กระบี่จงมา - บทที่ 988.3 ตรวจสอบต ำรำท่ำมกลำงเสียงขลุ่ย
หงเซี่ยเอ่ยเสียงเบำ “เจ้ำขุนเขำ อันที่จริงข้ำพอจะเก็บสะสม ทรัพย์สมบัติมาได้บ้ำงแล้วบำงส่วน”
นำงอยู่ที่ภูเขำหวงหู เก็บซ่อนสติปัญญำฝึ กตนมาเนิ่นนำน เกือบจะก ลายเป็ นหนึ่งในห้ำโชควำสนำที่ใหญ่ที่สุดของถ้ำสวรรค์หลี จูในอดีตแล้ว ถ้ำอย่ำงนั้นคุณสมบัติในการฝึ กตนของหงเซี่ยเป็ น อย่ำงไร แค่นี้ก็รู ้ได้ชัดเจนแล้ว
ตำมค ำกล่ำวของชุยตงซำน หงเซี่ยก็แค่ต้องตั้งใจฝึกตนให้ดี ไม่ ไปหำเรื่องใส่ตัว คว้ำขอบเขตเซียนเหรินมาก็ไม่ยำกเลย
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “หนึ่งคือการเดินลงน้ำใน ลาน้ำใหญ่ ไม่ว่ำจะ เป็ น ลาน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีปหรือ ลาน้ำใหญ่เส้นใหม่ที่ใบถง ทวีป ล้วนไม่ได้อาศัยเงินอย่ำงเดียวก็จะท ำสาเร็จได้ อีกอย่ำงนี่เป็ น เรื่องของส่วนรวม ก็ไม่มีเหตุผลให้เจ้ำต้องควักกระเป๋ ำเงินของตัวเอง แล้วนับประสาอะไรกับที่วันหน้ำรอให้เจ้ำได้เลื่อนเป็ นห้ำขอบเขตบน หำกคิดจะก่อตั้งพรรคเป็ นขจองตัวเอง จุดที่ต้องใช ้เงินยังมีอีก มากมายนะ มีเพียงจุดที่เจ้ำคิดไม่ถึง ไม่มีช่วงที่เจ้ำมีเงินพอ สะสมไว้ ให้มากหน่อยก็เป็ นเรื่องดี”
ภูตเดินลงน้ำ เดินลงแม่น้ำก ลายเป็ นเจียว หำกคิดอยำกจะเดินลง ลาน้ำให้สาเร็จ ด่ำนสาคัญไม่ได้อยู่แค่ที่ควำมอันตรำยระหว่ำง ขั้นตอนการเดินลงน้ำเท่ำนั้น ที่มากกว่ำนั้นคืออยู่นอก ลาน้ำใหญ่
ยกตัวอย่ำงเช่น ลาน้ำจี้ตู๋ของอุตรกุรุทวีปที่มีประวัติศำสตร ์มา ยำวนำน ได้ครอบครองสุ่ยเจิ้งสามท่ำน ทว่ำหลังจำกศึกพิฆำตมังกร มา ก่อนที่เฉินหลิงจวินจะเดินลงน้ำก ลายเป็ นเจียวเลื่อนเป็ นขอบเขต ก่อก ำเนิดได้ส ำเร็จ ในประวัติศำสตร ์ของทวีปก็ไม่เคยมีกรณีตัวอย่ำง ที่เผ่ำพันธ ์น้ำเดินลงน้ำได้สาเร็จมาก่อน สาเหตุนั้นอยู่ที่ริมฝั่งของ ลา น้ำใหญ่ไม่มีรำชวงศ์หรือภูเขำตระกูลเซียนแห่งใด แม้กระทั่งตำหนัก นภำกาศหน่วยฉงเสวียน สานักกระบี่ฝูผิงสานักมังกรวำรีเป็ นหนึ่งใน นั้น ไม่มีใครกล้ำพูดว่ำตัวเองสามารถรับประกันว่ำเผ่ำพันธ ์น้ำตน หนึ่งจะเดินลงน้ำได้อย่ำงรำบรื่นไร ้อุปสรรค เพรำะยำกมากที่จะไม่ถูก กองกาลังของฝ่ำยอื่นสร ้ำงควำม ลาบำกใจให้ โชคชะตำน้ำของ ลาน้ำ ใหญ่ทั้งสายเท่ำกับว่ำถูกตัดแบ่งออกเป็ นช่วงๆ ที่สาคัญที่สุดก็คือการ เดินลงน้ำของเผ่ำน้ำ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเจียวและฉิวที่เดินลง ลาน้ำ จะต้องดึงเอาโชคชะตำน้ำส่วนหนึ่งไปใช ้เอง จำกนั้นค่อยมอบ โชคชะตำน้ำ ลาน้ำใหญ่คืนให้กับมหำสมุทร
แล้วนับประสาอะไรกับที่เผ่ำพันธุ์ที่ต้องเดินลงน้ำ ไม่ว่ำจะมีชำติ ก ำเนิดมาจำกอะไรการเคลื่อนเมฆโปรยฝนล้วนเป็ นนิสัยที่มีติดตัวมา ตั้งแต่เกิด ง่ำยที่จะก่อคลื่นมรสุม ทำให้เกิดน้ำท่วมเทียมฟ้ ำ ก ลายเป็ น อุทกภัย หำกแคว้นหรือรำชวงศ์ที่ตั้งอยู่ริมน้ำไม่มีเรี่ยวแรงขัดขวำง
เลือกจะปล่อยมือไม่สนใจ ถ้ำอย่ำงนั้นภัยพิบัติทำงน้ำสองฝำกฝั่งก็จะ ก ลายเป็ น “ภัยจำกธรรมชำติ” อย่ำงแท้จริงแล้ว แต่หำกมีการ วำงแผนไว้ล่วงหน้ำ มีผู้ฝึกลมปรำณรับผิดชอบเรื่องเละเทะ ก็จะต้อง เผำผ ลาญปรำณวิญญำณของตัวเองไปอย่ำงมหำศำล และปรำณ วิญญำณฟ้ ำดินที่ผู้ฝึ กตนสะสมเอาไว้ สืบสาวรำวเรื่องกันแล้วก็ยัง ไม่ใช่เงินเทพเซียนหรอกหรือ? แล้วนับประสาอะไรกับที่ควำมเสียหำย ประเภทนี้เป็ นทั้งเงินเทพเขียนก้อนใหญ่ที่เป็ นของแท้แน่นอน ยิ่ง เกี่ยวพันไปถึงโชคชะตำแคว้นและโชคชะตำแห่งภูเขำสายน้ำด้วย
ในควำมเป็ นจริงแล้ว ลาน้ำใหญ่เก้ำทวีปของไพศำล ล้วนมี สถำนการณ์ที่ไม่ต่ำงกันสักเท่ำไร เป็ นเหตุให้เผ่ำพันธุ์น้ำ โดยเฉพำะ เจียวน้ำยำกมากที่จะอาศัยการเดินลงน้ำมาเลื่อนขอบเขต แต่ตอนนี้ กลับมีข้อยกเว้นหนึ่งปรำกฏขึ้นมา ก็คือ ลาน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติ ทวีปที่ได้ถูกรำชวงศ์ต้ำหลีกุมไว้ในกามืออย่ำงสมบูรณ์ ดังนั้นว่ำกัน ว่ำทำยำทเจียวหลง เผ่ำพันธุ์เซียนน้ำของในทวีปต่ำงก็เข้ำแถวเรียง กัน คอยวิ่งเต้นสานสัมพันธ ์ไปทั่ว รอคอยอย่ำงยำกล ำบำกให้กรมพิธี การรำชสานักต้ำหลีแจกจ่ำย “เอกสารผ่ำนด่ำน” ที่มีมูลค่ำควรเมือง นอกจำกนี้แล้วทำงรำชสานักต้ำหลีและทำงเมืองหลวงสารองก็ได้ลง มือสร ้ำงจวนวำรีซึ่งเป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมไว้เก้ำแห่ง มีไว้ให้เซียน ดินโอสถทองที่ฝึกวิชำน้ำมาปิดด่ำน มีหวังจะได้มีขอบเขตก่อก ำเนิด ใหม่เอี่ยมปรำกฏขึ้นมาเก้ำคน
เพรำะทำงฝั่งของใบถงทวีป ทุกวันนี้มีหวังที่จะมี ลาน้ำใหญ่ใหม่ เอี่ยมปรำกฏขึ้นมามากที่สุด ในบรรดำผู้ฝึกลมปรำณ แน่นอนว่ำต้อง เป็ นภูตน้ำแห่งป่ำเขำหนองบึงที่มีหวังจะอาศัยการเดินลงน้ำเลื่อนขั้น เป็ นขอบเขตบินทะยำนได้มากที่สุด
ก็เหมือนอย่ำง “ตงไห่ฟู” โคว่เซวี่ยนฉวีที่อยู่ใกล้กับผูซำน การที่ นำงไปที่ตำหนักปี้โหยวล ำคลองม่ำยเหอก็เพรำะต้องการ “ยืมใช ้ เส้นทำงน้ำ” มาจำกเทพวำรีหลิ่วโหรว
คนเทพผีเซียนในทุกวันนี้ ตัวอยู่บนโลก มีที่ใดบ้ำงที่ไม่ใช่ยุทธ ภพ
พูดถึงแค่หนึ่งในจดหมายที่อยู่ในกระบุง ฉบับหนึ่งในนั้นก็มาจำก หลินหลีป๋ อแห่ง ลาน้ำใหญ่ที่เคยรับหน้ำที่เป็ นอดีตเฉียนถังจ่ำง เฉำ หย่งสอบถำมเฉินผิงอันว่ำสามารถช่วยจวนวำรีขอสิทธิ์รำยชื่อในการ เดินลงน้ำเพิ่มเติมมาจำกรำชสานักต้ำหลีได้หรือไม่ เฉำหย่งพูดอย่ำง ตรงไปตรงมาว่ำ จวนหลินหลีป๋ อนั้นมีจำนวนรำยชื่อที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ได้มอบออกไปแล้ว ยังต้องการเพิ่มอีกหนึ่งรำยชื่อ ดูเหมือนว่ำห ยำงฮวำ ฉำงชุนโหวผู้นั้นไม่คิดจะใช ้สิทธิ์นี้ดังนั้นไม่ทรำบว่ำเจ้ำ ขุนเขำเฉินจะสามารถช่วยไปประสานงำนให้กับหยำงฮวำก่อน เท่ำกับว่ำให้จวนฉำงชุนโหวมอบสิทธิ์ให้กับจวนหลินหลี คิดดูแล้ว ทำงฝั่งของรำชสานักต้ำหลีก็น่ำจะไม่ขัดขวำง ขอแค่เจ้ำขุนเขำเฉิน ยินดีสานสะพำนควำมสัมพันธ ์ หลังจบเรื่องจะต้องขอบคุณอย่ำงหนัก
หงเซี่ยชอบพื้นที่ประกอบพิธีกรรมที่สามารถฝึกตนอย่ำงสันโดษ เงียบสงบ แต่กลับไม่สงสัยว่ำเจ้ำขุนเขำเฉินก ำลังลองใจแม้แต่น้อย แต่หำกเป็ นชุยตงซำนที่เป็ นคนถำม คำดว่ำเว ลานี้นำงน่ำจะอกสั่น ขวัญผวำ พยำยำมเค้นสมองครุ่นคิดว่ำควรจะแสดงท่ำทีอย่ำงไรแล้ว
ดังนั้นหงเซี่ยจึงเพียงแค่พูดด้วยใจเป็ นก ลางที่สงบว่ำ “เจ้ำขุนเขำ ข้ำไม่เคยมีควำมคิดที่จะก่อตั้งพรรค ข้ำรู ้ควำมสามารถของตัวเองดี ชีวิตนี้เหมาะแค่ฝึ กตนเพียง ลาพัง อาศัยวิธีการโง่เข ลาอย่ำงควำม มานะพยำยำมมาเพิ่มพูนตบะไปทีละนิด ไม่สมควรเป็ นบรรพจำรย์ บุกเบิกภูเขำอะไรเลย อย่ำว่ำแต่สานักแห่งหนึ่งเลย ต่อให้เป็ นภูเขำ เล็กที่มีคนแค่ไม่กี่สิบคนข้ำก็ถูกก ำหนดมาแล้วว่ำไม่อาจเป็ นบรรพ จำรย์บุกเบิกภูเขำที่ดีได้ ดังนั้นอยู่บนภูเขำลั่วพั่วมานำนวัน เจอกับ เรื่องแบบนี้ ได้ช่วยทำอะไรเพื่อสานักบ้ำง แล้วค่อยกลับมายังพื้นที่ ประกอบพิธีกรรมฝึกตนของตัวเองต่อ ก็คือการเลือกที่เหมาะสมกับ ข้ำที่สุดแล้ว”
เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย “ภูเขำลั่วพั่วมีหมี่ลี่น้อยเป็ นผู้พิทักษ์ขวำ แล้ว เจ้ำน่ำจะพอเดำได้ว่ำข้ำคิดจะให้เฉินหลิงจวินมารับหน้ำที่เป็ นผู้ พิทักษ์ซ ้ำย เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็ไม่อาจมีผู้ถวำยงำนพิทักษ์ภูเขำเพิ่มขึ้น ได้อีก ดังนั้นเจ้ำอยู่ที่ภูเขำลั่วพั่ว ต่อให้เลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบ หรือถึงขั้นที่ว่ำวันหน้ำ…มีผลสาเร็จบนมหำมรรคำสูงกว่ำนี้ พูดถึงแค่ ในเรื่องของสถำนะ ภูเขำลั่วพั่วก็มิอาจมอบให้เจ้ำได้มากกว่ำนี้แล้ว”
หงเซี่ยยิ้มบำงๆ เอ่ยว่ำ “เรื่องนี้คำดว่ำคงมีแค่จิ่งชิงเซียนซือคน เดียวเท่ำนั้นที่มองไม่ออก”
อยู่กับเจ้ำขุนเขำ หงเซี่ยไม่ได้มีท่ำทีระมัดระวังตัวอะไรมากนัก
แต่ในศำลบรรพจำรย์บนยอดเขำจี้เช่อ หรือควรจะพูดว่ำที่ยอด เขำจี๋หลิงภูเขำบรรพบุรุษแห่งนั้น นำงจะไม่ตื่นเต้นก็ไม่ได้ แล้วก็จะ โทษหงเซี่ยไม่ได้ คนที่อยู่ในภูเขำลั่วพั่วหำกไม่ใช่เซียนกระบี่ก็เป็ น ปรมาจำรย์วิถีวรยุทธ ขอบเขตก่อก ำเนิดของผู้ฝึ กลมปรำณจะ นับเป็ นอะไรได้?
หำกใช ้ค ำกล่ำวของเพ่ยเซียงเพื่อนรักของนำงในทุกวันนี้ ตลอด ทั้งภูเขำลั่วพั่วก็มีพวกนำงสองคนนี่แหละที่น่ำกระอักกระอ่วนที่สุด ก่อก ำเนิดสองคนยังผ่อนค ลายได้ไม่เท่ำขอบเขตถ้ำสถิตอย่ำงหมี่ลี่ น้อยด้วยซ้ำ ขอบเขตเซียนดินเช่นนี้ สูงไม่สาเร็จต่ำก็ไม่ได้ อยู่ใน ขอบเขตที่น่ำขบขันสาหรับคนอื่นพอดี
เฉินผิงอันหลุดหัวเรำะอย่ำงอดไม่ได้ “ดังนั้นหำกเจ้ำยินดีล่ะก็ ข้ำ สามารถเสนอแนะกับชุยตงซำน ให้เจ้ำกับผู้ถวำยงำนฉิวรับหน้ำที่ เป็ นผู้ถวำยงำนปกป้ องภูเขำของสานักกระบี่ชิงผิงด้วยกัน”
ข้ำเป็ นฝ่ ำยมอบผู้ถวำยงำนให้กับสานักกระบี่ชิงผิงด้วยตัวเอง กับการที่ชุยตงซำนซึ่งเป็ นลูกศิษย์มาขุดมุมก ำแพงด้วยตัวเอง คือคน ละเรื่องกัน
หงเซี่ยหน้ำเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รีบส่ำยหน้ำทันใด “ควำมหวังดี ของเจ้ำขุนเขำข้ำรับไว้แล้ว เพียงแต่ข้ำยินดีอยู่ที่ภูเขำหวงหูไม่ย้ำย ไปไหนมากกว่ำ ไม่กล้ำไปท ำงำนอยู่ข้ำงกายเจ้ำส ำนักชุยเด็ดขำด”
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “ดูท่ำชื่อเสียงของเจ้ำสานักชุยจะน่ำเป็ น กังวลนะ”
หงเซี่ยยิ้มอย่ำงรู ้กัน แต่ก็เงียบไม่เอ่ยวำจำ ทั้งไม่ยอมรับและไม่ ปฏิเสธ
เจ้ำขุนเขำไม่มีทำงปำกมากอยู่แล้ว เนื้อหำที่คุยกันในวันนี้ย่อม ไม่ดังไปเข้ำหูเจ้ำส ำนักชุย
เฉินผิงอันกวักมือเรียกเฉินหลิงจวิน
เด็กชำยชุดสีเขียวรีบสะบัดชำยแขนเสื้อ ก้ำวยำวๆ รำวกับดำว ตกตรงมาหำทันที
ในที่สุดเฉินหลิงจวินก็คว้ำโอกาสใหญ่อันดีงำมที่จะอบรมสั่งสอน ผู้อื่นเอาไว้ได้ จึงกระแอมให้ ลาคอชุ่มชื่น พูดด้วยควำมหวังดีว่ำ “อวิ๋ นจื่ออ่ำ ไม่เหมือนกับอยู่ที่นี่ที่มีข้ำคอยปกป้ องเจ้ำหรอกนะ เมื่อไปถึง สานักกระบี่ชิงผิง ขอบเขตของเจ้ำไม่สูง ต้องเปลี่ยนถิ่นที่อยู่ใหม่ แล้ว ยังต้องคบค้ำสมาคมกับคนนอกอยู่บ่อยครั้ง คนไม่คุ้นเคยสถำนที่ก็ ไม่คุ้นชิน จ ำไว้ว่ำต้องเก็บนิสัยควำมเจ้ำอารมณ์ไว้บ้ำง ไม่ใช่ว่ำเจอ กับอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ก็แยกเขี้ยวแสยะปำกใส่คนอื่น ต้องใจกว้ำง ให้มากหน่อย หำกทำ ลายชื่อเสียงของภูเขำลั่วพั่วพวกเรำนำยท่ำน
ไม่จัดการกับเจ้ำ ข้ำก็ต้องจัดการกับเจ้ำอยู่ดี ต้องหัดเรียนรู ้จำกข้ำไป ให้มาก เจอใครก็ยิ้มให้เขำ มีสหำยอยู่ทั่วทุกหนแห่ง จำไว้ให้แม่น จำ ไว้ให้แม่น!”
อวิ๋นจื่อพยักหน้ำรับเงียบๆ
ตลอดทั้งภูเขำลั่วพั่วก็น่ำจะมีแค่อวิ๋นจื่อเท่ำนั้นที่ยืนกรำนเชื่อมั่น ว่ำบรรพบุรุษหลิงจวินมีควำมสามารถอย่ำงแท้จริง ถึงขั้นที่ว่ำมี ควำมรู ้สึกนับถือเลื่อมใสจำกใจจริงอยู่ห ลายส่วน
เฉินหลิงจวินเอาสองมือไพล่หลัง พยักหน้ำ หันไปมองทำงหงเซี่ย “หงเซี่ย เจ้ำโตเป็ นสาวแล้ว เพียงแต่ว่ำก็ต้องระมัดระวังตัวให้มาก ถึง อย่ำงไรขนบธรรมเนียมของด้ำนนอกก็ไม่บริสุทธิ์ใสชื่อเหมือนของ พวกเรำที่นี่ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งต้องระวังพวกผู้ฝึ กตนทำเนียบ ทั้งห ลายที่อายุน้อยมีควำมสามารถ แต่ตัวเป็ นคนนิสัยเป็ นหมา (หมายถึงคนที่ไม่มีมารยำทแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม) ให้ดี ไม่ใช่ ว่ำได้ยินคำหวำนป้ อยอที่ไม่ต้องจ่ำยเงินแค่ไม่กี่คำก็เคลิบเคลิ้ม หลงใหลไปกับหมอนปัก ลายบุปผำพวกนั้นแล้ว ช่ำงเถอะๆ สตรีเติบ ใหญ่แล้วก็มิอาจรั้งไว้ในบ้ำนได้ คำดว่ำตอนนี้เจ้ำเองก็คงฟังไม่เข้ำหู ไม่เป็ นไร เดี๋ยวข้ำจะหำโอกาสคุยกับหมี่อันดับหนึ่งเสียหน่อย ให้เขำ ช่วยดูให้ จะว่ำไปแล้ว หำกว่ำเจอตัวเลือกคู่บำเพ็ญที่เหมาะสมทั้งยัง ถูกใจ เจ้ำก็ไม่ต้องสารวมตนเกินไปนัก สตรีจีบบุรุษนั้นง่ำยเหมือน เดินผ่ำนฉำกกั้น (โดยทั่วไปแล้วผู้ชำยจีบผู้หญิงยำกเหมือนเดินข้ำม ภูเขำสูงกว่ำจะได้หญิงมาครอบครอง แต่ผู้หญิงจีบผู้ชำยได้ง่ำยกว่ำ)
รูปโฉมของเจ้ำก็ไม่ได้แย่ ขอแค่อีกฝ่ ำยไม่ได้ตำบอดก็รับรองว่ำแค่ กวักมือก็ได้มาแล้ว”
“อวิ๋นจื่อเป็ นคนหยำบกระด้ำง ดังนั้นข้ำจึงต้องกาชับไม่ให้เขำก่อ เรื่อง เจอเรื่องอะไรถ้ำทนได้ก็ทน แต่เจ้ำกลับไม่เหมือนกัน ไม่ต้อง กลัวว่ำจะก่อเรื่อง มีข้ำ และยังมีหมี่อันดับหนึ่งคอยช่วยหนุนหลังให้ เจ้ำอยู่นะ”
เด็กชำยชุดเขียวพูดจำเหมือนคนแก่คล้ำยกับเป็ นบิดำคนหนึ่งที่ อบรมสั่งสอนบุตรชำยบุตรสาวคู่หนึ่งที่กาลังจะออกเดินทำงไกล กาชับซ้ำไปซ้ำมา
หงเซี่ยยิ้มไม่เอ่ยอะไร
อดทนฟังเฉินหลิงจวินพร่ำบ่นจบ เฉินผิงอันถึงได้หยิบสุ่ยเฉิง (เป็ นหนึ่งในสี่สมบัติของห้องหนังสือสมัยโบรำณ ลักษณะคล้ำยแจกัน ทรงเตี้ยกลม เอาไว้ใส่น้ำสาหรับใช ้กับหมึก) ลายครำมสองชิ้น ออกมาจำกในชำยแขนเสื้อ “นี่คือของขวัญก่อนจำก ลาจำกข้ำ ขอ อวยพรให้พวกเจ้ำประสบควำมสาเร็จ ทุกเรื่องรำบรื่น รีบไปรีบกลับ ของขวัญสองชิ้นนี้ระดับขั้นไม่ต่ำงกันมากนัก พวกเจ้ำไปแบ่งกันเอา เอง เลือกกันตำมควำมชอบได้เลย”
ล้วนเป็ นของที่เฉินผิงอันได้มาจำกทำงสานักมังกรวำรี ซุนเจี๋ย แห่งส ำนักเหนือมอบป ลาวัวคำรำมมาให้คู่หนึ่ง เส้ำจิ้งจือแห่งสานักใต้ มอบเมี่ยเหมิ่งตัวหนึ่งที่มีอีกชื่อว่ำ “เจียวหมึกน้อย’ มาให้
แต่หยดหมึกสีเหลืองไข่ห่ำนกับสีเขียวใบบัวบนของสองชิ้นนี้เป็ น เฉินผิงอันที่แต่งเติมไปในภำยหลัง ในฉู่โจวแห่งนี้ ถึงอย่ำงไรก็มี เครื่องกระเบื้องมากที่สุด ตัวเฉินผิงอันเองก็เป็ นผู้เชี่ยวชำญในด้ำนนี้ อยู่แล้ว แววตำในการมองของย่อมไม่แย่ ของที่เลือกมาล้วนเป็ นของ เก่ำในเตำกึ่งทำงการ
เฉินหลิงจวินยืดคอยำวออกไปมองด้วยควำมอยำกได้ จึงหันไป ยักคิ้วหลิ่วตำให้อวิ๋นจื่อ บอกเป็ นนัยว่ำให้อีกฝ่ ำยหัดตำมีแววเสีย หน่อย รับไว้อย่ำงตรงไปตรงมาก่อน จำกนั้นค่อยแอบมามอบให้ข้ำ ยืมเล่นสักสองวัน
คิดไม่ถึงว่ำเจ้ำที่มอวิ๋นจื่อผู้นี้จะพยักหน้ำออกมาโต้งๆ “สหำยจึง ชิง ข้ำเข้ำใจ”
เฉินหลิงจวินอึ้งค้ำงทันใด เจ้ำเข้ำใจก็เข้ำใจสิ แต่แค่เข้ำใจอยู่ใน ใจก็พอแล้ว
แล้วก็จริงดังคำด มะเหงกหนึ่งเขกลงมาบนหัวจนเฉินหลิงจวิน ต้องรีบกุมหัวทันที
หลังจำกนั้นเรือเฟิงยวนก็มาจอดเทียบท่ำ กลุ่มของผู้คุมกฏฉำง มิ่งแห่งภูเขำลั่วพั่วและเหวยเหวินหลงแห่งฝ่ ำยเฉวียนผู้ต่ำงเดินลงกัน มาจำกเรือ
หงเซี่ย อวิ๋นจื่อและเด็กสาวชุยฮวำเชิงต่ำงก็คำรวะเฉินผิงอันผู้ เป็ นเจ้ำขุนเขำเพื่ออา ลา
……
ค่ำคืนที่มีแสงจันทร ์เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวเดินเตร่มาจนถึง ยอดเขำ เห็นเด็กสาวหน้ำตำน่ำรักตรงเอวพกแท่นฝนหมึกนั่งอยู่บน รำวรั้วเพียง ลาพัง สองมือตบรำวรั้วเบำๆ ทอดสายตำมองไปยังทิศ ไกล
โอ้โห นังหนูน้อย อายุไม่มาก ขอบเขตไม่สูง กระบี่บินแห่งชะตำ ชีวิตเล่มหนึ่งกลับพอจะน่ำสนใจอยู่บ้ำง
แม่นำงน้อยคนหนึ่งที่มองดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษเช่นนี้ สามารถ จัดการกับเผยเฉียนที่เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตป ลายทำงแล้วได้จริงๆ หรือ?
เซี่ยโก่วเขย่งป ลายเท้ำ กระโดดขึ้นไปยืนบนรำวรั้ว ยกสองแขน กอดอก สายตำมองไปเบื้องหน้ำ พูดชวนคุยว่ำ “นี่ คิดอะไรอยู่น่ะ”
“นี่ คิดอะไรอยู่น่ะ”
เซี่ยโก่วอึ้งค้ำง “พูดตำมข้ำทำไม?”
“พูดตำมข้ำท ำไม?”
“แม่นำงน้อย สมองเจ้ำมีปัญหำหรือ ระวังว่ำข้ำจะไม่เกรงใจเจ้ำ นะ?”
“แม่นำงน้อย สมองเจ้ำมีปัญหำหรือ ระวังว่ำข้ำจะไม่เกรงใจเจ้ำ นะ?”
“ข้ำเป็ นคนปัญญำอ่อน!”
ผลคือเด็กสาวคนนั้นไม่ทำตัวเป็ นนกแก้วหัดพูดอีก แต่หันหน้ำ มายกนิ้วโป้ งให้กับเซี่ยโก่วแทน
เซี่ยโก่วลูบป ลายคำง แม่นำงน้อยคนนี้ทำไมถึงไม่น่ำรักเลยนะ
กวอจู๋จิ๋วกล่ำว “ได้ยินอาจำรย์พ่อข้ำเล่ำว่ำ เจ้ำมีอายุขัยในการ ฝึกตนหนึ่งหมื่นกว่ำปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงำนสักที เป็ นหญิงแก่แล้ว นะ”
เซี่ยโก่วสะอึกอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยอย่ำงอัดอั้นว่ำ “เจ้ำจะ เข้ำใจกะผำยลมอะไร”
“เจ้ำจะเข้ำใจกะผำยลมอะไร”
“กวอจู๋จิ๋ว ถ้ำเจ้ำยังทำแบบนี้อีกข้ำจะไม่เกรงใจเจ้ำจริงๆ แล้วนะ”
“อ้อ”
เซี่ยโก่วแค่นเสียงหยัน ในที่สุดก็ไม่พูดตำมข้ำแล้วสินะ
ผลคือเด็กสาวคนนั้นกลับเริ่มพูดซ้ำอีกรอบว่ำ “ได้ยินอาจำรย์ พ่อข้ำเล่ำว่ำ เจ้ำมีอายุขัยในการฝึกตนหนึ่งหมื่นกว่ำปีแล้ว แต่ก็ยัง ไม่ได้แต่งงำนสักที เป็ นหญิงแก่แล้วนะ”
เชี่ยโก๋วเริ่มอัดอั้นแล้ว จะตีก็ตีไม่ได้ เพรำะถึงอย่ำงไรอีกฝ่ ำยก็ เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเฉินผิงอัน ทุกวันนี้บนทำเนียบนำงยัง เท่ำกับเป็ นลูกศิษย์คนเล็กปิดสานักแล้วครึ่งตัว
จะด่ำ….ก็ดูเหมือนว่ำด่ำไม่เก่งเท่ำ หำกจะพูดถึงแค่หญิงปำกร ้ำยที่เที่ยวด่ำคนไปทั่ว เซี่ยโก่วก็ได้ เรียนรู ้มาจำกเมืองเล็กจนพอจะมีควำมสามารถบ้ำงแล้ว แต่ปัญหำนั้น อยู่ที่ว่ำแม่นำงน้อยที่ชื่อว่ำกวอจู๋จิ่วผู้นี้สมองและเส้นทำงควำมคิดของ นำงล้วนแปลกประห ลาดมาก เซี่ยโก่วกลัวว่ำตัวเองด่ำไปนำน ผลคือแม่นำงน้อยไม่ตอบโต้ กลับมาสักประโยค เพียงแค่ยกนิ้วโป้ งให้ตน เซี่ยโก่วก็รู ้สึกว่ำแค่นั้นก็ ทำให้ตนอัดอั้นจนบำดเจ็บภำยในได้แล้ว กวอจู๋จิ่วเอ่ยปลอบใจอย่ำงจริงใจว่ำ “ไม่เป็ นไรหรอก ข้ำงกายข้ำ ก็มีสาวแก่ที่แต่งไม่ออกอยู่ห ลายคน” เชี่ยโก๋วนั่งลง ไม่ค่อยอยำกคุยกับกวอจู๋จิ่วแล้ว เพียงแต่ว่ำมาก็ มาแล้ว จะจำกไปทั้งอย่ำงนี้ก็ออกจะขำยหน้ำอยู่สักหน่อย กวอจู๋จิ่วหยิบหยกไม้ไผ่เ ลาหนึ่งออกมาจำกชำยแขนเสื้อ เสียงขลุ่ยไม่รู ้ชื่อเพลงดังก้องไปก ลางอากาศ รอบด้ำนไร ้ผู้คน แสงจันทร ์จึงแจ่มชัดมากเป็ นพิเศษ ยำมที่ฟ้ ำดินเงียบสงัด เสียงขลุ่ยจึงยิ่งชัดเจน “เพรำะมากเลยนะ นกกระสาก ลางนภำร่ำร ้อง มังกรนอกเมฆำ ครวญคร่ำ เสียงพลิ้วดังใน ลานบ้ำน”
เชี่ยโก๋วรอให้กวอจู๋จิ่วเก็บขลุ่ยแล้วก็เอ่ยชมเชยไปก่อนหนึ่ง ประโยคเพื่อกระชับควำมสัมพันธ ์ ก่อนจะถำมชวนคุยว่ำ “คิดถึงบ้ำน หรือ?”
กวอจู๋จิ่วตอบไม่ตรงคำถำม “ตอนอยู่ที่คฤหำสน์หลบร ้อน อาจำรย์พ่อบอกว่ำบัณฑิตเคยบอกว่ำ การตรวจสอบต ำรำสามารถ ต่อชีวิตให้หนังสือโบรำณได้”
เซี่ยโก่วพยักหน้ำ “ตรวจสอบแก้ไขต ำรำก็คือการแก้ไขควำมผิด หลักการเหตุผลในตำรำนอกตำรำเชื่อมโยงสอดคล้องกัน ประโยคนี้ ที่อาจำรย์พ่อของเจ้ำพูด พอจะมีควำมหมายลึกซึ้งอยู่บ้ำง”
กวอจู๋จิ่วร ้องเอ๊ะหนึ่งที หันหน้ำมาเอ่ยอย่ำงตกตะลึง “อาจำรย์พ่อ จะหลอกคนอื่นได้อย่ำงไร เจ้ำโง่หรือไร ข้ำเกือบจะนึกว่ำพวกเรำสอง คนไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันได้อยู่แล้วเชียว”
หำกฟังแค่ประโยคครึ่งแรก เซี่ยโก่วอยำกฟันคน แต่พอเพิ่ม ประโยคหลังมา เซี่ยโก่วกลับไม่รู้แล้วว่ำจะตอบอย่ำงไรดี