กระบี่จงมา - บทที่ 983.1 คำตอบของปริศนำ
ร ้ำนยำจุ้ยตรอกฉีหลง เด็กชำยผมขำวที่นั่งอำบแดดอยู่ตรงหน้ำ ประตูมีท่ำทำงซังกะตำยอย่ำงเห็นได้ชัด เห็นเฉินผิงอันที่มำตรวจสอบ บัญชีที่นี่ก็แค่เรียกว่ำบรรพบุรุษอิ่นกวำนด้วยน้ำเสียงหงอยเหงำ
เมื่อเทียบกับในอดีตก็มีควำมแตกต่ำงอยู่บ้ำงเล็กน้อย ระหว่ำง ร ้ำนสองร ้ำนที่อยู่ติดกันมี “ม้ำนั่งทรงยำว” ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดใน หมู่บ้ำนชนบทเพิ่มมำตัวหนึ่ง เพื่อนบ้ำนใกล้เคียง ไม่ว่ำจะมีธุระ หรือไม่มีธุระอะไรก็จะมีที่ให้นั่งพัก พูดคุยกันได้สองสำมประโยค
เฉินผิงอันมำนั่งลงด้ำนข้ำง สะบัดชุดกว้ำตัวยำวสีเขียว ยกขำนั่ง ไขว่ห้ำงด้วยท่ำทำงผ่อนคลำย ยิ้มถำมว่ำ “อยำกไปฝึกตนอยู่ที่ใบถง ทวีปหรือไม่ ที่นั่นมีถ้ำสวรรค์เล็กอยู่แห่งหนึ่ง พวกเด็กๆ อย่ำงป๋ ำย เสวียน เฉิงเฉำลู่ ทุกวันนี้ต่ำงก็หลอมกระบี่ฝึ กตนกันอยู่ในนั้น ข้ำ สำมำรถให้ชุยตงซำนสร ้ำงพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแห่งหนึ่งให้เจ้ำได้ เงิน ข้ำเป็ นคนออกเองตลอดทั้งอำณำเขตของสำนักกินรัศมีหลำย ร ้อยลี้ ทุกวันนี้ล้วนเป็ นเขตอิทธิพลของบ้ำนตัวเองแล้ว เจ้ำไปถึงที่นั่น หำกว่ำสนใจยังสำมำรถช่วยชี้แนะด้ำนกำรฝึกตนให้กับพวกเฉิงเฉำลู่ ได้ด้วย ในกลุ่มเด็กๆ มีแม่นำงน้อยคนหนึ่งชื่อว่ำไฉอู๋ คุณสมบัติใน กำรฝึ กตนดีเยี่ยม คือลูกศิษย์ใหญ่เปิ ดขุนเขำของเว่ยเซี่ยน เจ้ำมี ควำมรู ้หลำกหลำย คิดดูแล้วจะสอนใครก็คงไม่เป็ นปัญหำ หำกมี
ภูเขำที่ชอบเจ้ำก็สำมำรถบอกกับชุยตงซำนได้ว่ำเป็ นควำมต้องกำร ของข้ำเองให้เขำยกมำให้เจ้ำโดยตรง ถือเสียว่ำเป็ นกำรเปิดยอดเขำ โดยไม่ต้องจัดพิธี สถำนะในทำเนียบของศำลบรรพจำรย์สำนักกระบี่ ชิงผิงจะเป็ นผู้ถวำยงำนหรือเค่อชิง ก็แล้วแต่เจ้ำจะเลือกได้เลย วัน หน้ำเจอคนที่คุณสมบัติดี อยำกรับตัวไว้เป็ นลูกศิษย์ก็ตำมใจเจ้ำ”
เพรำะกำรมำถึงของป๋ ำยจิ่ง จึงง่ำยที่ทำงตรอกฉีหลงจะถูกคนมี ใจลอบสังเกตกำรณ์หันกลับไปมองส ำนักกระบี่ชิงผิง ที่นั่นกลับซ่อน ตัวคนได้ดียิ่งกว่ำ
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยำนขั้นสูงสุดคนหนึ่ง โดยเฉพำะอย่ำง ยิ่งยังเป็ นเผ่ำปีศำจแห่งเปลี่ยวร ้ำงที่มีชีวิตอยู่มำนำนนับหมื่นปี ไม่ว่ำ จะสถำนะหรือศักยภำพก็ล้วนสำมำรถดึงดูดควำมสนใจของคนได้ ดีกว่ำสำนักใหม่แห่งหนึ่งมำกนัก
เด็กชำยผมขำวยังคงไร ้ชีวิตชีวำเหมือนเดิม พูดอย่ำงอ่อนระโหย โรยแรงว่ำ “หนทำงไกลเกินไป ไม่อยำกไป”
“เป็ นลูกศิษย์นักกำรอยู่ที่นี่ก็ดีมำกแล้ว ปรับตัวได้ชินแล้ว ถึง อย่ำงไรก็ดีกว่ำไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น เปลืองแรงเปลืองจิตใจ ถ่ำยทอด วิชำสอนหมัดให้คนอื่นก็ยิ่งยุ่งยำก ข้ำไม่ถนัดเรื่องนี้”
“บรรพบุรุษอิ่นกวำน ท่ำนห้ำมได้ใหม่แล้วลืมเก่ำเด็ดขำดนะ ไม่ใช่ว่ำมีพวกชุยฮวำเซิงเชี่ยโก่วเพิ่มมำแล้วจะไล่ข้ำไป อย่ำงอื่นไม่
ต้องพูดถึง แต่ด้วยควำมจงรักภักดีของข้ำน่ะ ไม่มีค ำถำมใดๆ แน่นอน”
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “ในเมื่อไม่ยินดีจะย้ำยรังก็ช่ำงเถิด”
เด็กชำยผมขำวสูดน้ำมูก เหลียวซ ้ำยแลขวำ หยิบสมุดเล่มหนึ่ง ออกมำจำกชำยแขนเสื้ออย่ำงลับๆ ล่อๆ “ตำรำหมัด มีชีวิต มีภำพ ทั้งหมดสำมสิบหกภำพ กระบวนท่ำหมัดสำมสิบหกท่ำ คือสุดยอด วิชำขึ้นชื่อที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลำยทำงในใต้ หล้ำมืดสลัว เป็ นของดีที่เก็บไว้เป็ นสมบัติก้นกรุ กระบวนท่ำหมัดดีๆ ทั่วไปก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะถูกบันทึกลงตำรำเล่มนี้ สำยตำของคน บำงคนเป็ นอย่ำงไร นิสัยช่ำงเลือกมำกแค่ไหน ท่ำนน่ำจะรู ้ชัดเจนดียิ่ง กว่ำข้ำ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “หำกมอบให้ข้ำเร็วกว่ำนี้สักสองสำมปีอำจจะ ยังพอมีประโยชน์ตอนนี้กลับมีควำมหมำยไม่มำกแล้ว”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่มือก็ไม่ช ้ำเลย เฉินผิงอันเก็บเข้ำชำยแขนเสื้อ ทันทีโดยไม่แม้แต่จะก้มมองด้วยซ้ำ
ประโยคนี้ไม่ใช่ว่ำเขำได้ผลประโยชน์และยังมำกเรื่องไปเสีย ทั้งหมด ก็เหมือนอย่ำงวิชำหมัดที่มำจำกภำพเซียนเหรินหกภำพ ของผูซำน ประโยชน์ที่มันมีต่อวิชำหมัดของเฉินผิงอันในทุกวันนี้ อัน ที่จริงนั้นมีจำกัดอย่ำงมำก หำกไม่เป็ นเพรำะต้องสอนหมัดให้คนอื่น เฉินผิงอันอำจจะไม่สิ้นเปลืองแรงใจไปปรับปรุงแก้ไขสัจธรรมแห่ง
หมัดของผูชำนให้สมบูรณ์แบบพยำยำมลดธรณีประตูในกำรเรียน หมัดของผู้ฝึกยุทธทั่วไปให้ต่ำลง แล้วรวบรวมเป็ นเล่มขึ้นมำใหม่เลย ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ำเฉินผิงอันเองก็อยำกเรียบเรียงตำรำหมัดที่เป็ นของ ตัวเองขึ้นมำเหมือนกันเพื่อที่ว่ำในเวลำสิบปีร ้อยปีพันปีให้หลัง ผู้ฝึก ยุทธเต็มตัวซึ่งเป็ นลูกศิษย์ของสองสำนักจะได้อำศัยวิชำหมัดนี้ค่อยๆ ฝึกตน เดินขึ้นสู่ที่สูงไปอย่ำงมั่นคง จำกนั้นก็เป็ นเหมือนเรือนอวิ๋น ฉ่ำวผูชำนที่ลูกศิษย์ในรุ่นหลังสำมำรถทำกำรปรับแก้ตำรำหมัดให้ สมบูรณ์แบบได้อย่ำงต่อเนื่อง เป็ นต้นครำมที่เกิดจำกครำมแต่สีเข้ม กว่ำครำม
เฉินผิงอันพลันถำมว่ำ “เจ้ำเคยได้ยินเรื่องควำมเห็นอีกอย่ำงหนึ่ง เกี่ยวกับสำมขั้นของขอบเขตปลำยทำงของผู้ฝึกยุทธไหม?”
เด็กชำยผมขำวส่ำยหน้ำ “ข้ำไม่ได้เรียนวรยุทธฝึ กหมัดเสีย หน่อย พูดกับข้ำเรื่องนี้ก็ไร ้ประโยชน์ คำดว่ำพูดไปแล้ว ข้ำอำจจะ ไม่ได้เก็บไปใส่ใจด้วยซ้ำ”
เฉินผิงอันเอ่ยขออภัย “ไม่ควรพูดเรื่องนี้จริงๆ”
เด็กชำยผมขำวยิ้มกว้ำง “ไม่เหมือนบรรพบุรุษอิ่นกวำนแล้วนะ นี่”
ต่ำกว่ำคืนควำมจริงลงมำ นับตั้งแต่ขอบเขตเก้ำของผู้ฝึกยุทธจน ไปถึงชั้นปรำณโชติช่วงของขอบเขตปลำยทำง ล้วนส ำคัญอย่ำงมำก โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งชั้นปรำณโชติช่วง
รอกระทั่งผู้ฝึ กยุทธเลื่อนสู่ขั้นคืนควำมจริงก็จำเป็ นต้องเอำ ควำมรู ้ควำมเข้ำใจในกำรเรียนวรยุทธของตน เอำกระบวนท่ำวิชำ หมัด สัจธรรมแห่งหมัดมำหลอมรวมกันไว้ในเตำเดียว แสวงหำค ำว่ำ รวบเป็ นหนึ่ง พิสูจน์คำว่ำหวนสู่ธรรมชำติกลับสู่ควำมจริง
ส่วนอะไรคือ “เทพมำเยือน? เฉินผิงอันยังคงคล ำหำอยู่ แล้วก็ได้ แต่อำศัยให้ตัวเองพิจำรณำใคร่ครวญเอำเองเท่ำนั้น ไม่มีวิธีอื่นอีก แล้ว ปีนั้นฝึกหมัดอยู่บนชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ ผู้เฒ่ำไม่เคยพูดคุย ถึงเรื่องพวกนี้ บำงครั้งมีคำพูดที่อำจเกี่ยวข้องอยู่บ้ำง ส่วนใหญ่ก็ มักจะเป็ นคำพูดที่ไม่น่ำฟัง ยกตัวอย่ำงเช่นว่ำอำศัยเรือนกำยที่ เหมือนกระดำษเปียก จิตใจที่เละเทะเหมือนเศษสวะของเจ้ำเฉินผิงอัน ก็กล้ำคำดหวังขอบเขตสิบที่เหนือกว่ำขอบเขตยอดเขำขึ้นไปอีก หรือ? ชั่วชีวิตนี้สำมำรถหักลบครึ่งหนึ่ง กลำยมำเป็ นผู้ฝึ กยุทธ ขอบเขตห้ำ ก็ควรต้องจุดธูปขอบคุณพระขอบคุณเจ้ำแล้ว…
ในสำยตำของเฉินผิงอัน จูเหลี่ยนนั้นนอนคว่ำอยู่ในขอบเขตเดิน ทำงไกลอยู่ทุกวัน ผลคือวันๆ เอำแต่คิดถึงควำมลี้ลับและด่ำนของขั้น คืนควำมจริง
หมัดมีหนักเบำ วิชำไร ้ควำมสูงต่ำ
หลักกำรเหตุผลข้อนี้ คนธรรมดำพูดออกจำกปำก ควำมมั่นใจ ไม่มำกพอ แต่จูเหลี่ยนไม่ต้องเปิดปำกพูดก็คือหลักกำรเหตุผลข้อนี้อยู่แล้ว เพรำะถึงอย่ำงไรก็เป็ นคนคลั่งวรยุทธที่สังหำรบุคคลเก้ำคนซึ่ง เป็ นเก้ำอันดับแห่งใต้หล้ำจนสิ้นชำกเป็ นคนแรกในประวัติศำสตร ์ของ พื้นที่มงคลดอกบัว
พลังใจของจูเหลี่ยนสูงส่ง สภำพจิตใจกว้ำงขวำงจนแม้แต่เฉินผิง อันก็ยังไม่กล้ำพูดว่ำตัวเองสำมำรถมองเห็นได้อย่ำงกระจ่ำงชัดเจน
เด็กชำยผมขำวเปลี่ยนจำกนั่งมำเป็ นนั่งยอง คงจะรู ้สึกว่ำแบบนี้ ท ำให้ตัวสูงกว่ำเดิมหลังจำกนั้นทั้งสองก็พำกันเงียบงัน อำบแสงแดด อบอุ่นของช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอย่ำงเกียจคร ้ำนไปด้วยกัน
เฉินผิงอันใจลอยไปไกล ควำมคิดล่องลอยเหมือนเหยียบเปลือก แตงโม คิดไปถึงไหนก็ถึงตรงนั้น
นิกำยฉำน (ชำนหรือเซ็น) ของลัทธิพุทธมีค ำกล่ำวว่ำ “เหนือหัว กดหัว” และ “โฉมหน้ำเดิม’ มำโดยตลอด
เฉินผิงอันพลันนึกถึงเทวรูปแตกหักมำกมำยในสุสำนเทพเซียน ของปีนั้น
ดูเหมือนว่ำในบรรดำนั้นจะมีเทวรูปองค์หนึ่งที่มีสำมหัวหกกรอยู่ ในปำงปรำบมำร
สะบัดชำยแขนเสื้อ เฉินผิงอันหลับตำลงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง พอ ลืมตำแล้วก็ยังรู ้สึกลังเลอยู่บ้ำง ไม่ได้ลุกขึ้นยืน เพียงแค่นั่งทำมุทรำ สร ้ำงตรำประทับอำคมด้วยควำมว่องไวสุดขีด เพียงชั่วพริบตำก็สร ้ำง ได้ถึงยี่สิบกว่ำชนิด
แต่เฉินผิงอันก็หยุดมืออย่ำงรวดเร็ว
เด็กชำยผมขำวก็แสร ้งทำเป็ นว่ำไม่รู ้เรื่อง รอกระทั่งเฉินผิงอัน หยุดกำรกระทำที่ชวนให้ตำลำยนั้นแล้ว เด็กชำยผมขำวที่นั่งยองอยู่ บนม้ำนั่งยำวก็หัวเรำะหึหึ
“หนึ่งบวกหนึ่งเท่ำกับสอง ขนำดเด็กสวมกำงเกงเปิดก้นก็ยังรู ้ ห้ำ บวกห้ำเท่ำกับสิบค ำตอบก็ชัดเจนอย่ำงมำก”
“แต่เจ้ำบอกว่ำหนึ่งบวกหนึ่งเท่ำกับสอง แล้วบวกอีกสำมเท่ำกับ ห้ำ บวกอีกสองบวกอีกสำม สุดท้ำยเท่ำกับสิบ”
“ก็จะมีคนดึงดันบอกว่ำเท่ำกับแปด หรือไม่ก็เท่ำกับเก้ำ ดันมอง ไม่เห็นหนึ่งหนึ่งตัวสองหนึ่งตัว”
“หนึ่งบวกสิบคือสิบเอ็ด หนึ่งไม่ใช่สิบเอ็ด สิบก็ไม่ใช่สิบเอ็ด หำยไปสิบ ไม่ว่ำใครก็มองเห็น ช่องโหว่เช่นนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก แต่ขำดหนึ่งไป ค่อนข้ำงปิดบังอ ำพรำง”
“สิบยังเป็ นเช่นนี้ หนึ่งร ้อยล่ะจะเป็ นเช่นไร หนึ่งล้ำน ร ้อยล้ำนล่ะ ดังนั้นใครบำงคนจึงเคยบอกว่ำ วิชำควำมรู้ในใต้หล้ำล้วนตัดสินใจ
เด็ดขำดแล้วว่ำจะใช ้วิธีลบ ทำงที่ดีที่สุดคือลบจนไม่เหลือแม้แต่หนึ่ง เดียว แทบจะไม่มีใครยินดีท ำตำมวิชำบวก” เฉินผิงอันยิ้มอย่ำงรู ้ทันก่อน แล้วจึงหลุดเสียงหัวเรำะออกมำ ใบหน้ำทั้งดวงมีแต่รอยยิ้ม สุดท้ำยก็หัวเรำะฮ่ำๆ เสียงดังลั่น ครำวนี้เป็ นเด็กชำยชุดขำวที่ประหลำดใจบ้ำงแล้ว “ตลกมำก หรือ?”
อันที่จริงนี่เป็ นแค่คำพูดประหลำดอย่ำงหนึ่งของอู๋ซวงเจี้ยงในปี นั้นเท่ำนั้น ผู้ฝึ กตนหญิงแห่งต ำหนักสู้ยฉูที่ในเวลำนั้นใช ้ฉำยำว่ำ “เทียนหรำน” ก็ไม่รู้สึกว่ำมีอะไรน่ำข ำ
คิดแค่ว่ำอู๋ซวงเจี้ยงคิดอะไรไปส่งเดช ถึงอย่ำงไรเขำก็เป็ นอย่ำงนี้ มำตลอดอยู่แล้ว
แน่นอนว่ำเฉินผิงอันเองก็เป็ นคนที่คลุมเครือและเก็บควำมรู ้สึก มำกคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่ชอบแสดงควำมชอบควำมโกรธออกมำ ภำยนอก เพียงแต่ก็ไม่ใช่คนที่วันๆ เงียบงัน มีนิสัยเงียบขรึมอยู่ ตลอดเวลำเหมือนกัน ต่อให้อยู่ในคุกของเฒ่ำหูหนวกของก ำแพง เมืองปรำณกระบี่ เฉินผิงอันก็สำมำรถหำควำมสุขจำกควำมทุกข์ ยำกได้ แล้วก็มักจะมีกำรกระทำตลกๆ ที่ชวนให้ประหลำดใจอยู่หลำย ครั้ง หำกใช ้คำพูดของเฉินผิงอันเองก็คือ คนเรำสำมำรถกล้ำกลืน ควำมยำกล ำบำกได้ แต่ไม่ควรมีสีหน้ำอมทุกข์
แต่ในควำมทรงจำของเด็กชำยผมขำว เฉินผิงอันที่หัวเรำะ ปำกกว้ำงอย่ำงในเวลำนี้ ดูเหมือนว่ำเป็ นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมำก่อน
เฉินผิงอันไม่ได้เสแสร ้งแกล้งท ำจริงๆ เขำอำรมณ์ดีจริงๆ กว่ำจะ หยุดเสียงหัวเรำะไว้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ำย พยักหน้ำเอ่ย “ตลกมำก!”
เด็กชำยผมขำวยู่ปำก “พวกเจ้ำล้วนเป็ นคนประหลำด”
เฉินผิงอันนั่งไขว่ห้ำง วำงสองมือทับซ ้อนกันไว้บนหัวเข่ำ ยิ้ม บำงๆ เอ่ยว่ำ “บัณฑิตทะเลำะกัน ต่อให้เป็ นกำรโต้เถียงของวิญญูชน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ชอบอธิบำยเหตุผลไป ตำมลำดับขั้นตอนให้ร ้อย เรียงต่อเนื่องกันเป็ นที่สุด อืม แล้วก็ไม่ถนัดจริงๆ นั่นแหละ พวกที่ อธิบำยเหตุผลตั้งแต่ต้นจนจบ มีตัวอย่ำงให้เห็นไม่มำกจริงๆ แน่นอน ว่ำกำรโต้เถียงที่ทะเลสำบเอ๋อหู ต้องถือว่ำเป็ นครั้งหนึ่ง อันดับ รองลงมำก็คือกำรโต้เถียงเรื่องรูปแบบของบทกวีระหว่ำงลูกศิษย์ของ ซูจื่อในอดีต นั่นก็ดีมำกเหมือนกัน รองลงมำอีกก็คือเริ่มยกเอำ ศีลธรรมคุณธรรมมำพูด ส่วนระดับต่ำที่สุดก็น่ำจะเป็ นกำรเอำ คุณธรรมส่วนตัวมำพูดแล้ว จุดที่น่ำสนใจที่สุดของเรื่องรำวทำงโลก มักจะอยู่ในแบบสุดท้ำยนี่แหละ กลับกลำยเป็ นว่ำมีพลังพิฆำตมำก ที่สุด เล่ำลือกันไปได้นำนที่สุด ยกตัวอย่ำงเช่นควำมสัมพันธ ์ระหว่ำง พ่อผัวลูกสะใภ้ กำรเฆี่ยนโบยหญิงคณิกำ…ทุกครั้งที่พูดถึง ก็มักจะ ให้ข้อสรุปก่อนแล้วค่อยโต้แย้งเพรำะอย่ำงไรในเมื่อพฤติกรรมผิด ศีลธรรม ควำมรู ้ทุกอย่ำงก็ย่อมเป็ นแค่กำกที่ไร ้ค่ำเท่ำนั้นไหนเลยจะ เข้ำใจถึงเส้นสำยกำรพัฒนำอย่ำงเป็ นรูปธรรมของสำยต่ำงๆ ในลัทธิ
ขงจื๊อ เหล่ำอริยะปรำชญ์ในแต่ละยุคสมัย แน่นอนว่ำข้ำพูดถึงบัณฑิต ที่มีควำมรับผิดชอบอย่ำงแท้จริงทั้งหลำย พวกเขำเคยทำกำรทดลอง มำแล้วกี่ครั้ง เดินไปบนเส้นทำงที่วกวนมำแล้วกี่มำกน้อย ได้ทุ่มเท ควำมคิดจิตใจไปมำกเท่ำไร…ไม่รู ้จริงๆ ว่ำทุกวันนี้เป็ นเช่นนี้ พันปีให้ หลัง หมื่นปีให้หลังจะเป็ นเช่นไร”
ในประวัติศำสตร ์ของลัทธิพุทธ ไม่เพียงแต่ควำมต่ำงระหว่ำง มหำยำนกับหินยำนเท่ำนั้น ภำยหลังสำยของนิกำยฉำนที่สร ้ำงภำพ อันสง่ำงำมยิ่งใหญ่ที่สุด อันที่จริงนั้นมีควำมต่ำงอย่ำงมำกจำกตี้ลุ่น ซือในช่วงแรกสุด ต่ำงจำกจิงชื่อที่เชี่ยวชำญด้ำนหลักพระธรรมคำ สอนอย่ำงลึกซึ้ง และต่ำงจำกลวีซือที่รักษำศีลอย่ำงเข้มงวด ต่อให้ เป็ นฝ่ ำยในของนิกำยฉำนเองก็มีกำรโต้แย้งเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน มี กำรตั้งคำถำมที่สร ้ำงควำมลำบำกใจให้แก่กันและกัน ถึงได้มีคดี ควำม มีกำรโต้เถียง กำรฟ้ องร ้อง กำรหยิบยกเรื่องเก่ำมำพูดมำกมำย ขนำดนั้น….ก็เหมือนอย่ำงตอนที่เฉินผิงอันอยู่ในคฤหำสน์หลบร ้อนก็ มักจะหยิบเอำตำรำอย่ำง “บันทึกปี้เหยียน” “รวมเล่มคงกู่” “บันทึก อำรำมฉงหรง” มำอ่ำนซ้ำอยู่เสมอ
ไม่ชอบอ่ำนต ำรำ ย่อมยอมรับในตัวบัณฑิตที่กล่ำวถ้อยคำไร ้ ประโยชน์ไว้ในต ำรำ
ชอบอ่ำนตำรำ ย่อมเกิดควำมชื่นชอบต่อคนที่อ่ำนตำรำเผื่อไว้ ส ำหรับชำติหน้ำ
แต่ชอบหรือไม่ชอบอ่ำนต ำรำ กับสุดท้ำยแล้วจะกลำยเป็ นคน อย่ำงไร ดูเหมือนว่ำจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักเท่ำไร
คงเป็ นอย่ำงที่ภิกษุเฒ่ำเจ้ำอำรำมของวันซินเซียงในพื้นที่มงคล ดอกบัวพูดไว้ในอดีตพวกเรำปฏิบัติต่อโลกใบนี้อย่ำงไร โลกใบนี้ก็ ปฏิบัติต่อพวกเรำอย่ำงนั้น
เด็กชำยผมขำวเอ่ยอย่ำงเฉยเมยว่ำ “จะต้องอ่ำนต ำรำให้มำก เท่ำนั้นด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่ำว “อ่ำนตำรำที่ข้ำกล่ำวถึงไม่ได้พูดถึงแค่ หนังสืออย่ำงเดียวสักหน่อย”
สำมำรถใช ้ชีวิตที่ไม่รำบรื่นได้อย่ำงเยือกเย็นไม่สะทกสะท้ำน เฉินผิงอันคิดว่ำตัวเองท ำไม่ได้
แต่เฉินผิงอันเคยเห็นคนที่เป็ นเช่นนี้มำก่อน
ก็คือหญิงชรำยำกจนที่สวมเสื้อผ้ำสะอำดสะอ้ำนซึ่งเขำได้พบเจอ ในช่วงเวลำที่เหมือนถูกผีบังตำอยู่ในทะเลสำบซูเจี่ยน
เป็ นเหตุให้เฉินผิงอันรู ้สึกว่ำคนที่เป็ นเช่นนี้ พวกเขำก็คือพระ โพธิสัตว์ท่ำมกลำงโลกมนุษย์ที่ทุกข์ยำก
เด็กคนหนึ่งค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้น โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเมื่อพ่อแม่ จำกไปแล้ว ก็เหมือนกับว่ำบ้ำนหลังนี้ขำดประตูใหญ่บำนหนึ่งไป ด้ำน
นอกประตูคือคนตำยที่ยืนอยู่ ถึงครำวที่คนผู้นี้ต้องมองสบตำกับอีก ฝ่ำยด้วยตัวเอง เด็กชำยผมขำวหันหน้ำมำ เอ่ยเสียงเบำว่ำ “บรรพบุรุษอิ่นกวำน เช็ดน้ำตำก่อนเถอะ” เฉินผิงอันอึ้งตะลึง ยกมือขึ้น เพียงแต่ยังไม่ทันสัมผัสโดนใบหน้ำ เขำที่ทั้งขำทั้งฉุนก็ฟำดฝ่ำมือออกไป
เด็กชำยผมขำวเอียงหัวหลบ หัวเรำะเสียงดัง อำรมณ์ดีอย่ำงมำก
เซี่ยโก่วไม่ได้อยู่ที่ร ้ำน คงจะเอำแผ่นยำหนังสุนัข (เปรียบเปรยถึง สิ่งที่หลอกลวงผู้อื่น) พวกนั้นไปแปะอีกครั้ง กำลังประลองปัญญำและ ควำมกล้ำหำญอยู่กับตระกูลคนมีเงินของถนนฝูลู่และตรอกเถำเย่ กระมัง?