เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 158
ตอนที่ 158 ภาพปรากฏ
“กร็ด!!!!”
องค์หญิงหมิงยู่กรีดร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าอกทั้งสองข้างของตนเองไว้
“หะ.. มัน.. มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ! ข้าช่วยเจ้าไว้ต่างหากเล่า”
หลงเฉินลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวที่แสดงออกมา แต่สายตาทั้งคู่ยังคงจับจ้องอยู่ที่ส่วนสําคัญของเรือนร่างท่อนบน
“ฝ่ามือกัมปนาท!”
องค์หญิงหมิงยู่ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับปล่อยมือข้างหนึ่งที่กําลังปกปิดหน้าอกออก ก่อนจะใช้วรยุทธต่อสู้ของตนซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของหลงเฉิน
พลังปราณที่พุ่งออกจากฝ่ามือไปนั้น ได้รวมตัวกันเป็นเส้นโค้งสีขาวที่ทรงพลังยิ่ง และพุ่งตรงเจ้าใส่ร่างของหลงเฉิน
หลงเฉินไม่รอช้า รีบใช้ดาบราชันย์ของตนฟันเข้าใส่แสงสว่างรูปครึ่งวงกลมนั้นทันที และในระหว่างนั้น ก็ได้ใช้เกราะห้วงมิติปกป้องพลังที่กระแทกเข้าใส่ร่างของตนไว้อีกหนึ่งชั้นด้วย
เส้นโค้งสว่างเจิดจ้านั้นถูกดาบราชันย์ในมือของหลงเฉินฟันขาดออกเป็นสองท่อน จึงไม่สามารถทําอันตรายหลงเฉินได้ และกระเด็นไปโดนตันไม้ทั้งสองฝั่งแทน
“แม่นาง.. ที่ข้ากล่าวล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น!! ที่แผ่นหลังของเจ้ามีบาดแผลเกิดจากการถูกกระบี่ฟัน เพื่อรักษาบาดแผลฉกรรจ์นั้น ข้าจําเป็นต้องเปลื้องอาภรณ์ท่อนบนของเจ้าออก และไม่สามารถไตร่ถามความยินยอมเห็นชอบจากเจ้าก่อนได้ เพราะเจ้านอนหมดสติอยู่ เพื่อรักษาเจ้า ข้าถึงกับต้องใช่โอสถคืนชีพที่ล้ําค่าของ ตนเอง แทนที่เจ้าจะขอบคุณข้า เจ้ากลับทําร้ายข้าแทนงั้นรึ?”
หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงที่ดุดัน..
องค์หญิงหมิงยู่กําลังตกตะลึง ที่หลงเฉินสามารถตัดพลังจู่โจมของตนด้วยดาบในมือ ให้ขาดออกเป็นสองท่อนได้ในพริบตา และตกใจกับคําบอกเล่าของหลงเฉินด้วย
“บาดแผลจากกระบี่.. ฝีมือทหารไทรเขียน.. ใช่แล้ว ต้องใช่แน่ๆ!! ตอนนี้ข้าอยู่ที่ใดกัน?” องค์หญิงหมิงยู่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนก่อนหน้านี้
“นี่เจ้าจําอะไรมิได้เลยรี? เวลานี้เจ้าก็อยู่ในพื้นที่ระหว่างจักรวรรดิซุยกับจักรวรรดิหวนจออย่างไรเล่า….”
หลงเฉินเอ่ยตอบในขณะที่สายตาเปลี่ยนมาจับจ้องอยู่ที่ใบหนของนาง แต่ก็ไม่นานนัก เพราะสายตาของเขาเฝ้าแต่จะมองลงต่ําอยู่เสมอๆ
“จักรวรรดิซุย? จักรวรรดิหวนจื่อ? มันคือที่ใดกัน? ห่างจากแคว้นเอสเทอเรียของพวกเรามากเพียงใด ?” องค์หญิงมี่ยู่เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่กังวลใจ
“แคว้นเอสเทอรเรียร์? ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนเลย หากคําว่า แคว้น มิได้อยู่ในความทรงจําของข้า มันก็น่าจะอยู่ไกลมากเลยทีเดียว..” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับทําสีหน้าครุ่นคิด
“ไกลมากงั้นรึ?” นางพิมพ์ออกมา และดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มเปียกชื้น
“นี่คือของขวัญสําหรับผู้ที่มีกายวิญญาณเทวะ มันคือลูกแก้วแห่งโชคชะตา! ลูกแก้วนี้จะพาเจ้าไปสู่โชคชะตาของตนเอง หากชะตากรรมของเจ้ามาถึงคราวที่จะต้องตาย ทันทีที่เจ้าสัมผัสกับลูกแก้วนี้ เจ้าก็จะตายทันที แต่หากชะตากรรมของเจ้าจะสามารถหยุดยั้งสงครามได้ ร่างของเจ้าก็จะไปปรากฏยังสถานที่ที่เจ้าต้องการ และเช่นเดียวกัน หากโชคชะตากําหนดให้เจ้าต้องแก้แค้น เจ้าก็จะสามารถหายตัวไปปรากฏที่ใดก็ได้ตามที่เจ้าต้องการเช่นกัน.. หากเจ้าต้องการที่จะฝืนโชคชะตา จงอย่าเก็บลูกแก้วนี้ไป แต่เจ้าจะต้องตาย หากเจ้าต้องการปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ก็จงเก็บลูกแก้วนี้ไว้ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เจ้าจะต้องตกเป็นทาสของโชคชะตา เจ้าจะมิสามารถทําสิ่งอื่นใดได้ นอกจากเฝ้ามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามใจปรารถนาของมัน แล้วแต่เจ้าว่าจะนับมันเป็นของขวัญหรือว่าคําสาป
จู่ๆ คําพูดของชายลึกลับก็ผุดขึ้นในห้วงความทรงจําขององค์หญิงมีย เป็นคําพูดที่ชายลึกลับเอ่ยกับนางก่อนที่จะโยนลูกแก้วแห่งโชคชะตานี้ให้
“พี่ใหญ่.. ท่านพ่อ..” องค์หญิงหมิงยู่รําพึงรําพันออกมาพร้อมกับน้ําตาที่เริ่มไหลอาบแก้ม
“นี่.. เจ้าเป็นอะไร? ไม่ต้องกังวลใจเรื่องอาภรณ์สําหรับสวมใส่ ข้ามีอาภรณ์ติดตัวมามากมาย นี่.. เจ้าสวมใส่เสียสิ!”
หลงเฉินเห็นหญิงสาวร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ จึงรีบนําอาภรณ์ชุดใหม่ออกมาจากแหวนบรรจ และนําเอาไปให้นางสวมใส่ทันที
หลงเฉินยื่นมือที่ถืออาภรณ์ชุดใหม่ส่งให้หญิงสาว ในขณะที่หญิงสาวก็ยื่นมือสีขาวนวลผ่องประหนึ่งน้ํานมนั้นออกมารับโดยมิรู้ตัว
ทันทีที่มือของนางสัมผัสกับมือของหลงเฉิน ดวงตาของหญิงสาวก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที ลูกนัยน์ตาสีดําพลันเปลี่ยนเป็นสีขาว..!!
องค์หญิงหมิงยู่รู้สึกว่าตนเองกําลังเดินทางไกลหลายพันไมล์ และพื้นที่ที่นางกําลังยืนอยู่เวลานี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีดําสนิท แต่แล้วภาพต่างๆรอบตัวของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
นางมองเห็นพระบิดากําลังยืนอยู่ตรงหน้า แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเซียวราวกับว่ากําลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมใหญ่หลวง โดยมีมารดาของนางยืนอยู่ข้างๆ แต่ก่อนที่องค์หญิงหมิงยู่จะทันได้ร้องเรียกบิดาของตนออกมา รอบๆตัวนางพลันเปลี่ยนเป็นดํามืดอีกครา แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เลือนหายไป
ภาพฉากใหม่ได้ปรากฏต่อสายตาของนางอีกครั้ง นางเห็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆผู้หนึ่ง กําลังยืนถือดาบสีดําสนิทอยู่ในมือ เขาตวัดกวัดแกว่งดาบนั้นเข้าสังหารผู้คนนับร้อยๆตาย ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาว หรือแม้แต่คนชรา ชายหนุ่มผู้นี้ก็เข่นฆ่าสังหารจนหมด ไม่ว่าผู้ใดที่ปรากฏกายตรงหน้าเขา เขาก็จะใช้ดาบในมือฟาดฟันใส่ ระหว่างที่นางกําลังจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น จู่ๆชายหนุ่มผู้นั้นก็หันกลับมามอง แต่แล้วโลกของนางพลันเปลี่ยนเป็นมืดมิดอีกครา
แต่ครั้งนี้.. รอบกลายนางได้เปลี่ยนเป็นสีสรรสดใส นางกําลังยืนมองหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับตนเอง หญิงสาวผู้นั้นกําลังจุมพิตกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง แต่เป็นเพราะชายหนุ่มผู้นั้นยืนหันหลังให้กับนาง นางจึงมิอาจรู้ได้ว่าชายผู้นั้นคือใคร แต่ในระหว่างที่นางกําลังจะก้าวตรงไปข้างหน้าหาชายหญิงคู่นั้น โลกของนางก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดมิดอีกครา แล้วภาพเมื่อครู่ก็ได้เลือนหายไป
ภาพฉากใหม่ก็ได้ปรากฏต่อสายตานางอีกครั้ง แต่เป็นภาพเหตุการณ์เพียงแค่สั้นๆจนนางเองก็มิอาจสรุปอะไรได้ นางเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนจะแก่กว่าชายหนุ่มที่นางเพิ่งพบเห็นไปก่อนหน้าเล็กน้อย ชายหนุ่มผู้นี้กําลังนั่งคุกเข่า และน้ําตาก็กําลังไหลพรากจากดวงตาของเขาทั้งสองข้าง เขาร้องไห้ราวกับคนพ่ายแพ้ นางมิรู้ว่าเหตุใดชายหนุ่มผู้นี้จึงร้องไห้ แต่นั่นก็ทําให้นางรู้สึกโศกเศร้าตามอย่างมาก แล้วภาพทั้งหมดก็ได้มลายหายไปอีกครา
หลงเฉินจ้องมองหญิงสาวที่กําลังยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น สีหน้าของนางว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
ไม่นานนัก นัยน์ตาขององค์หญิงหมิงยู่ก็พลันเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดําดังเดิม ก่อนจะทรุดลงกับพื้นหมดสติอีกครั้ง แต่ก่อนที่ร่างของนางจะร่วงลงกระแทกกับพื้นนั้น หลงเฉินก็ได้พุ่งแขนทั้งสองข้างของตน เข้าไปรับแผ่นหลังละมุนของนางไว้ได้ทันเวลาพอดี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?! เหตุใดเจ้าจึงได้หมดสติไปอีกครั้ง? เฮ้อ.. ข้าคงต้องทําหน้าที่เป็นชายชาตรีสวมใส่อาภรณ์ให้กับเจ้าอีกแล้วสินะ!” หลงเฉินเอ่ยออกมาพร้อมกับถอนหายใจ
“หึ.. ชายชาตรีงั้นรึ?! เหตุใดใบหน้าของเจ้าจึงดูมีความสุขเช่นนั้นเล่า?” ซุนปรากฏตัวขึ้นนข้างกายหลงเฉิน นางหัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ยล้อเลียนอย่างนึกขัน
“หากเจ้าจะเป็นผู้ทําแทน ข้าก็ยินดีนะ!” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
“เชอะ!! เจ้าเองก็รู้ดีว่าข้ามสามารถสัมผัสร่างกายของนางได้ เชิญเจ้ามีความสุขกับวันนี้ตามสบายเถิด!” ซุนเอ่ยประชดประชันพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
หลงเฉินค่อยๆวางร่างขององค์หญิงหมิงยู่นอนลงกับพื้น และเริ่มสวมใส่อาภรณ์ให้กับนาง ระหว่างที่หลงเฉินกําลังติดกระดุมอาภรณ์ท่อนบนให้กับนางนั้น นิ้วของเขาพลันไปสัมผัสเข้ากับยอดอกของนางด้วยความบังเอิญ แม้ว่าหลงเฉินจะรู้สึกชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้ แต่เขาก็มต้องการที่จะฉวยโอกาส และรีบแต่งตัวให้เสร็จเร็วที่สุด เท่าที่จะทําได้
หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว หลงเฉินก็ได้นําเสื่อออกมาจากแหวนบรรจุ และอุ้มร่างของนางลงไปวางบนเสื่อผืนนั้น และเฝ้ารอจนกว่านางจะตื่นขึ้น
“แควันเอสเทอเรีย.. นางมาที่ใดกันนะ? ข้ามเห็นเคยได้ยินชื่ออะไรเช่นนี้มาก่อน..” หลงเฉินพึมพําเสียงเบา ในระหว่างที่พยายามครุ่นคิด
“แควัน.. มิได้มีสิ่งใดพิเศษ มันเป็นสถานที่ที่มีผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะแข็งแกร่งกว่า และมีพลังชี่หนาแน่นกว่า” ซุนเอ่ยตอบในขณะที่ยังคงจ้องมองหลงเฉิน
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าแคว้นเอสเทอเรียอยู่ที่ใดกันแน่? ในเมื่อนางมาถึงที่นี่ได้ ย่อมเป็นไปได้ว่าแคว้นนั่นอาจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก แต่เหตุใดข้าจึงมิเคยได้ยินชื่อแคว้นเอสเทอเรียมาก่อนหากมันอยู่มิไกลจากที่นี่จริง มันไม่สมเหตุสมผลนัก” หลงเฉินหันไปมองซุนพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน.. ข้ามิได้สนใจกับชื่อที่ไม่สําคัญเช่นนี้ ข้าจะจดจําเพียงแค่เรื่องสําคัญๆ ที่ข้าอยากจะจําเท่านั้น” ซุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“เจ้านี่ช่างไร้ประโยชน์ ไม่เคยช่วยอะไรข้าได้เลยจริงๆ!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับทําสีหน้ารําคาญใจ
“ฮ่ม!!!! เจ้าเองก็หยาบคายเช่นนี้เสมอ” ซุนทําปากยื่นปากยาว
“อ่อ.. นางเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นสามแล้ว เจ้าระมัดระวังนางให้ดีก็แล้วกัน!” ซุนเอ่ยเดือนหลงเฉิน
“ข้ารู้ว่าควรทําเช่นใด.. ข้ามิได้โง่เขลาอย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่เคยคิดเอาชีวิตตัวเองไปเสียงแน่!” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ พร้อมกับจ้องมองซุน
“อ่อ.. ข้ารู้ดีว่าเจ้าเฉลียวฉลาดเพียงใด ข้าพบเห็นการกระทําของเจ้ามามากมายแล้ว” ซุนหัวเราะคิกคัก ขณะที่เอ่ยตอบโต้หลงเฉิน
“นี่.. นางรู้สึกตัวแล้ว!”
ซุนร้องตะโกนบอก และหลงเฉินก็รีบหันกลับไปมองทันที
องค์หญิงหลู่หมิงยู่กําลังเปิดเปลือกตาของตนขึ้น..