เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 717
ตอนที่ 717 ความคิดฟุ้งซ่าน
กรอบ
“อ๊ากก เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังกังวาลไปทั่วห้อง
ขณะที่หลินหยางถูกดึงดูดความสนใจโดยเด็กสาว เฒ่าโอสถไม่ปล่อยโอกาศหลุดมือมันใช้มีดกรีดผ้าพันแผลตรงส่วนแขนซ้าย พบกับกระดูกที่คดงอผิดปกติ ไม่รอช้ามันจัดการดึงแขนของชายหนุ่มเหยียดตรงเข้ารูปกระดูกแขนของมันใหม่โดยไม่ร้องเตือนใดๆทั้งสิ้น
ร้องจนเสียงแหบ พิษบาดแผลในที่สุดก็เริ่มบรรเทาลงบ้างแล้ว หลินหยางผืนกลั่นกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดเอียงคอมองเฒ่าโอสถง่วนอยู่กับแขนซ้าย นําแผ่นไม้แผ่นใหม่วางทาบดามแขนพันผ้าพันแผลเข้ารูปดังเดิม
“หรือพวกมันมิใช่ศัตรู? หลินหยางคิดในใจ
ก่อนหน้าเมื่อมันตื่นจากการหลับไหล สิ่งแรกที่มันเห็นคือร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน ซึ่งในความทรงจําของมันนั้นเลือนลางจําได้ไม่แน่ชัดว่าบาดแผลเหล่านี้เกิดขึ้นได้เยี่ยงไร สิ่งต่อมาที่มันเห็นคือเด็กสาวตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมามันก็ต้องตกใจถึงขีดสุดเมื่อมองเห็นปีกสีดําด้านหลังเด็กสาวสยายออกกว้าง พริบตาที่เห็นปีกสติหลินหยางแทบกระเจิง
สิ่งแรกที่ตนคิด คือแม่นางตัวน้อยรายนี้คือสัตว์ประหลาด!!
สัตว์ประหลาดที่ตนต่อสู้น้ํานั่นเกือบทุกวันคืน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันเมืองจากการรุกรานของสัตว์ร้าย หรีอบุกถ้ํากวาดล้างสัตว์เดรัจฉาน พวกมันล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกทั้งสิ้น แต่ในจํานวนนั้นก็มีบางตัวที่สามารถจําแลงกายได้เหมือนมนุษย์ ดั่งเช่นความทรงจําสุดท้ายของมันที่ได้ประมือกับปีศาจแวมไพร์ที่ปลอมแปลงตนจนยากจะแยกแยะ
หลังการต่อสู้นั้นตนก็หมดสติไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบจนกระทั่งตื่นมาอีกครา ก็มาพบกับเด็กสาวที่มีปีกสีดํารายนี้ ยิ่งเมื่อเห็นสองเฒ่าที่โผล่พรวดพราดเข้ามาในห้องพร้อมกับปีกลักษณะเดียวกัน ยิ่งทําให้ฉนวนความหวาดระแวงเพิ่มมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป มันก็น่าแปลก หากพวกมันเป็นปีศาจจริงเหตุใดตอนที่เขาอาละวาดยกใหญ่ พวกมันกลับไม่ตอบโตใดๆ แถมตอนนี้ชายชราผมขาวยังมาช่วยรักษาต่อกระดูกให้มันเสียอีก?
หรือพวกมันจะไม่ใช่ปีศาจ ถ้างั้นเป็นอีกเผ่าหนึ่งงั้นดังเช่นเผ่ามนุษย์หมาป่าหรือมนุษย์กิ้งก่าที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวงั้นหรือ? แต่จะว่าไปเผ่าครึ่งมังกรอย่างชายชราที่มันเจอในถ้ําโครงกระดูกเองก็มีปีกด้านหลังเหมือนกัน
มองดูเฒ่าโอสถทําความสะอาดแขน เช็ดเลือด เปลี่ยนผ้าพันแผล ตอนนี้หลินหยางมิขัดขืนแถมยังบิดแขนช่วยให้มันทําได้สะดวกมากขึ้นอีกด้วย ถึงจะไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วมันพวกนี้เป็นมิตรหรือศัตรูก็ตาม ในเมื่อมันไม่มีเจตนาทําร้ายและยังช่วยรักษาบาดแผล เมื่อร่างกายของมันได้รับการฟื้นฟูเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังก็ยังไม่สาย อีกอย่างถึงมันจะหนีออกจากห้องนี้ไปได้ด้วยสภาพร่างกายปัจจุบันเกรงว่าจะเดินได้ไม่ถึงสิบก้าวเห็นทีคงจะสิ้นชีวีไปเสียก่อน…
เมื่อสติฟื้นคืนมาครบถ้วนสมบูรณ์ กระบวนความคิดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
คนแปลกหน้าทั้งสามบัดนี้คอยปรนนิบัติ ราวกับหลินหยางเป็นนายเหนือหัว เฒ่าโอสถรักษาอาการบาดเจ็บ ตอนนี้มันเลื่อนตําแหน่งลงมารักษาช่วงล่างแกะผ้าพันแผลขาทั้งสองข้าง ก่อนจะพบกับต้นตอที่ทําให้หลินหยางพลาดท่าล้มลง กระดูกขาข้างหนึ่งหักเป็นปลายแหลมแทงทะลุผิวหนังออกมาอย่างน่าหวาดเสียว ไม่รอช้า มันลงมือต่อกระดูกทันที
– ส่วนเด็กสาวมอยู่นิ่งใช้ผ้าสะอาดชุบน้ําหมาดช่วยซับเหงื่อตามใบหน้า ยกน้ําป้อนอาหารไม่ขาดสาย จะมีก็แต่ชายชราจ๋อเจียงที่ไร้หน้าที่ยืนเฝ้ามองดูการรักษา บางคราก็พัดวีและบางครั้งก็ลอบมองใบหน้าของหลินหยางด้วยความหวาดระแวงเป็นครั้งคราว
“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าเจ้าหนุ่มนี่มันมาจากไหนกันแน่?” เมื่อความว่างมาเยือนความเบื่อหน่ายถามหาจื่อเจียง กล่าวถามเฒ่าโอสถ เมื่อครู่ในช่วงที่ชุลมุนมันเองก็สังเกตุเห็นความร้อนที่ผิดปกติจากร่างของชายหนุ่มรายนี้ ซึ่งมันไม่ใช่อุณหภูมิปกติของร่างกาย มันคล้ายกับพลังของนักรบจากเมืองฮัวหงผู้ใช้พลังแห่งอัคคี ทว่ามันนั้นแตกต่างทั้งรูปลักษณ์ ปีกของมันก็ไม่มีภาษาที่ใช้ก็ผิดแปลก ความร้อนของไฟก็ยังห่างชั้นยิ่งนัก
เฒ่าโอสถเพียงส่ายหัวไม่ตอบกลับสายตาจดจ่อ มือขยับไปมารักษาคนไข้
“มันเป็นอสูรรึเปล่า? แต่ดูแล้วไม่น่าใช่” จื่อเจียงกล่าวบางเบา
แน่นอนสิ่งที่มันสงสัย ความร้อนที่หลินหยางปล่อยออกมานั่นก็คือทักษะหลอมไฟนั่นเอง ซึ่งในตอนนั้นชายหนุ่มกําลังหน้ามืดตามัวไม่รู้เหนือใต้อาละวาดราวสัตว์ป่า เมื่อถูกต้อนจนมุม ร่างกายจึงตอบสนองตามสัญชาตญาณใช้ทักษะหลอมไฟออกโดยที่เจ้าตัวเองก็มิได้ตั้งใจ
หลินหยางหาได้สนใจบทสนทนาที่ตนฟังไม่ออกไม่ ไม่ว่าเฒ่าโอสถจะรักษาตรงจุดใด สายตาของเขาก็จักจับจ้องไปยังจุดนั้นมองดูการรักษาไม่วางตา นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้มองสภาพบาดแผลบนร่างของตนเองจริงๆ โดยปราศจากผ้าพันแผล ยิ่งมายิ่งแตกตื่นแปลกใจยิ่งนัก เวลาผ่านไปนับชั่วโมงจนมาถึงบริเวณลําตัวแถวทรวงอก ที่ตรงนี้นับเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่สุดบนร่างของมันเลยทีเดียว
พริบตาที่เฒ่าโอสถเปิดผ้าพันแผลตรงส่วนนี้ ดวงตาของเด็กสาวและเฒ่าจ๋อเจียงเบิกกว้างด้วยความตกใจ
…อย่าว่าแต่พวกมันทั้งสองเลย แม้แต่หลินหยางเองยังถึงกับอึ้ง มันยังแปลกใจที่ตนเองยังสามารถรอดชีวิตมาได้โดยที่มีบาดแผลขนาดใหญ่เท่าฝ่ามืออยู่บนหน้าอก…
กระดูกซี่โครงที่เคลื่อนหรือหักถูกต่อกลับด้วยวิชาทางการแพทย์อันเชี่ยวชาญของเฒ่าโอสถและได้ผลชะงัดยิ่ง ในที่สุดบาดแผลภายนอกจุดใหญ่ๆล้วนได้รับการรักษาเสร็จสิ้น!!?
ขณะที่หลินหยางกําลังคิดว่าการรักษาได้จบลงแล้ว ในตอนนั้นเองชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อเฒ่าโอสถ คว่าฝ่ามือยื่นแขนทาบลงบนทรวงอกและหน้าท้องของเขา
ดวงตาหลินหยางที่จับจ้องด้วยความงุนงง เบิกกว้างแทบถลนเมื่อมันเห็นอากาศรอบๆฝ่ามือของเฒ่าโอสถเกิดความผิดปกติเสมือนไอความร้อนแผ่ออกมาจากฝ่ามือมันราวกับภาพหลอน หลินหยางรู้สึกว่าร่างกายของตนถูกสํารวจทุกซอกทุกมุมโดยชายชราผมขาวรายนี้ พริบตาเดียวชายชราก็ดึงมือกลับพร้อมมุมปากยกยิ้มเล็กน้อ
“เฮ้อะ โชคดีที่อวัยวะภายในไม่ได้รับความเสียหายมานัก เจ้าอดทนได้ดีมาก ต่อจากนี้ขยับร่างกายให้น้อย พักผ่อนให้มาก ที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” เฒ่าโอสถถอนหายใจเฮือกใหญ่กล่าวด้วยเสียงชรา ก่อนจะเก็บข้าวของอุปกรณ์ของตน รวมถึงของมีคมและของแข็งทั้งหมดเดินออกไปจากห้อง โดยมีจอเจียงเดินตามต้อยๆ ไม่ห่างกายโดยไม่ลืมกวักมือเรียกเด็กสาวให้ตามมันไปด้วย
ทิ้งหลินหยางให้มึนงงกับบทสนทนาที่เปร่งออกมาด้วยความงุนงง
พลังเมื่อครู่คืออะไร.ทักษะ? ร่างกายข้ารักษาเสร็จแล้ว? ภาษาที่พวกมันใช้..คนต่างชาติ? ภาษาชนเผ่าพื้นเมือง? แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน… และไอ้ผ้าพันแผลที่พันตัวจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้นี่แท้จริงแล้วเพื่อรักษา หรือมีจุดประสงค์เพื่อมัดตนกันแน่?” หลินหยางครุ่นคิด มีข้อสงสัยมากมายประดังเข้ามาไม่หยุด