ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 158
ตอนที่ 158 หากเป็นแต้มข้ายินดีเสมอ
“อาจารย์อาเมิ่ง?” หยูพี่หยานยิ้มมองดูเมิ่งชวน “ข้าเกรงว่าหากในอนาคตพวกเราอยากจะพบกับอาจารย์อาเมิ่ง เขาคงจะไม่สนใจพวกเราเสียแล้วกระมัง”
“ศิษย์พี่โปรดหยุดแซวข้าเถอะ” เมิ่งชวนรีบกล่าว
หลังจากอยู่ด้วยกันมาเป็นปี พวกเขาต่างเป็นเพื่อนกันแล้ว และจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพูดคุยล้อเล่นเช่นนี้
“ก็ได้ๆ ได้เวลาไปพักผ่อนแล้ว ฉีฉิว จึงอู่ พวกเจ้ามาช่วยข้าจัดการกับศพราชาอสูรหน่อย” จางหวินอู่สั่ง
ฉีฉิวและหยางจึงอู่พยักหน้า ทั้งสามคนกระโดดลงไปข้างล่าง เขตแดนของหยางจึงอู่เด่นในด้านการจัดการกับซากศพราชาอสูร ส่วนร่างเทพสว่างโชติของหยางจึงอู่นั้นตอบสนองต่อเลือดเป็นอย่างดี และมีจางหวินอู่คอยดูแล เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว หลังจากที่ราชาอสูรพวกนี้ตายไป พวกมันอาจจะนําสมบัติบางอย่างมาด้วย และพวกเขาจะนําสิ่งเหล่านั้นไปให้เขาหยวนชู และเขาหยวนจะประเมินแต้มที่พวกเขาจะได้รับและแจกจ่ายให้
เมิ่งชวน หลิวชีเยว่ ฟานเฉิง และมู่ฉิงกลับไปยังที่พักของตนด้วยรอยยิ้ม ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตไม่มากเพราะว่ามีอสูรเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นที่ปีนกําแพงเมืองชั้นนอกไปได้ จึงทําให้มีผู้เสียชีวิตเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น จํานวนเท่านี้ในสนามรบนั้นเรียกได้ว่าน้อยมากๆ
หยางจึงอู่และฉีฉิวกําลังจัดการกับศพของราชาอสูรโดยมีจางหวินอู่คอยดู
“น้องเมิ่งใช้วิชาอะไรกัน? เขาสังหารราชาอสูรสิงโตนั่นไปได้อย่างไร?” ฉีฉิวตรวจดูบริเวณที่ราชาอสูรสิงโต ตายและหยิบเกราะที่มันใส่ขึ้นมา ข้างในนั้นมีฝุ่นติดอยู่ “เหลือเพียงอาวุธและชุดเกราะ ร่างของราชาอสูรสิงโตหายไปจนหมดไม่เหลือซากแม้แต่น้อย”
“ถ้าเขาสามารถทําให้ราชาอสูรสิงโตเป็นฝุ่นได้ เขาก็สามารถทําให้เจ้ากลายเป็นฝุ่นได้เหมือนกัน” หยางจึงอู่เม้มปาก “รีบๆจัดการและไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนั้น”
“เขายอดเยี่ยมจริงๆ” ฉีฉิวส่ายหน้าและถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ “นั่นจึงทําให้เขาคืออัจฉริยะเทพอสูรตัดสายฟ้าในรอบหลายร้อยปีสินะ พวกเราเป็นเพียงเทพอสูรของเขาหยวนชูธรรมดาๆ แต่ทําไมความแตกต่างระหว่างเทพอสูรถึงได้มากเช่นนี้กัน? เขาแข็งแกร่งกว่าตาแก่จางทั้งๆที่ลงจากเขามาได้แค่ปีเดียวเท่านั้น เมื่อไรกันที่ข้าจะตามตาแก่จางทัน?”
“เจ้าจะตามข้าทันก็ต่อเมื่อเจ้าไปถึงขอบเขตแห่ง”เต“แล้วนั่นแหละ” จางหวินอู่กล่าว
“ข้าฝึกฝนมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไปได้ถึงเพียงขอบเขต จิตวิญญาณขั้นสูงเพียงเท่านั้นเอง ยังอยู่ไกลจากจุดสูงสุดอีกมาก ขอบเขตแห่ง”เต๋า“น่ะหรือ? ข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้ข้าคงจะไปไม่ถึง” ฉีฉิวส่ายหัวถอนหายใจ และทําความสะอาดพื้นที่ต่อไป “อีกอย่าง การฝึกร่างเทพสว่างโชติก็เจ็บปวดมากเช่นกัน หากข้าพัฒนาต่อไป ไม่ได้ก็มีแต่ความเสียหาย”
จางหวินอู่ยิ้ม เขารู้ว่าแม้ฉีฉวจะทําตัวเถลไถลไปอยู่ตามสถานเริงรมณ์ต่างๆ แต่เขาก็หาเวลาฝึกฝนอย่างหนักด้วยเช่นกัน การฝึกฝนร่างเทพสว่างโชตินั้นทรมาณราวกับตกนรก เพราะเหตุนั้นฉีฉิวจึงเป็นคนที่มีพลังใจแข็งแกร่งที่สุดในด่านเป่ยเหอ
เมื่อกลับไปที่คฤหาสน์ของตน เมิ่งชวนและหลิวซีเยว่ก็นั่งดื่มชาด้วยกัน
“อาชวน ครั้งนี้ดูอันตรายจริงๆ” หลิวชีเยว่กล่าวด้วยความกังวล “ข้าได้ยินมาว่าราชาอสูรที่มีพลังอสูรศักดิ์สิทธิ์จะมีสายเลือดที่พิเศษมากๆ ต้นกําเนิดของพวกมันคงไม่ใช่ธรรมดาเป็นแน่”
เมิ่งชวนพยักหน้า “ข้าอ่านหนังสือจากบนเขามา ลูกหลานของปราชญ์อสูรมีสายเลือดที่ทรงพลัง พวกมันส่วนมากต่างมีพลังศักดิ์สิทธิ์เมื่อขึ้นไปถึงระดับสาม ราชาอสูรสิงโตนั่นคงเป็นลูกของปราชญ์อสูร”
“แล้วเราจะมีปัญหาหรือเปล่า?” หลิวเยว่เป็นกังวล “ปราชญ์อสูรนั่นจะหาวิธีล้างแค้นราชาอสูรสิงโตหรือไม่?”
“ฮ่าฮ่า เราจะไปกลัวอะไร?” เมิ่งชวนหัวเราะ “พวกเราคือศัตรูคู่อาฆาตของอสูร อสูรเข้ามาในโลกมนุษย์ได้ยาก อีกทั้งประตูพิภพที่ใหญ่ที่สุดก็ยังทําได้เพียงส่งราชาอสูรระดับห้าเข้ามา แม้ปราชญ์อสูรหวังจะเข้ามาที่โลกมนุษย์พวกมันก็ไม่มีทางทําได้อยู่ดี”
ปราชญ์อสูรแข็งแกร่งเทียบเท่ากับปรมาจารย์ระดับสรรค์สร้าง
ตามที่เมิ่งชวนว่านั้น ปราชญ์อสูรมีฐานะที่สูงส่งในหมู่อสูร ส่วนพวกมันมีทั้งหมดกี่ตนนั้นน่ะหรือ? เขาไม่มีสิทธิ์จะรับรู้ถึงข้อมูลเช่นนั้น
“ในโลกมนุษย์นั้นมีประตูพิภพขนาดใหญ่ยักษ์เพียงสามแห่ง ด่านลู่ถางก็เป็นหนึ่งในนั้น อีกทั้งที่แห่งนั้นยังมีปรมาจารย์ระดับสรรค์สร้างคอยคุมไม่ให้ราชาอสูรระดับห้าเข้ามาในโลกมนุษย์ได้” เมิ่งชวนทําให้หลิวชีเยวใจเย็นลง “อย่างน้อยที่โลกมนุษย์ พวกเราก็ได้เปรียบอย่างมหาศาล”
“อืม” หลิวชีเยวพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ถึงอย่างนั้นก็ระวังตัวด้วย”
เมิ่งชวนรู้สึกได้ถึงความห่วงใยของหลิวชีเยว่ “ข้าน่ะเร็วยิ่งกว่าเฟิงโหวเทพอสูรแม้จะแบกเจ้าไปด้วยก็ตาม” เมิ่งชวนกล่าว “จะมีอะไรที่ต้องกลัวเล่า? อย่างมากเราก็แค่หนี!”
หลิวชีเยว่อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาหยวนชูส่งคนมาเพื่อเก็บซากศพและสิ่งของของราชาอสูรไปโดยเฉพาะ
ในไม่ช้า การแบ่งแต้มสําหรับการต่อสู้ครั้งนี้ก็ถูกประกาศ
เมิ่งชวนได้รับแต้มทั้งหมด 833,000 แต้ม! สูงมากยิ่งกว่าการต่อสู้คราวก่อนเพราะครั้งนี้เขารับบทสําคัญ เขาพลิกสถานการณ์ได้ จึงทําให้จํานวนผู้เสียชีวิตน้อยลงมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะได้แต้มมากมายเช่นนั้น
การสังหารราชาอสูรสิงโตได้แต้มเพียงหนึ่งแสนแต้มเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสําหรับมนุษย์แล้วนั้น การสังหารราชาอสูรที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีผลอะไรมาก แต่ราชาอสูรหัวกะทิทั้งห้าที่เขาสังหารไปนั้นรวมแล้วได้แต้มทั้งหมดสองแสนแต้ม
เกราะและอาวุธของราชาอสูรสิงโตจัดว่าเป็นสินสงคราม พวกมันมีค่าทั้งหมด 120,000 แต้ม ส่วนเกราะและอาวุธของราชาอสูรหัวกะทิทั้งห้ามีค่า 50,000 แต้ม นั่นจึงทําให้เมิ่งชวนมั่นใจว่าราชาอสูรสิงโตนั่นคงจะมีต้นกําเนิดที่แข็งแกร่งเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นอาวุธชุดเกราะของมันคงไม่มีค่ามากเช่นนี้ เมื่อมนุษย์ได้รับอุปกรณ์ของเหล่าราชาอสูรมาแล้วก็จะนําเข้าเตาเผาและหลอมออกเป็นวัตถุดิบในทันที ชุดเกราะและอาวุธของพวกมันไร้ค่าสําหรับมนุษย์
อย่างแรก อาวุธและชุดเกราะนั้นเหมาะสมแก่อสรเพียงเท่านั้น อย่างที่สอง อาวุธและชุดเกราะนั้นมีขนาดที่เหมาะแก่ความสูงของราชาอสูรสิงโต เทพอสูรมนุษย์ร่างเล็กกว่ามากหากเทียบกัน
พวกเขาทําได้เพียงหลอมเป็นวัตถุดิบ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีมูลค่ามากถึง 120,000 แต้ม นั่นทําให้เมิ่งชวนต้อง พูดไม่ออก
เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว เขาได้รับแต้มมาทั้งหมด 833,000 แต้ม ช่างเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เมื่อรวมจากที่เขาได้รับตอนปกป้องเมืองทั้งสาม รวมไปถึงการต่อสู้เมื่อต้นปี นั่นทําให้เขาได้รับแต้มถึง 2.18 ล้านแต้มในปีนี้!
แต้มที่เขาได้รับมานั้นเกือบจะเทียบเท่ากับของเฟิงโหวเทพอสูรเลย
การฝึกฝนร่างกายและพลังวินาศต้องใช้แต้มจํานวนมหาศาล การฝึกฝนในระดับพลังศักดิ์สิทธิ์เองก็กินกําลังอย่างมาก เมื่อเขาไปถึงระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ ร่างของเขาจะแข็งแกร่งพอๆกับครึ่งหนึ่งของเฟิงโหวเทพอสูรเลย! เขาอาจจะได้พลังศักดิ์สิทธิ์มาด้วย แต่ถึงอย่างนั้น พลังที่ได้รับมาจากยาพันดารานั้นน้อยเกินไป เขาต้องใช้ยาโลหิตสวรรค์ ยาโลหิตสวรรค์เป็นยาที่เหล่าเฟิงโหวเทพอสูรใช้เพื่อเติมพลังปราณในระหว่างการต่อสู้! ปกติแล้ว มีเพียงราในเทพอสูรเท่านั้นที่ใช้ยาโลหิตสวรรค์ในการฝึกฝน
ยาโลหิตสวรรค์มีค่าหนึ่งหมื่นแต้ม มันสามารถฟื้นฟูพลังปราณของเฟิงโหวเทพอสูรจนเต้มได้ภายในครึ่งนาที การฝึกฝนในระดับพลังศักดิ์สิทธิ์จะต้องใช้ยาหนึ่งเม็ดต่อวัน จอมยุทธเขตแดนอมตะเองก็สามารถใช้บ่อโลหิตสวรรค์เพื่อฝึกฝนได้เช่นกัน พวกเขาจะใช้ยาสิบเม็ดต่อวัน
แน่นอนว่าเขาทําได้เพียงฝึกฝนร่างกายอย่างช้าๆโดยดูซับพลังแห่งฟ้าดิน นั่นจึงทําให้ต้องใช้เวลานาน
“ยิ่งข้าทําให้พลังวินาศแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ พลังวินาศที่ข้าต้องใช้ฝึกก็หายากมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาหยวนชูจะหามาให้ได้ เมิ่งชวนเข้าใจตรงจุดนี้ เขาใช้แต้มกว่า 380,000 แต้มเพื่อซื้อ “พลังวินาศอเวจีทมิฬ” มา และพลังวินาศต่อไปที่เขาต้องใช้คือ “เหมันต์เงียบสงัด” ปกติแล้ว มีเพียงเฟิงโหวเทพอสูรที่มีร่างอสูรตัดสายฟ้าเท่านั้นที่ดูดซับมันได้ แต่ร่างของเมิ่งชวนนั้นแข็งแกร่ง เขาอาจดูดซับมันได้ก่อนจะไปถึงระดับเดือนมืดมิดด้วยซ้ํา
อย่างไรก็ตาม เขาหยวนชูมีพลังวินาศเหมันต์เงียบสงัดจํานวนจํากัด เมิ่งชวนต้องใช้ถึงสามส่วนของที่เขา หยวนชูมีอยู่เพื่อฝึกฝนจนสําเร็จ และนั่นจะต้องใช้แต้มถึงแปดล้านแต้ม
หลังจากที่หลอมรวมเหมันต์เงียบสงัดเข้ากับกระแสพลังวินาศได้แล้ว กระแสพลังวินาศของเขาจะสามารถสะกดเฟิงโหวเทพอสูรได้และลดพลังของพวกเขาลงอย่างมหาศาล เขาสามารถแช่แข็งราชาอสูรระดับสามให้ ตายได้อย่างง่ายดายเมื่อทําสําเร็จ
ข้าควรจะลองแลกพลังวินาศเหมันต์เงียบสงัดมาก่อนหนึ่งขวด บางทีข้าอาจจะดูดซับมันไม่ได้ด้วยร่างกายของข้าในตอนนี้