กระบี่จงมา - บทที่ 984.2 ผู้ที่มีความกังวลคลายความกังวลด้วยตัวเอง
เฉินผิงอันมาถึงตีนเขาของภูเขาลูกหนึ่ง ไม่ได้บอกกล่าวสถานะ ที่หน้าประตูภูเขา ผู้ฝึกตนในภูเขาของยอดเขาอีไต้มีไม่มาก ทั้งไม่มี ประตูภูเขา แล้วก็ไม่มีผู้ฝึ กตนเฝ้ ำประตูที่ทาหน้าที่ต้อนรับแขก โดยเฉพาะ มีแค่ป้ ำยหินขนาดไม่ใหญ่ที่ตั้งไว้ตรงตีนเขา แกะสลัก แปดค ำว่า ไม่มีธุระโปรดหยุดเท้า ต่างคนต่างฝึกตน
หลักๆ แล้วก็คือใช ้เตือนผู้ฝึกลมปราณว่า อยู่ว่างไม่มีอะไรท ำก็ อย่ามาเตร็ดเตร่ที่นี่โปรดอภัยที่ไม่ต้อนรับแขก
แต่พวกนายพรานคนตัดฟื นและคนเก็บสมุนไพรที่เป็ นคนใน ท้องถิ่นล้วนเข้ามาในภูเขาได้ไม่มีปัญหา และยอดเขาอีไต้ก็กลายมา เป็ นยอดเขาจ ำนวนไม่มากในกลุ่มภูเขาตะวันตกที่ยังสามารถเห็นเงา ร่างของชาวบ้านในเมืองเล็กได้
ยอดเขาอีไต้แห่งนี้มีต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้ ำ ต้นสนราวกับจะ กลายร่างเป็ นมังกร ต้นป่ายที่เขียวขจีก็เหมือนจะกลายเป็ นนกหลวน โบยบิน เป็ นพื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลที่เงียบสงบมากแห่งหนึ่งจริงๆ
อันที่จริงปีนั้นเฉินผิงอันก็เคยหมายตาภูเขาลูกนี้ เพราะสมุนไพร ในภูเขามีเยอะมากอีกทั้งดินยังเหมาะให้นาไปเผาเป็ นเครื่องกระเบื้อง เพียงแต่ว่าเงินเหรียญทองแดงแก่นทองมากมายขนาดนั้น อีกทั้ง ราคาที่ซื้อภูเขาก็ยังแพงกว่าภูเขาเซียนฉ่าวตั้งมาก สุดท้ายระหว่าง
ซื้อยอดเขาอีไต้กับซื้อภูเขาเซียนฉ่าวและยอดเขาไฉ่อวิ๋นไปในเวลา เดียวกัน เฉินผิงอันก็ยังเลือกอย่างหลังมากกว่า
เจ้าขุนเขาหลิวหงเหวินเป็ นผู้ฝึกตนเฒ่าโอสถทอง มาจากพรรค หวงเหลียง นับตามล ำดับอาวุโส ผู้อาวุโสคืออาจารย์ลุงของเกาเจิ่น เจ้าประมุขคนปัจจุบัน
แล้วก็เป็ นหลิวหงเหวินผู้นี้ที่ตอนนั้นยืนกรานว่าจะใช ้เงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองถุงที่เหลือมาซื้อยอดเขาอีไต้แห่งนี้ บอกว่าต้องการ ฝึกตนอย่างสงบอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องอยู่ขวางหูขวางตาใครที่พรรคหวง เหลียง
หลิวรุ่นอวิ๋นหลานสาวของผู้เฒ่าเลี้ยงจิ้งจอกขาวอายุหนึ่งปีตัว หนึ่ง นางเคยถูกคนบางคนยุแยงให้จัดบุปผาในคันฉ่องจันทราใน สายน้า ผู้ชมมีอยู่น้อยนิด แต่ดูเหมือนว่านางจะได้ เงินเทพเซียนมา จริงๆ
หลิวหงเหวินเคยพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดกลุ่มหนึ่งซึ่งมีซ่งหยวนเป็ น หนึ่งในนั้นไปเยี่ยมเยือนเจ้าขุนเขาหนุ่มที่ภูเขาลั่วพั่ว แต่นั่นเป็ นเรื่อง ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปี ก่อนแล้ว ตอนนั้นภูเขาลั่วพั่วยังไม่เลื่อนเป็ น ส ำนักอักษรจง หลิวหงเหวินกับผู้ดูแลใหญ่จูเหลี่ยนยังนัดหมายมาดื่ม เหล้าด้วยกันเป็ นประจา เชื้อเชิญให้อีกฝ่ ำยมาที่ยอดเขาอีไต้ ช่วย เป็ นพ่อครัวท ำกับแกล้มให้สองสามจาน และเวลาในช่วงบ่ายก็มักจะ คุยเล่นใช ้เวลาไปด้วยกันอย่างสบายอารมณ์ ภายหลังรอกระทั่งภูเขา ถั่วพัวกลายมาเป็ นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่ทั้งใต้หล้าล้วนรับรู ้แล้ว กลับ
กลายเป็ นว่าผู้ฝึกตนเฒ่าจงใจห่างเหินกับภูเขาลั่วพั่ว แม้แต่กับจูเห ลี่ยนก็ไม่นัดมาดื่มเหล้า
กันอีก
เจ้าขุนเขาหนุ่มมักจะไม่อยู่บ้าน ตลอดทั้งปีคอยแต่จะท่องเที่ยว อยู่ข้างนอก ไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันสักครั้ง
แต่ทุกครั้งที่มีงานเทศกาล เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่ชื่อว่า เฉินหน่วนซู่ ผู้ดูแลน้อยของภูเขาลั่วพั่วคนนี้ก็ยังจะมาที่ยอดเขาอีไต้ พกพาเอาของขวัญอย่างพวกขนมที่มีชื่อเสียงของตรอกฉีหลงและใบ ชาที่จูเหลี่ยนผัดเองกับมือมาด้วย แรกเริ่มสุดข้างกายของเฉินหน่วน ซู่ ยังมีแม่นางน้อยถ่านดาคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากนั้นไปอีกก็ มีแม่นางน้อยชุดดาที่ในมือถือไม้เท้าเดินป่ ำ บนบ่าหาบคานหาบสี ทองตามมา แต่ภายหลังเด็กที่ชื่อว่าเผยเฉียนไม่ได้ตามมาด้วยแล้ว ได้ยินว่าเหมือนจะต้องฝึกหมัด หลังจากนั้นอีกหมี่ลี่น้อยก็ไม่ขึ้นเขา มาแล้ว ดูเหมือนจะเกิดคลื่นมรสุมครั้งหนึ่งที่เมืองหงจู่ จึงหวาดกลัวไม่ กล้าออกจากภูเขาลั่วพั่วอีก
พรรคหวงเหลียงที่เดิมทีเป็ นจวนเซียนรั้งท้ายอันดับสองของ แจกันสมบัติทวีป ทุกวันนี้บรรพจารย์อย่างหลิวหงเหวิน เจ้าประมุข เกาเจิ่น บวกกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดในศาลบรรพจารย์ที่เพิ่งจัดงานพิธี เปิดยอดเขาไป พรรคหวงเหลียงมีเซียนดินโอสถทองปรากฏตัวพร ้อม กันถึงสามคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาเจิ่นที่ยังเป็ นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง ด้วย
เมื่อเป็ นเช่นนี้พรรคหวงเหลียงก็ติดอันดับต้นๆ ของจวนเซียน อันดับสองในแจกันสมบัติทวีปได้อย่างมั่นคงแล้ว ขาดแค่ผู้ฝึ กตน ก่อกาเนิดคนเดียวเท่านั้น
ส่วนขอบเขตหยกดิบนั้นยังเป็ นเรื่องที่ไม่กล้าคาดหวัง
ในมือของเซียนซือผู้เฒ่าถือหลิงจือไม้หวงหยางชิ้นหนึ่ง ออกมา ต้อนรับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ใช ้มือเดียวทามุทราท่าประตูภูเขา ปฏิบัติ ด้วยท่าทีมีมารยาท “หลิวหงเหวินแห่งพรรคหวงเหลียงคารวะเจ้า ขุนเขาเฉิน”
เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะกลับคืน “ผู้เยาว์คารวะหลิวเซียนซือ”
หลิวหงเหวินยิ้มเอ่ย “มิกล้ารับ ล ำดับอาวุโสบนภูเขาไม่ได้นับกัน ตามอายุ เจ้าขุนเขาเฉินเรียกข้าว่าสหายก็ได้แล้ว”
ก่อนหน้านี้เฉินหลิงจวินและกวอจู๋จิ่วไปเข้าร่วมงานพิธีเปิดยอด เขา อันที่จริงเกาเจิ่นก็เคยกังวล กังวลว่าอาจารย์ลุงหลิวที่อยู่บนยอด เขาอีไต้จะเคยพูดถึงเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองกับของพรรคหวงเหลียงให้ ภูเขาลั่วพั่วฟังหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรด้วยนิสัยของอาจารย์ลุงหลิว แล้ว เกาเจิ่นรู ้สึกว่าไม่ว่าจะเป็ นคาพูดที่ไม่น่าฟังแค่ไหนเขาก็พูด ออกมาได้ แต่กลับไม่รู ้ว่าอยู่ที่ยอดเขาอีไต้แห่งนี้ ต่อให้หลิวหงเหวิ นจะบอกสถานะของตัวเอง ก็คงไม่พูดถึง ‘ยอดเขาอี้ได้” มีแต่จะพูด ถึงพรรคหวงเหลียงเท่านั้น
เฉินผิงอันเป็ นฝ่ ำยเอ่ยขออภัย “หลายปีมานี้ข้ามาเยี่ยมเยือน หลิวเซียนซือที่ยอดเขาอีได้น้อยครั้ง ไม่สมควรเลยจริงๆ”
หลิวหงเหวินยิ้มอย่างสง่างาม “ไม่เป็ นไรหรอก เจ้าขุนเขาเฉินไม่ จาเป็ นต้องถือสาเรื่องนี้ เพราะอยู่ใกล้เกินไป ราวกับว่าเดินแค่ไม่กี่ ก้าวก็ถึงแล้ว จึงท ำให้รู ้สึกว่าไม่จ ำเป็ นต้องรีบร ้อนพบหน้ากัน ถ่วง เวลาไปถ่วงเวลามา ล่างภูเขามีความเสียดายอยู่มากมาย แต่บนภูเขา กลับไม่เป็ นไร หากพบหน้ากันบ่อยๆ ก็ง่ายที่จะพูดคุยกันจนหมดสิ้น พบเจอกันอีกครั้งก็ได้แต่พูดจาอย่างพิพักพิพ่วนทานองว่าวันนี้ อากาศไม่เลวเท่านั้นแล้ว นี่กลับจะกลายเป็ นว่าไม่ดียิ่งกว่า วันหน้า เจ้าขุนเขาเฉินก็ไม่จ ำเป็ นต้องท ำอะไร ท ำตามเดิมไปก็พอ ก็เหมือน อย่างวันนี้ พอมีเวลาว่าง เกิดความสนใจก็มาเดินเล่นที่ยอดเขาอีไต้”
ผู้เฒ่าพูดจาจริงใจทั้งยังตามสบาย
นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ฝึกตนเฒ่าโอสถทองท่านนี้ไม่ได้เห็นสถานะ ใหม่ทั้งหลายของเฉินผิงอันเป็ นเรื่องส ำคัญเกินไปนัก ความสัมพันธ ์ ของวิญญูชนจืดจางเหมือนน้าเปล่า รู ้สึกเพียงว่าต่อให้ผ่านไปอีก หลายร ้อยปี ในภูเขาใหญ่ทางทิศตะวันตกแถบนี้ พรรคจวนเซียนที่ปี นั้นใช ้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองซื้อภูเขามาไว้ หากไม่นับผู้ฝึกตน หญิงของเกาะจูไขที่อยู่บนภูเขาหลังอ๋วแล้ว เกรงว่านอกจากส ำนัก กระบี่หลงเฉวียนของหร่วนฉงแล้วก็เป็ นยอดเขาอี้ไต้นี่แหละที่สนิท สนมกับภูเขาลั่วพั่วมากที่สุด ทุกวันนี้หลิวเซียนซือที่อยู่บนภูเขาของ แจกันสมบัติทวีปก็มีคากล่าวที่ว่า “ฝีมือดีในการผัดกับข้าวเตาเย็น
(ผัดเตาเย็นเปรียบเปรยถึงการประจบสอพลอคนที่ยังไม่มีอานาจ) ไม่ ถือว่าเป็ นคากล่าวขานที่งดงาม แต่สรุปแล้วต่างก็อิจฉาหลิวหงเหวิน และยอดเขาอีไต้มาก
ที่พักของผู้ฝึกตนเฒ่า เรือนด้านหน้าว่างเปล่า มีลาคลองขนาด เล็กไหลผ่าน น้าใสกระจ่างมีรสหวานเล็กน้อย สามารถเอามาต้มชา ได้
รอบบ้านมีรั้วไม้ไผ่ ปลูกพืชหญ้าดอกไม้หลากหลายสีสันร ้อย กว่าชนิด สลับปะปนกันดอกไม้บานดอกไม้ร่วงโรยในช่วงเวลาที่ แตกต่างกันไป มีครบทั้งกลิ่นฉุนกลิ่นจางสร ้างความรื่นรมย์ได้อย่างดี เยี่ยม
เถาดอกรุ่งอรุณที่อยู่บนก้อนหินเมื่อดอกเบ่งบานมีขนาดใหญ่ เท่าโต่ว คือพืชพรรณเก่าแก่ที่มีอยู่ในภูเขามาเกินร ้อยปีแล้ว
ตรงมุมกาแพงยังมีดอกโบตั๋นสีเหลืองไข่อ่อนอีกต้นหนึ่ง หนึ่งต้น มีสามก้าน เลื้อยสูงเป็ นพุ่มหนา กิ่งก้านใบแตกเลื้อยไปทั่ว เลื้อยสูง พ้นไปเหนือชายคาเรือน สามารถบดบังแสงแดด ทุกครั้งที่เป็ นช่วงฤดู ร ้อนอากาศแผดเผา ร่มดอกไม้ก็จะแผ่ปูบนพื้นให้ความร่มเย็น
ในสายตาของเฉินผิงอัน หลิวเซียนซือแห่งยอดเขาอีไต้ก็คือผู้ ฝึกตนที่บริสุทธิ์เต็มตัวคนหนึ่งแล้ว
บางทีทั้งตบะและขอบเขตอาจจะไม่ถือว่าสูงมากนัก แต่กลับฝึก ตนอย่างสงบได้อย่างถ่องแท้ แต่ไหนแต่ไรมาในดวงตาก็ไม่มีความถูก ความผิด การฝึกตนนั้นอยู่ที่ตัวคน
เพราะเรื่องงานฉลองเปิดยอดเขาครั้งนั้น หลิวรุ่นอวิ๋นหลานสาว ของหลิวเซียนซือ ซ่งหยวนลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจ จนถึงตอนนี้ก็ ยังไม่ได้กลับมาที่ภูเขา คาดว่าน่าจะติดตามเฉินหลิงจวินกับกวอจู๋จิ่ว นั่งโดยสารเรือข้ามฟากกลับมาที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวพร ้อมกัน
หลิวหงเหวินหยิบเหล้าที่หมักเองบนภูเขาออกมาหนึ่งกา พร ้อม กับจอกเหล้ากระเบื้องลายครามที่เผาจากเขตการปกครองหลง เฉวียนอีกสองใบ
เซียนซือผู้เฒ่าช่วยรินเหล้าให้เต็มจอกของเฉินผิงอันก่อน ยิ้ม เอ่ย “พวกเราต่างคนต่างดื่ม หากรู ้สึกว่าดื่มได้พอสมควรแล้วก็ไม่ ต้องฝืนใจดื่มต่อ”
ดูท่าแล้วผู้เฒ่าคงเรียนรู ้ขนบธรรมเนียมและภาษาบ้านๆ ของทาง เมืองเล็กมาจากจูเหลี่ยนไม่น้อย
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ถือจอกเหล้าด้วยสองมือ “จอกแรกนี้ข้าต้องดื่มชดเชยเอามารยาทที่เหลือค้างไว้หลายปี กลับคืนมา ดื่มคารวะเซียนซือผู้เฒ่าก่อนหนึ่งจอก”
หลิวหงเหวินจึงได้แต่ใช ้สองมือถือจอกเหล้า จอกเหล้าสองใบ กระทบกันเบาๆ คนที่ดื่มสุราคารวะจะวางระดับจอกเหล้าต่ากว่า
เล็กน้อย ต่างคนต่างแหงนหน้ากระดกดื่มจนหมดจอก เฉินผิงอันช่วย รินให้จนเต็ม หลิวหงเหวินยิ้มกล่าว “เจ้าขุนเขาเฉินอุตส่าห์ปลีกตัว จากงานที่วุ่นวายไปเข้าร่วมงานพิธีเปิดยอดเขาที่พรรคหวงเหลียง ครั้งนี้ด้วยตัวเอง ทาให้ข้ามีหน้ามีตายิ่งนัก ก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้า ประมุขเกาก็เพิ่งตอบจดหมายกลับมา บอกว่าปีนี้ช ้าสุดช่วงปลายฤดู ใบไม้ผลิจะพาพวกผู้ถวายงานศาลบรรพจารย์ทั้งหลายมาเยี่ยมเยือน อาจารย์ลุงอย่างข้าที่ยอดเขาอีไต้แห่งนี้”
ถึงอย่างไรก็รู ้ไส้รู ้พุงกันดีอยู่แล้ว ผู้ฝึกตนเฒ่าจึงไม่จ ำเป็ นต้อง แสร ้งท ำเป็ นว่าความสัมพันธ ์ในส ำนักกลมเกลียว ปรองดองอะไรให้ เฉินผิงอันดู
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าสานักเกาดูแลพรรคขนาดใหญ่ คนที่มี เก้าอี้นั่งอยู่ในศาลบรรพจารย์ นอกจากจะต้องสนใจการฝึกตนของ ตัวเองแล้ว ยังต้องคอยชั่งน้าหนักกับรอบด้านและทั้งในทั้งนอก คิดดู แล้วก็คงไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนกัน หลายๆ เรื่องราวก็ไม่ใช่ว่าตัวเขา เองคิดอย่างไรแล้วจะทาอย่างนั้นได้”
หลิวหงเหวินกล่าว “ดูท่าเจ้าขุนเขาเฉินจะมีความประทับใจที่ไม่ เลวต่อเกาเจิ่น”
เฉินผิงอันเอ่ยหยอกล้อ “ล้วนเป็ นคนที่ต้องขอร ้องคนอื่นบ่อยๆ เหมือนกัน จึงง่ายที่จะเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน”
หลิวหงเหวินคล้ายได้คลายปมในใจ ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงศิษย์ หลานอย่างเกาเจีนที่เคยเกลียดขี้หน้ากัน อันที่จริงในใจของผู้เฒ่าไม่ มีความอัดอั้นอะไรอยู่นานแล้ว พอได้ยินประโยคนี้จึงพยักหน้ายิ้ม กล่าว “เกาเจิ่นเป็ นเจ้าประมุข ก็คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วจริงๆ ในเรื่องนี้ อันที่จริงข้าไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจของศิษย์น้องเลย หากว่าเปลี่ยนคนอื่นมาเป็ นเจ้าประมุข คาดว่าข้าก็คงไม่ได้มาอยู่ที่ ยอดเขาอีไต้ มีแต่จะวางใจไม่ลง ต่อให้รู ้ดีว่าจะทาให้คนอื่นรังเกียจ ข้าเองก็ต้องอยู่ต่อ พูดจาปากเต็มไปด้วยอาจมอยู่ที่นั่น”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “วันไหนแม้แต่จะด่าก็ยังคร ้านจะด่าแล้ว นั่นก็ คงผิดหวังอย่างถึงที่สุดแล้วจริงๆ”
หลิวหงเหวินพยักหน้า “คือหลักการที่คาพูดหยาบเหตุผลไม่ หยาบนี้นี่แหละ”
คราวหน้าเมื่อเจ้าเกาเจิ่นมาที่ภูเขาลูกนี้ เขาก็จะต้องสอน หลักการเหตุผลข้อนี้ให้กับศิษย์หลานเสียหน่อย
หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างดื่มเหล้า ดื่มเหล้าหมดหนึ่งกา ช่วยกัน ดื่มไปได้คนละประมาณครึ่งกา ผลคือผู้เฒ่าที่ไม่ยุให้ดื่มกลับเข้าไป หยิบเหล้าอีกกามาจากในห้อง คาดว่านี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าการยุ ให้ดื่มที่แท้จริง
ผู้เฒ่าหยิบกล่องผ้าแพรใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ วางลง บนโต๊ะ เปิดออกแล้วก็เห็นเป็ นหยกขาวแกะสลักบทกวีที่ตรงกลางเป็ น
รูร ้อยทะลุด้วยด้ายสีแดงเส้นหนึ่ง มีไข่มุกเม็ดหนึ่งห้อยต่อท้าย ผู้เฒ่า ผลักกล่องผ้าแพรไปให้เฉินผิงอันเบาๆ ยิ้มเอ่ย “จะเอาแต่ดื่มเหล้าจน ลืมธุระสาคัญไม่ได้ นี่คือของขวัญที่ข้าร่วมแสดงความยินดีที่ภูเขาลั่ว พั่วเลื่อนเป็ นสานัก บอกตามตรง การที่ตัดใจมอบให้ภูเขาลั่วพั่วไม่ลง มาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะของขวัญชิ้นนี้ล้าค่าถึงเพียงใด มันมีค่าแค่ ไม่กี่เหรียญเงินเทพเซียนเท่านั้น แต่เป็ นเพราะชอบมากจริงๆ ตัวอักษรที่อยู่บนหยกสลักบทกวีชิ้นนี้ ฝี มือการลงมีดไม่ธรรมดา ตัวอักษรก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ รับไว้ เร็วเข้า อย่าได้พูดประโยคผายลม ทานองว่าวิญญูชนไม่แย่งชิงของรักของผู้อื่นหากยังเกรงใจกับข้า…”
เจ้าตัวดี ไม่รอให้เซียนซือผู้เฒ่าพูดต่อ เจ้าขุนเขาหนุ่มก็เอ่ย ขอบคุณแล้วเก็บของลงกระเป๋ ำเพื่อความสบายใจแล้ว
หลังจากนั้นเซียนกระบี่หนุ่มก็ถึงกับเริ่มสอบถามเรื่องของการฝึก ตน โอสถทองเฒ่าที่ได้ฤทธิ์เหล้าเข้าไปก็ตอบคาถามจากใจจริง
“ขอถามผู้อาวุโส อะไรคือการฝึกตน”
“เดินด้วยตัวเอง ผ่านด่านทางใจเพียงล ำพัง”
“อะไรคือบรรลุมรรคา”
“ทุกคนต่างสบายดี หากจะถามว่าประโยคนี้หมายความว่า อย่างไร? ก็ไม่ใช่ว่าข้าแสร ้งทาเป็ นเร ้นลับซับซ ้อน ก็แค่ประโยคทั่วไป เท่านั้น หนีไม่พ้นว่าออกจากประตูมีเส้นทางข้ามน้ามีสะพาน เจ้ามา ข้าไป ไร ้คนขัดขวาง”
“ผู้อาวุโสต้องอ่านต ำราของสามลัทธิมาเยอะเลยกระมัง
“ไม่เยอะ”
“ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสก็มีมาดของอริยะยุคเก่า อ่านหนังสือเข้าใจ อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่เพียงผิวเผิน”
“นี่ก็ไม่ถือว่าเป็ นคาชมที่เกินจริงอะไร เจ้าขุนเขาเฉินเจ้าเองก็ไม่ เลว หากอ่านต ำราแล้วไม่มีความสามารถในการท ำความเข้าใจ เสียเลย จะมีโชควาสนาอย่างในทุกวันนี้ได้อย่างไร คนอื่นบอกว่าเจ้า มีวาสนามีบุญลึกล้า แต่ข้ากลับเห็นว่าเจ้ารู ้จักทะนุถนอมความโชคดี ที่ได้มามากกว่า”
“ไม่มากเท่าผู้อาวุโสหรอก”
“เจ้าและข้าอย่างมากก็ห่างกันแค่เสี้ยวเดียว จึงไม่จาเป็ นต้อง ถ่อมตัวกันเกินไป ต ำราที่ข้าเก็บสะสมไว้มีค่อนข้างมาก วันหน้ามา ยืมอ่านได้ตามสบาย”
ตอนหลังเซียนซือผู้เฒ่าหลิวก็เอาเหล้าออกมาอีกกา
สุดท้ายเฉินผิงอันดื่มจนเริ่มเมานิดๆ เดินลงจากยอดเขาอีไต้ไป ด้วยใบหน้าแดงก่า
ปิ ดเรือนอ่านตารามายาวนาน ต้นสนที่ปลูกล้วนเปลือกแก่ เหมือนเกล็ดมังกร ตวัดพู่กันเขียนลงกระดาษ ลายอักษรดุจเมฆดุจ
ควันล่องลอย อักษรงดงามจนมิอาจโต้เถียงปณิธานยิ่งใหญ่ยาวไกล หลายพันปี
รอกระทั่งเฉินผิงอันเดินไปถึงภูเขาหลังอาวก็แวะไปวักน้าล้าง หน้าจากล ำธารตรงตีนเขา
ปีนั้นหลิวจ้งรุ่นลงนามทาสัญญาภูเขาสายน้ากับภูเขาลั่วพั่วหนึ่ง ฉบับ น ำพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดสิบสองคนมาจากทะเลสาบซูเจี่ยน นาง จ่ายเงินฝนธัญพืชสามสิบเหรียญ ขอเช่าภูเขาหลังอ๋าวจากภูเขาลั่ว พั่วนานสามร ้อยปี
แน่นอนว่านี่เป็ นผลลัพธ ์จากการที่หลิวจ้งรุ่นแสร ้งร ้องทุกข์ว่าจน ทาการค้าไม่หั่นราคายังใช่สตรีอยู่ไหม?
หลังจากนั้นนางก็ควักเงินของตัวออก ทุ่มเงินมหาศาลจ้างช่าง ของส ำนักโม่และอาจารย์ค่ายกลให้มาสร ้างเรือนที่ทอดยาวเรียงราย ติดกันแน่นขนัดประหนึ่งเกล็ดปลา เป็ นเหตุให้เนื่องจากมีสิ่งปลูก สร ้างติดกันเป็ นสาย บวกกับวัสดุที่ใช ้พิเศษ ทุกครั้งที่แสงแดดสาด ส่องหรือแสงจันทร ์พร่างพรมลงมา หลังคาเรือนของสิ่งปลูกสร ้างบน ภูเขาหลังอ๋าวแห่งนี้จึงส่องแสงระยิบระยับมลังเมลือง หนึ่งเป็ นสีทอง อร่ามจ้า หนึ่งเป็ นสีเงินยวงดุจหิมะ คือความงามที่ผลัดเปลี่ยนกันมอง ได้ไม่รู ้เบื่อ เป็ นเหตุให้ทุกวันนี้ภูเขาหลังอ๋าวได้กลายเป็ นสถานที่ที่มี ทัศนียภาพงดงามซึ่งมีชื่อเสียงอยู่บ้างเล็กน้อยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในความเป็ นจริงแล้ว ตอนนั้นเกาะจูไชก็มีผู้ฝึกตนบนทาเนียบอยู่ แค่ไม่กี่คนเท่านั้นเรือนหลายหลังล้วนว่างเปล่า หลิวจ้งรุ่นเองก็ไม่ สนใจ แต่ดันยินดีทุ่มทองพันชั่งในด้านนี้และยิ่งไม่ยอมให้ใครมาเช่า อยู่ในสิ่งปลูกสร ้างทั้งหลาย ซึ่งอันที่จริงพรรคหลายแห่งที่ได้ ครอบครองภูเขาอยู่ในแถบนี้ต่างก็ได้กาไรเป็ นเงินเทพเซียนเพราะ เรื่องนี้กันไม่น้อย พรรคและผู้ฝึกตนท ำเนียบของใบถงทวีปจ ำนวนไม่ น้อยต่างก็ยินดีจ่ายค่าเช่าราคาไม่ธรรมดามาให้ก้อนหนึ่ง ขอแค่มี เรือนพักในนามแห่งหนึ่งอยู่บนภูเขาลูกใดลูกหนึ่งของแถบภูเขาใหญ่ ทิศตะวันตก ลูกหลานในตระกูลหรือสหายบนภูเขาไปมาหาสู่กัน มีที่ ให้พักค้างแรม สามารถพักอยู่บนภูเขาได้ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็ นหน้า เป็ นตาอย่างหนึ่ง
ตอนนั้นเฉินผิงอันไม่อยู่บ้านเกิด เจิ้งต้าเฟิงยังเป็ นคนเฝ้ ำประตู ยังไม่ได้ไปอยู่ที่ใต้หล้าห้าสี เขาเคยมาระบายทุกข์ต่อหน้าหลิวจ้งรุ่น บอกว่าน้องหญิงจังรุ่น คราวหน้าอย่าท ำแบบนี้อีกนะ จริงๆ นะ เอาแต่ รังแกคนใสซื่ออย่างพี่ต้าเฟิงอยู่อย่างนี้ ไม่สมควรเลยนะ สิ่งปลูกสร ้าง บนภูเขาพวกนี้ไม่ใช่แค่เงินสามสิบเหรียญฝนธัญพืชเท่านั้น เจ้า หลอกเอาเงินข้าได้ แต่ไม่ควรท ำร ้ายจิตใจของข้า
หากไม่ทันระวังทาให้บุรุษดีๆ ที่ซื่อสัตย์จริงใจคนหนึ่งหายไปจาก ใต้หล้า มีบุรุษเจ้าชู้เสเพลคนหนึ่งเพิ่มมาแทน ใครจะรับผิดชอบ? น้องหญิงจ้งรุ่น หากเจ้ายินดีรับผิดชอบ วันนี้พวกเราก็กาหนดเรื่อง
งานแต่งนี้ให้เรียบร ้อยก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปเก็บสัมภาระทันที แล้ว มาพักอยู่ที่ภูเขาหลังอ๋าว…
อันที่จริงลาพังแค่ฝีมือของ “โจวเฝย” ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของ ภูเขาลั่วพั่วก็อยู่ไกลเกินกว่าเงินสามสิบเหรียญฝนธัญพืชจะเทียบได้ ติดแล้ว