เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 162
ตอนที่ 162 รุนแรงป่าเถื่อน
“นั่นมันเจิ้นมิใช่รี?” ใครบางคนร้องตะโกนขึ้น
“ใช่แล้ว!! หมอนั่นกําลังแอบดูเสี่ยวหยุน! ช่างเป็นกิริยาที่ไร้ยางอายยิ่งนัก มิน่าล่ะพ่อแม่ของมันถึงได้ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก!” เสียงร้องตะโกนของศิษย์ในสํานักดาราอีกคนดังขึ้น
“นั่นสิ! ข้าเองก็เคยเห็นหมอนั่นคอยเดินตามเสี่ยวหยุนด้วย!” อีกคนเอ่ยขึ้นเสียงดังเช่นกัน
“หึ.. หมอนั่นไม่ต่างจากสวะ ช่างบังอาจนัก นี่มันคิดว่าเสี่ยวหยุนจะสนใจมันหรืออย่างไร? ช่างเพ้อฝันสิ้นดี!! น่าขันชะมัด!!”
จากนั้นคนอื่นๆ ต่างก็พากันหัวเราะร่วนด้วยความสนุกสนาน..
“จริงด้วย! หมอนั่นอายุสิบหกแล้วแต่กลับไม่เคยฝึกวรยุทธบ่มเพาะเลยแม้แต่น้อย แม้ท่านอาจารย์จะเห็นว่ามันยากจน อีกทั้งยังเป็นเด็กําพร้าอาศัยอยู่ตามข้างทางในเมือง จึงได้ถ่ายทอดวิชาให้กับมันโดยไม่คิดเงิน แต่หมอนั้นก็ทําให้อาจารย์ต้องผิดหวัง เพราะผ่านไปสองปีแล้ว หมอนั่นยังไม่สามารถแม้แต่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งของอาณาจักรผสานกายาได้..”
“สวะอย่างหมอนั่น.. แม้แต่ท่านอาจารย์ยังทนไม่ได้ ไล่ตะเพิดมันออกจากสํานัก และสั่งไม่ให้มันกลับมาที่นี่อีก! แต่เจ้าสวะนั่นก็ไร้ยางอายสิ้นดี มันยังกล้ากลับมาคอยแอบดูเสี่ยวหยุนเช่นนี้ ดูท่ามันอยากจะตายมากสินะ!”
“ข้าว่าหมอนั่นไม่เพียงเป็นสวะ แต่ยังเป็นที่เกลียดชังของสวรรค์อีกด้วย มันจึงมิสามารถฝึกวรยุทธบ่มเพาะได้เช่นนี้ แต่แทนที่หมอนั่นจะเอาเวลาไปฝึกฝน มันกลับมาที่นี่เพื่อแอบดูเสี่ยวหยุน เฮ้อ.. หากข้าเป็นคนไร้ค่า ดังเช่นหมอนั่น ข้ายินดีตายดีกว่าที่จะต้องใช้ชีวิตดังเช่นขยะชิ้นหนึ่งเช่นนี้ จะไม่ยอมมีชีวิตอยู่ให้สิ้นเปลืองพื้นที่ในห้วงจักรวาลนี้เป็นแน่!” ใครอีกคนออกความเห็น
“ฮ่าๆๆๆ เจ้ากล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก! ความตายน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดแล้วสําหรับหมอนั่น!”
จากนั้นเด็กหนุ่มภายในสํานักต่างก็พากันหัวเราะเสียงดัง และจ้องมองเด็กหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้าและแววตาดุดัน
“เทียนเฉิน..” หลงเฉินพึมพําออกมาเมื่อเริ่มจดจําเด็กหนุ่มผู้นี้ได้
เด็กหนุ่มผมแดงได้ยินคําดูถูกเหยียดหยามเช่นนั้น เขาก็ถึงกับโกรธจนมือกําดอกไม้สีแดงในมือไว้แน่น ก่อนจะหันหลังกลับ แต่แล้วสีหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนไปในทันที เมื่อใครบางคนคว้าคอเสื้อของเข้าไว้ แล้วจับร่างของเขาโยนข้ามกําแพงเข้าไปด้านใน
“เทียนเฉิน!! นี่แกไม่เคยฝึกวรยุทธเลยงั้นรึ?” เสียงร้องตะโกนเย้ยหยันดังขึ้นทันที ที่ร่างของเขาถูกเหวี่ยงเข้าไปด้านในของสํานักดารา
เทียนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่ร่างกระแทกกับพื้นดิน บาดแผลบนร่างของเด็กหนุ่มเริ่มมีโลหิตไหลรินออกมา แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย และค่อยๆลุกขึ้นยืนเงียบๆ พร้อมกับจ้องมองไปที่ประตูทางเข้าสํานัก
เด็กหนุ่มผมสีทองแดง อายุราวสิบห้าถึงสิบหกปี ค่อยๆเดินยิ้มเข้ามาด้านใน
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามหลิวเชียะ ตระกูลของเขานับว่าร่ํารวยที่สุดในเมืองนี้ ด้านหลังของเขามีสองพี่น้องชายหญิง ซึ่งอยู่ในวัยใกล้เคียงกันเดินตามเข้ามา
“เจ้าเด็กกําพร้า!! เจ้ายังกล้าใช้สายตาสกปรกๆของเจ้าจ้องมองเสี่ยวหยุนอีกงั้นรึ? นี่เจ้ายังไม่เข็ดจากการถูกซ่อมเมื่อครั้งก่อนอีกรึ?” เด็กหนุ่มผมสีทองแดงจ้องมองเทียนเฉิน
“ฮ่าๆๆๆ คุณชายเชียะ ข้าว่าหมอนี่คงจะครั่นเนื้อครั่นตัวอยากจะถูกซ้อมอีกเป็นแน่!” หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังหลิวเชียะเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่วน
เทียนเฉินได้แต่เงียบมิตอบโต้ เขาเดินตรงไปที่ประตูซึ่งเวลานี้มีเด็กหนุ่มที่จับเขาโยนเข้ามายืนขวางอยู่ พร้อมด้วยผู้ติดตามสองพี่น้องชายหญิง
หลิวเชียะแสยะยิ้มเมื่อเห็นเทียนเฉินเดินตรงออกมาเช่นนั้น ทันทีที่เทียนเฉินเข้ามาใกล้ เขาก็รีบเอื้อมออกไป หมายจับที่ไหล่ของเทียนเฉินไว้ แต่เทียนเฉินกลับหลบได้ และยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุด
“เจ้าเศษสวะ!! นี่เจ้าคิดที่จะหนีไปง่ายๆงั้นรึ?” หลิวเชียะร้องตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับจ้องมองเทียนเฉินด้วยสายตาดุดัน
เมื่อเห็นเทียนเฉินยังคงเดินต่อไปโดยมิตอบโต้ หลิวเชียะจึงได้ชักดาบของตนเองอออกมา และใช้วรยุทธเคลื่อนไหวของตนกระโดดเข้าไปใกล์ร่างของเทียนเฉินทันที จากนั้นจึงได้ตวัดดาบฟันใส่แผ่นหลังของเทียนเฉิน ซึ่งโผล่ออกมาจากเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นอย่างรวดเร็ว แผ่นหลังของเทียนเฉินปรากฏบาดแผลถูกฟันขึ้นในทันที และโลหิตสีแดงก็พุ่งออกจากบาดแผลของเขา
“โอ้โห!! ช่างยอดเยี่ยมนัก!! พวกเจ้าเห็นการจู่โจมของหลิวเชียะเมื่อครู่หรือไม่? ช่างแม่นยํายิ่งนัก!!!”
“นั่นน่ะสิ! เขาสามารถควบคุมดาบในมือ และตวัดดาบเข้าใส่เป้าหมายได้อย่างแม่นยํามพลาดเป้าเลย เจ้าเศษสวะนั้นคงจะตายในอีกไม่ช้เป็นแน่!”
“ข้าว่าในตระกูลของเขาน่าจะมีปรมาจารย์เพลงดาบคอยถ่ายทอดวิชาให้เป็นแน่ ข้าได้ยินมาว่าเพลงดาบของเขานั้นทั้งดุดัน และแม่นยํา ยากที่จะหาผู้ใดต้านทานได้?”
“จริงรึ? ปรมาจารย์ท่านนั้นคงต้องใช้ความทุ่มเทในการถ่ายทอดเพลงดาบอย่างมาก เขาถึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้ สมกับที่เป็นทายาทตระกูลดังจริงๆ!”
เหล่าศิษย์สํานักดาราต่างก็พากันชื่นชมหลิวเชียะ..
หลิวเชียะยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ เมื่อได้ยินคําชื่นชมจากทุกๆคน
ไม่เพียงเทียนเฉินไม่ตอบโต้ แต่เขายังคงเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง และไม่มีแม้แต่เสียงร้องคร่ําครวญด้วยความเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย
หลิวเซียะเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งไปขวางหน้าเทียนเฉินไว้ทันที แล้วยื่นมือออกไปรวบลําคอของเขาไว้ ก่อนจะยกร่างของเทียนเฉินขึ้น และเหวี่ยงร่างของเขาลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง
“อ๊าก..” ในที่สุดเทียนเฉินก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกคล้ายกับว่ากระดูกกระเดี๋ยวในร่างกายบางส่วนได้แตกหัก
หลังจากที่ตะเกียกตะกายอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นนั่งได้ แต่ก็กระอักโลหิตสีแดงออกมาคําโต..
ในขณะที่เขากําลังจะอ้าปากเอ่ยคําพูดออกมานั้น หลิวเชียะก็ได้ถีบเข้าที่หน้าอกของเทียนเฉิน ทําให้เขาหงายหลังนอนลงไปกับพื้นอีกครา จากนั้นหลิวเชียะก็ได้ใช้ฝ่าเท้าของตนเหยียบที่ยอดอกของเทียนเฉิน พร้อมกับยืนกอดอกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้าสวะไร้ราคา ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเพียงแค่เศษสวะอยู่ดี!” หลิวเชียะหัวเราะร่วนพร้อมกับก้มลงมองร่างของเฉินเทียนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าตน
“ฮ่าๆๆๆ นี่เป็นสิ่งที่ขอทานอย่างมันสมควรได้รับ!! คือต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของผู้คน!” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยถากถางเทียนเฉิน พร้อมกับหัวเราะเยาะเสียงดัง
“นี่เสี่ยวหยุน! หมอนี่เอาแต่เฝ้าตามเจ้าเช่นนี้ ข้าว่ามันคงหลงรักเจ้าแน่ๆ แล้วเจ้าล่ะ.. คิดเช่นใดกับมันบ้าง?” เด็กสาวที่ยืนข้างๆเสี่ยวหยุนเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
เทียนเฉินหันหน้ามองไปทางเด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวหยุน แต่เขาก็ต้องเจ็บปวดใจยิ่งนัก เมื่อพบว่าเสี่ยวหยุนกําลังหัวเราะเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในขณะที่จ้องมองมาทางตนเอง
“ข้าจะรู้สึกอย่างไรได้อีกเล่า นอกจากเห็นเขาเป็นเพียงแค่เศษสวะไร้ราคาเท่านั้น ข้าพบเห็นเขาคอยติดตามข้าเช่นนี้อยู่นานแล้ว แต่ที่ข้ามทําอะไรเขาก็เพราะมิต้องการให้มือของข้าต้องแปดเปื้อนของสกปรกเช่นนั้น ข้าจึงได้ขอให้หลิวเชียะมาช่วยสั่งสอนแทนอย่างไรเล่า..”
“ความจริงหลิวเชียะเคยสั่งสอนเศษสวะนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีจดจํา ยังกล่ตามมาแอบดูข้าที่นี่อีก แต่ก็ดี.. คนอื่นๆจะได้ดูอะไรสนุกๆด้วย”
เสี่ยวหยุนเอ่ยตอบสหายข้างกายที่เอ่ยถาม ด้วยสีหน้าแววตาที่บ่งบอกว่าสนุกและขบขันกับภาพตรงหน้ายิ่งนัก
คําพูดของนางนั้น.. เทียนเฉินได้ยินเต็มสองหู เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่เขาเคยคิดว่าอ่อนโยนและไร้เดียงสา จะกลับกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้ แม้แต่หลงเฉินเองยังถึงกับต้องมองหญิงสาวผู้นี้พร้อมกับขมวดคิ้ว
หลงเฉินเห็นน้ําตาเอ่ออยู่ที่ดวงตาของเทียนเฉิน แต่ก็เพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แล้วสีหน้าของเขาก็กลับคืนสู่ความเป็นปกติเช่นเดิม
“การที่เจ้าทําร้ายข้าได้เช่นนี้ เจ้าคงคิดว่าตนเองเหนือข้ามากสินะ? เจ้าคงจะรู้สึกภูมิอกภูมิใจมาก? ข้าพยายามเลี่ยงที่จะไม่มีเรื่องกับเจ้า เพราะมิต้องการที่จะทําร้ายเจ้า แต่เจ้าก็ยังคอยตามตอแยข้าเรื่อยมา! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสังหารเจ้าทิ้งซะ!”
หลังจากที่ได้ฟังคําพูดที่เสมือนมีดคมกรีดลงกลางใจเช่นนั้น ในที่สุดเทียนเฉินก็ร้องคํารามออกมาเสียงดัง และเวลานี้เขามจําเป็นต้องคํานึงถึงเหตุและผลอันใดอีก
หลงเฉินซึ่งเฝ้าดูอยู่ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม้จะรู้สึกสงสารเห็นใจเทียนเฉินยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้
“ฮ่าๆๆ ทุกคนได้ยินเจ้าสวะคุยโตกันหรือไม่? ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะมีปัญญาสังหารข้าเช่นใด?” หลิวเชียะหัวเราะเยาะเสียงดัง หลังจากที่ได้ยินคําพูดของเทียนเฉิน
เทียนเฉินจ้องมองไปด้านหน้า พร้อมกับพึมพําอะไรบางอย่างโดยที่
ใดได้ยิน..
แล้วเด็กสาวผมสีชมพูก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเทียนเฉินประหนึ่งภูติผีวิญญาณ
“ซุน!!” หลงเฉินถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดังทันทีที่เห็นเด็กสาวปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าต้องการที่จะทําเช่นนั้นจริงๆรึ? ผลที่เจ้าจะได้รับจากการกระทําครั้งนี้จะเลวร้ายอย่างยิ่ง!” ซุนเอ่ยถามเทียนเฉินด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด
“ข้าต้องการสังหารมัน!!” เทียนเฉินร้องคํารามออกมาเสียงดัง และทุกคนต่างก็ได้ยินเต็มสองหู
“เจ้าเพิ่งจะได้รับแหวนไปเมื่อวานนี้ แต่วันนี้เจ้ากลับตัดสินใจที่จะใช้หนึ่งในมรดกที่ได้รับแล้วรี? ข้าลังเลว่าตนเองควรต้องบอกกล่าวเจ้าถึงการใช้ของวิเศษที่ได้รับดีหรือไม่? ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทําลงไป และที่กําลังจะเกิดขึ้นหรอกนะ?” ซุนกระซิบเสียงเบาก่อนจะหายวับไปทันที
หลงเฉินสังเกตเห็นว่า เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว แหวนบรรจุก็ได้ปรากฏขึ้นบนนิ้วที่เคยว่างเปล่าของเทียนเฉิน..
“แหวนนั่น!! เป็นวงเดียวกันของข้า!! ข้าคิดไม่ถึงว่ามันจะสามารถล่องหนได้?” หลงเฉินพึมพําออกมาในระหว่างที่ก้มลงมองที่นิ้วของตนเอง
เทียนเฉินนําโอสถเม็ดสีดําซึ่งมีลวดลายแปลกประหลาดออกมา แล้วกลืนมันลงไปในท้อง ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของหลิวเชียะ
“นี่เจ้ากินอะไรเข้าไป?” หลิวเชียะจ้องมองเทียนเฉินพร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง แต่กลับมิได้รับคําตอบจากเขา
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”
หลิวเชียะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เทียนเฉินกลืนโอสถสีดํานั้นเข้าไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดําสนิททันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิวเชียะจึงตัดสินใจที่จะสังหารเทียนเฉินในทันที เพราะเกรงว่าหากปล่อยให้เนิ่นนานกว่านี้ ทุกอย่างจะสายเกินไป หลิวเซียะจัดการวงดาบในมือเข้าใส่หัวใจของเทียนเฉินอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่ปลายดาบจะแทงเข้าที่หน้าอกของเทียนเฉินนั้น มันก็ได้หยุดชะงักแน่นิ่ง
เทียนเฉินใช้มือทั้งสองข้างกําดาบของหลิวเชียะไว้ เขาออกแรงเพียงแค่เล็กน้อย ดาบของหลิวเชียะก็หักสะบั้นต่อหน้าต่อตาทุกคน
“นี่มันอะไรกัน? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ดาบของหลิวเชียะเป็นยุทธภัณฑ์ระดับสมบัติ เหตุใดหมอนั่นจึงสามารถหักมันได้ง่ายดายเช่นนั้น?”
ทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันร้องตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ ความรู้สึกหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของทุกคน หลังจากที่ได้พบเห็นภาพที่กําลังเกิดขึ้นตรงหน้า
เทียนเฉินลุกขึ้นยืน ขณะที่หลิวเชียะถึงกับต้องก้าวถอยหลังหนี แต่แล้วร่างของเทียนเฉินก็หายวับไปจากจุดเดิม และไปปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าหลิวเชียะ พร้อมกับฝ่ามือที่กําแน่นอยู่ที่ลําคอของเขา