กระบี่จงมา - บทที่ 981.2 ใจยังคิดถึงบ้านเกิด
เหยาจิ้นจือเดินข้ามธรณีประตู ไม่ได้ไปที่ห้องรับแขกที่ กว้างขวางยิ่งกว่า กลับกันยังบอกว่าจะไปนั่งที่ห้องหนังสือของหลิว เม่า คนเยอะห้องเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องหนังสือยังมีเก้าอี้อยู่ แค่สองตัว อีกทั้งดูแล้วก็น่าจะเป็ นไม้ที่เพิ่งประกอบขึ้นใหม่
หลิวเม่ามีสีหน้าไร ้อารมณ์อยู่ตลอดเวลา
ก่อนจะฝึกตนมีสถานะสูงศักดิ์เป็ นถึงองค์ชาย ใช ้ชีวิตหรูหราสุข สบาย นั่งชนจอกสุราในห้องโถงที่มีแขกเรื่อมากมาย เทียนแดงที่ใช ้ กันเฉพาะเหล่าเชื้อพระวงศ์ใหญ่เท่าแขน ส่องให้ยามราตรีสว่างไสว ราวกับเวลากลางวัน เจ้านายก็ยังรังเกียจว่าไม่ครึกครื้นมากพอ
หลังจากฝึกตน คนสองคนอยู่ในที่เดียวกันก็รู ้สึกว่าอึกทึกจอแจ แล้ว
หันกวงหู่ตาแหลมเหลือบไปเห็นตัวอักษรขนาดเล็กที่เข้ากรอบ อย่างเรียบง่ายบนผนังห้องหนังสือ คัดลอกมาจาก “คัมภีร ์หวงถิง” ซึ่ง เป็ นคัมภีร ์ของลัทธิเต๋า มองปราดๆเหมือน ตวัดพู่กันเขียนเสร็จรวด เดียว กลมกลืนกันอย่างเป็ นธรรมชาติ แต่หากมองอย่างละเอียดจะ เห็นว่าเป็ นลายมือสองแบบ ลงท้ายด้วยสิบหกค าว่า ‘แยกทางแบ่งร่าง จ าแลงกายตามอาเภอใจ บนเสริมคนที่แท้จริง ฟ้ าดินร่วมก่อเกิด
ผู้เฒ่าเอาสองมือไพล่หลัง มองอย่างละเอียดอีกครู่หนึ่งก็วิจารณ์ เสียงเบาว่า “ผู้มาทีหลังน าแซงหน้า”
เหยาเซียนจืออารมณ์ดีอย่างยิ่ง ยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาคิดว่าจะเชิญ ให้ฮ่องเต้นั่งลง เหยาจิ้นจือกลับบอกให้เขานั่งเอง ใต้เท้าเจ้าเมืองก็ไม่ เกรงใจ นั่งลงแล้วก็กาหมัดเบาๆ ทุบลงบนขา พอเป็ นอากาศของวันที่ ฝนตกหิมะตกเมื่อไหร่ ขาแก่ๆ ข้างนี้ก็มักจะอาการกาเริบทุกทีผ่าน การบารุงรักษาตลอดหลายปีที่ผ่านมาอันที่จริงก็ดีขึ้นมากแล้ว ช่วงที่ เพิ่งได้เป็ นกั๋วจิ้วเย่ (ค าเรียกขานน้องชายของฮองเฮาภรรยาฮ่องเต้) นั่นต่างหากที่เรียกว่าทรมานโดยแท้ รอกระทั่งอาจารย์เฉินมอบยา จาแลงขนนกที่ตาหนักพยัคฆ์เขียวภูเขาชิงจิ้งหลอมขึ้นอย่างตั้งใจมา ให้สองเม็ด เหยาเซียนจือกินไปเม็ดหนึ่งแล้วก็ได้ผลดีเยี่ยม เรียกได้ ว่าเห็นผลทันตา ตอนนั้นอาจารย์เฉินยังเอ่ยสัพยอกเขาด้วยว่า เจ้า ตัวน้อยก าลังอยู่ในช่วงพละก าลังโชติช่วง กันร ้อนจนสามารถเอาไป ย่างแผ่นแป้ งได้
ฮ่องเต้กวาดสายตามองไปเรื่อยๆ พู่กันจีจวี้สองด้ามที่อยู่ใน กระบอกใส่พู่กัน คิดดูแล้วก็น่าจะเป็ นพู่กันที่หลิวเม่าเอาไว้คัดคัมภีร ์ โดยเฉพาะ
ในความเป็ นจริงแล้ว อารามหวงฮวาแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พู่กันทุกด้าม หนังสือทุกเล่มที่อยู่ในห้องหนังสือแห่งนี้ แม้กระทั่งที่ว่า ของแต่ละอย่างจัดวางไว้ตรงไหนบ้าง เหยาจิ้นจือล้วนรู ้ชัดเจนดี
ยกตัวอย่างเช่นพู่กันจีจวี้สองด้ามในกระบอกที่แยกกันแกะสลัก เป็ นค าว่า “เงียบสงบกับ “สะอาดบริสุทธิ์ ในความเป็ นจริงแล้วนี่ก็เป็ น สิ่งที่ฮ่องเต้จงใจทิ้งไว้ให้กับหลิวเม่าพร ้อมกับ “ภาพปรากฏการณ์ฟ้ า เรียงดวงดาว ซึ่งเป็ นหนังสือที่ทางราชสานักสั่งห้ามในตอนที่ถูก “ค้น บ้านยึดทรัพย์” ครั้งนั้น
นางต้องการเตือนเจ้าอารามหนุ่มของอารามหวงฮวาผู้นี้ด้วย ความหวังดีว่า ตัวอยู่ในสถานที่ที่ “เงียบสงบ” แล้วก็ควรมีจิตใจ ‘สะอาดบริสุทธิ์” ที่สอดคล้องกัน
นอกจากจะฝึกตนแล้ว อยู่ว่างไม่มีอะไรท าก็ยังสามารถเปิดอ่าน ตาราจาพวก “ภาพ ปรากฏการณ์ฟ้ าเรียงดวงดาว” นี้ได้ด้วย
ในเมื่อเป็ นผู้ฝึกตนแล้วก็เงยหน้ามองฟ้ าให้มาก อย่าเอาแต่คิดจะ จับจ้องเรื่องราวบนพื้นดินอย่างเดียว
ส่วนหลิวเม่าจะรู ้ความนัยนี้หรือไม่ เหยาจิ้นจือไม่สนใจแม้แต่ น้อย เพราะถึงอย่างไรนักพรตหลงโจวแห่งอารามหวงฮวาทาเรื่อง อะไรที่ผิดพลาดไป ก็จะต้องมีจุดจบไปตามนั้นอยู่แล้ว
หรือว่านางที่เป็ นฮ่องเต้ซึ่งเคยละเว้นชีวิตเขาไปครั้งหนึ่งแล้วยัง ต้องเมตตาใจกว้างกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีก?
เหยาจิ้นจือขยับเท้าเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ ดึงหนังสือต้องห้าม เล่มนี้ออกมา พริบตานั้นก็พลันหรี่ตาลง นางเปิดอ่านอย่างว่องไว ใน
ห้องที่ค่อนข้างเบียดเสียดแต่กลับเงียบสงบแห่งนี้จึงมีเพียงเสียงเปิด หน้าหนังสือดังพั่บๆ เท่านั้น
หน้ารองปกและหน้าท้ายของหนังสือ ตอนนี้แยกกันประทับตรา สองตราเรียงกัน เป็ นค าว่า “ความคิดไร ้ขีดจ ากัด” “ถอยไปคิดหนึ่ง ก้าว” และ “รู ้จักพอ” “รู ้ไม่มากพอ
เหยาจิ้นจือวางหนังสือกลับไว้ที่เดิม หมุนตัวกลับมา ยื่นมือมา ทางเจ้าอารามที่สวมชุดนักพรตเต๋า กดลงบนความว่างเปล่าสองที สี หน้าอ่อนโยน บอกเป็ นนัยให้หลิวเม่านั่งลงบนเก้าอี้ตัวสุดท้ายนั่น
หลิวเม่าลังเลเล็กน้อย เห็นว่าเหยาจิ้นจือยังมีสีหน้าคงเดิม หลิว เม่าจึงได้แต่นั่งลงไปฐานะและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงบุคลิกของ คน การอบรมบ่มเพาะตัวเองเปลี่ยนแก่นแท้ของคน สตรีที่ในอดีตนุ่ม นิ่มบอบบางผู้นี้มีบารมีของจักรพรรดิผู้เป็ นเจ้าเหนือหัวมากแล้ว
เด็กหนุ่มเจี่ยนหมิงยกสองแขนกอดอก เอนกายพิงกรอบประตู ประหลาดใจยิ่งนักเดิมทีเขาก็อยากจะคืนสมบัติพิทักษ์แคว้นที่เหน็บ อยู่ใต้รักแร ้เล่มนี้ไปให้สกุลเหยาต้าเฉวียนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าฮ่องเต้ผู้ มีรูปโฉมล่มบ้านล่มเมืองผู้นี้กลับไม่ได้รับกลับคืนไป กลับกันยังมอบ มาให้ตน เพื่อเป็ นข้อแลกเปลี่ยน เจี่ยนหมิงจะต้องรับหน้าที่เป็ นผู้ ถวายงานระดับสามที่ถูกจดบันทึกอยู่ในเอกสารของกรมอาญาแห่ง ราชส านัก จะต้องเข้าร่วมการค้นภูเขาของแคว้นเล็กใต้อาณัติหลาย แคว้นต่อจากนี้ สามารถเลื่อนขั้นได้ตามคุณความชอบ บางทีอาจ เป็ นเพราะตาเฒ่าหันมารับหน้าที่เป็ นราชครูต้าเฉวียน ตัวเจี่ยนหมิง
นั้นสามารถละทิ้งสถานะของผู้ถวายงานและไปจากราชส านักต้า เฉวียนได้ทุกเมื่อ
เหยาจิ้นจือเดินไปที่ข้างโต๊ะ ยื่นสองนิ้วออกมาเคาะกระบอกเก็บ พู่กันเบาๆ ยิ้มเอ่ย “เจ้าอารามหลิว เจ้ารู ้หรือไม่ว่าทุกวันนี้สานักการ ผลิตของต้าเฉวียนพวกเราได้ก่อตั้งกองงานห้องหนังสือขึ้นมาใหม่ ซึ่งในนั้นก็มีช่างที่รับหน้าที่ผลิตพู่กันจีจวี้นี้โดยเฉพาะ ที่ผลิตเลือก เป็ นสะพานดอกบัวที่อยู่ห่างจากอารามหวงฮวาไปไม่ไกล ตั้งอยู่ข้าง ส านักเป่าเฉวียนของกรมคลังและที่ว่าการคลังสินค้า และจะนาส่งขาย ไปไกลทางทิศเหนือและทิศใต้ของทวีป เพียงแต่ไม่รู ้ว่ายอดขายใน อนาคตจะเป็ นเช่นไร ก่อนหน้านี้ทางฝั่งกรมกลาโหมได้เอารูปแบบ ของทางการมาให้ดูเป็ นตัวอย่างสองสามแบบ ข้าดูแล้วรู ้สึกไม่ค่อย พอใจ รู ้สึกเหมือนขาดความหมายอะไรไปบางอย่าง”
พู่กันจีจวี้ของราชวงศ์ต้าเฉวียนเหมาะให้น าไปเขียนเป็ น ตัวอักษรบรรจงแบบเล็กมากที่สุด มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งทวีป เหล่า ขุนนางชนชั้นสูงและปัญญาชนของแต่ละแคว้นต่างก็เคยชอบซื้อ พู่กันจีจวี้มาใช ้ร่วมกันกระดาษจดหมายลั่วเหมยที่ผลิตจากพื้นที่ มงคลถ้าเมฆาเอาไว้เขียนบทกวีตอบกลับกันไปมา
และการค้านี้ก็เป็ นกรมโยธาของต้าเฉวียนที่ร่วมมือกับสานัก กระบี่ชิงผิง แต่ได้ทาตามคาเสนอแนะของอีกฝ่ าย เปลี่ยนจาก “ทางการผลิต’ มาเป็ น ‘เชื้อพระวงศ์ผลิต
ต่างกันแต่ตัวอักษรเดียว แต่ราคากลับเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ถึงสอง เท่า
ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรที่เข้าร่วมการขุดเจาะลาน้าใหญ่ ทางฝั่ง ของสานักกุยหยกที่อยู่ทางทิศใต้ก็ตอบตกลงว่าจะร่วมกับพื้นที่มงคล ถ้าเมฆาและท่าเรือตระกูลเซียนทั้งหลายซึ่งมีท่าเรือปี้เฉิงเป็ นหนึ่งใน นั้นสั่งจองพู่กันจีจวี้ล่วงหน้าจากราชวงศ์ต้าเฉวียนสามหมื่นด้าม
หลิวเม่าเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ขอถามฝ่ าบาท ไม่ทราบว่าก าหนด ราคาของพู่กันจีจวี้ไว้ที่เท่าไร?”
เหยาจิ้นจือยิ้มเอ่ย “พู่กันจีจวี้ฝ่ ายเชื้อพระวงศ์ผลิตด้ามหนึ่ง ราคาหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ทางฝั่งของยอดเขาเสินจ้วนสานักกุย หยกได้สั่งจองจากพวกเราแล้วสามหมื่นด้าม ล าพังแค่จ านวนเงินมัด จาก้อนนั้นก็ไม่น้อยแล้ว ดังนั้นข้าถึงได้ลาบากใจ จะปล่อยให้กอง งานห้องหนังสือของส านักการผลิตท าพู่กันจีจวี้คุณภาพต่าไม่ได้ เรื่องออกมาตามใจเอาไปหลอกสานักกุยหยกก็คงไม่ได้ เรื่องนี้จะว่า ใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก หากยอดเขาเสินจ้วนสืบสาวราวเรื่อง ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เรื่องของการคืนเงินแล้ว”
หลิวเม่าสะอึกอึ้ง นี่คิดจะแย่งเงินกันหรือ?
เมื่อก่อนประเภทของพู่กันจีจวี้ของต้าเฉวียนมีหลากหลาย หาก หลิวเม่าจ าไม่ผิด ถ้าไม่พูดถึงพู่กันจีจวี้ที่สั่งทากันเองเป็ นการส่วนตัว ซึ่งจะให้หรูหราเท่าไรก็ได้แล้วล่ะก็ พูดถึงแค่ปริมาณผลผลิตที่ออก
วางขายในตลาด พู่กันจีจวี้ที่มีฝี มือการทาประณีติยอดเยี่ยมที่สุด ราคาสูงที่สุดก็ยังมีราคาแค่สิบกว่าตาลึงเงินเท่านั้น
เชื้อพระวงศ์ผลิต? ทอดตามองไปทั่วอาณาเขตของหนึ่งแคว้น มี ส านักการผลิตฝ่ ายในของราชสานักแห่งใดบ้างที่สามารถผลิตพู่กัน ออกมาได้สามหมื่นด้ามในรวดเดียว?
เหยาจิ้นจือมองนักพรตหลงโจวที่ทาหน้าจะพูดแต่ไม่พูด นาง เหมือนจะอารมณ์ไม่เลวจึงหยิบพู่กันจีจวี้ด้ามหนึ่งออกมาจาก กระบอกเก็บพู่กัน หมุนเล่นอยู่บนปลายนิ้วหลายรอบตามองตัวอักษร แกะสลักที่เป็ นคาว่า “สะอาดบริสุทธิ์” นางเลิกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองไปยังหลิวเม่าที่นั่งตัวตรงอย่างสารวมอยู่ด้านข้าง ตลอดเวลา จากนั้นโยนพู่กันจีจวี้ด้ามนี้กลับไปในกระบอกอย่างไม่ใส่ ใจ เอ่ยว่า “รอให้เจ้าออกด่านเมื่อไหร่ หากสร ้างโอสถได้ส าเร็จก็ อย่าได้ฝึกตนอย่างสงบเงียบอีกเลย ไม่สู้สร ้างความมั่นคงให้ขอบเขต พลางฝึกฝนจิตใจอยู่ในโลกโลกีย์ไปด้วย ตามค ากล่าวบนภูเขาของ พวกเจ้า เหยียบย่างสู่ฝุ่ นธุลีแดงก็คือการฝึกตน ยกตัวอย่างเช่นอีก เดี๋ยวทางราชสานักจะมีการพิมพ์เงินแบบใหม่ ในเมื่ออารามหวงฮวา อยู่ใกล้กับสานักเป่ าเฉียนและที่ตั้งโรงผลิตของกองงานห้องหนังสือ มากขนาดนี้ เจ้าก็แวะไปบ่อยๆ วันหน้าข้าจะให้กรมอาญามอบ สถานะในวงการขุนนางที่เหมาะสมแก่เจ้าวางใจเถอะ จะเป็ นงาน สบายๆ ที่เงียบสงบแน่นอน”
หลิวเม่ารีบลุกขึ้นยืน ประสานมือคารวะฮ่องเต้ “กระหม่อมรับพระ บัญชา ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เหยาจิ้นจือยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็ขออวยพรล่วงหน้าให้เจ้า อารามหลิวสร ้างโอสถได้สาเร็จ เรื่องของพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ตัวเลือกคนที่จะมาเฝ้ าด่านให้ อย่างช ้าสุดภายในสามวันเจ้าเมือง เหยาจะช่วยยืนยันให้กับเจ้า”
หลิวเม่าเบี่ยงกายไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อเอ่ยขอบคุณใต้เท้าเจ้า เมือง
เหยาเซียนจือไม่รู ้ว่าโทสะผุดมาจากไหน ตอนที่พวกเราสองคน อยู่กันเป็ นการส่วนตัวท าไมไม่เห็นเจ้าจะมีมารยาทมากพิธีการเช่นนี้ เลยเล่า?
เหยาจิ้นจือเดินนาออกจากห้องไปก่อน
เหยาหลิ่งจือวางของขวัญชิ้นหนึ่งไว้บนโต๊ะ
หลังจากหลิวเม่าไปส่งคนทั้งกลุ่มออกจากประตูใหญ่ของอาราม แล้วก็กระตุกชายแขนเสื้อของเหยาเซียนจือเบาๆ
เหยาเซียนจือหยุดเดิน กดเสียงลงต่า ถามอย่างสงสัย “มีอะไร หรือ?”
หลิวเม่าถามเสียงเบา “ใต้เท้าเจ้าเมือง หนังสือต้องห้ามที่สะสม อยู่ในอารามไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของทางราชส านัก จะให้ฝ่ า
บาทสั่งให้คนนา “ภาพปรากฏการณ์ฟ้ าเรียงดวงดาว” เล่มนี้กลับคืน ไป ถวายให้กับคลังหนังสือได้หรือไม่”
เหยาเซียนจือด่าขาๆ ไปหนึ่งประโยค แต่กระนั้นก็ยังตอบตกลง หมุนตัวเดินตามทุกคนไป ใต้เท้าเจ้าเมืองนินทาในใจไม่หยุด เจ้าหลิว เม่าผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ
ย้อนกลับไปทางเดิม เดินอยู่ในตรอกเล็ก หันกวงหู่ขมวดคิ้วเอ่ย “ฝ่ าบาท หันเจี้ยงซู่ แห่งสานักว่านเหยานั่น นางคิดอย่างไรกันแน่ถึง ได้ถ่วงรั้งเวลาไว้อย่างนี้ ไม่บอกกล่าวอย่างชัดเจนเสียที เงินมัดจ าก็ ให้มาแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ฝึกตนออกหน้ามาประสานงาน กับราชสานักสักคน พื้นที่มงคลสามภูเขาของนางมั่นใจขนาดนี้เชียว หรือว่าพวกเราจะหาคนซื้อคนอื่นไม่ได้?”
เหยาเซียนจือขมวดคิ้วน้อยๆ “เป็ นเรื่องประหลาดจริงๆ นั่นแหละ”
ก่อนหน้านี้หันเจี้ยงซู่เคยมาหานาง บอกว่าส านักว่านเหยาคิดจะ สั่งจองเรือข้ามทวีปลาหนึ่งจากราชสานักต้าเฉวียน ทั้งสองฝ่ าย พูดคุยกันนับว่าถูกคอดี เทพธิดาห้าขอบเขตบนที่ทางตระกูลได้ ครอบครองพื้นที่มงคลหนึ่งแห่งผู้นี้ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีท่าทีเย่อหยิ่ง แม้แต่น้อย กลับกันยังพูดจาเหมือนกับมีเรื่องจะขอร ้องคนอื่นอย่างไร อย่างนั้น
หันกวงหู่หัวเราะหยัน “ฝ่ าบาท หากท าตามความคิดของข้า ผ่าน ไปอีกหนึ่งเดือน ถ้าหันเจี้ยงซู่ยังไม่ตอบกลับมา เงินมัดจาก้อนนี้
ส านักว่านเหยาก็อย่าคิดเอากลับคืนไปอีกเลยถึงเวลานั้นไม่ว่าอีก ฝ่ ายจะส่งใครมา ข้าก็จะออกหน้าไปอธิบายเหตุผลแทนฝ่ าบาทเอง อย่าว่าแต่ขอบเขตหยกดิบเลย ต่อให้เป็ นหันอวี้ซู่บิดาของนางที่เป็ น เจ้าสานักที่มาเยือนด้วยตัวเองก็อย่าหวังว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรไป จากข้า”
หลิวจงถอนหายใจ คนเปรียบเทียบกับคนชวนให้คนโมโหตาย นี่ ก็คือความมั่นใจในการพูดจาของผู้ฝึ กยุทธขอบเขตปลายทางคน หนึ่งแล้ว
ไม่อย่างนั้นแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่กล้าพูดเร่งรัดสานักวว่านเหยา ได้แต่ให้กรมพิธีการส่งจดหมายไปให้คนประสานงานของพื้นที่มงคล ที่หันเจี้ยงซู่เลือกตัวไว้เท่านั้น น่าเสียดายที่เป็ นดั่งวัวปั้นดินที่จมลงสู่ มหาสมุทร
ส านักว่านเหยา เดิมทีก็เป็ นจวนเซียนอักษรจง อิงตามการ อนุมานจากทางฝั่งของราชวงศ์ต้าเฉวียน คุณความชอบทางการสู้รบ ที่สานักว่านเหยาอาศัยเงินก้อนนั้นทุ่มออกมา ก็มีความเป็ นไปได้มา กว่าศาลบุ๋นจะไม่ขัดขวาง เป็ นเหตุให้ภายในเวลาหลายปีต่อจากนี้ก็ ต้องได้ครอบครองสานักเบื้องล่างแห่งหนึ่งแน่นอน
เพียงแต่ไม่รู ้ว่าเหตุใด หันเจี้ยงซู่ที่เป็ นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจของ สานักว่านเหยา หลังจากที่เผยกายในใบถงทวีปก็เหมือนแสงที่เปล่ง วาบเพียงครู่เดียว จากนั้นก็เงียบหายไปไม่เหลือข่าวคราวอีก
“เหลยเซอ” เรือข้ามทวีปลานี้สั่งจองล่วงหน้าไว้กับทาง ราชวงศ์ต้าเฉวียน เรื่องนี้จึงถูกปล่อยไว้ไม่ด าเนินการมาโดยตลอด
เหยาจิ้นจือยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตกลงตามนี้ สานักว่านเหยาแห่งนี้ ต่อให้กองก าลังของสานักจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ใหญ่ไม่เกินคาว่า เหตุผลหรอก”
ก่อนหน้านี้ราชวงศ์ต้าเฉวียนกึ่งซื้อกึ่งสร ้างจึงได้ครอบครอง “ลู่ เสียนจือ” เรือข้ามทวีปลาแรก และจุดที่ทาให้เรือข้ามทวีปมีราคาแพง มากที่สุดก็คือภาพแบบสร ้างที่เป็ นความลับสูงสุดของส านักใหญ่แผ่น นั้น หากจะพูดถึงแค่ค่าใช ้จ่ายในการซื้อเรือข้ามฟากลาหนึ่งแล้วล่ะก็ อันที่จริงราคาไม่ได้สูงถึงขั้นทาให้คนอ้าปากค้าง และการที่สานักแห่ง นั้นของธวัลทวีปยินดีขายภาพแบบสร ้างและเค้าโครงเรือลาหนึ่งมาให้
หนึ่งเพราะราชสานักต้าเฉวียนจะลงนามทาสัญญากับพวกเขา ว่าจะไม่แพร่งพรายภาพแบบสร ้างนี้ให้กับภายนอกรู ้ นอกจากนี้เรื่อง ของการตรวจสภาพซ่อมแซมในจุดส าคัญของเรือหลังจากนี้ ด้วย ศักยภาพในปัจจุบันของกรมโยธาราชส านักต้าเฉวียน ต่อให้ได้ ครอบครองภาพแบบสร ้างก็ยังไม่มีกาลังพอจะซ่อมแซมได้ นี่จึงต้อง รักษาการร่วมมือในระยะยาวกับฝ่ ายขายไว้ให้ได้โดยตลอด นอกจากนี้แล้วอีกฝ่ ายก็หวังว่าจะอาศัยเรื่องของการขายเรือมาช่วย ให้ตัวเองมี “ท่าเรือ” ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งอยู่ในใบถงทวีป สุดท้ายวัน หน้าเรือล าใหม่ทุกลาที่ราชสานักต้าเฉวียนสร ้างขึ้นมาตามภาพแบบ สร ้าง สานักแห่งนั้นก็ล้วนจะต้องมีส่วนด้วย