กระบี่จงมา - บทที่ 973.2 ยืมลมตะวันออก
ตรอกฉีหลงของอาเภอไหวหวงเส้นนี้พลันกลายมาเป็ นหอบิน ทะยานแห่งหนึ่ง
ด้ำนบนสุดยังคงเป็ นสตรีที่ยืนค้ำยันด้ำมกระบี่ บุรุษที่อยู่ข้ำงกาย นั่งอยู่บนขั้นบันได ทั้ง สองต่ำงก็มีดวงตาสีทองที่บริสุทธิ์อย่างถึงที่สุด คู่หนึ่ง
เนื้อหนังมังสำที่ทั้งร่ำงของ “เซี่ยโก่ว” เด็กสำวผู้สวมหมวกขน เตียวพลันแหลกสลาย กลายเป็ นผุยผง ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็ น สตรีเรือนกายสูงเพรียวที่มีรูปโฉมใหม่เอี่ยม
ป๋ ำยจิ่งใช ้สองมือถือกระบี่ชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ มองสบตากับคน สองคนที่อยู่ด้ำนบน
นี่ต่ำงหากจึงจะเป็ นรูปโฉมที่แท้จริงของป๋ ำยจิ่ง
เสี่ยวโม่กล่ำว “แนะนำเจ้ำว่ำทางที่ดีที่สุดควรเก็บกระบี่ลงชะ”
ป๋ ำยจิ่งหรี่ตายิ้มเอ่ย “โอกาสหาได้ยาก สำมารถยืดเส้นยืดสำย ได้พอดี ข้ำไม่เชื่อจริงๆว่ำพวกเขาจะสำมารถลากข้ำเข้ำไปอยู่ใน แม่น้ำแห่งกาลเวลาของเมื่อหมื่นปี ก่อนได้ในรวดเดียว หากมี ความสำมารถมากขนำดนั้นก็คงไม่มีทางมีวันนี้ได้แล้ว!”
om/
กระชำกตัวผู้ฝึ กกระบี่คนหนึ่งที่หลังจากเวลาหมื่นปี ผ่ำนไปก็ กลายมาเป็ นขอบเขตบินทะยานขั้นสมบูรณ์แบบ ออกจากฟ้ ำดินที่ บรรพจารย์สำมลัทธิเป็ นผู้เฝ้ ำพิทักษ์ กลับไปยังขุนเขาสำยน้ำเก่ำเมื่อ หมื่นปีก่อน ขนำดขอบเขตสิบห้ำก็ยังทาไม่ได้!
ยอดบนสุดของขั้นบันได บุรุษที่เท้ำคำงด้วยมือข้ำงเดียวคลี่ยิ้ม เต็มใบหน้ำ เอ่ยเสียงเบำว่ำ “เสี่ยวโม่ของพวกเรายังคงเอนเอียงเข้ำ หาป๋ ำยจิ่ง ดูท่ำแล้วน่ำจะมีลุ้น”
นำงพยักหน้ำ “เมื่อเผชิญกับความยากลาบำกจึงได้เห็นความ จริงใจ”
แม้ว่ำเสียวโม่จะไม่ได้ยินคำพูดของคนสองคนที่อยู่ด้ำนบนสุด แต่ดูจากสีหน้ำของ “คุณชำยบ้ำนตน ที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้ำแล้ว กลับรู ้สึกได้ว่ำไม่เหมือนว่ำพวกเขาจะก ำลังพูดอะไรดีๆ
“เฉินผิงอัน” คนนั้นยิ้มตาหยี โบกมือบอกลาเสี่ยวโม่เบำๆ พลาง ยิ้มอ่อนกล่ำวว่ำ “เสี่ยวโม่ ระวังไว้หน่อยนะ อย่าปล่อยให้ข้ำวสำรหุง กลายเป็ นข้ำวสุกได้เสียล่ะ”
ภำพเหตุการณ์ประหลาดสลายหายไป เสี่ยวโม่กับป๋ ำยจิ่งหวน กลับมาอยู่ในตรอกฉีหลงอีกครั้ง
เซี่ยโก่วจับประคองหมวกขนเตียวบนศีรษะ หลุดหัวเราะพรืดเอ่ย ว่ำ “ของปลอม ของปลอม ท ำเป็ นเล่นหลอกผีหลอกเจ้ำ ท ำเอาข้ำ ตกใจแทบแย่”
om/
เสี่ยวโม่มีสีหน้ำกระอักกระอ่วน ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไยจึงเกิด ความรู ้สึกลวงตาเหมือนถูกจับชู้ได้คำเตียงเลยเล่ำ
เซี่ยโก่วตาหนิ “เสี่ยวโม่ ล้วนต้องโทษเจ้ำ บุคคลผู้นั้นตามมาเจอ เพราะเส้นสำยบนวิถีกระบี่ของเจ้ำ ก็เหมือนนั่งเฝ้ ำตอรอกระต่ำยอยู่ ตอนล่ำงของแม่น้ำแห่งกาลเวลาแล้วจับได้พวกเราคำหนังคำเขา”
ระหว่ำงที่เอ่ยพูด เซี่ยโก่วก็ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้ำผำก
เสียวโม่หันไปมอง เซี่ยโก่วก็รีบอธิบำยทันทีว่ำ “ต่อให้เป็ นของ ปลอมก็น่ำตกใจมากเลยนะ ใต้หล้ำกว้ำงใหญ่ขนำดนี้ เงยหน้ำมอง ไม่เห็น ก้มหน้ำลงก็ต้องเห็น ไม่มีความจ ำเป็ นต้องเดินให้หนทางคับ แคบ ไป ไปดื่มเหล้ำระงับความตกใจกันหน่อย”
ไปถึงร ้ำนฉ่ำวโถว เสี่ยวโม่ให้จิ๋วเอ๋อร ์ช่วยยกเหล้ำหมักข้ำว เหนียวมาให้สองกา ยิ้มบอกว่ำไม่ต้องไปทากับแกล้มที่ห้องครัวแล้ว มี แค่สถำนที่ให้พวกเราดื่มเหล้ำก็พอ
เซี่ยโก่วนั่งขัดสมาธิลงบนม้ำนั่งยาว ดื่มเหล้ำหมักข้ำวเหนียวไป ชำมใหญ่แล้วถอนหายใจเอ่ยว่ำ “ได้เงินน้อยนิดมาอย่างยากล ำบำก ก็ไม่ง่ำยเลยจริงๆ เสี่ยวโม่เจ้ำไม่รู ้อะไรหลังจากที่ข้ำมาถึงใต้หล้ำ ไพศำล เพื่อเก็บออมเงิน ตลอดทางมานี้ต้องลาบำกแค่ไหนไปขุด หา สมุนไพรจากบนภูเขาเอามาขายล่ำงภูเขา เกือบจะถูกคนแทะโลม ด้วยนะ มีชีวิตอย่างน่ำอนำถนัก”
om/
เสี่ยวโม่ดื่มเหล้ำหนึ่งอีก “คนที่หาเงินไม่ได้จริงๆ ถึงจะมีสิทธิ์พูด ว่ำล ำบำก”
เซี่ยโก่วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ประโยคนี้พูดจาได้เหมือนคนจริงๆ”
เสี่ยวโม่วางชำมเหล้ำลง ใช ้เสียงในใจถำมว่ำ “เจ้ำกล้ำฆ่ำ ขอบเขตบินทะยานหรือไม่?”
เซี่ยโก่วกะพริบตาปริบๆ “เจ้ำนอนจนโง่ไปแล้วหรือไร?”
กล้ำหรือไม่กล้ำ มีอะไรไม่กล้ำด้วยเล่ำ
ปัญหาคือเป็ นเรื่องที่ทาได้หรือไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่ใต้หล้ำเปลี่ยวร ้ำง เสียหน่อย
เจ้ำอยากถูกจอมปราชญ์น้อยจับตัวไปมากขนำดนี้เลยหรือ จากนั้นก็ไปกินข้ำวในตะรางพร ้อมกับหลิวชำที่สวนกงเต๋อ ก็จริงนะ เมื่อเป็ นเช่นนี้ ไม่ได้เจอหน้ำข้ำ เจ้ำก็สำมารถตาไม่เห็นใจไม่หงุดหงิด ได้แล้ว
ฟังคำพูดแล้งน้ำใจจากชำยใจดำแล้วทรมานยิ่งกว่ำถูกกระบี่บิน ทิ่มแทงหัวใจเสียอีก เซี่ยโก่วสูดจมูก เช็ดหัวตา เห็นว่ำเสี่ยวโม่ที่นั่ง อยู่ฝั่งตรงข้ำมไม่สะทกสะท้ำนก็รู ้สึกเบื่อ จึงเปลี่ยนสีหน้ำเสียใหม่ เอ่ย อย่างเกียจคร้ำนว่ำ “ว่ำมาเถอะ ฆ่ำใคร”
เสี่ยวโม่กล่ำว “ผู้ครองลาคลองเย่ถั่วเก่ำ หย่างจื่อ”
om/
เซียโก่วเอ่ยอย่างกระจ่ำงแจ้ง “ที่แท้ก็นำงเองหรือ ความสำมารถ ในการหนีเอาชีวิตรอดไม่เลวเลย แต่ความสำมารถในการต่อยตีกลับ ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องมากๆ ดีแต่หน้ำอกโตกันใหญ่ตบะไม่เพิ่มพูน ได้ การสืบทอดมาอย่างเสียเปล่ำ เห็นแล้วก็ราคำญตา หากสตรีผู้ นี้ ไม่ได้ถูกทางฝั่งของศำลบุ๋นรั้งตัวไว้ที่นี่ แต่ทุกวันนี้ไปอยู่ใต้หล้ำ เปลี่ยวร ้ำงล่ะก็ เฮอะ”
เซี่ยโก่วอยากได้วิชำอภินิหารแห่งชะตาชีวิตบทหนึ่งของหย่างจื่อ มานำนหลายปี แล้วเกิดมาก็ไม่เหมาะกับหย่างจื่อ แต่เซี่ยโก่วมี ความสำมารถในการท ำความเข้ำใจต่อการเรียนรู ้วิชำอภินิหารได้ เป็ นอย่างดี ฝึกตนได้รวดเร็วมาก อีกทั้งถนนสำยนี้สำหรับหย่างจื่อ แล้วไม่ถือว่ำเหมาะสมสักเท่ำไร แต่หากเซี่ยโก่วได้เรียนรู ้ บีบให้แตก ขยี้ให้เละ ก็จะสำมารถเอามาชดเชยช่องโหว่บนมหามรรคำของนำง ได้สมบูรณ์พอดี หากไม่ทันระวังก็อาจได้เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่จริงๆ
ในความเป็ นจริงแล้วตอนนั้นที่เสี่ยวโม่ไล่ฆ่ำหย่างจื่อ ป๋ ำยจิ่งก็ คอยติดตามดูอยู่ไกลๆอย่างเงียบเชียบมาโดยตลอด
รอกระทั่งหยวนโส่วบรรพจารย์ย้ำยภูเขาปรากฏตัว นำงก็เผยตัว ตาม กล้ำตีบุรุษของข้ำ ถำมข้ำป๋ ำยจิ่งหรือยังว่ำยอมหรือไม่? สองต่อ สอง นั่นต่ำงหากจึงจะยุติธรรม
คู่รักเทพเซียนอย่างพวกเขารับมือกับชู้รักคู่หนึ่ง จะไม่ง่ำยดำย เหมือนกวักมือเรียกมาหรอกหรือ จะแพ้ได้อย่างไร
om/
น่ำเสียดำยที่เสี่ยวโม่ไม่ยอมร่วมมือกับตน เขาถึงกับเดินจากไป โดยตรง
เซี่ยโก่วเอ่ย “ข้ำกับนำยท่ำนป๋ ำยและศำลบุ๋นมีข้อตกลงร่วมกัน แต่ก็นะ”
“ในเมื่อเจ้ำเปิ ดปำกพูดแล้ว ข้ำก็สำมารถลองพิจารณำดูได้ เงื่อนไขก็คือเจ้ำต้องรับประกันว่ำข้ำจะสำมารถออกไปจากใต้หล้ำ ไพศำลได้โดยที่ยังมีชีวิตรอด
เซี่ยโก่วยื่นฝ่ ำมือข้ำงหนึ่งออกมา เลิกคิ้วให้กับเสี่ยวโม่ “ผลประโยชน์ล่ะ? พี่น้องแท้ๆยังต้องคิดบัญชีกันอย่างชัดเจน หาก พวกเราเป็ นคนรักกันก็ไม่จาเป็ นต้องคุยเรื่องนี้กันหรอกปัญหาคือ พวกเราไม่ใช่”
เซี่ยโก่วลูบปำก “ทุกวันนี้ข้ำอ่ำนตารามามากมายแล้ว บุรุษมาก ความสำมารถกับโฉมสะคราญในต ำราและนิยายในยุทธภพก็ล้วนใช ้ วิธีการแบบนี้กันทั้งนั้น วีรบุรุษช่วยเหลือสำวงำม บุญคุณยิ่งใหญ่มิ อาจตอบแทนได้ ข้ำน้อยก็ได้แต่ตอบแทนด้วยเรือนกายแล้วยินดีจะ หนุนนอนเคียงหมอน พอมาเป็ นพวกเราสองคนก็หลักการเหตุผล เดียวกันนั่นแหละ!”
เสี่ยวโม่กาลังจะเปิดปำกพูด เฉินผิงอันก็มาพลิ้วกายนั่งลงข้ำง หนึ่งของโต๊ะเหล้ำก่อนแล้ว ยิ้มเอ่ยว่ำ “เสี่ยวโม่ อย่าได้ตอบตกลงว่ำ จะตอบแทนด้วยเรือนกายเด็ดขาดเชียวนะ”
om/
ส่วนด้ำนหลังเซี่ยโก่วก็มีคนผู้หนึ่งยื่นมือมากดลงบนหมวกขน เตียวเหนือศีรษะของเด็กสำวด้วยเช่นกัน “เมื่อครู่นี้ไม่ถือสำเจ้ำ แต่ เจ้ำกลับยังเกเรอยู่แบบนี้อีกหรือ?”
เซี่ยโก่วย่นคอ พูดด้วยสำยตาฉำยแววไม่พอใจ “เสี่ยวโม่ เสี่ยว โม่ รีบช่วยพูดทวงความเป็ นธรรมแทนข้ำที ข้ำใจเสำะ กลัวแทบตาย อยู่แล้ว”
ผู้ฝึกตนปล่อยจิตเดินทางไกลหมื่นลี้จะนับเป็ นอะไรได้ สองคนนี้ คงไม่ใช่ว่ำปล่อยจิตเดินทางไกลหมื่นปีหรอกกระมัง?
ภูเขาเซียนตู ท่ำเรือชิงซำน
ชุยตงซำนนับนิ้วคำนวณ แล้วร่ำยรายชื่อพันธมิตรทั้งหลาย ออกมา “สกุลเหยาต้ำเฉวียน เรือนอวิ่นฉ่ำวผูซำน ภูเขาไท่ผิง สำนัก กุยหยก สกุลหลิวธวัลทวีป สกุลอวี๋ราชวงศ์ เสวียนมี่แผ่นดินกลาง หกฝ่ ำย ตอนนี้มีแค่นี้ คนที่มีเงินก็ออกเงิน คนที่มีแรงก็ออกแรง ต่ำง คนต่ำงทาหน้ำที่ของตัวเอง แบ่งงำนกันอย่างชัดเจน รักใคร่กลม เกลียว ลงเรือล ำเดียวกัน”
จางจื๋อพยักหน้ำรับ “เป็ นการจับคู่ที่ดีมาก”
ผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานทั่วไปก็ยังมิอาจสร ้ำงสถำนการณ์อัน ดีงำมที่ยิ่งใหญ่ขนำดนี้ได้
นี่ก็คือรากฐานแฝงของอิ่นกวานคนสุดท้ำยของก ำแพงเมือง ปราณกระบี่แล้ว
om/
อู่โซ่วผู้นั้นหนังตากระตุก โดยเฉพำะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินชื่อของ สกุลหลิวธวัลทวีป เขาก็ถึงกับคิดอยากจะลั่นกลองถอยทัพ ทุกวันนี้ เขาถือว่ำเป็ นบุคคลอันดับสำมในส่วนของร ้ำนผ้ำห่อบุญใบถงทวีป แล้ว แม้แต่อันดับที่สองก็ยังไม่ได้มาครอง ถือว่ำถูกลดตาแหน่งลงมา วันหน้ำต้องดูที่ผลงำนภำยหลัง หากว่ำยังสร ้ำงผลงำนอะไรไม่ได้ก็ จะต้องถูกศำลบรรพจารย์คิดบัญชีย้อนหลังแล้ว
ไม่ได้บอกว่ำสกุลหลิวธวัลทวีปหาเงินอย่างอ ำมหิตใจด ำ แต่เป็ น เพราะแต่ไหนแต่ไรมาสกุลหลิวก็ชอบเป็ นผู้น ำในการค้ำขายในทุก ขั้นตอน คนนอกได้แต่คอยให้การช่วยเหลืออยู่ข้ำงๆ มิอาจสอดมือ เข้ำไปยุ่งเกี่ยวกับการโคจรของเส้นสำยเงินทองหลักได้
ในร ้ำนผ้ำห่อบุญมีการค้ำหลายอย่างที่หากแค่ขยับปำก คุยโว จนดอกไม้โปรยปรายลงมาจากฟ้ ำ ก็ยังไม่มีประโยชน์อะไร ตามกฎ ของศำลบรรพชนแล้ว หากว่ำใครหมายตาในกิจการใดกิจการหนึ่ง เงินครึ่งหนึ่งก็ต้องควักออกมาจากกระเป๋ ำของตัวเอง
หากขาดทุน ไม่ว่ำจะทุบหม้อขายเหล็กก็ดีหรือยืมเงินมาจากคน อื่นก็ช่ำง ล้วนจะต้องเอาเงินไปชดเชยแต่โดยดี เงินไม่พอก็ต้องเขียน ใบยืมหนี้ซึ่งเป็ นหลักฐานที่เป็ นลายลักษณ์อักษร ถึงอย่างไรก็ต้องอุด ช่องว่ำงของร ้ำนผ้ำห่อบุญเอาไว้ก่อนให้ได้ ไม่ใช่ว่ำพอได้เงินมาแล้ว ก็จะเอามาใช ้จ่ำยอย่างมือเติบ หรือไม่ก็เก็บเข้ำกระเป๋ ำตัวเอง อีกทั้ง ทางฝั่งของศำลบรรพจารย์ก็จะยังส่งนักบัญชีผู้หนึ่งมาโดยเฉพำะ สถำนะค่อนข้ำงคล้ำยคลึงกับแม่ทัพผู้ตรวจตราสนำมรบ คิดอยากจะ
om/
อ้อมผ่ำนคนผู้นี้ไป เล่นตุกติกบนสมุดบัญชี ก็ยากยิ่งกว่ำเดินขึ้น สวรรค์เสียอีก
อู๋โซ่วมีอาจารย์อาอยู่คนหนึ่งที่ยังต้องใช ้หนี้ให้กับร ้ำนผ้ำบุญเป็ น เวลาถึงเจ็ดร ้อยปีเต็มหวนนึกถึงอดีตอันห่ำงไกล ตอนที่อาจารย์อามี หน้ำมีตามากที่สุด ถ้ำสวรรค์เทียนอวี๋ของหลิวเสียทวีปยังถึงกับเคย ให้อาจารย์อายืมเงินก้อนใหญ่ ลาพังแค่ดอกเบี้ยในแต่ละปีก็สำมารถ นอนเสวยสุขได้แล้ว บอกว่ำเป็ นเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สำมารถตั้งตัวเป็ น ศัตรูกับแคว้นแห่งหนึ่งยังไม่นับเป็ นอะไรได้ ต้องบอกว่ำร่ำรวยจน สำมารถเป็ นศัตรูกับทั้งทวีปได้เลยด้วยซ้ำ ผลคือใจกล้ำมากเกินไป ไปเข้ำร่วมกับกิจธุระภำยในเรื่องหนึ่งระหว่ำงสำนักเบื้องบนกับส ำนัก เบื้องล่ำง จึงสูญเสียพลังต้นกาเนิดอย่างหนัก ขโมยไก่ไม่สำเร็จยัง ต้องเสียข้ำวสำรไปอีกหนึ่งกามือ
ชุยตงซำนเหลือบมองการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้ำอันลุ่มลึกของอู๋ โซ่ว เชี่ยวชำญเรื่องการหาเงินก็ดีแต่จะรู ้จักหาเงิน ดูท่ำพอแผลหายดี ก็ลืมความเจ็บปวดไปเสียแล้ว
คงไม่ใช่ว่ำจางจื๋อรีบเร่งจะมาตกปลาที่ท่ำเรือชิงซำนโดยใช ้อู๋โซ่ว เป็ นเหยื่อล่อหรอกกระมัง? ก็เหมือนว่ำปลาใหญ่ตกยากหลุดจากคัน เบ็ดได้ง่ำย แต่ส ำหรับตาเฒ่ำเจ้ำเล่ห์อย่างจางจื๋อแล้ว ยกคันเบ็ดหนึ่ง ทีปลาใหญ่ลอยพ้นผิวน้ำก็พอจะวิเคราะห์นิสัยใจคอของอาจารย์ตน ได้คร่ำวๆ แล้ว เพราะถึงอย่างไรจางจื๋อก็ไม่มีทางมีความกล้ำนั้น ไม่ กล้ำรู ้สึกว่ำตัวเองสำมารถตกอิ่นกวาน “เฉินผิงอัน” และสองสำนักที่
om/
ก่อตั้งใหม่อย่างภูเขาลั่วพั่วและสำนักกระบี่ชิงผิงมาได้ในรวดเดียว จริงๆ พูดง่ำยๆ ก็คือจางจื๋อตั้งใจปล่อยให้ปลาใหญ่หลุดจากเบ็ด เพราะว่ำมีแผนการที่ยาวไกลยิ่งกว่ำนั้นให้กับร ้ำนผ้ำห่อบุญทั้งหมด
ชุยตงซำนค่อนข้ำงหงุดหงิดกับเรื่องนี้จึงคร ้ำนจะพูดจาวกวน อ้อมค้อม ใช ้เสียงในใจถำมโดยตรงเลยว่ำ “จางจื๋อ เจ้ำเป็ นคนฉลาด ขนำดนี้ ท ำไมต้องจงใจพำอู๋โซ่วมาสร ้ำงเรื่องน่ำเบื่อให้ตัวเองด้วย?”
จางจื๋อยิ้มเอ่ย “ยังคงไม่ฉลาดเฉียบแหลมได้เหมือนกับเจ้ำสำนัก ชุยและอาจารย์ของเจ้ำ
“ประโยคนี้หมายความว่ำอย่างไร? พูดจาระวังหน่อย อย่าได้เดิน ตามรอยเท้ำของบรรพจารย์อู๋เข้ำล่ะ”
“เจ้ำส ำนักชุยก็รู ้ดีอยู่แก่ใจไยต้องแกล้งถำมด้วย”
“จางจื๋อเอ๋ยจางจื๋อ ข้ำแกล้งโง่ย่อมมีความสำมารถและความ มั่นใจพอที่จะแกล้งโง่แต่เจ้ำแกล้งโง่กับข้ำก็คือโง่จริงๆ แล้ว จะแนะน ำ เจ้ำสักคำนะ ทุกวันนี้ข้ำคือเจ้ำสำนักของสำนักกระบี่ชิงผิง ก็สำมารถ ท ำเหมือนอาจารย์ ออกคำสั่งไล่แขกเป็ นครั้งที่สองได้เหมือนกัน การค้ำขายทางใต้ของใบถงทวีปของร ้ำนผ้ำห่อบุญพวกเจ้ำ ข้ำไม่มี สิทธิ์ไปควบคุม ที่นั่นคือเขตอิทธิพลของส ำนักกุยหยก ข้ำกับเหวยอิ๋ง เจ้ำส ำนักคนปัจจุบันไม่สนิทกันแม้แต่น้อย กับอดีตเจ้ำส ำนักเจียง ของส ำนักกุยหยกก็ไม่ถือว่ำสนิทกันมากกนัก แต่การค้ำทางทิศ เหนือ นับแต่วันนี้ไปก็อย่าได้หวังว่ำจะราบรื่นอีกเลย”
om/
ตอนนั้นร ้ำนผ้ำห่อบุญที่แจกันสมบัติทวีปก็ถูกซิ่วหูชุยฉำนขับไล่ ออกจากอาณำเขต จุดจบก็คล้ำยคลึงกับเซียนกระบี่ชีชำนของหลิว เถำจือ ต่ำงก็ถือว่ำแยกย้ำยกันไปอย่างไม่สบอารมณ์ ผูกปมแค้นต่อ กันนับแต่นั้น
ชุยฉำนไม่มีทางอนุญำตให้กองก ำลังภำยนอกใดๆ มาเป็ นตัว ถ่วงทาให้สงครามที่กาลังจะเกิดขึ้นเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด เพราะฉะนั้นต่ำงคนต่ำงเดินกันไปคนละทาง
นี่เป็ นเพราะว่ำสงครามยังไม่ทันเกิดขึ้น ร ้ำนผ้ำห่อบุญก็สัมผัสได้ ถึงอันตรายก่อนแล้วแต่ส่วนของร ้ำนผ้ำห่อบุญที่อยู่ในเก้ำทวีปของ ไพศำลมีแค่แจกันสมบัติทวีปของอู๋โซ่วเท่ำนั้นที่แสดงออกอย่างหน้ำ เลือดเกินไป
เดิมทีเฉินผิงอันไม่ต้องไปสนใจเรื่องวกวนอ้อมค้อมพวกนั้น ดังนั้นก่อนหน้ำนี้เฉินผิงอันถึงได้ ออกคำสั่งไล่แขก” บนโต๊ะเหล้ำ และนั่นก็เป็ นการบอกกล่ำวอย่างชัดเจนมากแล้ว
สนำมรบใหญ่ของใต้หล้ำไพศำลและใต้หล้ำเปลี่ยวร ้ำงในทุก วันนี้เพิ่งจะตีกันไปได้แค่ครึ่งเดียว อย่าคิดว่ำจะดึงเอาความได้เปรียบ ไปทั้งหมด ในเมื่อมีความสำมารถพอที่จะหลบเลี่ยงหายนะ ก็อย่าคิด ว่ำจะมาฉกฉวยโอกาสนี้ อย่างน้อยที่สุดทางฝั่งแจกันสมบัติทวีปนี่ก็ อย่าได้หวัง
และจางจื๋อก็ยังจงใจพำอู่โซ่วมาเยี่ยมเยือนถึงที่นี่ ไยจะไม่ใช่การ หยั่งเชิงอย่างหนึ่งสำหรับอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้ จางจื๋อมีสำมเรื่องที่ ต้องการพิสูจน์ ข้อแรก เขาจะรับหน้ำที่เป็ นราชครูของต้ำหลี สืบทอด ต่อจากชุยฉำนซิ่วหู่ผู้เป็ นศิษย์พี่ของสำยเหวินเซิ่งหรือไม่ ข้อสอง สำนักกระบี่ชิงผิงที่อยู่ในใบถงทวีปแห่งนี้มีความทะเยอทะยาน อยากจะเป็ นผู้น ำของเหล่ำจวนเซียนในหนึ่งทวีปหรือไม่ ข้อสำม นิสัย ใจคอของเฉินผิงอันกับซิ่วหูมีความคล้ำยคลึงกันมากแค่ไหน แตกต่ำงจากชุยฉำนมากเท่ำไร เขาจางจื๋อกับร ้ำนผ้ำห่อบุญจะได้สั่ง อาหารให้ถูกปำกคน
สรุปแล้วร ้ำนผ้ำห่อบุญที่อยู่ที่นี่ต้องทุ่มเงินทุนเท่ำไร ต้องดู คำตอบสำมข้อนี้ก่อนถึงจะพอได้ข้อสรุปคร่ำวๆ
เพราะ “ท่ำเรือสองแห่ง” ที่ร ้ำนผ้ำห่อบุญให้ความสนใจอย่าง แท้จริง ไม่ใช่แจกันสมบัติทวีปที่แต่ละแคว้นกอบกู้แคว้นกันได้อย่าง รวดเร็วแล้ว แต่เป็ นสองสถำนที่อย่างใบถงทวีป และฝูเหยาทวีป
เก้ำทวีปของใต้หล้ำมีที่ตั้งท่ำเรือตระกูลเซียนที่บ้ำงก็อยู่ในทาง แจ้ง บ้ำงก็อยู่ในทางลับซึ่งแทบทุกแห่งต่ำงก็มีการทาการค้ำกับร ้ำน ผ้ำห่อบุญ
ชุยตงซำนพลันหัวเราะร่ำขึ้นมา “ร ้ำนผ้ำห่อบุญของอู่โซ่ว ปีนั้น อยู่ที่แจกันสมบัติทวีปคงไม่ได้ทาเรื่องที่บอกใครไม่ได้หรอกนะ?”
จางจื๋อกล่ำวอย่างเฉยเมย “หากว่ำมี ไหนเลยจะต้องให้เขียน กระบี่หมี่เตือนให้อู๋โซ่วหาสถำนที่ให้ตัวเอง ข้ำคงช่วยเขาหาไว้แต่ เนิ่นๆ แล้ว ร ้ำนผ้ำห่อบุญเป็ นข้ำที่สร ้ำงขึ้นมาเองกับมือ รายละเอียด ปลีกย่อยทั้งหลาย ข้ำชอบจับตามองด้วยตัวเองเสมอ ดังนั้นร ้ำนผ้ำ ห่อบุญจึงมีแค่คนผู้เดียวที่มีสิทธิ์ออกเสียง ยกตัวอย่าง หากว่ำข้ำเป็ น เจ้ำส ำนักของต้ำหลงชิวแผ่นดินกลาง จัดการกับพวกมารผจญที่กิน บนเรือนขี้รดบนหลังคำในเสี่ยวหลงชิว ไม่จาเป็ นต้องผ่ำนการประชุม ของศำลบรรพจารย์เลยแม้แต่น้อย แค่สั่งให้หลงหรานเซียนจวินไปที่ เสี่ยวหลงชิวใบถงทวีปแล้วจัดการสังหารอีกฝ่ำยก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“คนที่ทาการค้ำย่อมมีเส้นทางหาเงินเป็ นของตัวเอง นับแต่ โบราณมาก็ล้วนเป็ นเช่นนี้เพียงแต่ว่ำคนทาการค้ำ สืบสวนราวเรื่อง กันแล้วก็คือการวางตัวเป็ นคน ยังต้องพิถีพิถันในเรื่องของการขีด เส้นบรรทัดฐานด้วย”
“คิดอยากจะท ำการค้ำให้ยาวนำนก็ต้องเดินไปตามสถำนการณ์ ใหญ่”
“แต่หากว่ำทาเรื่องที่ผิดบำปทางใจมากเกินไป คนไม่รับแต่ สวรรค์ต้องรับเอาไว้”