กระบี่จงมา - บทที่ 981.3 ใจยังคิดถึงบ้านเกิด
สกุลเหยาต้าเฉวียนคิดว่าในเวลาสิบถึงยี่สิบปีในอนาคตจะสร ้าง เรือข้ามทวีปขึ้นมาอีกสองลา แบ่งออกเป็ นชื่อ “เอ๋อเหมยเยว่” (ดวง จันทร ์เอ๋อเหมย) และ ‘เหลยเชอ (รถฟ้ าร ้อง รถของเทพเจ้าฟ้ าร ้อง) ต้าเฉวียนจะเก็บเอาไว้เองหนึ่งลา นาออกขายหนึ่งลา เพื่อเติมเต็ม ช่องว่างในท้องพระคลังที่นาไปใช ้ซื้อภาพแบบสร ้างและการสร ้างเรือ ข้ามทวีปทั้งสามลานี้ “เหลยเชอ” ลานี้ ตระกูลเซียนสองแห่งที่ประสงค์ จะซื้อ นอกจากสานักว่านเหยาแล้วก็มีอารามจินติ่งทางทิศเหนือ อื่น เมี่ยวเพิ่งนักพรตเป่าเจินและเส้ายวนหราน อาจารย์และศิษย์แห่งลัทธิ เต๋าคู่นี้ต่างก็เป็ นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเฉวียน หลูอิง ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของอารามจินติ่งก็เคยติดต่อมายังต้าเฉวียน เพียงแต่ว่าราคาที่อารามจินติ่งเปิดไว้ต่ากว่าสานักว่านเหยาถึงสาม ส่วน
เหยาเซียนจือใช ้ไหล่กระทบไหล่ของหลิวจงเบาๆ หนึ่งที หันมา ยักคิ้วหลิ่วตาให้ผู้เฒ่า
หลิวจงหัวเราะหึหึ แสร ้งท าเป็ นไม่เข้าใจ
เห็นเหยาเซียนจือยังไม่หยุดสักที หลิวจงจึงหันหน้าไปมองผู้ฝึก ตนหญิงที่เดินเคียงบ่ากับลูกศิษย์ของตนอยู่ข้างหลัง
ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด คราวนี้ใต้เท้าเจ้าเมืองยอมลดธงรับความพ่าย แพ้ทันที
เพราะจากการเสนอแนะของหลิวจงก่อนหน้านี้ ต้าเฉวียนเก็บเรือ ข้ามทวีปสองล าอย่าง “ลู่เสียนจือ” และ “เอ๋อเหมยเยว่” ไว้ ล าแรก เดินทางในเส้นทางเหนือใต้ ผ่านสามทวีปจากใต้ขึ้นไปยังเหนือได้แก่ ใบถงทวีป แจกันสมบัติทวีปและอุตรกุรุทวีป ลาที่สองเมื่อเอ๋อเหมยเยว่ สร ้างเสร็จก็จะร่วมมือกับสกุลหลิวธวัลทวีปไปบุกเบิกพื้นที่ราบน้าแข็ง ที่ขั้วโลกเหนือ จะต้องผ่านทักษินาตยทวีป ทวีปแดนเทพแผ่นดิน กลางและธวัลทวีป เป็ นพันธมิตรกับท่าเรือตระกูลเซียนขนาดใหญ่ ทั้งสิ้นสิบหกแห่งที่มาจากสานักทั้งหลายซึ่งมีสานักกระบี่หลงเซี่ยง เป็ นหนึ่งในนั้น รวมถึงจวนเซียนและราชวงศ์ล่างภูเขา ทาสัญญา รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆในการให้เรือไปจอดเทียบท่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ผ่านมติการประชุมในห้องทรงพระอักษรของ ฮ่องเต้แล้ว
เพียงแต่ว่าคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประชุมล้วนรู ้กันดีอยู่แก่ ใจว่า คนที่สามารถเสนอวิธีการเช่นนี้ออกมาได้ต้องไม่ใช่ผู้ถวายงาน อันดับหนึ่งอย่างหลิวจงแน่นอน
อีกทั้งรอกระทั่งหันกวงหู่มารับหน้าที่เป็ นราชครู แผนการก็มีการ เปลี่ยนแปลงไปอีกหลักๆ แล้วก็คือเส้นทางที่เปลี่ยนไป สามารถล่อง ผ่านเส้นทางการค้าอย่างเกาะหลูฮวา ส านักอวี่หลง ฝูเหยาทวีปและ เกราะทองทวีปได้
ถึงอย่างไรหันกวงหู่ก็มีชื่อเสียงและบารมีอย่างมากอยู่ในเกราะ ทองทวีป ทั้งบนและล่างภูเขาล้วนมีเครือข่ายผู้คนและความสัมพันธ ์ ควันธูปที่ล้าลึกน่าดูชม
สาหรับแบบแผนเส้นทางที่หลิวจงเสนอมา หันกวงหู่ไม่ได้รู ้สึกว่า สูงส่งอะไร เพียงแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาเอ่ยชมไม่ขาดปาก บอกว่าหลิว จงมองการณ์ไกล มีความคิดเห็นที่ยอดเยี่ยม
เพราะอิงตามข้อเสนอแนะของหลิวจง ท่าเรือใหญ่แต่ละแห่งของ จวนเซียนและราชวงศ์ทั้งหลายที่เรือข้ามฟากล่องผ่าน ทางฝั่งของ ราชส านักต้าเฉวียนต้องยืนกรานหนักแน่นในราคาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้านานแล้ว และข้อกาหนดที่ทาสัญญากับฝ่ ายต่างๆ ซึ่งกิน ระยะเวลายาวนานอย่างมาก ใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้เรือข้ามทวีป ส่วนใหญ่ล้วนถูกศาลบุ๋นเกณฑ์ไปใช ้งานหมดแล้ว
หากท่าเรือแต่ละแห่งต้องการรักษาการด าเนินงานและรับประกัน ผลก าไรเอาไว้ให้ได้ก็ต้องการเรือข้ามทวีปที่ไม่ได้ถูกศาลบุ๋นเกณฑ์ ไปอย่าง ‘ลู่เสียนจือ” และ “เอ๋อเหมยเยว่” ให้มาจอดเทียบท่าและท า การค้า นาพากลิ่นอายผู้คนและต้นกาเนิดทรัพย์สินเงินทองที่มั่นคง มาให้เป็ นอย่างมาก ดังนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ ข้อกาหนดในการลง นามกับท่าเรือต่างๆ ของราชวงศ์ต้าเฉวียนจึงสามารถใช ้ราคาที่ต่า กว่าในอดีตอย่างมากได้
ดังนั้นยิ่งระยะเวลาที่จากัดไว้ขยายไปยาวนานเท่าไร ก็ยิ่งเท่ากับ ว่าค่าผ่านทางและค่าซื้อเส้นทางที่ราชวงศ์ต้าเฉวียนจะมอบให้กับ ท่าเรือทุกแห่งในแต่ละปี จะยิ่งประหยัดเงินในขั้นตอนนี้ได้มากเท่านั้น
ประหยัดเงินก็คือการทากาไร หลักการเหตุผลที่ตื้นเขินเช่นนี้ ไม่ ว่าใครก็ล้วนเข้าใจดี
เหยาจิ้นจือชั่งน้าหนักผลได้ผลเสียดูแล้ว แต่ก็ยังมิอาจตัดสินใจ ได้ คิดไปคิดมาก็ไม่สู้สร ้างเรือข้ามทวีปขึ้นมาอีกลา?
แม้แต่ชื่อนางก็ตั้งไว้เรียบร ้อยแล้ว ฮว่อจูหลิน (วิธีที่ใช ้ในการ ทานายซึ่งสาคัญมากวิธีหนึ่ง)
เหยาหลิ่งจือแต่งงานออกเรือนมานานแล้ว สตรีที่มุ่งมั่นเดินเข้าสู่ ยุทธภพมากที่สุดกลับแต่งงานให้กับบัณฑิตจากตระกูลปัญญาชน คนหนึ่ง ทุกวันนี้มีครบทั้งบุตรชายและบุตรสาว นางคือคนที่สร ้าง ครอบครัวเร็วที่สุดในบรรดาคนรุ่นอักษร “จือ
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันไหว้วานให้เหยาเซียนจือนาของแดงสอง ของมามอบต่อให้กับบุตรชายหญิงสองคนของนาง ก่อนหน้านี้ไม่ นานตอนช่วงปี ใหม่ที่ต้องมาอวยพรวันปี ใหม่กันวิธีการนี้ของ น้องชายก็สยบเด็กทั้งสองคนไว้ได้อย่างสิ้นเชิง
ในอดีตเด็กทั้งสองมักจะกึ่งเชื่อกึ่งกังขาในคาพูดมากมายของ ท่านน้าอย่างเหยาเซียนจือ ท่านน้า ท่านสนิทกับเฉินอิ่นกวานมาก
จริงๆ หรือ? คุยโวไม่ต้องร่างค าพูดมากกว่ากระมังอันที่จริงคงแค่เคย พยักหน้าทักทายพูดคุยกันไม่กี่คา ใช่หรือไม่?
ทว่านับตั้งแต่ได้ของแดงไปจากมือของเหยาเซียนจือ ทุกวันนี้ เด็กทั้งสองคนพบเหยาเซียนจือกลับให้ความเคารพมีมารยาทอย่าง สุดจิตสุดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู ้ว่าท่านน้าถึงกับได้เป็ นเค่อชิงที่ ได้รับการบันทึกชื่อในศาลบรรพจารย์ของสานักกระบี่ชิงผิง ดวงตา ของเด็กทั้งสองก็ส่องประกายเจิดจ้า ยิ่งยอมศิโรราบให้กับท่านน้าเข้า ไปอีก เจอหน้าก็ต้องประจบเอาใจ ท่านน้า ต้องการให้นวดไหล่ทุบขา ให้หรือไม่? ท่านน้า เพิ่งไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน มองดูแล้วท่านหนุ่ม ลงไปอีก ยิ่งหล่อเหลามากกว่าเดิมแล้วนะ ท่านแน่ ข้าช่วยพูดให้กับพี่ หญิงยวนยางเองดีไหม ขอแค่ท่านไม่คัดค้าน ข้าก็สามารถเรียกนาง ว่าน้าสะใภ้ได้เลยนะ…..
ถึงอย่างไรสาหรับเด็กคู่หนึ่งแล้ว ในบรรดาเทพเซียนมากมายบน ภูเขาก็เป็ นเซียนกระบี่ที่ทาให้คนเลื่อมใสศรัทธาได้มากที่สุด ไม่มี หนึ่งใน
และอิ่นกวานหนุ่มที่มาจากกาแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้นก็ยังเป็ น เซียนกระบี่ในกลุ่มของเซียนกระบี่อีกด้วย
อันที่จริงฮ่องเต้ก็ดี เหยาจิ้นจือก็ช่าง หรือแม้กระทั่งท่านปู่ เอง สาหรับเรื่องนี้พวกเขาต่างก็ยินดีที่จะได้เห็น เพียงแต่ใต้เท้าเจ้าเมือง กลับหัวทึบมาโดยตลอด จึงถ่วงรั้งเรื่องสาคัญนี้ออกไป
หลิวอี้ ชื่อเล่นยวนยาง ฉายา “อี้ฟู” เป็ นคนในท้องถิ่นของต้า เฉวียน ตระกูลคือปัญญาชนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ อายุหกสิบสามปี ขอบเขตประตูมังกร
รูปโฉมอ่อนเยาว์ นี่หมายความว่าคุณสมบัติในการฝึกตนของ นางดีเยี่ยม
ก่อนหน้านี้อยู่บนสนามรบสองแห่งอย่างชานเมืองหลวงและนคร เซิ่นจิ่ง หลิวอี้ไม่รักตัวกลัวตาย ใจกล้าอย่างยิ่ง แต่กลับมีกลอุบาย ยอดเยี่ยม ผู้ฝึกตนหญิงใช ้ตบะของประตูมังกรสะสมคุณความชอบ ด้านการสู้รบมา ถึงกับไม่พ่ายแพ้ให้แก่โอสถทองคนใด
แต่สุดท้ายแล้วหลิวอี้ก็ขอแค่ตาแหน่งผู้ถวายงานอันดับสามมา จากราชวงศ์ต้าเฉวียนอันที่จริงหากอิงตามคุณูปการด้านการสู้รบ ของนาง เป็ นผู้ถวายงานอันดับสองก็ยังมากพอเหลือแหล่
เรื่องบางเรื่องที่สตรีไม่คัดค้าน เดิมทีก็เป็ นการแสดงท่าทีที่ ชัดเจนจนชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว แล้วยังจะต้องให้นางใจกล้า ขนาดไหนอีก?
เหยาหลิ่งจือมองหลิวอี้ที่อยู่ข้างกายแล้วคลี่ยิ้ม
หลิวอี้แสร ้งทาเป็ นไม่รับรู ้เพียงแต่ว่าหูแดงอยู่เงียบๆ
เหยาหลิ่งจือรู ้สึกทนไม่ได้แทนนาง จึงก้าวเร็วๆ เดินขึ้นหน้าไป เตะเหยาเซียนจือหนึ่งทีเตะจนฝ่ ายหลังเซถลา ต้องรีบยื่นมือไปพยุง ก าแพงเอาไว้ เหยาเซียนจือหันหน้ามาถาม “อะไรอีกเล่า?”
เหยาหลิ่งจือเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ามายุ่งอะไรด้วย?”
เหยาเซียนจือหัวเราะอย่างฉุนๆ “ท่านพี่ อยู่ดีไม่ว่าดีท่านมาเตะ คนขาเป๋ คนหนึ่ง ยังคิดว่าตัวเองมีเหตุผลอีกหรือ? วันหน้าข้าจะต้อง เอาไปเล่าให้หลานชายหลานสาวฟังให้ได้ ดูสิว่าถึงเวลานั้นพวกเขา จะช่วยใคร”
เหยาหลิ่งจือร ้องเฟ้ ย “ขาเป๋ ? ต้องเรียกว่าคนโง่ถึงจะถูก”
มิน่าเล่าถึงได้ยินมาว่าตอนอยู่บนเรือข้ามฟาก ท่านปู่ ได้พูดคุย กับอาจารย์เฉิน คนหนึ่งบอกว่าเหยาเซียนจือไม่คู่ควรกับแม่นางบาง คน ส่วนอีกคนหนึ่งก็พูดคล้อยตามว่าตนก็รู ้สึกเช่นนี้เหมือนกัน
เหยาจิ้นจือไม่สนใจคนข้างหลังที่ทะเลาะกัน ยังคงปรึกษาธุระ ส าคัญกับราชครูผู้เฒ่าต่อไป “กองงานห้องหนังสือจะเอาแต่พึ่ง การค้าพู่กันจีจวี้อย่างเดียวก็คงไม่ได้ ในอาณาเขตของราชวงศ์ต้า เฉวียนก็มีหลุมเก่าสาหรับขุดหินทาแท่นฝนหมึกที่ถูกปิดผนึกมานาน หลายปี อยู่หลายแห่ง ถอยไปพูดหนึ่งก้าว หินในหลุมใหม่ก็ไม่แน่ เสมอไปว่าจะสู้หลุมเก่าไม่ได้ พูดถึงแค่ทางชายแดนทิศใต้ก็มีล า คลองเถาเหออยู่เส้นหนึ่ง ตอนเด็กๆ ข้ามักจะตามหลิ่งจือกับเซียนจือ ไปเล่นในหลุมหินเป็ นประจา ที่นั่นมีการขุดค้นมานานมากแล้ว มีหิน ส าหรับท าจานฝนหมึกที่ลื่นวาวเหมือนหยกอยู่ชนิดหนึ่ง อันที่จริง หากถามข้า พอเอามาฝนหมึกก็ไม่แพ้ให้กับหินฝนหมึกประเภทอื่น เลย ถึงทุกวันนี้ก็น่าจะมีประวัติมานานถึงหนึ่งพันสองร ้อยกว่าปีแล้ว
กระมัง เพียงแต่ว่าถูกปล่อยร ้างมานานหลายปี ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดน คิดจะขุดเอามาก็ไม่ง่ายเลย”
เหยาเซียนจือได้ยินก็พยักหน้า “เพียงแต่ว่าบ่อแร่หลักๆ ล้วน ตั้งอยู่ด้านใต้น้าลึกของล าคลองเถาเหอ หากไม่ใช ้ผู้ฝึกลมปราณใน จานวนที่แน่นอน แต่ใช ้ช่างขุดหินทั่วไปให้มาขุดก็ยากล าบากมาก ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็ นเรื่องที่ที่นั่นไม่มีตาราบันทึกไว้โดยเฉพาะ อยู่ที่ต้าเฉวียนของพวกเรา หินฝนหมึกลาคลองเถาเหอยังไม่มี ชื่อเสียงโดดเด่น ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาไปขายให้กับแคว้นอื่นเลย หาไม่แล้วหลุมเหมยจื่อที่ตอนเด็กๆ ข้าไปเที่ยวเล่นบ่อยๆ และยังมีเมี่ย วเฉียนชิง เมี่ยวโห่วหงที่คุณภาพหินก็ไม่แย่เลยจริงๆ น่าเสียดายที่ทั้ง บนและล่างภูเขาต่างก็ชอบให้ความสาคัญกับเรื่องราวในสมัยก่อน มากกว่าปัจจุบัน หาไม่แล้วหากราคาเหมาะสม แล้วยังมีปริมาณมาก ราชส านักแค่ต้องขุดหาต่อไปในหลุมเก่าก็จะได้ผลกาไรที่ไม่เล็กก้อน หนึ่งแล้ว”
หลิวจงลูบหนวดยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อหลายร ้อยปีก่อนเคยมี ต ารา “รวมเล่มต้งเทียนชิงลู่” ที่มีไว้เพื่อโหมกระพือข่าวของหินฝน หมึกที่มีชื่อเสียงในหลุมเก่าตามที่ต่างๆ ของใบถงทวีปโดยเฉพาะ ด้านในมีการจัดอันดับจานฝนหมึกล้าค่าสิบกว่าชนิดเอาไว้ด้วย? ไม่ สู้ให้ที่ว่าการของราชส านักพวกเราจัดพิมพ์ใหม่อีกฉบับ ไปหาตัวคน ที่ใช ้ภาษาเก่งๆ จากสานักบัณฑิตฮั่นหลินมาสักสองสามคน แอบเพิ่ม “หินเขียวลาคลองเถาเหอ ใส่ไว้ข้างในนั้นสักบทหนึ่งก็ได้แล้ว เขียน
ย้าไปว่าหินฝนหมึกของลาคลองเถาเหอดีอย่างไร ขุดหาได้ยากแค่ ไหนแล้วก็เพิ่มเรื่องราวแห่งเซียนพิสดารเข้าไปสักสี่ห้าประโยค บัณฑิตที่มีเงินชอบเรื่องเก่าแก่ไม่ชอบเรื่องในยุคปัจจุบัน? นี่ก็ไม่ “เก่าแก่” มากแล้วหรอกหรือ”
เหยาจิ้นจือหันหน้าไปมองผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง
เหยาหลิ่งจือก็ยิ่งประหลาดใจ อาจารย์พอท่านผู้อาวุโสเลื่อนเป็ น ขอบเขตเดินทางไกลแล้ว แม้แต่คัมภีร ์การค้าก็ยังมีความคิดบรรเจิด เพิ่มมาด้วยหรือ?
เหยาเซียนจือกลั้นขา แอบชอบใจอยู่กับตัวเอง ยกนิ้วโป้ งให้ตา เฒ่าหลิว ใช ้ได้ๆ ร ้ายกาจๆ
หันกวงหู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “การกระทาที่มีแต่ผล กาไรเช่นนี้ สามารถทาได้ หากทาได้อย่างเหมาะสม สร ้างชื่อเสียงได้ จริง นอกจากทวีปของพวกเรา อาศัยเรือข้ามทวีปให้ขนส่งผลผลิต พิเศษของต้าเฉวียนซึ่งมีพู่กันจีจวี้เป็ นหนึ่งในนั้นเอาไปขายไกลยัง ต่างทวีปก็เป็ นต้นกาเนิดเงินทองที่ไม่เล็กก้อนหนึ่งเลยทีเดียว”
ราชครูเฒ่ารู ้สึกว่าต้องมองหลิวจงเสียใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่พวกที่ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ
หลิวจงลูบหนวดยิ้ม ย้อนนึกถึงอดีตอันห่างไกล ตอนที่ตนยังเป็ น หนุ่ม อยู่ในยุทธภพก็มีฉายาว่า “จูเหลี่ยนน้อย” ฉายานี้ไม่ใช่ว่าได้มา เปล่าๆ หรอกนะ
ทางฝั่งของอารามหวงฮวา นักพรตน้อยสองคนนั่งยองอยู่ใต้ ชายคา พูดคุยกันเจื้อยแจ้วด้วยความลิงโลดสุดขีด ฮ่องเต้งดงาม จริงๆ!
ในห้องหนังสือ หลิวเม่าเปิดกล่องผ้าแพรใบเล็กบนโต๊ะใบนั้นออก ด้านในบรรจุก้อนหมึกทรงกลมที่สานักพระราชวังเป็ นผู้ผลิตไว้ก้อน หนึ่ง พ่นทับไว้ด้วยสีทอง หน้าตรงเขียนด้วยอักษรลี่ซูเป็ นคาว่า “วิญญูชนบ าเพ็ญตนจึงพบสุข” ด้านบนเขียนว่า “อายุยืนเก้าสิบปี ตรงส่วนที่เป็ นจุดเว้าของตัวอักษรเติมสีเขียวลงไป ด้านหลังก้อนหมึก แกะสลักเป็ นภาพห้าธาตุ “ทอง ไม้ น้า ไฟ ดิน
หลิวเม่าพรูลมหายใจยาวเหยียด จาต้องยอมรับว่าครั้งนี้สามารถ ผ่านด่านยากมาได้ก็ต้องขอบคุณเจ้าคนแซ่เฉินผู้นั้นจริงๆ
ขยับเข้าใกล้รถม้า ฮ่องเต้ก็เดินอ้อมกลับไปหยุดอยู่ข้างรั้วของ สระบัวที่มาหยุดยืนก่อนหน้านี้อีกครั้ง นางเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะ ถามราชครูผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกายว่า “ได้ยินมาว่าอีกเดี๋ยวจะมีการ โต้วาทีสามลัทธิครั้งใหม่เกิดขึ้นอีกแล้วหรือ?”
หันกวงหู่พยักหน้า “ก่อนหน้านี้เป็ นเพราะเกิดสงครามใหญ่จึง ถูกถ่วงเวลามานานหลายปี”
เหยาจิ้นจือลังเลเล็กน้อย ก่อนถามว่า “ด้วยสถานะของราชครู สามารถเข้าร่วมฟังการโต้วาทีได้หรือไม่?”
หันกวงหู่หลุดหัวเราะพรืด ส่ายหน้าเอ่ย “ข้าเป็ นแค่ผู้ฝึกยุทธคน หนึ่ง ไม่มีคุณสมบัตินี้หรอก ปีนั้นที่เกราะทองทวีปก็มีคนที่เป็ นราชครู คนหนึ่งไปร่วมงาน แต่ก็ไม่อาจเข้าร่วมเรื่องใหญ่ในเรื่องใหญ่ประเภท นี้ได้”
เหยาจิ้นจือพยักหน้า คล้ายจะรู ้สึกเสียดายอยู่บ้าง
คงเป็ นเพราะพอพูดถึงเกราะทองทวีป ผู้เฒ่าจึงอดรู ้สึกคิดถึงบ้าน เกิดไม่ได้
คนทุกคนที่คิดถึงล้วนอยู่ห่างไปไกลแสนไกล
สายตาของเหยาจิ้นจือเองก็หลุดไปจากจุดที่มองอยู่ มีสีหน้า เลื่อนลอยไปเหมือนกันตัวคนอยู่ห่างไกล หัวใจก็ยังคิดถึงบ้านเกิด