๋นเหยียนเจ้าก็ช่างตัด ใจเค้นเลือดตัวเองได้ลงคอ
เฉินผิงอันยิ้มพลางโบกมือ “ช่างเถอะๆ หากว่าข้ากล้าเปิดปาก พูด เซียนสุราหลิวต้องเลิกคบข้าแน่นอน”
เส้าอวิ๋นเหยียนท าท่าจะพูดแต่ไม่พูด
เฉินผิงอันยิ้มถาม “หรือว่าเป็ นป๋ ายฉางที่ข่าวสารว่องไว ก่อนจะ ปิดด่านก็เปิดปากขอน้าเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกที่แปดนั้นจากเจ้าแล้ว?”
เส้าอวิ๋นเหยียนพยักหน้า
เฉินผิงอันกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องลังเล ขาย ทาไมจะไม่ขาย เล่า โก่งราคาให้เต็มที่ไปเลย”
เส้าอวิ๋นเหยียนโล่งอก
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “สะพานส่วนสะพาน เส้นทางส่วนเส้นทาง การค้าส่วนการค้าเรื่องแบบนี้ไม่มีเหตุให้ต้องเล่นแง่อะไร”
เส้าอวิ๋นเหยียนเหมือนได้ยกก้อนหินออกจากอก
เฉินผิงอันพลันถามว่า “น้าเต้าที่จ่ายเงินไปแล้วก็ยังไม่แน่เสมอ ไปว่าจะได้มาอยู่ในมือลูกนั้น ไม่พูดถึงราคาสูงเทียมฟ้ าที่เจ้าตั้งไว้ หากเป็ นคนสนิทกันที่จะขอซื้อจากเจ้า คือราคาเท่าไร?”
เส้าอวิ๋นเหยียนยื่นนิ้วออกมาข้างหนึ่ง
เฉินผิงอันเดาะลิ้นไม่หยุด ขนาดคนสนิทกันซื้อก็ยังตั้งหนึ่งพัน เหรียญเงินฝนธัญพืช?!
เซียนกระบี่เส้าเจ้าไม่ได้ทาการค้า แต่นี่คือการแย่งเงินแล้ว
ถัวเหยียนฮูหยินเอ่ย “ระหว่างที่เดินทางมา ข้าก็ตกลงกับเส้าอวิ๋น เหยียนเรียบร ้อยแล้วว่า หากว่าใต้เท้าอิ่นกวานไม่ซื้อ ข้าก็จะควักเงิน ซื้อเอง มอบให้อาจารย์ลู่ ถือเป็ นของขวัญร่วมแสดงความยินดี ล่วงหน้าที่นางจะเลื่อนเป็ นขอบเขตบินทะยาน”
เฉินผิงอันพยักหน้า “มีใจแล้ว”
ลังเลอยู่ชั่วขณะ เฉินผิงอันก็ถามหยั่งเชิงว่า “เซียนกระบี่เส้า ล้วนเป็ นคนกันเอง เงินฝนธัญพืชหนึ่งพันเหรียญออกจะเกินไปหน่อย หรือไม่ ห้าร ้อยเหรียญ ข้าว่าค่อนข้างจะยุติธรรม เพราะถึงอย่างไรก็ ต้องเดิมพัน หากแพ้ เงินที่จ่ายไปก็ต้องไหลหายไปกับกระแสน้าเงิน ฝนธัญพืชตั้งห้าร ้อยเหรียญเชียวนะ น้าเต้าที่ไม่เป็ นรูปเป็ นร่างลูกนี้ หายไป ตัดใจไม่ลงแต่หากไม่หาย มองครั้งหนึ่งก็กลุ้มใจครั้งหนึ่ง ตั้ง ห้าร ้อยเหรียญ”
เส้าอวิ๋นเหยียนคร ้านจะพูดคุยเรื่องราคา ยิ้มถามว่า “ใต้เท้าอิ่นก วาน เจ้าไม่ซื้อจริงๆหรือ?”
เฉินผิงอันคิดไม่ตกจริงๆ เกาหัวเอ่ยว่า “หากว่าไม่มีเรื่องการขุด เจาะลาน้าใหญ่ ข้ากัดฟันก็ต้องซื้อมาให้ได้ ตอนนี้ข้ายากจนจริงๆ”
คนที่สามารถมอบให้ได้ อันที่จริงมีเยอะมาก แต่เฉินผิงอันกลับ ไม่มีความมั่นใจอะไรกับ โชคในการเดิมพัน’ ของตัวเอง
หากว่าไม่อาจหลอมออกมาเป็ นน้าเต้าเลี้ยงกระบี่ได้สาเร็จ และ ไม่ทันระวังถูกหลิวเสี้ยนหยางรู ้เรื่องนี้เข้า เฉินผิงอันก็จินตนาการได้ เลยว่าจะต้องถูกหลิวเสี้ยนหยางรัดคอกดหัวไล่ตามด่า มีเงินขนาดนี้ ท าไมไม่เอามามอบให้ข้าตรงๆ เลยเล่า
เฉินผิงอันเหลือบตามองถัวเหยียนฮูหยินที่คล้ายกับจะทาหน้า เหมือนไม่ใส่ใจแล้วโบกมือ บอกเป็ นนัยว่าไม่ซื้อแล้ว เพียงแต่ ขณะเดียวกันก็ใช ้เสียงในใจพูดคุยกับเส้าอวิ๋นเหยียน
สายตาของถัวเหยียนฮูหยินฉายประกายเร่าร ้อน แต่กระนั้นก็ยัง ถามอย่างระมัดระวังว่า “เส้าอวิ๋นเหยียน?”
เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มเอ่ย “เป็ นของเจ้าแล้ว”
กระทั่งบัดนี้ ถัวเหยียนฮูหยินถึงได้อดไม่ไหวหัวเราะออกมา
เฉินผิงอันกระตุกมุมปาก “ท าไม จ่ายเงินฝนธัญพืชแค่พัน เหรียญก็ท าให้ถัวเหยียนฮูหยินอารมณ์ดีขนาดนี้เชียวหรือ?”
ถัวเหยียนฮูหยินยิ่งหัวเราะดังกว่าเดิม
เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มอย่างเข้าใจ นี่ก็คงถือเป็ นดั่งคากล่าวที่ว่า วิญญูชนช่วยให้คนสมหวังในเรื่องที่ดีกระมัง? ที่แท้เมื่อครู่นี้อันที่จริง เฉินผิงอันก็เดาได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ชิงตัดหน้า คิดดูแล้วก็คงเป็ นดั่ง
คากล่าวว่า “มีใจแล้ว” นั่นเอง เพราะถึงอย่างไรถัวเหยียนฮูหยินก็ ไม่ได้เก็บไว้เอง แต่จะเอาไปมอบให้ลู่จือ
เฉินผิงอันหันหน้าไปมองหน้าประตู เอ่ยว่า “หน่วนซู่ ช่วยต้มชา มาให้พวกเรากาหนึ่งใบชาใช ้ใบชาป่าในภูเขาที่พ่อครัวเฒ่าผัดเองก็ แล้วกัน”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรีบเดินเข้ามาในห้อง ไปหยิบอุปกรณ์ ชงชาที่ชั้นวางมาแล้วเริ่มต้มชาอย่างคล่องแคล่ว เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย แนะนาว่า “เซียนกระบี่เส้าท่านนี้คือเจ้าของเรือนชุนฟานภูเขาห้อย หัวในอดีต ถัวเหยียนฮูหยินมีฉายาว่าเจ้าแห่งดอกเหมย พวกเขาสอง คนต่างก็เป็ นผู้ถวายงานศาลบรรพจารย์ของสานักกระบี่หลงเซี่ยง ทักษินาตยทวีป”
“เฉินหรูชู ฉายาหน่วนซู่ คือผู้ดูแลน้อยของภูเขาลั่วพั่วพวกเรา หน่วนซู่ติดตามข้ามาอยู่ที่บ้านบรรพบุรุษในอาเภอไหวหวงช่วงแรก สุดเลย”
กล่าวมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินผิงอันก็อ่อนโยนลง “เป็ นคน แรก”
ส่วนนายท่านใหญ่จิ่งชิงผู้นั้น ไปอยู่ข้างๆ ก่อน อยู่อันดับสองก็ แล้วกัน
ทัศนียภาพอันงดงามในชีวิตคนเหมือนยามได้พบเจอกันครั้งแรก ทัศนียภาพนั้นต้องงดงามถึงเพียงใด
หน่วนซู่ได้ยินแล้วก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มด้วยสีหน้านุ่มนวลอ่อนโยน
ริมลาคลองหลินเหอมีกระท่อมหลังหนึ่งถูกสร ้างขึ้น หน้าประตู วางแผงของเอาไว้ บนโต๊ะวางชามเหล้าไว้สามใบ
เด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งนั่งยองอยู่ริมลาคลอง ปากคาบต้นหญ้า สองตาว่างเปล่า ยกสองมือขึ้นโยนหินไข่ห่านก้อนหนึ่งสลับกันไปมา
มีคนสองคนมาถึงตามนัดหมาย ห่างจากแผงแห่งนั้นอีกประมาณ สองลี้ บุรุษสวมชุดลัทธิขงจื๊อเรือนกายสูงเพรียว อวี๋ลู๋ ผู้ฝึ กยุทธ ขอบเขตเดินทางไกล สะพายหีบไม้ไผ่ ในมือถือไม้เท้าเดินป่าเขียว
และยังมีเซี่ยเซี่ยอีกคน ทุกวันนี้นางคือคอขวดขอบเขตโอสถ ทอง
อวี๋ลู่หันไปมองลาคลองหลินเหอแห่งนี้ ใจเกิดความใกล้ชิด เป็ น สถานที่ที่ดีที่เหมาะแก่การตกปลา เดินริมลาคลองไปพร ้อมกับเซี่ย เซี่ยได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เจอสถานที่ตกปลาที่ดีเยี่ยมที่สุดอยู่สามจุด
ส่วนทาไมพวกเขาถึงไม่ทะยานลมตรงมาที่กระท่อม แน่นอนว่า เป็ นเพราะเซี่ยเซี่ยต้องการทาจิตแห่งมรรคาให้มั่นคง เพราะถึง อย่างไรก็ต้องมาพบชุยตงซาน ถึงขั้นที่ว่ามีความเป็ นไปได้ที่จะต้อง กลายไปเป็ นลูกศิษย์ของอีกฝ่าย
สามารถยืนหยัดไม่หมุนตัวกลับวิ่งหนีไป ยิ่งอยู่ห่างไกลจากชุย ตงซานเท่าไรก็ยิ่งดี อวี๋ลู่ก็รู ้สึกว่าหลายปีมานี้เซี่ยเซี่ยฝึกฝนจิตใจได้ ประสบความส าเร็จจริงๆ แล้ว
เพื่อช่วยให้สภาพจิตใจของเซี่ยเซี่ยผ่อนคลายมากขึ้น อวี๋ลู่จึงจง ใจหาเรื่องชวนคุย เขายิ้มเอ่ยว่า “คนโง่ก็ยังรู ้ว่าลาคลองหลินเหอที่ เชื่อมโยงสี่มหาสมุทรของในทวีปเส้นนี้ หากบวกกับกระแสหลักและ กระแสรองก็ยาวนับหมื่นลี้ คืออ่างรวมสมบัติที่เหมาะจะสร ้างท่าเรือ ตระกูลเซียนอย่างยิ่ง แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่า เมื่อขนาดคนโง่ก็ยังรู ้ว่า การค้าขายบางอย่างสามารถหาเงินได้ ถ้าไม่ผิดไปจากที่คาด นี่ก็คือ หลุมหลุมหนึ่งแล้ว”
เซี่ยเซี่ยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยิ้มอย่างฝืดฝืน นางหรือจะมี อารมณ์ไปสนใจล าคลองหลินเหอ
ก็เหมือนอย่างที่อวี๋ลู่พูด ความจริงก็เป็ นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นตอน ที่อยู่ใกล้กับสถานที่อย่างต้นก าเนิด ช่วงตรงกลางและช่วงท้ายของล า คลองหลินเหอ ภูเขาสายน้าภาคกลางของใบถงทวีป กลุ่มอิทธิพลแต่ ละฝ่ ายเกาะกลุ่มสามัคคีกัน เรียกพรรคเรียกพวกมาช่วยกันรวบรวม เงิน ทาการก่อสร ้างครั้งใหญ่ สุดท้ายก็ทยอยสร ้างเค้าโครงท่าเรือ ขึ้นมาสามแห่งระหว่างนั้นมีกองกาลังจานวนไม่น้อยที่ถือว่าถอยหลัง กลับเมื่อเจออันตราย รู ้สึกว่าแขนเล็กไม่สู้ขาใหญ่ ไม่ยินดีจ่ายเงิน ละลายแม่น้า และเจ้าของเก่าของท่าเรือที่อยู่ใกล้เคียงนี้ ก็คือคนหนึ่ง ในบรรดาคนเหล่านั้น อีกทั้งเนื่องจากค่อนข้างจะรู ้สึกตัวช ้าจึงเสียเงิน เทพเซียนไปกองใหญ่ เนื่องจากสร ้างท่าเรือไปได้ครึ่งหนึ่ง กว่าจะปู รากฐานไว้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย กองกาลังของท่าเรือที่ตั้งอยู่ต้นน้าและ ปลายน้าของลาคลองหลินเหอถึงกับร่วมมือกัน พวกเขาจึงคลายกับ
ถูกบีบหัวตัดหาง กลายมาเป็ นซี่โครงไก่ ฝ่ ายหนึ่งป่ าวประกาศว่าจะ ทุ่มเงินก้อนใหญ่สร ้างค่ายกลใหญ่ภูเขาสายน้าขึ้นมา สะบั้น โชคชะตาของลาคลองหลินเหอตอนบนไปอย่างสิ้นเชิงส่วนกองก าลัง ตระกูลเซียนที่ตั้งอยู่ตรงทางที่ลาคลองไหลลงสู่มหาสมุทรนั้นก็ยิ่งชั่ว ช ้า ถึงกับทุ่มเงินเชิญภูตทายาทน้ากลุ่มหนึ่งที่สูญเสียศาลหรือไม่ก็ สูญเสียควันธูปไปให้มาเป็ นผู้ถวายงาน ทุกวันจะต้องมาก่อกวนสร ้าง เรื่องอยู่ที่ตอนกลางของลาคลองหลินเหอ พยายามสูบดึงโชคชะตา น้าไปสุดชีวิต คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วล้วนมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาล เถื่อนของแคว้นเล็กๆ ในอดีต แล้วยังวางมาดอย่างมาก ต้องการสร ้าง ศาลขึ้นมาในบริเวณใกล้เคียงตั้งตัวเป็ นพ่อปู่ ลาคลองเป็ นเทพวารีที่ ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง ที่เกินกว่าเหตุที่สุดก็คือรอกระทั่งกอง ก าลังตระกูลเซียนถอยออกไปจากท่าเรือถึงได้ค้นพบว่า ท่าเรือ ตระกูลเซียนที่ตั้งอยู่ตรงทางลาคลองไหลลงสู่มหาสมุทรเป็ นแค่เวทอา พรางตาเท่านั้น ไม่ได้มีการลงทุนก่อสร ้างอย่างแท้จริง วางท่าชัดเจน ว่าอยากจะมาเป็ นนกพิราบยึดรังนกกางเขนที่ตอนกลางของล าคลอง หลินเหอตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากนั้นก็ดันมีเด็กหนุ่มชุดขาวสมองไม่ปกติคนหนึ่งโผล่มา สอดเท้าเข้ามาแทรกเก็บเอาพื้นฐานท่าเรือสาเร็จรูปนี้ไปได้เปล่าๆ
ขั้นตอนระหว่างนั้นย่อมไม่ได้ราบรื่นนัก ผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งที่ สถานะไม่ชัดเจน มีศาสตร ์คงความเยาว์ก็ถือว่าเข้าใจกฎระเบียบดี จึง
ตั้งเวทีประลองต้อนรับวีรบุรุษในใต้หล้าอยู่ใกล้กับท่าเรือ วางแผงตั้ง สุราเอาไว้
ขยับเข้าไปใกล้กระท่อม เซี่ยเซี่ยก็มองเห็น “เด็กหนุ่มชุดขาว” ที่ นั่งยองอยู่ริมลาคลองลมหายใจของนางถี่กระชั้นขึ้นอย่างที่มิอาจห้าม ตัวเองได้ ดูเหมือนว่าทุกก้าวที่นางก้าวเท้าออกไปจะต้องสิ้นเปลือง จิตใจไปไม่น้อย
หลายปีมานี้ออกท่องเที่ยวแจกันสมบัติทวีปไปด้วยกัน อวี๋ลู่มักจะ เอ่ยหยอกล้อนางบ่อยๆ ว่าระวังว่าจิตมารของเจ้าในวันหน้าก็คือชุยตง ซาน
เซี่ยเซี่ยกลัวจริงๆ นางกลัวชุยตงซาน แต่กลับกลัว “จิตมารชุย ตงซาน” มากกว่า!
ด้วยเหตุนี้ประโยคกึ่งๆ หยอกล้อที่ว่า “เจอเรื่องร ้ายแรงทั้งสอง อย่าง ให้เลือกอย่างที่ผลร ้ายเบากว่า’ จากอวี๋ลู่ ในที่สุดก็ทาให้เซี่ย เซี่ยตัดสินใจได้ ในเมื่อถูกกาหนดมาแล้วว่ามิอาจหลบหลีกได้พ้น ถ้า อย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับชุยตงซานไปโดยตรงเลย!
ครั้งนี้บากหน้ามาที่ลาคลองหลินเหอ เชี่ยเซี่ยก็หวังว่าจะสามารถ ลดทอนความหวาดกลัวที่มีต่อชุยตงซานลงได้บ้าง หาไม่แล้วหาก นางกลายเป็ นผู้ฝึกตนก่อกาเนิดเมื่อไหร่ แล้วพยายามจะฝ่ าทะลุคอ ขวดขอบเขตก่อก าเนิดไปเป็ นหยกดิบ หากว่าจิตมารคือชุยตงซาน จริงๆ…แค่คิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเซี่ยก็รู ้สึกสิ้นหวังแล้ว
ปีนั้นไปขอศึกษาต่อที่สานักศึกษาซานหยาด้วยกัน ดูเหมือนว่า ชุยตงซานจะพุ่งเป้ ามาที่นางคนเดียว
แต่ไม่รู ้ว่าเหตุใด ครั้งนี้ได้กลับมาพบเจอกันที่ต่างบ้านต่างเมือง หลังจากลากันไปนานมองชุยตงซานที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น เซี่ย เซี่ยกลับรู ้สึกเหมือนเขาเป็ นคนแปลกหน้าไปเล็กน้อย
ชุยตงซานในความทรงจาไม่เคยมีท่าทาง…เหนื่อยใจแบบนี้?
ชุยตงซานโยนหินไข่ห่านในมือลงไปในลาคอ ตีหัวภูตเผ่าน้าตน หนึ่งที่มาลอบสารวจสถานการณ์ที่นี่อย่างลับๆ ล่อๆ ให้สลบไป อีก ฝ่ ายจึงเผยร่างจริงทันที ต่างก็พูดกันว่าท้องฟ้ าเริ่มเป็ นสีขาวพุงปลา ตอนนี้กลับเห็นว่าตรงกลางลาคลองหลินเหอมีปลาชิงตัวหนึ่งที่อย่าง น้อยต้องหนักสามร ้อยจินหงายผลึงเผยพุงปลาสีขาวนวล ตัวใหญ่ มากเลยนะนั่น นี่คือจะมาสวัสดีปีใหม่ช่วงท้ายของเดือนหนึ่งหรือ เป็ น ฝ่ายเอาเนื้อปลามาส่งให้ถึงที่ แบบนี้ก็มีอาหารมื้อค่าแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านจัดงานเลี้ยงต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ชุยตงซานลุกขึ้นยืน พูดบ่นว่า “อวี๋ลู่ ทาไมเจ้าไม่มาที่นี่ให้เร็ว กว่านี้ ทาให้ข้าต้องโดนหมัดร ้ายกาจของปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขต ร่างทองคนหนึ่งไปเปล่าๆ สามหมัดนั้นฟ้ าถล่มดินทลาย ตะวันจันทรา เปลี่ยนสี หนักหน่วงมาก คนนอกมิอาจจินตนาการได้เลย! ข้ากระอัก เลือดไปตั้งหลายจิน เกือบจะตายไปแล้ว เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็จะไม่
เดือดร ้อนให้แม่นางเซียเซี่ยของพวกเราต้องจ่ายเงินอย่างเสียเปล่าไป ก้อนหนึ่งหรอกหรือ?”
เซี่ยเซี่ยฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่อยากเข้าใจด้วย
แต่ชุยตงซานดันไม่ยอมปล่อยนางไป “เชี่ยเซี่ย ไหนลองว่ามาสิ ท าไมเจ้าถึงต้องจ่ายเงิน?”
ในขณะที่เซี่ยเซี่ยหน้าซีดขาวนั้นเอง อวี๋ลู่ก็เอ่ยว่า “เจ้าส านักชุย รู ้สึกว่าหากเจ้าได้ยินข่าวร ้าย เกินครึ่งคงจะไปซื้อประทัดมากองใหญ่ เฉลิมฉลองดีๆ สักครั้ง”
ชุยตงซานยกนิ้วโป้ งให้อวี๋ลู่ จากนั้นขยับเส้นสายตามองไป ทางเซี่ยเขี่ยที่ทาตัวไม่ถูกชุยตงซานถอนหายใจเบาๆ กลุ่มนักที่รับลูก ศิษย์หัวทึบแบบนี้มา
เซี่ยเซี่ยตื่นเต้นจนฝ่ ามือมีแต่เหงื่อ ตอนนี้นางอยากกลับแจกัน สมบัติทวีปแล้ว
คนที่ไม่เคยไปเยือน “จุดซ ้อมคนโง่” มาก่อนไม่มีคุณสมบัติมา บอกว่านางขี้ขลาด
ก่อนจะมาที่ท่าเรือแห่งนี้ อวี๋ลู่กับนางได้สืบข่าวบางอย่างมาก่อน ถึงอย่างไรมันก็แพร่ไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้มีปรมาจารย์วิถีวรยุทธ ขอบเขตเจ็ดคนหนึ่งรับเงินคนอื่นมาฟาดเคราะห์แทนคนอื่น อันที่จริง ไม่ได้คิดจะให้มีใครตาย แต่กระนั้นหมัดหนึ่งก็ยังต่อยจนเด็กหนุ่มกลิ้ง
ตลบไปกับพื้น ต่อยอีกหมัดเด็กหนุ่มก็หมุนตัวกลางอากาศไปหลาย สิบรอบ หมัดสุดท้ายต่อยจนเด็กหนุ่มหน้าทิ่มพื้น