กระบี่จงมา - บทที่ 970.1 ลมหิมะที่คุ้นเคย
หิมะเหมือนชุดขาว ชุดขาวเหมือนหิมะ เห็นแล้วสงสัยว่าจะเป็ น ตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่ง
ฉินปู้ อิ๋มักจะรู ้สึกว่าคนผู้นี้ค่อนข้างคุ้นตา เพียงแต่เมื่อนาง ตรวจสอบความทรงจ าในทะเลสาบหัวใจอย่างละเอียดกลับไม่มีใครที่ สอดคล้องกับคนตรงหน้าเลย
ชุยตงซานคลี่ยิ้มกว้างเจิดจ้าให้กับฉินปู่อี๋ จากนั้นกดเสียงลงต่า ขอให้ผู้อาวุโสซ่งขยับเท้าไปชมศึกอยู่ห่างๆ พร ้อมกับเขา หลีกเลี่ยง ไม่ให้การถามหมัดบนยอดเขาของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางสอง คนนี้มีอาจวาดฝีไม้ลายมือกันได้อย่างเต็มที่ จากนั้นก็พาพวกวังม่าน เมิ่งขยับออกห่างจากประตูเมือง ชุยตงซานคิดว่าจะหาหลังคาเรือน ใหญ่ประตูสูงหลังหนึ่งเป็ นพื้นที่ในการชมศึก เพียงแต่ว่าราตรีที่มีลม หิมะพัดโชยคืนนี้ หิมะตกหนักลมพัดแรงมากเกล็ดหิมะปลิวว่อนไปทั่ว ฟ้ า การมองเห็นถูกบดบัง พวกเฉียนโหวเอ๋อร ์ขอบเขตต่าเกินไป ถูก ก าหนดมาแล้วว่าจะมองการออกหมัดของสองฝ่ ายได้ไม่ชัด บท สนทนาระหว่างอาจารย์และหันว่านจ่านก่อนหน้านี้ ชุยตงซานเล่น ตุกติกเล็กน้อย ขนาดวังม่านเมิ่งยังได้ยินไม่ชัด รอให้วันหน้ารู ้สถานะ ของสองฝ่ ายที่ถามหมัดกันในคืนนี้พวกเขาคงเสียดายแทบตายเป็ น แน่
สองฝ่ ายที่ถามหมัดคุมเชิงกันอยู่ไกลๆ บนถนนใหญ่ ต่างก็ไม่รีบ ร ้อนที่จะลงมือ
หันกวงหู่ยืนอยู่ที่เดิม เพียงแค่ยกรองเท้าหุ้มข้อขึ้นมาขยับ เล็กน้อย ตอนที่วางเท้าลงบนพื้นอีกครั้ง ถนนใหญ่ทั้งสายที่หิมะทับ ถมหนาถึงหนึ่งชื่อกว่าก็คล้ายถูกน้าร ้อนเดือดพล่านสาดใส่ ไอขาว ลอยกรุ่น รอกระทั่งผู้ฝึกยุทธเฒ่าผ่อนลมหายใจหยุดยืนนิ่งก็เหมือนปู มังกรดินลงไปบนถนนทั้งสาย ถนนเส้นนั้นแห้งสนิท หิมะยังไม่ทันตก ลงมาถึงพื้นก็หลอมละลายไปด้วยตัวเอง สุดท้ายมีเพียงรอบฝ่ าเท้า ของเฉินผิงอันเท่านั้นที่ยังมีหิมะทับถม
ซ่งอวี่เซาเดินออกมาจากถนนพร ้อมกับชุยตงซาน ตอนที่เดินไป ถึงมุมเลี้ยวของตรอกก็หันไปเห็นภาพเหตุการณ์ผิดปกตินั้น ผู้เฒ่า หัวเราะ ใครบอกว่าผู้ฝึกยุทธอย่างเราๆ ไม่ใช่เทพเซียนกันเล่า
ขุยตงชานรู ้ชัดเจนดีว่าเหตุใดอาจารย์ถึงต้องรับหมัด แน่นอนว่า เกี่ยวข้องกับการที่หันว่านจ่านผู้นั้นท าอะไรไร ้คุณธรรมด้วย แต่ นอกจากนี้ก็ยังมีความเห็นแก่ตัวส่วนหนึ่ง
อยากให้ผู้อาวุโสซ่งวางใจ
วางใจอย่างไร?
ง่ายมาก ผู้เฒ่าแค่ได้เห็นวิชาหมัดในทุกวันนี้ของเด็กหนุ่ม สะพายกระบี่ในอดีตกับตาตัวเองก็จะสามารถวางใจได้อย่างแท้จริง แล้ว
ซ่งอวี่เซาลังเลเล็กน้อย ก่อนรวมเสียงให้เป็ นเส้น สอบถามเด็ก หนุ่มชุดขาวที่อยู่ข้างกายว่า “เจ้าส านักชุย อาจารย์ของเจ้าจะชนะได้ หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้กินหม้อไฟด้วยกัน ฟังเฉินผิงอันเล่าถึงลูกศิษย์หลาย คน ชุยตงซานในตอนนี้ก็คือเจ้าสานักคนแรกของสานักกระบี่ชิงผิง แล้ว
ยามที่ผู้เฒ่าอยู่กับเฉินผิงอันเพียงลาพังก็ไม่เคยระวังเรื่องคาพูด อยู่แล้ว เรียกชื่อโดยตรงจะนับเป็ นอะไรได้ แต่อยู่กับชุยตงซาน ซ่งอวี่ เซากลับเปลี่ยนคาเรียกขาน
ผู้เยาว์คนหนึ่งประสบความส าเร็จด้านการศึกษาเล่าเรียน สามารถเขียนกลอนปีใหม่ได้หลายบท สามารถเอ่ยหลักการเหตุผล ของอริยะปราชญ์ได้หลายประโยค หรือไม่ก็มีชื่อติดอยู่บนกระดาน ทองคา สร ้างเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูล ผู้เฒ่าต้องปลาบปลื้มใจ อย่างมากเป็ นแน่ แต่กลับไม่แน่เสมอไปว่าจะวางใจ วงการขุนนางที่มี ขึ้นมีลง ความเจริญก้าวหน้าในวงการขุนนางที่แปลกประหลาด การ ปัดแข้งปัดขากันในที่ว่าการ….หลักการเหตุผลเดียวกัน ออกท่องยุทธ ภพ จิตใจคนชั่วร ้ายเลวทราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีหมัดสูงที่ไม่ เกี่ยวข้องกับความดีหรือความเลว และยังจาต้องยอมรับว่ายิ่งเป็ นคน หนุ่มที่รักษาคุณธรรมในยุทธภพมากเท่าไรก็ยิ่งเสียเปรียบง่ายเท่านั้น ซ่งอวี่เซาคือคนเฒ่าคนแก่ในยุทธภพก็จริงแต่เขากลับไม่คร่าครี หัวโบราณ ดังนั้นเมื่อมองเห็นเส้นทางในยุทธภพใต้ฝ่าเท้าของเฉินผิง
อันแล้ว ผู้เฒ่าจึงยิ่งลาบากใจมากกว่าเดิม ทั้งหวังให้เฉินผิงอัน สามารถเดินตรงไปบนมหามรรคา ขึ้นสู่ที่สูงได้อย่างราบรื่น ทั้งหวังให้ คนหนุ่มที่ตัวเองฝากความหวังไว้มากผู้นี้ไม่ถูกท าร ้ายเพราะการ เชื่อมั่นในคุณธรรม และการที่ทาทุกอย่างไปตามกฎเกณฑ์….
คาดว่าความขัดแย้งในใจประเภทนี้คงมีเพียงผู้อาวุโสของผู้เยาว์
ต่อให้ชุยตงซานจะเกเรแค่ไหน กล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าหัน ว่านจ่าน ไม่ได้แอบสร ้างความสะอิดสะเอียนให้กับคนเขาอย่างลับๆ แต่ท้าทายอีกฝ่ ายอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับไม่กล้าท าเป็ นเล่นกับซ่งอวี่ เซา
“อาจารย์ไม่มีทางแพ้ ต่อให้ถามหมัดกับเฉาสือ มองภายนอกคือ แพ้ติดต่อกันสี่ครั้งก็จริง แต่อาจารย์ของข้ามีความคิดเป็ นของตัวเอง หนีไม่พ้นว่าภายนอกแพ้หมัด แต่ภายในชนะหมัดของตัวเอง เพียงแต่ ว่าสภาพจิตใจเช่นนี้ไม่เคยบอกกล่าวแก่คนอื่น เฉาสือเข้าใจก็ เพียงพอแล้ว แน่ นอนว่าผู้อาวุโสซ่งก็ต้องรู้ชัดเจนดีอยู่ในใจ เหมือนกัน”
ซ่งอวี่เซากล่าว “ข้ากังวลว่าการประลองที่มาเยือนอย่างกะทันหัน ครั้งนี้ อาจารย์ของเจ้าทั้งต้องการชนะหมัดอย่างเปิดเผย แล้วยังต้อง
กะน้าหนักและแรงไฟให้ดีด้วย ยากยิ่งกว่ายาก เสียเปรียบมาก เกินไป”
คนนอกได้แค่ชมความครึกครื้น คนในเห็นถึงช่องทาง ขอบเขต วิถีวรยุทธของซ่งอวี่เซาไม่สูงก็จริง แต่ชีวิตนี้เขาท่องยุทธภพมาจน ชินแล้ว คบค้าสมาคมกับคนของสามลัทธิเก้าสาขา เข้าใจดีถึง เรื่องราวความสัมพันธ ์ของผู้คนบนโลก ดังนั้นจึงเข้าใจความลี้ลับใน เรื่องนี้เป็ นอย่างดี
ชุยตงซานก้มหน้าลงถูมือยิ้มกล่าว “ไม่เป็ นไร ผู้อาวุโสช่งท่านคง ยังไม่รู ้กระมัง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนยอดเขาเจ๋อเซียนของภูเขาเซียน ตูพวกเรา อาจารย์เคยสอนวิชาหมัดให้หวงอีอวิ๋นแห่งใบถงทวีป ตีกัน ไปตีกันมา นางก็ฝ่ าทะลุคอขวดชั้นปราณโชติช่วงของขอบเขตสิบ เพียงแต่เพราะการออกหมัดของอาจารย์มีการกะน้าหนักได้อย่างดี เยี่ยมจึงไม่เพียงแต่ไม่ทาลายความปรองดอง ทุกวันนี้กลับยัง กลายเป็ นว่าเรือนอวิ่นฉ่าวของผูซานได้กลายมาเป็ นพันธมิตรอย่าง เป็ นทางการของสานักกระบี่ชิงผิงแล้ว ผ่านอีกร ้อยสองร ้อยปี ลูกศิษย์ บนทาเนียบของสองบ้านไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งเข้า ก็น่าจะถือว่ามี มิตรภาพที่ “คบหากันมาหลายชั่วคน ได้แล้ว”
ปีนั้นที่แคว้นซูสุ่ย ซ่งอวี่เซาล้างมือในอ่างทองคา เลือกที่จะถอย ออกมาจากยุทธภพ ซูหลางเซียนกระบี่ไผ่เขียวที่พลันมีชื่อเสียง ขึ้นมาในแคว้นชงซีไม่ยอมเลิกรา ทาลายกฎของยุทธภพ ยืนกรานจะ ประลองฝีมือกับซ่งอวี่เซาให้จงได้ เพิ่งจะเลื่อนเป็ นขอบเขตร่างทองก็
มาเยือนหมู่บ้านวารีกระบี่ในทันทีอย่างแทบจะอดทนรอไม่ไหว คิดว่า จะขึ้นไปเหยียบอยู่บนไหล่ของอริยะกระบี่แห่งแคว้นซูสุย นั่งครอง เก้าอี้อันดับหนึ่งในยุทธภพด้านเวทกระบี่ในหลายแคว้นของภาค กลางแจกันสมบัติทวีปให้จงได้ ผลคือถูก “เซียนกระบี่” หนุ่มของแท้ คนหนึ่งบีบให้ซูหลางต้องถอยร่น ไล่อีกฝ่ ายให้มาทางไหนกลับไป ทางนั้น ภายหลังเพื่อนาฝักกระบี่ไผ่เหลืองขึ้นนั้นกลับคืนมา ระหว่าง ที่มีการประชุมของศาลบุ๋น เฉินผิงอันได้ไปหาหม่าฉวีเซียน และยังลง มือต่อสู้กับอีกฝ่ ายอย่างจริงจัง ยอมเสี่ยงที่จะแตกหักกับราชวงศ์ ต้าตวนแผ่นดินกลางและสายของเทพีแห่งการต่อสู้เผยเปย น่า เสียดายที่สองครั้งที่เจ้าเด็กเฉินผิงอันผู้นี้ลงมือ ผู้เฒ่าล้วนไม่เคยได้ เห็นเองกับตา
ผู้เฒ่าเชื่อในสายตาการมองคนของตัวเอง ปีนั้นครั้งแรกที่ได้พบ กับเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่บ้านเกิด เขาก็มั่นใจมานานแล้วว่าเส้นทาง การเรียนวรยุทธของเฉินผิงอันในอนาคตไม่มีทางเดินได้ช ้า และยิ่งไม่ มีทางย่าแย่ไปอย่างไรแน่
แต่ไม่ว่าอย่างไรช่งอวี่เซาก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ อีกทั้งยัง…..สร ้างอานุภาพขู่ขวัญได้ถึงเพียงนี้
บนถนน เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน ทั้งเมืองว่างเปล่า คนที่มาชมศึกมีหร็อมแหร็ม
กาแพงเมืองปราณกระบี่ในอดีต ทุกครั้งที่เถ้าแก่รองถามหมัดกับ ผู้อื่นล้วนครึกครื้นอย่างมาก
หันกวงหู่เอ่ยเตือนว่า “ข้าผู้อาวุโสยังคงยืนยันค าเดิม ไม่ต้องออม มือ ไม่อย่างนั้นการถามหมัดครั้งนี้ ปรมาจารย์เฉินก็จะทั้งตีคนและตบ หน้าคนด้วย”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “สู้กันให้เสร็จโดยเร็วเถอะ ผู้เยาว์จะได้ เลี้ยงเหล้าผู้อาวุโส”
หันกวงหู่หลุดหัวเราะพรืด คนหนุ่มรู ้จักพูดจาเกรงใจมีมารยาท เสียจริง
กลุ่มของฉินปู้ อี๋พากันทะยานลมไปที่หัวกาแพงเมือง เจี่ยนหมิง ชัก หมิงเฉวียน ดาบอาคมพิทักษ์แคว้นของราชวงศ์ต้าเฉวียนออกมา จากใต้รักแร ้ปาดหิมะทับถมที่อยู่ข้างกายออกไป แยกเขี้ยวเอ่ย “ไม่มี ความแค้นอะไรต่อกัน ยิ่งไม่ถือว่าเป็ นการพบเจอกันบนเส้นทางคับ แคบ เพิ่งจะเจอหน้ากันก็ตีกันเลยหรือ?”
หรือว่าผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่มีขอบเขตทุกคนต่างก็เป็ นคนคลั่งวร ยุทธที่เจอหน้าก็ชอบตีกันหมด?
เจี่ยนหมิงอดรู ้สึกเป็ นกังวลอยู่หลายส่วนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตาเฒ่า หันคงไม่เป็ นไรหรอกกระมัง ในยุทธภพต่างก็พูดกันว่าหมัดกลัวคน หนุ่มแข็งแรง หมัดมั่วชั่วต่อยให้ปรมาจารย์ตายได้ แล้วนับประสา อะไรกับที่ทุกวันนี้ตาเฒ่าหันยังขอบเขตถดถอย มีต้นตอของโรคทิ้ง ไว้ไอไม่หยุดทุกวัน ยาวิเศษบนภูเขาหลายขวดที่พกติดตัวมาก็ได้แต่ รักษาปลายเหตุมิอาจรักษาต้นเหตุ หากไม่เป็ นเพราะอาจารย์เจิง
เตือนเจี่ยนหมิงว่าอย่าทาอะไรบุ่มบ่าม เจี่ยนหมิงก็อยากจะไปขโมย “เม็ดขนนก’ ของต าหนักพยัคฆ์เขียวมาสักสองสามเม็ดแล้ว หัน กลับมามองอิ่นกวานหนุ่ม อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ลุกผงาดอย่างรวเร็ว ทั้งยังเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใหญ่มาก่อน ไม่ว่าจะเป็ น สภาพการณ์ บรรยากาศ ขอบเขต เรือนกาย พลังอานาจในทุกวันนี้ ล้วนเป็ นดั่งตะวันกลางนภา ล้วนอยู่บนยอดเขาสูงสุด ตาเฒ่าหันรู ้จัก เลือกคู่ต่อสู้เสียจริง จะต่อสู้กันได้อย่างไร?
ซงจือกล่าว “ไม่ต้องเป็ นห่วง ปราณสังหารของทั้งสองฝ่ ายต่างก็ ไม่เข้มข้น จะต้องหยุดแค่พอสมควรอย่างแน่นอน ได้มาเจอกัน โอกาสนี้ถือว่าหาได้ยาก การประลองฝีมือของปรมาจารย์วิถีวรยุทธ ไม่เหมือนการประลองเวทของเขียนชื่อ ฝ่ ายหลังยากที่จะตรวจสอบ หาช่องโหว่และข้อบกพร่องได้ การถามหมัดของผู้ฝึกยุทธ ขอแค่ไม่ ลงมืออย่างอ ามหิตไม่เอาแต่มุ่งมั่นจะแบ่งเป็ นตาย ต่อให้ได้รับบาดเจ็บ แต่หากมองในระยะยาวกลับจะได้รับ ผลประโยชน์ไม่น้อย”
ในหนึ่งทวีปมีปรมาจารย์ขอบเขตปลายทางอยู่แค่กี่คนเอง? เหมือนอย่างธวัลทวีปที่โชคชะตาบู๊เบาบางแห่งนั้น ก็มีแค่เพ่ยอาเซียง แห่งศาลเหลยกงคนเดียวเท่านั้นที่เป็ นขอบเขตสิบบนวิถีวรยุทธ เพ่ย อาเชียงอยากจะประลองวิชาหมัดก็ต้องข้ามทวีปเดินทางไกลอุตรกุรุ ทวีปคงไม่มีทางไปแน่ เพราะมีตาเฒ่าปากเหม็นเน่าอย่างหวังฟู่ ซู่อยู่ ส่วนบุคคลอันดับหนึ่งในด้านการเรียนวรยุทธของหลิวเสียทวีปก็ดัน เป็ นสตรีเสียอีก เป็ นเหตุให้หลังจากเลื่อนขั้นเป็ นขอบเขตปลายทาง
จานวนครั้งที่ออกหมัดจึงมีน้อยครั้ง จนถึงทุกวันนี้เพ่ยอาเซียงก็ยังไม่ เลื่อนเป็ นชั้นคืนความจริง
อาจารย์เจิงยิ้มเอ่ย “นี่ก็เพราะคนทั้งสองต่างก็ไม่มีจิตสังหาร ส่วน ปราณสังหารที่อยู่บนร่างของพวกเขานั้นเกิดจากพายุหมัดที่เข้มข้น เกินไปของพวกเขาเท่านั้น ในสายตาของคนนอกที่ไม่เชี่ยวชาญด้าน วิชาหมัดจึงมองเป็ นจิตสังหาร”
ล้วนไม่มีจิตสังหาร ข้อนี้ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็ นหัน ว่านจ่านจากเกราะทองทวีปหรืออิ่นกวานหนุ่มจากคฤหาสน์หลบร ้อน หากว่ากันในความหมายโดยกว้างแล้วล่ะก็ต่างก็สามารถถือเป็ น สหายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันได้ ไม่แน่ว่าส่วนลึกในใจของคนทั้ง สองอาจยังมีความรู ้สึกทะนุถนอมกันและกัน เพียงแต่ตาเฒ่าหันหน้า บาง ไม่พูดออกจากปากก็เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรหากไม่ใช่กองทัพ ใหญ่เผ่าปีศาจของเปลี่ยวร ้างถูกกาแพงเมืองปราณกระบี่รั้งเอาไว้ นานหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์เอาไว้ซึ่ง เป็ นผลลัพธ ์จากการอนุมานในช่วงแรกเริ่มสุด เวลาที่เผ่าปีศาจของ เปลี่ยวร ้างถูกรั้งตัวไว้นอกกาแพงเมืองปราณกระบี่นานกว่าที่ คาดการณ์ไว้อย่างน้อยสองถึงสามร ้อยปี นี่ก็เท่ากับว่าให้ศาลบุ๋นของ แผ่นดินกลางและบนภูเขาล่างภูเขาของเกราะทองทวีปมีเวลาในการ เตรียมตัวอย่างน้อยสองถึงสามร ้อยปี หาไม่แล้วการบาดเจ็บล้มตาย ของเกราะทองทวีปก็มีแต่จะยิ่งหนักหนามากกว่านี้ อาจจะมีคนตาย หลายสิบล้านคนแน่นอน
แต่การถามหมัดของขอบเขตปลายทางสองคนนี้ ถึงอย่างไรก็ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ขอแค่อีกฝ่ ายคิดจะแบ่งแพ้ชนะกันให้ชัดเจน ไม่ว่า เรื่องไม่คาดฝันอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
แล้วนับประสาอะไรกับที่วิชาหมัดกันกรุหลายวิชาของตาเฒ่าหัน ก็มีน้าหนักไม่เบาเลยจริงๆ
ฉินปู้ อี๋อธิบายอย่างมีน้าอดน้าทน “เจี่ยนหมิง ผู้ฝึกยุทธฝึกหมัด หล่อหลอมเรือนกายการที่ต้องถามหมัดกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่องก็เพราะ พวกเขาต้องใช ้หินของภูเขาลูกอื่นมากลึงเป็ นหยก ฟ้ าดินเล็ก ร่างกายมนุษย์ เส้นเอ็นและโครงกระดูกเหมือนขุนเขาสายน้า เลือด ลมคล้ายแม่น้าลาธารสายใหญ่ การถามหมัดที่ดีครั้งหนึ่งก็เหมือน การย้ายภูเขาเคลื่อนสายน้าพังทลายก่อนแล้วค่อยลุกขึ้นยืนใหม่อีก ครั้ง เปิ ดเส้นทางที่กว้างขวาง สามารถทาให้ลมปราณแท้จริงที่ บริสุทธิ์เฮือกหนึ่งหมุนเวียนได้เร็วยิ่งกว่าเดิม ในประวัติศาสตร ์ของ ไพศาลว่ากันว่ามีปรมาจารย์ใหญ่ที่คุณสมบัติในการเรียนวรยุทธดี เยี่ยมและลึกล้าหลายคนที่นอกจากจะมีวิชาหมัดประจ าตัวแล้ว การ สอนหมัดป้ อนหมัดให้คนอื่นก็ยิ่งสุดยอด ไม่เพียงแต่สามารถช่วยย้าย ภูเขาเคลื่อนมหาสมุทรให้กับผู้เยาว์ได้ ถึงขั้นที่ว่ายังสามารถช่วยให้ คนรักษาบาดแผล แน่นอนว่านี่เป็ นแค่เรื่องเล่าลือเท่านั้น”
อาจารย์เจิงเอ่ย “ยอดฝีมือประเภทนี้ที่สหายฉินพูดถึง ข้ากลับ โชคดีเคยเจออยู่สองคน”
เจี่ยนหมิงถามอย่างใคร่รู ้“สองคนไหน?”
อาจารย์เจิงเอ่ยเนิบช ้าว่า “จางเถียวเสียแห่งแผ่นดินกลางและชุย เฉิงแห่งแจกันสมบัติทวีป”
เจี่ยนหมิงกล่าว “ข้าย่อมเคยได้ยินชื่อของจางเถียวเสีย บุคคล อันดับหนึ่งบนวิถีวรยุทธในใต้หล้าก่อนหน้าเผยเปย ใครบ้างที่ไม่รู ้จัก เพียงแต่ว่าชุยเฉิงนี่ คือเทพเซียนจากฝ่ ายใดกันล่ะ? แล้วยังเป็ นผู้ฝึก ยุทธในพื้นที่ของแจกันสมบัติทวีปด้วย เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียง มาก่อนเลย?