ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 157
ตอนที่ 157 แข็งแกร่งที่สุดในด่านเป่ยเหอ
หลิวชีเยว่ ฟานเฉิง และคนอื่นๆต่างรู้สึกกังวลใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วราชาอสูรสิงโตก็ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ในขณะที่ราชาอสูรหัวกะทิหลายตนกําลังโจมตีจู่ๆกระแสพลังวินาศสีดําของเมิ่งชวนก็กระจายไป ทั่วบริเวณนั้นก่อนที่ราชาอสูรสิงโตและหัวกะทิอีกห้าตนตกตายไปในทันที! เหล่าอสูรรีบหนีกลับไปด้วยความ หวาดกลัว
หลิวขี่เยว่ ฟานเฉิง และเทพอสูรคนอื่นๆต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
เราชนะ?” ฟานเฉิงเบิกตากว้าง ราชาอสูรสิงโตใช้พลังอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งยังมีราชาอสูรหัวกะทิที่โจมตีใส่น้องเมิ่งอีก พวกมันตายหมดเลยรี?”
“จางหวินอู่ยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่เมิ่งชวนกลับสังหารได้อย่างต่อเนื่องเลยรี?”
“น้องเมิ่งแข็งแกร่งกว่าพี่จางอีกหรือนี่? ฟานเฉิงรู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกับความตื่นใจ
อาชวน ดวงตาของหลิวชีเยว่ปริ่มไปด้วยน้ําตาและรอยยิ้ม เธอรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยเขาได้ เธอต้องเก็บอารมณ์เอาไว้และจัดการกับราชาอสูรระดับสองให้อยู่กับที่เมื่อหมอกสีดําได้หายไป สถาณการณ์ในตอนนี้ได้พลิกกลับไปคนละทาง
“งดงามมาก!”
“ทําได้ดี!” เทพอสูรบนกําแพงเมืองส่งเสียงตะโกนให้กําลังใจ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเห็นเหล่าราชาอสูรระดับสองเริ่มบ้าคลั่ง พวกมันทําทุกวิถีทางเพื่อฝ่าการป้องกันของเทพอสูรออกไป
ก่อนหน้านี้ราชาอสูรเหล่านี้คิดจะกลับไปที่แดนอสูร แต่หลังจากที่ราชาอสูรระดับสาม 35 ตัวเข้าประตูพิภพพร้อมกัน พวกมันก็ไม่มีทางกลับไปได้ มีทางเดียวที่จะรอดคือการทะลวงผ่านด่านเป่ยเหอไปให้ได้! ดังนั้นพวกมันจึงพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย!
ซุบ
เส้นสายฟ้าพุ่งขึ้นไปบนกําแพงเมือง
เหล่าราชาอสูรที่อยู่ตรงนี้ได้เห็นความเร็วของเมิ่งชวนด้วยตาของตนเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาอยู่ข้างหน้าประตูพิภพ แต่ในชั่วพริบตาเขากลับไปอยู่บนกําแพงเมืองด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว
ปกติแล้วเทพอสูรมหาสุริยัน(รวมไปถึงราชาอสูรระดับสาม)จะใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการปีนกําแพงเมือง ส่วนราชาอสูรระดับสองจะใช้เวลานานกว่านั้นมาก
แต่เมิ่งชวนกลับขึ้นไปบนกําแพงเมืองได้ในพริบตา
เปรี้ยง!
ทันทีที่ลงไปบนกําแพงเมือง สายฟ้าก็เริ่มพุ่งออกมาจากร่างของเมิ่งชวน สายฟ้าทั้ง 51 สายพุ่งเข้าใส่ราชาอสูรที่อยู่บนกําแพงเมือง พวกมันทั้ง 51 ต่างบาดเจ็บสาหัส และราชาอสูรที่อ่อนแอกว่าสองตัวก็ตายไปในทันที! ส่วนราชาอสูรตัวอื่นๆบาดเจ็บต่างกันออกไป แต่พวกมันทุกตัวนั้นต่างเป็นอมพาตไปชั่วขณะ
แน่นอนว่าเหล่าเทพอสูรจะคว้าโอกาสนี้ในการโจมตี การโจมตีต่างๆนาๆจากเทพอสูรถูกปล่อยออกไปสังหารราชาอสูรไปกว่ายี่สิบตนในทันที
ฟบ
เมิ่งชวนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและวิ่งวนรอบกําแพง ในขณะที่เขาทําเช่นนั้นก็กวัดแกว่งกระบี่ในมือไปด้วย เขาสังหารราชาอสูรไปกว่าสิบตน ราชาอสูรหลายตนยังไปไม่ถึงยอดกําแพงเลยด้วยซ้ํา พวกมันได้แต่รู้สึกสิ้นหวัง
ที่บนกําแพงเมืองมีเมิ่งชวน หลิวชีเยว่ ฟานเฉิง และเทพอสูรอีกหลายคนประจําอยู่
ส่วนบริเวณใกล้ประตูพิภพนั้นก็มีหยางจึงอู่ที่ใช้วิชาเขตแดนได้เก่งกาจ อีกทั้งยังมีหยูจีหยาน จางหวินอู่ และคนอื่นๆอีก
ตรงหน้าของพวกมันคือความตาย ไม่ว่าจะบนหรือล่าง! แม้จะหลบอยู่ตรงนั้นก็จะถูกสังหารอยู่ดี
จบสิ้นแล้ว ราชาอสูรระดับสองแปดสิบตนที่เหลืออยู่ต่างรู้สึกสิ้นหวัง
ซิ่วๆๆๆ!
เมื่อหยางจึงอู่เข้ามาใกล้ เขตแดนผ้าไหมสีฟ้าของเธอก็กระจายออกไป มันดักราชาอสูรระดับสองไว้มากมายข้างในนั้น ทําให้เคลื่อนไหวได้ยาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า..” ฉีฉิวส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับส่งลําแสงสีแดงเลือดออกมาจากร่างกาย มันกระจายไปทุกทิศทุกทางและพุ่งทะลวงเข้าใส่ร่างของราชาอสูร ดึงเลือดของเหล่าราชาอสูรออกมาจนเหลือเพียงหนังและกระดูกเปล่าๆ
หยูจีหยานใช้วิชาลวงตา ราชาอสูรระดับสองหลายตัวถูกควบคุมให้โจมตีใส่สหายร่วมรบของพวกมัน
“น้องเมิ่ง ฝากตรงนี้ไว้ให้พวกเรา เจ้าจงรีบออกไปช่วยเหล่าทหารที่อยู่กําแพงชั้นนอกเถอะ” ฟานเฉิงทิ้ง เหล่านักเกาทัณฑ์ไว้และวิ่งไปบนกําแพงเมืองและไล่สังหารราชาอสูรระหว่างทาง
“รับทราบ” เมิ่งชวนพยักหน้า ก่อนจะพุ่งไปยังกําแพงเมืองชั้นนอกในพริบตา
มีเพียงเมิ่งชวนเท่านั้นที่สามารถออกไปยังกําแพงเมืองชั้นนอกได้อย่างรวดเร็ว
จิ๋วจิ๋วจิ๋ว!
เมื่อเมิ่งชวนลงสู่พื้น ไหมปราณก็กระจายออกมาจากร่างของเขา มันทะลวงใส่เหล่าอสูรธรรมดาที่อยู่บนกําแพงเมือง พวกอสูรจะเป็นอิสระเมื่อมันหนีออกไปจากเมืองด่านได้ พวกมันพยายามจะทะลวงไปยังบางจุดและกระจายกําลังไปทั่วเขตการป้องกัน ภายในชั่วพริบตา เมิ่งชวนก็วิ่งวนรอบกําแพง จัดการเหล่าอสูรที่กําลังปืน กําแพงออกไปจนหมด
อันที่จริงแล้ว มีอสูรธรรมดาประมาณร้อยกว่าตัวที่ไปถึงกําแพงเมืองชั้นนอก แต่ในชั่วพริบตาพวกมันต่างถูกเมิ่งชวนสังหารจนสิ้น เหล่าทหารที่อยู่บนกําแพงและพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ต่างรู้สึกตกใจที่เห็นว่าพวกอสูรได้ตายไปหมด
หากเทพอสูรใช้เวลานานมากกว่านี้ พวกอสูรคงจะกระจายออกไปในระยะหกลี้นี้ และหากเป็นเช่นนั้นคงจะต้องใช้ทหารเป็นจํานวนมากเพื่อป้องกันเหล่าอสูร
เปรี้ยง!
“ศิษย์พี่เมิ่ง ที่เหลือให้พวกเราจัดการเถอะ”
“พวกเราจะจัดการกับอสูรพวกนี้เอง” เทพอสูรบนกําแพงเมืองตะโกนลงมา พวกเขาใช้โอกาสนี้กระโดดลงเข้าไปในสนามรบระหว่างกําแพงเมืองชั้นนอกและชั้นใน และสังหารอสูรธรรมดาไปอย่างง่ายดาย
อสูรธรรมดานั้นอ่อนแอมาก พวกมันมีเพียงจํานวนเท่านั้นที่ได้เปรียบและกระจายไปทั่ว!
ปกติแล้วจะต้องใช้เทพอสูรเป็นกลุ่มเพื่อจะสังหารพวกมันให้ได้จนหมด แน่นอนว่าความเร็วของเมิ่งชวนก็ยังเรียกได้ว่าเร็วมากในหมู่ราชั้นเทพอสูร หากเขาใช้เขตแดนกระแสพลังวินาศเพื่อจัดการล้อมและแช่แข็งพวกมันอย่างที่เคยทํา ก็จะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่าเมิ่งชวนใช้เขตแดนกระแสพลังวินาศเพื่อแช่แข็งอสูรไปทุกครั้งที่ช่วยเหลือเมืองอื่นๆ นั่นทําให้กลายเป็นจุดเด่นไปเสียแล้ว ดังนั้นเมิ่งชวนจึงพยายามไม่ใช้วิธีนี้ในด่านเป่ยเหอ
แต่แม้เขาจะใช้มันออกไป เขาก็จะพยายามจัดการไว้ในพื้นที่เล็กๆ เพราะหากเกิดไปสร้างรูปสลักน้ําแข็งสักหมื่นสองหมื่นตัวที่ด่านเป่ยเหอ มันคงจะคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าเขาเป็นผู้ลาดตระเวน
เมิ่งชวนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งไปยืนอยู่ข้างๆหลิวซีเยว่
“อาชวน” หลิวขี่เยว่ยินดี”พวกเราชนะแล้ว”
เมิ่งชวนยิ้มและพยักหน้า
“ชัยชนะอันยิ่งใหญ่” ฟานเฉิงเดินมาพร้อมกับโล่ขนาดใหญ่ที่หลังและค้อนในมือ เขาตะโกนด้วยความ ตื่นเต้น “ช่างเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ น่าอัศจรรย์จริงๆ!”
“ฮ่าๆ” ใบหน้าที่เที่ยวย่นของจางหวินอู่ยิ้มแย้มแจ่มใส “ข้าก็เคยพบเจอชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีคราครั้งไหนเลยที่พวกเราสังหารราชาอสูรหัวกะทิไปได้ถึงหกตน อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นราชาอสูรที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์เสียอีกด้วย ต้องขอบคุณน้องเมิ่งจริงๆ น้องเมิ่ง เจ้าพึ่งลงจากเขามาได้เพียงหนึ่งปี แต่เจ้ากลับแข็งแกร่งไปถึงขั้นนั้นแล้ว น่าชื่นชมยิ่งนัก”
“เพราะข้าใช้วิชาต้องห้ามขอรับ ข้าจึงวางแผนโต้กลับและสังหารราชาอสูรสิงโตนั้นไปได้”เมิ่งชวนถ่อมตน
“การสังหารราชาอสูรภายในพริบตาได้เช่นนั้นคงไม่ได้มาจากแค่การวางแผนหรอก“มู่ฉิงที่สะพายดาบไว้บนหลังสองเล่มมองไปที่เมิ่งชวนด้วยสายตาแปลกๆ”แม้ข้าจะวางแผนโต้กลับ ข้าก็ไม่สามารถเทียบได้กับราชาอสูรสิงโตอยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงการสังหารมันด้วยซ้ํา” “ที่สังหารราชาอสูรสิงโตได้ก็เพราะแผนการ แต่ข้าเห็นเจ้าสังหารราชาอสูรหัวกะทิตัวอื่นๆด้วยตาของข้าเอง“จางหวินอู่พูดยิ้มๆ”ตอนนี้เจ้าคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในด่านเป่ยเหอแล้ว เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก การที่ได้เห็นเทพอสูรรุ่นเยาว์จากเขาหยวนชูแข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ช่างเป็นสิ่งที่น่ายินดีเสียจริงๆ
และที่ตรงข้างๆ ฉีฉิวก็ยิ้มออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ”ในอีกสิบปี น้องเมิ่งคงจะได้เป็นเฟิงโหวเทพอสูรเสียด้วยซ้ํา และเมื่อถึงวันนั้น พวกเราคงจะต้องเรียกเขาว่าอาจารย์อาเมิ่งเสียแล้วกระมัง”
*ปล.ตอนนี้ต้นฉบับตรงส่วนกลางๆดูเขียนสลับไปมาแบบที่ผมเองก็ยังงงๆ ผมลองพยายามปรับเท่าที่จะทําได้แล้วถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยไว้ด้วยครับ*